หลังจากแขกเหรื่อทุกคนเข้ามาในงานแล้ว ซือซิ่วซิ่วขอบตาแดงก่ำยืนอยู่ข้างหลินเผิงสิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจคือ มีสายตาหนึ่งจ้องมองฉันตลอดเมื่อหันมองฉันพบว่านั่นคือซือเฟิงความรู้สึกเหมือนถูกเสือจับจ้องแผ่ซ่านเต็มใจฉันไปหมด ฉันตกใจจนสะดุ้งฉันกัดปลายลิ้นทันที แล้วแกล้งทำท่าไร้เดียงสาอย่างช่ำชอง จากนั้นหันไปทางอื่นคาดว่าซือซิ่วซิ่วน่าจะเล่าเรื่องความผิดปกติของฉันให้ซือเฟิงฟังหลินเผิงไม่เข้าข้างซือซิ่วซิ่วแน่นอน เพราะยังไงฉันก็เป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเขา มีพ่อคนไหนไม่รักลูกสาวบ้าง? บวกกับฉันปกปิดอย่างดีแต่ว่าซือเฟิงไม่เหมือนกัน เพราะยังไงพวกเขาสองคนเป็นพี่น้องแท้ ๆดูท่า แผนการของฉันคงต้องค่อยเป็นค่อยไปในไม่ช้าก็มาถึงพิธีหยิบของเสี่ยงทายของฉัน ฉันแกล้งคลานไปคลานมาอย่างไร้จุดหมาย ทุกคนห้อมล้อมฉันและคอยจับตาดูการกระทำของฉันพวกเขาฝั่งหนึ่งตะโกนให้ฉันหยิบอันนี้ อีกฝั่งตะโกนให้ฉันหยิบอันนั้นความจริง ฉันเล็งของสิ่งหนึ่งไว้นานแล้วนั่นคือกล่องของขวัญที่ด้านในคือเข็มขัดฉันยกมันขึ้นมาในครั้งเดียว เอามากอดไว้ในอกพร้อมหัวเราะผู้คนที่รายล้อมต่างบอกให้ฉันเปิดดู ซึ่งตรงใจฉันพอดีดังนั้
ในอดีตที่ผ่านมาซือซิ่วซิ่วเคยพาลูกน้องของเธอมาลากฉันจากหน้าโรงเรียนให้ไปขึ้นรถคันหนึ่ง แล้วพาฉันกลับบ้านของเธอ“คุณหนูซือ ขอร้องละ ปล่อยฉันไปเถอะ! ฉันจะเชื่อฟังคำสั่งของเธอ!”เธอไม่สนใจคำขอร้องของฉัน ดึงฉันเข้าไปแล้วผลักฉัน ต่อมาใบหน้าเธอเหมือนโล่งอก“โจวผิง เธอสวยขนาดนี้ ก็เพราะอยากอ่อยผู้ชายไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ผู้ชายมาแล้วไง เธอต้องมีความสุขให้เต็มที่ล่ะ!”เธอเหวี่ยงประตูปิดอย่างโมโห ภายในห้องมืดสนิทในเสี้ยววินาทีแต่ไม่ว่าฉันจะขอร้องยังไง ก็ไม่มีประโยชน์ในขณะที่ฉันสิ้นหวัง ประตูเปิดออกกะทันหันแสงจันทร์สลัว สาดส่องบนตัวเขา ฉันไม่รู้ว่ากำลังต้องเผชิญกับอะไร...ดวงตาของเขาเหมือนกำลังแอบมองฉัน ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด ฉันจึงได้แต่ขอร้องให้เขาปล่อยฉันออกไป เขาหัวเราะ แล้วเดินเข้ามาใกล้ฉันทีละก้าว ทำให้ใจฉันตกลงไปถึงตาตุ่ม ฉันถอยหลังไปเรื่อย ๆ แต่เขากลับแค่นเสียง ‘ฮึ’ ออกมาเขาจ้องมองฉันอยู่ครู่หนึ่ง ต่อมาถึงได้เอาเข็มขัดออกมาหนึ่งเส้น ฉันดิ้นรนตลอด แต่เขามีแรงมากกว่าฉันสุดท้าย เข็มขัดรัดมือทั้งสองข้างของฉัน และรัดลำคอของฉันเอาไว้ด้วยเขาจูบลงข้างหูฉันอย่างหิวโหย“เธอก็คือสาวใช
