“ลูกฉี่เหรอ?” เสียงหนักแน่นเสียงหนึ่งดังขึ้นใบหน้าของซือซิ่วซิ่วแดงระเรื่อทันที “ให้ฉันดูหน่อยค่ะ”จากนั้นเธอรีบถอดผ้าอ้อมสำเร็จรูปออกมาจากตัวฉันแล้วมองดูแวบหนึ่ง “ลูกไม่เป็นไรนี่ ไม่ได้ฉี่นะ!”“ว๊าย!”เธอกรีดร้องเสียงแหลม แล้วโยนฉันขึ้นไปบนเตียงผู้ป่วยฉันร้องไห้เสียงดังทันทีชายคนนั้นก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วอุ้มฉันเอาไว้ในอ้อมกอด จากนั้นปลอบเสียงค่อย “ไม่เป็นไรนะ...ไม่ร้อง ไม่ร้อง พ่ออยู่นี่”จากนั้นหันไปตะคอกอย่างโมโห “เธอโยนลูกได้ยังไง?”ซือซิ่วซิ่วชี้ไปที่หน้าตัวเอง “ลูก ลูกฉี่ใส่ฉัน!”“ลูกเป็นแค่เด็กเท่านั้น ควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอก็ควบคุมตัวเองไม่ได้เหรอ?”“เธอเป็นแบบนี้จะเป็นแม่คนได้ยังไง ลูกยังเล็ก ถ้าเธอโยนจนลูกเป็นอะไรจะทำยังไง? ฉันจะวางใจให้เธอเลี้ยงลูกได้ยังไง!”ซือซิ่วซิ่วรู้สึกรันทดเหลือเกิน “ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจนะคะ!”ชายคนนั้นทำหน้าตึง แล้วพูดเสียงเย็นทันที “ตั้งแต่วันนี้ฉันจะอายัดบัตรของเธอ ช่วงนี้เธอไปเรียนรู้ให้ดีเถอะว่าจะอบรมเลี้ยงดูลูกยังไง! ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น วัน ๆ อย่าคิดแต่จะออกไปช็อปปิง”ฉันหันมองชายหน้าตึงคนนี้ แล้วหันมองซือซิ่วซิ่วที่รันทดจน
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซือซิ่วซิ่วต้องใช้ชีวิตที่ ‘สวยงาม’ โดยการดูแลฉันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงขอเพียงเธออยากนอน ฉันจะร้องไห้เสียงดัง เธอเพิ่งกล่อมฉันอย่างเหน็ดเหนื่อยหนึ่งชั่วโมงถึงจะได้หลับไป สรุปฉันก็เริ่มร้องไห้อีกแล้วเมื่อเธอป้อนนม ฉันจะพ่นใส่หน้าเธอเพียงอย่างเดียวขอเพียงมีโอกาส ฉันจะดึงทึ้งผมของเธอ หรือเล่นใบหน้าของเธอเธอแทบบ้าเพราะการกระทำของฉัน แต่เดิมเธอคิดจะเอาใจสามีจะได้มีบัตรออกไปช็อปปิงแต่สุดท้ายกลับโยนฉันให้พี่เลี้ยงดูแลพอพี่เลี้ยงอุ้มฉันเอาไว้ในอ้อมกอด ฉันร้องไห้เสียงดังสนั่นไหวไหวทันที เสียงร้องแทบขาดใจทำให้คนทั้งคฤหาสน์ใจแทบสลายแม่สามีของเธอหรือคุณย่าของฉัน รีบมาตรงหน้าเธออย่างเอาเรื่อง พร้อมตำหนิ “ซือซิ่วซิ่ว! เธอเป็นแม่ประสาอะไร ไม่อยากเลี้ยงลูกแล้วใช่ไหม? ถ้าไม่อยากเลี้ยงลูกก็ไสหัวออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้!”“เป็นคนไร้ประโยชน์ที่เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ !”ระหว่างที่ด่าทอ คุณย่าก็หันมาปลอบฉันด้วย หนำซ้ำฉันยังหยุดร้องไห้เพื่อให้ความร่วมมือฉันยิ้มอย่างได้ใจให้ซือซิ่วซิ่ว เธอตะลึงทันที “คุณแม่คะ! เธอ...เธอเป็นตัวประหลาดค่ะ!”คุณย่าขมวดคิ้วทันควัน “นี่เป็นลู
