เห็นเพียงในมือคุณย่ามีเครื่องสำอางสีแดงติดมาด้วย!เขาตกใจ จากนั้นหันมองใบหน้าซือซิ่วซิ่ว ตอนนี้มันมีสีแดงสีขาวผสมปนเปกัน จนดูลายตาไปหมดฉันมองดูสีหน้าที่สลับซับเปลี่ยนของหลินเผิง แล้วคิดในใจ เครื่องสำอางของซือซิ่วซิ่วคุณภาพไม่ไหวเลย!คุณย่าเช็ดมือตัวเอง จากนั้นพูดอย่างไม่ใยดี “เอาวิธีที่ฉันเคยใช้มาต่อกรกับฉันเหรอ ไม่รู้จักดูซะบ้างว่าตัวเองอยู่ระดับไหน!”“ซือซิ่วซิ่ว!” หลินเผิงเดินเข้าไปอย่างโมโหสุดขีด เดิมทีเขารู้สึกผิดต่อซือซิ่วซิ่วบ้าง แต่หลังจากเหตุการณ์นี้ ความละอายใจของเขาหายไปจนหมด เขากระชากผมของซือซิ่วซิ่ว แล้วดึงให้เธอเงยหน้า จากนั้นพูดตักเตือน“ซือซิ่วซิ่ว! นับจากนี้เป็นต้นไปเธอต้องดูแลลูกให้ดี! อย่าก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีก!”“ไม่อย่างนั้นฉันจะหย่ากับเธอ หลายปีมานี้เงินของตระกูลหลินที่เธอใช้ไปก็ต้องคืนมาให้หมด!”“เข้าใจหรือยัง?”ซือซิ่วซิ่วพยักหน้าอย่างเหม่อลอย หลินเผิงถึงได้รับฉันมาจากมือคุณย่า แล้วอุ้มฉันให้ซบลงกับบ่าของเขาฉันมองดูซือซิ่วซิ่ว ต่อมาเผยรอยยิ้มสะใจออกมาซือซิ่วซิ่วเงยหน้าพอดี เธอตกใจจนสะดุ้ง แล้วพึมพำ “เป็นตัวประหลาดจริง ๆ! ตัวประหลาด!”หลังจากวันนั้น
เวลาได้ผ่านไปอีกหลายเดือน ฉันเดินได้แล้ว กระทั่งสามารถพูดได้อย่างชัดเจนทุกคนในบ้านคิดว่าฉันเป็นอัจฉริยะแต่ฉันไม่ยอมเรียกคุณแม่ กระทั่งบางครั้งที่มีคนอยู่น้อย ฉันจะพูดเสียงต่ำ ‘แพศยา’ ‘คนเลว’ ‘คนหน้าด้าน’มีครั้งหนึ่ง ซือซิ่วซิ่วถูกฉันยั่วโมโหจนอยากโยนฉันลงไปจากชั้นบน แต่ถูกพี่เลี้ยงที่มือไวห้ามไว้ซะก่อนหลินเผิงนึกว่าซือซิ่วซิ่วเป็นบ้าไปแล้วแต่ฉันกลับเข้ากันได้ดีกับพวกพี่เลี้ยงของฉันหลังจากคุณย่าให้หมอจิตวิทยาสองสามคนมาตรวจดูอาการของซือซิ่วซิ่ว กลัวเธอจะทำร้ายฉันอีก เลยขังซือซิ่วซิ่วไว้ชั้นบนอาการทางจิตของซือซิ่วซิ่วแย่ลงเรื่อย ๆ ...หลายครั้งที่ได้ยินเธอร้องคำรามและก่นด่าเสียงดังในที่สุด ตอนงานวันเกิดครบรอบหนึ่งขวบของฉัน เธอได้รับอนุญาตให้ออกมาหลินเผิงกำชับเธอสารพัด เธอทำได้เพียงรับปากแต่ฉันเห็นความอำมหิตในดวงตาของเธอเธอต้องคิดหาวิธีแก้แค้นฉันแน่นอน!