“มีผี! มีผี!” ดวงตาทั้งคู่ของเธอจ้องฉัน แล้วถอยหลังไปทีละก้าว จนกระทั่งไปชนกับขนมเค้กแปดชั้นที่หลินเผิงเตรียมไว้เธอนั่งอยู่บนกองเค้ก เพียงพริบตา ฉันเห็นมือหนึ่งของเธอคลำไปเจอมีดตัดเค้กเธอปาดเนยบนหน้า จากนั้นมองดูฉันพร้อมหัวเราะ ต่อมาเธอปามีดมาหาฉันอย่างลนลานทุกคนที่อยู่ตรงนี้ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนอ้าปากตาค้างในวินาทีที่มีดจวนเจียนมาถึงฉัน หลินเผิงก้าวเข้ามากอดฉันไว้อย่างรวดเร็ว มีดเล่มนั้นเฉียดแผ่นหลังของเขาไป ทำให้มีเลือดไหลออกมาทันที“คุณพ่อ” ฉันเรียกเสียงเบา จากนั้นร้องไห้เสียงดัง “ฮือ ๆ ๆ”คุณย่าเข้าไปถีบซือซิ่วซิ่วอย่างรุนแรง แล้วโผเข้ามาร้องไห้เหมือนกันเสียงร้องไห้ของฉันบวกกับเสียงร้องไห้ของคุณย่า ทำให้คฤหาสน์โกลาหลวุ่นวายไปหมดในพริบตาเพราะฉันไม่ได้รับบาดเจ็บ ทำให้หลินเผิงโล่งอก เขาไม่สนใจอาการปวดที่แผ่นหลัง อุ้มตัวฉันไว้ทันทีหลินเผิงหันหลัง แล้วจ้องซือซิ่วซิ่ว พร้อมพูดเสียงหนักแน่น “ซือซิ่วซิ่ว พวกเราหย่ากัน! เธอถึงกับกล้าทำร้ายลูกสาวฉันเหรอ!”ซือซิ่วซิ่วร้องไห้ออกมาทันที เธอทำตัวไม่ถูก “ที่รัก! ฉันไม่ได้ตั้งใจ คุณต้องเชื่อฉันนะ ฉัน...ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง
ภายในห้องหนังสือซือเฟิงอมยิ้มแล้วหันมาพูดกับฉัน “โจวผิง เธออย่าเสแสร้งอีกเลย”ฉันแกล้งทำหน้าไร้เดียงสาแล้วหดคอ “คุณพ่อคะ กลัว กลัว!”หลินเผิงขมวดคิ้ว พร้อมทำหน้าตึง “คุณหมายความว่ายังไง!”ซือเฟิงหัวเราะเสียงดัง จากนั้นถึงได้พูดกับอีกฝ่าย “หลินเผิง คุณเป็นคนฉลาดขนาดนี้ คุณดูไม่ออกเหรอว่าลูกสาวคุณมีเลศนัย?”หลินเผิงสีหน้าเรียบเฉย “ซือเฟิง อยากพูดอะไรก็พูดมา อย่ามาเล่นลิ้น!”“เมื่อกี้ซิ่วซิ่วบอกผมหมดกแล้ว ในร่างกายของลูกสาวคุณ มีดวงวิญญาณของอีกคนสิงสู่ เธอชั่วแต่กำเนิด เป็นคนแพศยากลับชาติมาเกิด!”“ซือเฟิง คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังพูดอะไรออกมา? นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ยังมาพูดเรื่องผีสางเทวดาอีก! ทำไมคุณไม่บอกว่าซือซิ่วซิ่วก็ถูกสัมภเวสีเข้าสิงเหมือนกัน?” หลินเผิงแค่นหัวเราะ แล้วพูดจาเยาะเย้ยทันที“ลูกสาวของผม สืบทอดสติปัญญาความฉลาดจากผม ก็เป็นเรื่องปกติ”“ส่วนน้องสาวคุณซือซิ่วซิ่ว วัน ๆ ผีเข้าผีออกเหมือนคนบ้า ผมน่าจะส่งตัวเธอไปรักษาที่โรงพยาบาลบ้า!”ซือเฟิงทำเหมือนไม่ได้ยิน กลับพุ่งเข้ามาอย่างสนอกสนใจ เขาจ้องฉัน “เธอเป็นเด็กธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งจริงเหรอ? เธอคือโจวผิงหรือเปล่า? หืม?