หลินเผิงเพิ่งกลับมาจากบริษัท เขาเพิ่งเปลี่ยนรองเท้าแตะ คุณย่าก็บอกเล่าการกระทำทุกอย่างของซือซิ่วซิ่วตอนได้ยินซือซิ่วซิ่วหาว่าฉันคือ ‘ตัวประหลาด’หลินเผิงหน้าตึงทันที “ผู้หญิงคนนี้!” เขาพูดอย่างโมโห จากนั้นรีบขึ้นไปชั้นบนทันทีฉันผิดหวังเล็กน้อย ไม่ได้เห็นสถานการณ์ต่อสู้จริงแล้วสิ!แต่ใครจะไปคิด คุณย่าอุ้มฉันตามไปติด ๆ หนำซ้ำยังใส่สีตีไข่ไปตลอดทางสมแล้วที่เป็นคุณย่าคนดีของฉัน!ตอนหลินเผิงถีบประตูให้เปิดออก ซือซิ่วซิ่วกำลังแต่งหน้าอยู่ในห้อง เธอสะดุ้งโหยงเพราะเสียงดังจากนั้นออดอ้อนหลินเผิงทั้งที่ขอบตาแดงก่ำ “ที่รัก กลับมาแล้วเหรอคะ!”น้ำเสียงของเธอฉอเลาะ แต่เมื่อเข้าคู่กับรอยฝ่ามือบนใบหน้า มันดูบาดตาเล็กน้อยฉันกำลังคิดในใจว่าคุณย่าก็ลงมือซะหนักเลยแต่คุณย่ากลับพูดอย่างโมโห “นังคนแพศยา ถึงกับใช้วิธีสกปรกแบบนี้ทำร้ายฉันเหรอ!”สีหน้าของหลินเผิงที่เริ่มใจอ่อนเปลี่ยนไปทันที คุณย่าอุ้มฉันแล้วพุ่งตัวเข้าไปหา จากนั้นตบหน้าซือซิ่วซิ่วซ้ายทีขวาทีหลินเผิงรีบเข้าไปห้ามคุณย่า “คุณแม่ อยู่ดี ๆ คุณแม่ตบซิ่วซิ่วทำไมครับ...”ขณะนี้ซือซิ่วซิ่วตะลึงอยู่ที่เดิมต่อมาได้ยินคุณย่าบอกว่า “ไอ
เห็นเพียงในมือคุณย่ามีเครื่องสำอางสีแดงติดมาด้วย!เขาตกใจ จากนั้นหันมองใบหน้าซือซิ่วซิ่ว ตอนนี้มันมีสีแดงสีขาวผสมปนเปกัน จนดูลายตาไปหมดฉันมองดูสีหน้าที่สลับซับเปลี่ยนของหลินเผิง แล้วคิดในใจ เครื่องสำอางของซือซิ่วซิ่วคุณภาพไม่ไหวเลย!คุณย่าเช็ดมือตัวเอง จากนั้นพูดอย่างไม่ใยดี “เอาวิธีที่ฉันเคยใช้มาต่อกรกับฉันเหรอ ไม่รู้จักดูซะบ้างว่าตัวเองอยู่ระดับไหน!”“ซือซิ่วซิ่ว!” หลินเผิงเดินเข้าไปอย่างโมโหสุดขีด เดิมทีเขารู้สึกผิดต่อซือซิ่วซิ่วบ้าง แต่หลังจากเหตุการณ์นี้ ความละอายใจของเขาหายไปจนหมด เขากระชากผมของซือซิ่วซิ่ว แล้วดึงให้เธอเงยหน้า จากนั้นพูดตักเตือน“ซือซิ่วซิ่ว! นับจากนี้เป็นต้นไปเธอต้องดูแลลูกให้ดี! อย่าก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีก!”“ไม่อย่างนั้นฉันจะหย่ากับเธอ หลายปีมานี้เงินของตระกูลหลินที่เธอใช้ไปก็ต้องคืนมาให้หมด!”“เข้าใจหรือยัง?”ซือซิ่วซิ่วพยักหน้าอย่างเหม่อลอย หลินเผิงถึงได้รับฉันมาจากมือคุณย่า แล้วอุ้มฉันให้ซบลงกับบ่าของเขาฉันมองดูซือซิ่วซิ่ว ต่อมาเผยรอยยิ้มสะใจออกมาซือซิ่วซิ่วเงยหน้าพอดี เธอตกใจจนสะดุ้ง แล้วพึมพำ “เป็นตัวประหลาดจริง ๆ! ตัวประหลาด!”หลังจากวันนั้น