ตระกูลหลินไม่ใช่ตระกูลระดับสูงในเมืองอัน แต่ตระกูลหลินเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นในงานเลี้ยงครบรอบหนึ่งขวบ พวกชนชั้นสูงในวงสังคมย่อมให้เกียรติมาร่วมงานแขกเหรื่อทยอยมาไม่ขาดสายตระกูลหลินกับตระกูลซือเกี่ยวดองกัน ตระกูลซือย่อมมาร่วมงานตั้งแต่แรกผู้มาร่วมงานของตระกูลซือคือชายหนุ่มคนหนึ่ง ใบหน้าของเขาดูเหลาะแหละ เหมือนพวกลูกคุณหนูเสเพลเขาเข้ามาทักทายหลินเผิง จากนั้นโน้มตัวลงอยากจะมาลูบหัวฉันฉันรีบกอดคอหลินเผิงเอาไว้ทันที แล้วเบือนหน้าไปทางอื่น ปฏิเสธเขาอย่างเห็นได้ชัด“เด็กมักจะกลัวคนแปลกหน้า” หลินเผิงแก้ตัวแล้วหัวเราะชายหนุ่มยิ้ม ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มาก เขาพูดเสียงค่อย “ถ้างั้นต่อไปพวกเราทั้งสองครอบครัวคงต้องไปมาหาสู่กันให้มากขึ้น คุณว่าใช่หรือเปล่า?”เสียงนี้ทำให้ฉันยิ่งมุดตัวเข้าไปในอ้อมกอดของหลินเผิงมือใหญ่ของหลินเผิงคอยตบหลังฉันเบา ๆ แต่ฉันก็ยังรู้สึกกลัวมากภายในห้องน้ำที่มืดสนิท มือของเขาลูบไล้ไปมาบนแผ่นหลังของฉัน บางครั้งยังคอยบีบจับเนื้อของฉันปากของเขากระซิบข้างหูของฉัน “หน้าของเธอสวยมาก หืม?”ที่แท้เป็นเขานั่นเองเขาคือพี่ชายของซือซิ่วซิ่ว!ชั่วช้าเหมือนก
หลังจากแขกเหรื่อทุกคนเข้ามาในงานแล้ว ซือซิ่วซิ่วขอบตาแดงก่ำยืนอยู่ข้างหลินเผิงสิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจคือ มีสายตาหนึ่งจ้องมองฉันตลอดเมื่อหันมองฉันพบว่านั่นคือซือเฟิงความรู้สึกเหมือนถูกเสือจับจ้องแผ่ซ่านเต็มใจฉันไปหมด ฉันตกใจจนสะดุ้งฉันกัดปลายลิ้นทันที แล้วแกล้งทำท่าไร้เดียงสาอย่างช่ำชอง จากนั้นหันไปทางอื่นคาดว่าซือซิ่วซิ่วน่าจะเล่าเรื่องความผิดปกติของฉันให้ซือเฟิงฟังหลินเผิงไม่เข้าข้างซือซิ่วซิ่วแน่นอน เพราะยังไงฉันก็เป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเขา มีพ่อคนไหนไม่รักลูกสาวบ้าง? บวกกับฉันปกปิดอย่างดีแต่ว่าซือเฟิงไม่เหมือนกัน เพราะยังไงพวกเขาสองคนเป็นพี่น้องแท้ ๆดูท่า แผนการของฉันคงต้องค่อยเป็นค่อยไปในไม่ช้าก็มาถึงพิธีหยิบของเสี่ยงทายของฉัน ฉันแกล้งคลานไปคลานมาอย่างไร้จุดหมาย ทุกคนห้อมล้อมฉันและคอยจับตาดูการกระทำของฉันพวกเขาฝั่งหนึ่งตะโกนให้ฉันหยิบอันนี้ อีกฝั่งตะโกนให้ฉันหยิบอันนั้นความจริง ฉันเล็งของสิ่งหนึ่งไว้นานแล้วนั่นคือกล่องของขวัญที่ด้านในคือเข็มขัดฉันยกมันขึ้นมาในครั้งเดียว เอามากอดไว้ในอกพร้อมหัวเราะผู้คนที่รายล้อมต่างบอกให้ฉันเปิดดู ซึ่งตรงใจฉันพอดีดังนั้