ในช่วงเวลาแต่ละวันที่ซือซิ่วซิ่วได้รับความทรมาน ฉันฉลองวันเกิดไปสามครั้ง จนอายุสามขวบแล้วฤดูหนาวฉันหยิบเอาเมล็ดแตงโมกับลูกอม ไปเกาะอยู่ตรงหน้าต่างมองดูภายนอกอย่างอารมณ์ดีซือซิ่วซิ่วสวมชุดนอนตัวบาง สวมรองเท้าแตะ กำลังตัวสั่นซักผ้าขัดรองเท้าท่ามกลางลมหนาว ดูแล้วน่าสงสารมาก เหตุการณ์ครั้งนี้เหมือนกับตอนนั้นที่เธอตัดผ้าห่มฉันจนแหลก แล้วสั่งให้ฉันถอดเสื้อออกจนหมดเพื่อคุกเข่าคำนับเธอกลางหิมะส่วนเหล่าพี่น้องของเธอแต่ละคนก็ถูกฉันจัดการเรียบร้อย ถ้าไม่ล้มละลายก็ตกงานทำให้ความแค้นในใจของฉันหายไปบ้างแต่ซือเฟิงยังเหมือนระเบิดเวลาที่อยู่ในใจฉันวันหนึ่ง ตระกูลหลินได้รับเชิญให้ไปร่วมงานเลี้ยงหนึ่งหลินเผิงกำชับซือซิ่วซิ่ว “ยังไงเธอก็เป็นแม่ของลูก ชิงชิงอยู่ห่างเธอไม่ได้ ดังนั้นเธอไปดูแลลูกเถอะนะ”ซือซิ่วซิ่วสบตากับฉัน ในดวงตาของพวกเราสองคนล้วนมีความทะเยอทะยานและความแค้น อีกทั้งยังหมายมาดว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง!เพราะฉันกับเธอได้ทำข้อตกลงร่วมกัน ขอเพียงเธอช่วยฉัน เธอจะได้รับเงินก้อนโตแล้วหนีไปภายในงานเลี้ยง มีผู้คนไปมาขวักไขว่เพราะทักษะที่ยอดเยี่ยมของช่างแต่งหน้า ทำให้ซือซิ่วซิ่วดู
คนที่เอาใจหลินเผิงต่างทยอยถอยออกไป ผู้คนรอบข้างมากมายต่างมองซือเฟิงด้วยรอยยิ้มที่มีเลศนัย เหมือนกำลังมองตัวตลกหลินเผิงแค่นหัวเราะ “คุณซือครับ ถ้าไม่มีหลักฐานก็อย่าพูดจามั่วซั่ว ผมเป็นคนทำการค้าแบบตรงไปตรงมานะครับ”ซือเฟิงโมโหทันที “ไม่ต้องมาทำไขสือ! ทั้งที่คุณรู้ว่าด้านใต้ที่ผืนนั้นเป็นสุสานขนาดใหญ่ แต่กลับแกล้งประมูลราคาแข่งกับผม จนต้องล้มละลาย!”ซือเฟิงพูดไปมากมาย แต่หลินเผิงกลับหัวเราะอย่างดูแคลน“ต่อให้ผมรู้ว่าที่ตรงนั้นคือสุสานแล้วจะทำไม?”“ถุย! คอยดูเถอะ! ฉันจะทำให้แกตายทั้งเป็น!”หลังจากเรื่องนี้จบลง หากเป็นไปตามแผนที่ฉันวางไว้ ซือซิ่วซิ่วต้องมอบฉันให้ซือเฟิงซือซิ่วซิ่วประหม่าขึ้นกะทันหัน “คงไม่เกิดเรื่องหรอกนะ?”“ไม่หรอก” ฉันตอบเสียงเรียบ ในไม่ช้า ฉันถูกมอบไปสู่มือใหญ่คู่หนึ่ง ฉันรู้ดี เจ้าของมือคู่นี้ก็คือซือเฟิง ฉันแกล้งทำเป็นนอนหลับสนิท“ซือซิ่วซิ่ว เธอกำลังมีแผนอะไร?”ซือเฟิงมองฉันตลอดเวลา คล้ายจะมองฉันให้ทะลุปรุโปร่ง ฉันถูกจ้องจนอึดอัดไปหมดซือซิ่วซิ่วได้ยินคำพูดของเขา จึงพูดเสียงสั่น “พี่คะ พี่หมายความว่ายังไง ฉันก็ทำตามที่พี่บอกไง!”“หึ” ซือเฟิงลูบไล้แก้ม