เวลาได้ผ่านไปอีกหลายเดือน ฉันเดินได้แล้ว กระทั่งสามารถพูดได้อย่างชัดเจนทุกคนในบ้านคิดว่าฉันเป็นอัจฉริยะแต่ฉันไม่ยอมเรียกคุณแม่ กระทั่งบางครั้งที่มีคนอยู่น้อย ฉันจะพูดเสียงต่ำ ‘แพศยา’ ‘คนเลว’ ‘คนหน้าด้าน’มีครั้งหนึ่ง ซือซิ่วซิ่วถูกฉันยั่วโมโหจนอยากโยนฉันลงไปจากชั้นบน แต่ถูกพี่เลี้ยงที่มือไวห้ามไว้ซะก่อนหลินเผิงนึกว่าซือซิ่วซิ่วเป็นบ้าไปแล้วแต่ฉันกลับเข้ากันได้ดีกับพวกพี่เลี้ยงของฉันหลังจากคุณย่าให้หมอจิตวิทยาสองสามคนมาตรวจดูอาการของซือซิ่วซิ่ว กลัวเธอจะทำร้ายฉันอีก เลยขังซือซิ่วซิ่วไว้ชั้นบนอาการทางจิตของซือซิ่วซิ่วแย่ลงเรื่อย ๆ ...หลายครั้งที่ได้ยินเธอร้องคำรามและก่นด่าเสียงดังในที่สุด ตอนงานวันเกิดครบรอบหนึ่งขวบของฉัน เธอได้รับอนุญาตให้ออกมาหลินเผิงกำชับเธอสารพัด เธอทำได้เพียงรับปากแต่ฉันเห็นความอำมหิตในดวงตาของเธอเธอต้องคิดหาวิธีแก้แค้นฉันแน่นอน!
ตระกูลหลินไม่ใช่ตระกูลระดับสูงในเมืองอัน แต่ตระกูลหลินเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นในงานเลี้ยงครบรอบหนึ่งขวบ พวกชนชั้นสูงในวงสังคมย่อมให้เกียรติมาร่วมงานแขกเหรื่อทยอยมาไม่ขาดสายตระกูลหลินกับตระกูลซือเกี่ยวดองกัน ตระกูลซือย่อมมาร่วมงานตั้งแต่แรกผู้มาร่วมงานของตระกูลซือคือชายหนุ่มคนหนึ่ง ใบหน้าของเขาดูเหลาะแหละ เหมือนพวกลูกคุณหนูเสเพลเขาเข้ามาทักทายหลินเผิง จากนั้นโน้มตัวลงอยากจะมาลูบหัวฉันฉันรีบกอดคอหลินเผิงเอาไว้ทันที แล้วเบือนหน้าไปทางอื่น ปฏิเสธเขาอย่างเห็นได้ชัด“เด็กมักจะกลัวคนแปลกหน้า” หลินเผิงแก้ตัวแล้วหัวเราะชายหนุ่มยิ้ม ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มาก เขาพูดเสียงค่อย “ถ้างั้นต่อไปพวกเราทั้งสองครอบครัวคงต้องไปมาหาสู่กันให้มากขึ้น คุณว่าใช่หรือเปล่า?”เสียงนี้ทำให้ฉันยิ่งมุดตัวเข้าไปในอ้อมกอดของหลินเผิงมือใหญ่ของหลินเผิงคอยตบหลังฉันเบา ๆ แต่ฉันก็ยังรู้สึกกลัวมากภายในห้องน้ำที่มืดสนิท มือของเขาลูบไล้ไปมาบนแผ่นหลังของฉัน บางครั้งยังคอยบีบจับเนื้อของฉันปากของเขากระซิบข้างหูของฉัน “หน้าของเธอสวยมาก หืม?”ที่แท้เป็นเขานั่นเองเขาคือพี่ชายของซือซิ่วซิ่ว!ชั่วช้าเหมือนก