ในอดีตที่ผ่านมาซือซิ่วซิ่วเคยพาลูกน้องของเธอมาลากฉันจากหน้าโรงเรียนให้ไปขึ้นรถคันหนึ่ง แล้วพาฉันกลับบ้านของเธอ“คุณหนูซือ ขอร้องละ ปล่อยฉันไปเถอะ! ฉันจะเชื่อฟังคำสั่งของเธอ!”เธอไม่สนใจคำขอร้องของฉัน ดึงฉันเข้าไปแล้วผลักฉัน ต่อมาใบหน้าเธอเหมือนโล่งอก“โจวผิง เธอสวยขนาดนี้ ก็เพราะอยากอ่อยผู้ชายไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ผู้ชายมาแล้วไง เธอต้องมีความสุขให้เต็มที่ล่ะ!”เธอเหวี่ยงประตูปิดอย่างโมโห ภายในห้องมืดสนิทในเสี้ยววินาทีแต่ไม่ว่าฉันจะขอร้องยังไง ก็ไม่มีประโยชน์ในขณะที่ฉันสิ้นหวัง ประตูเปิดออกกะทันหันแสงจันทร์สลัว สาดส่องบนตัวเขา ฉันไม่รู้ว่ากำลังต้องเผชิญกับอะไร...ดวงตาของเขาเหมือนกำลังแอบมองฉัน ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด ฉันจึงได้แต่ขอร้องให้เขาปล่อยฉันออกไป เขาหัวเราะ แล้วเดินเข้ามาใกล้ฉันทีละก้าว ทำให้ใจฉันตกลงไปถึงตาตุ่ม ฉันถอยหลังไปเรื่อย ๆ แต่เขากลับแค่นเสียง ‘ฮึ’ ออกมาเขาจ้องมองฉันอยู่ครู่หนึ่ง ต่อมาถึงได้เอาเข็มขัดออกมาหนึ่งเส้น ฉันดิ้นรนตลอด แต่เขามีแรงมากกว่าฉันสุดท้าย เข็มขัดรัดมือทั้งสองข้างของฉัน และรัดลำคอของฉันเอาไว้ด้วยเขาจูบลงข้างหูฉันอย่างหิวโหย“เธอก็คือสาวใช
“มีผี! มีผี!” ดวงตาทั้งคู่ของเธอจ้องฉัน แล้วถอยหลังไปทีละก้าว จนกระทั่งไปชนกับขนมเค้กแปดชั้นที่หลินเผิงเตรียมไว้เธอนั่งอยู่บนกองเค้ก เพียงพริบตา ฉันเห็นมือหนึ่งของเธอคลำไปเจอมีดตัดเค้กเธอปาดเนยบนหน้า จากนั้นมองดูฉันพร้อมหัวเราะ ต่อมาเธอปามีดมาหาฉันอย่างลนลานทุกคนที่อยู่ตรงนี้ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนอ้าปากตาค้างในวินาทีที่มีดจวนเจียนมาถึงฉัน หลินเผิงก้าวเข้ามากอดฉันไว้อย่างรวดเร็ว มีดเล่มนั้นเฉียดแผ่นหลังของเขาไป ทำให้มีเลือดไหลออกมาทันที“คุณพ่อ” ฉันเรียกเสียงเบา จากนั้นร้องไห้เสียงดัง “ฮือ ๆ ๆ”คุณย่าเข้าไปถีบซือซิ่วซิ่วอย่างรุนแรง แล้วโผเข้ามาร้องไห้เหมือนกันเสียงร้องไห้ของฉันบวกกับเสียงร้องไห้ของคุณย่า ทำให้คฤหาสน์โกลาหลวุ่นวายไปหมดในพริบตาเพราะฉันไม่ได้รับบาดเจ็บ ทำให้หลินเผิงโล่งอก เขาไม่สนใจอาการปวดที่แผ่นหลัง อุ้มตัวฉันไว้ทันทีหลินเผิงหันหลัง แล้วจ้องซือซิ่วซิ่ว พร้อมพูดเสียงหนักแน่น “ซือซิ่วซิ่ว พวกเราหย่ากัน! เธอถึงกับกล้าทำร้ายลูกสาวฉันเหรอ!”ซือซิ่วซิ่วร้องไห้ออกมาทันที เธอทำตัวไม่ถูก “ที่รัก! ฉันไม่ได้ตั้งใจ คุณต้องเชื่อฉันนะ ฉัน...ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง
ภายในห้องหนังสือซือเฟิงอมยิ้มแล้วหันมาพูดกับฉัน “โจวผิง เธออย่าเสแสร้งอีกเลย”ฉันแกล้งทำหน้าไร้เดียงสาแล้วหดคอ “คุณพ่อคะ กลัว กลัว!”หลินเผิงขมวดคิ้ว พร้อมทำหน้าตึง “คุณหมายความว่ายังไง!”ซือเฟิงหัวเราะเสียงดัง จากนั้นถึงได้พูดกับอีกฝ่าย “หลินเผิง คุณเป็นคนฉลาดขนาดนี้ คุณดูไม่ออกเหรอว่าลูกสาวคุณมีเลศนัย?”หลินเผิงสีหน้าเรียบเฉย “ซือเฟิง อยากพูดอะไรก็พูดมา อย่ามาเล่นลิ้น!”“เมื่อกี้ซิ่วซิ่วบอกผมหมดกแล้ว ในร่างกายของลูกสาวคุณ มีดวงวิญญาณของอีกคนสิงสู่ เธอชั่วแต่กำเนิด เป็นคนแพศยากลับชาติมาเกิด!”“ซือเฟิง คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังพูดอะไรออกมา? นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ยังมาพูดเรื่องผีสางเทวดาอีก! ทำไมคุณไม่บอกว่าซือซิ่วซิ่วก็ถูกสัมภเวสีเข้าสิงเหมือนกัน?” หลินเผิงแค่นหัวเราะ แล้วพูดจาเยาะเย้ยทันที“ลูกสาวของผม สืบทอดสติปัญญาความฉลาดจากผม ก็เป็นเรื่องปกติ”“ส่วนน้องสาวคุณซือซิ่วซิ่ว วัน ๆ ผีเข้าผีออกเหมือนคนบ้า ผมน่าจะส่งตัวเธอไปรักษาที่โรงพยาบาลบ้า!”ซือเฟิงทำเหมือนไม่ได้ยิน กลับพุ่งเข้ามาอย่างสนอกสนใจ เขาจ้องฉัน “เธอเป็นเด็กธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งจริงเหรอ? เธอคือโจวผิงหรือเปล่า? หืม?
ในช่วงเวลาแต่ละวันที่ซือซิ่วซิ่วได้รับความทรมาน ฉันฉลองวันเกิดไปสามครั้ง จนอายุสามขวบแล้วฤดูหนาวฉันหยิบเอาเมล็ดแตงโมกับลูกอม ไปเกาะอยู่ตรงหน้าต่างมองดูภายนอกอย่างอารมณ์ดีซือซิ่วซิ่วสวมชุดนอนตัวบาง สวมรองเท้าแตะ กำลังตัวสั่นซักผ้าขัดรองเท้าท่ามกลางลมหนาว ดูแล้วน่าสงสารมาก เหตุการณ์ครั้งนี้เหมือนกับตอนนั้นที่เธอตัดผ้าห่มฉันจนแหลก แล้วสั่งให้ฉันถอดเสื้อออกจนหมดเพื่อคุกเข่าคำนับเธอกลางหิมะส่วนเหล่าพี่น้องของเธอแต่ละคนก็ถูกฉันจัดการเรียบร้อย ถ้าไม่ล้มละลายก็ตกงานทำให้ความแค้นในใจของฉันหายไปบ้างแต่ซือเฟิงยังเหมือนระเบิดเวลาที่อยู่ในใจฉันวันหนึ่ง ตระกูลหลินได้รับเชิญให้ไปร่วมงานเลี้ยงหนึ่งหลินเผิงกำชับซือซิ่วซิ่ว “ยังไงเธอก็เป็นแม่ของลูก ชิงชิงอยู่ห่างเธอไม่ได้ ดังนั้นเธอไปดูแลลูกเถอะนะ”ซือซิ่วซิ่วสบตากับฉัน ในดวงตาของพวกเราสองคนล้วนมีความทะเยอทะยานและความแค้น อีกทั้งยังหมายมาดว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง!เพราะฉันกับเธอได้ทำข้อตกลงร่วมกัน ขอเพียงเธอช่วยฉัน เธอจะได้รับเงินก้อนโตแล้วหนีไปภายในงานเลี้ยง มีผู้คนไปมาขวักไขว่เพราะทักษะที่ยอดเยี่ยมของช่างแต่งหน้า ทำให้ซือซิ่วซิ่วดู