ในไม่ช้ารถขับขึ้นไปบนทางด่วน ฉันอยู่ในอ้อมกอดของซือเฟิง ส่วนซือซิ่วซิ่วนั่งอยู่ข้างคนขับฉันพยายามขัดขวางสุดฤทธิ์ อีกทั้งถ่วงเวลา ในที่สุดรถตำรวจก็ตามมาถึง เพราะฉันแจ้งความตั้งแต่ตอนที่เสี่ยวหลิวขับรถออกนอกเส้นทางแล้วพอซือเฟิงตกใจ เขาจึงตีหลินเผิงให้สลบ จากนั้นพาฉันกับซือซิ่วซิ่วไปขึ้นรถของเขาท่ามกลางความมืดเขาหัวเราะเยือกเย็น “หึ ซิ่วซิ่ว พี่เป็นคนมีน้ำใจมากนะ พี่ให้โอกาสเธอมาตั้งหลายครั้ง แต่เธอกลับทำอย่างนี้ เก่งไม่เบาเลยนะ” ซือซิ่วซิ่วสั่นไปหมดทั้งตัว “พี่คะ ฉันพาเธอออกมาตามคำสั่งของพี่แล้วนะ!”“พี่คะ เห็นแก่หน้าพ่อกับแม่ พี่อย่าทำให้ฉันลำบากใจอีกเลยค่ะ”ซือเฟิงหัวเราะ แล้วพูดเสียงเข้ม “เป็นของเล่นก็ไม่ได้ ทำหน้าที่ก็ไม่ดี ต่อไปฉันไม่ทำให้เธอลำบากใจอีกแล้วละ”หลังจากการฉุดกระชากและเสียงกรีดร้อง ฉันรู้สึกว่ามีลมตีเข้ามาในรถเมื่อฉันลืมตาหันมอง เห็นเพียงแผ่นหลังของซือซิ่วซิ่วที่ถูกผลักตกรถและเสียงกรีดร้องของเธอ!“ว๊าย!”ฉันตกใจจนสะดุ้งฉันรู้ว่าซือเฟิงเป็นโรคจิต แต่ไม่คิดว่าเขาอาการของเขาจะหนักจนถึงขั้นนี้ประตูรถปิดเองโดยอัตโนมัติ อุณภูมิในรถเพิ่มขึ้นทันที ซือเฟิงจู
เมื่อฉันลืมตาขึ้นอีกครั้ง ได้กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโชยมาที่จมูกฉันดิ้นอย่างอึดอัด แต่เหมือนจะทำให้หลินเผิงตกใจตื่น เขาลืมตาที่แดงก่ำ หลังจากเห็นฉันตื่น เขารีบกดกริ่งขอความช่วยเหลือ “ไม่เป็นไรนะ?”ฉันส่ายหน้า พยายามปกปิดความรู้สึกสับสน “ฉันไม่เป็นไร”ระหว่างที่พูด ฉันเอ่ยถาม “ซือเฟิงเป็นยังไงบ้าง ตอนนี้เข้าคุกไปหรือยัง? แล้วซือซิ่วซิ่วเป็นยังไงบ้าง?”“ซือซิ่วซิ่วบาดเจ็บสาหัส เป็นอัมพาตท่อนล่าง ซือเฟิงขับรถชนสะพาน แขนของเขาบาดเจ็บ ถูกจับตัวไปแล้ว”“แต่ว่าเขากอดเธอเอาไว้แน่น เธอไม่ได้รับบาดเจ็บ”“เธอหมดสติเพราะตกใจมากเกินไป แล้วก็มีพวกบาดแผลถลอกเล็กน้อย”ฉันรู้สึกประหลาดใจมาก นึกไม่ถึงว่าเขาอยากตายด้วยการขับชนสะพาน แต่โชคดีที่เขารอดมาได้ จะได้รับบทลงโทษ ความจริงฉันเตรียมใจตายนานแล้ว หากสามารถพาปีศาจชั่วไปลงนรกได้ ถึงตายฉันก็ยินดีแต่ซือเฟิงล่ะ?ในใจเขาคิดว่ารักฉัน แต่การกระทำกับความคิดแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง บางทีในช่วงสุดท้ายของชีวิต เขาอาจจะเพิ่งสำนึกได้“ซือเฟิงอยากเจอเธอ จะเจอหรือเปล่า?”“ไปเจอสักหน่อยเถอะ”หลินเผิงมองดูฉันอยู่สักพัก จึงได้พูดขึ้น“ก่อนหน้านี้เธอบอกฉันว่าอยา