หลังจากแขกเหรื่อทุกคนเข้ามาในงานแล้ว ซือซิ่วซิ่วขอบตาแดงก่ำยืนอยู่ข้างหลินเผิงสิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจคือ มีสายตาหนึ่งจ้องมองฉันตลอดเมื่อหันมองฉันพบว่านั่นคือซือเฟิงความรู้สึกเหมือนถูกเสือจับจ้องแผ่ซ่านเต็มใจฉันไปหมด ฉันตกใจจนสะดุ้งฉันกัดปลายลิ้นทันที แล้วแกล้งทำท่าไร้เดียงสาอย่างช่ำชอง จากนั้นหันไปทางอื่นคาดว่าซือซิ่วซิ่วน่าจะเล่าเรื่องความผิดปกติของฉันให้ซือเฟิงฟังหลินเผิงไม่เข้าข้างซือซิ่วซิ่วแน่นอน เพราะยังไงฉันก็เป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเขา มีพ่อคนไหนไม่รักลูกสาวบ้าง? บวกกับฉันปกปิดอย่างดีแต่ว่าซือเฟิงไม่เหมือนกัน เพราะยังไงพวกเขาสองคนเป็นพี่น้องแท้ ๆดูท่า แผนการของฉันคงต้องค่อยเป็นค่อยไปในไม่ช้าก็มาถึงพิธีหยิบของเสี่ยงทายของฉัน ฉันแกล้งคลานไปคลานมาอย่างไร้จุดหมาย ทุกคนห้อมล้อมฉันและคอยจับตาดูการกระทำของฉันพวกเขาฝั่งหนึ่งตะโกนให้ฉันหยิบอันนี้ อีกฝั่งตะโกนให้ฉันหยิบอันนั้นความจริง ฉันเล็งของสิ่งหนึ่งไว้นานแล้วนั่นคือกล่องของขวัญที่ด้านในคือเข็มขัดฉันยกมันขึ้นมาในครั้งเดียว เอามากอดไว้ในอกพร้อมหัวเราะผู้คนที่รายล้อมต่างบอกให้ฉันเปิดดู ซึ่งตรงใจฉันพอดีดังนั้
ในอดีตที่ผ่านมาซือซิ่วซิ่วเคยพาลูกน้องของเธอมาลากฉันจากหน้าโรงเรียนให้ไปขึ้นรถคันหนึ่ง แล้วพาฉันกลับบ้านของเธอ“คุณหนูซือ ขอร้องละ ปล่อยฉันไปเถอะ! ฉันจะเชื่อฟังคำสั่งของเธอ!”เธอไม่สนใจคำขอร้องของฉัน ดึงฉันเข้าไปแล้วผลักฉัน ต่อมาใบหน้าเธอเหมือนโล่งอก“โจวผิง เธอสวยขนาดนี้ ก็เพราะอยากอ่อยผู้ชายไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ผู้ชายมาแล้วไง เธอต้องมีความสุขให้เต็มที่ล่ะ!”เธอเหวี่ยงประตูปิดอย่างโมโห ภายในห้องมืดสนิทในเสี้ยววินาทีแต่ไม่ว่าฉันจะขอร้องยังไง ก็ไม่มีประโยชน์ในขณะที่ฉันสิ้นหวัง ประตูเปิดออกกะทันหันแสงจันทร์สลัว สาดส่องบนตัวเขา ฉันไม่รู้ว่ากำลังต้องเผชิญกับอะไร...ดวงตาของเขาเหมือนกำลังแอบมองฉัน ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด ฉันจึงได้แต่ขอร้องให้เขาปล่อยฉันออกไป เขาหัวเราะ แล้วเดินเข้ามาใกล้ฉันทีละก้าว ทำให้ใจฉันตกลงไปถึงตาตุ่ม ฉันถอยหลังไปเรื่อย ๆ แต่เขากลับแค่นเสียง ‘ฮึ’ ออกมาเขาจ้องมองฉันอยู่ครู่หนึ่ง ต่อมาถึงได้เอาเข็มขัดออกมาหนึ่งเส้น ฉันดิ้นรนตลอด แต่เขามีแรงมากกว่าฉันสุดท้าย เข็มขัดรัดมือทั้งสองข้างของฉัน และรัดลำคอของฉันเอาไว้ด้วยเขาจูบลงข้างหูฉันอย่างหิวโหย“เธอก็คือสาวใช