แชร์

บทที่ 3

“เขาบอกว่าเขาเป็นแฟนของหนู? แต่แฟนของหนูคือโจวจี้หลิ่นนะ!” ฉันจับมือของคุณแม่ฉันไว้แน่น และก็เอ่ยด้วยสายตาที่แน่วแน่

พอคุณพ่อคุณแม่ของฉันได้ยิน ท่าทางก็ดูจะชะงักไปเล็กน้อย

พวกเขาเปิดรูปถ่ายที่อยู่ในโทรศัพท์ออกมาถามฉันทีละคน พบว่าฉันลืมหลินจิงเฟิงแค่คนเดียว และยอมรับเพียงโจวจี้หลิ่นเท่านั้น

หลินจิงเฟิงกลับไม่สนใจเลย และตอนที่ฉันออกจากโรงพยาบาลในวันนั้น เขายังไปไปเลี้ยงอาหารจ้าวจิ้งซินด้วย

เขานัดจ้าวจิ้งซินอยู่หลายครั้ง แต่ครั้งนี้เธอกลับตอบตกลง ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ลังเลที่จะขับรถสปอร์ตไปรับเธอ รถของเขาแพงมาก และเกิดกระแสพูดคุยกันอย่างคึกคักในมหาวิทยาลัยของจ้าวจิ้งซิน

ทันทีที่ขึ้นรถ จ้าวจิ้งซินก็เหลือบมองหลินจิงเฟิงเล็กน้อยด้วยท่าทางที่ไร้เดียงสาและงดงามเหมือนแต่ก่อน พลางเอ่ยเสียงเบา “แฟนสาวของคุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”

“เธอจะเป็นอะไรได้? ดวงแข็งจะตายไป” หลินจิงเฟิงเอ่ยอย่างประจบเอาใจ

พอตกตอนบ่าย

หลินจิงเฟิงพาเธอไปเดินเล่นดูร้านค้าหรูหลายร้านและใช้เงินไปหลายล้าน สุดท้ายยังพาเธอไปรับประทานอาหารค่ำใต้แสงเทียนที่ร้านอาหารที่แพงที่สุดอีก

แต่ตอนที่หลินจิงเฟิงพาเธอมาส่งที่หน้ามหาวิทยาลัย เธอกลับไม่ต้องการสินค้าราคาแพงที่เขามอบให้

สำหรับผู้หญิงแบบนี้หลินจิงเฟิงไม่สามารถหยุดตัวเองได้ อารมณ์ก็ไม่สามารถสงบนิ่งได้เป็นเวลานานเช่นกัน ความรู้สึกตื่นเต้นของเขากลับมาแล้ว และหัวใจของเขาก็เต้นแรง ตอนกลางคืนเขาจึงพาเพื่อนสนิทไปดื่มฉลองกันที่บาร์

มีคนแสดงความยินดีกับเขา และอวยพรล่วงหน้าขอให้เขาจับจ้าวจิ้งซินได้ในเร็ววัน

แต่เจียงจิ่งเซิงเพื่อนสนิทของเขากลับทำให้อึมครึม

“จิงเฟิง นายใกล้จะแต่งงานกับสือเยียนแล้วไม่ใช่เหรอ? นายทำแบบนี้เป็นการทำผิดต่อเธอหรือเปล่า? อีกอย่างเธอเพิ่งออกจากโรงพยาบาล นายไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนเธอเหรอ?” เจียงจิ่งเซิงเตือนสติ

เมื่อหลินจิงเฟิงได้ยินคำพูดนี้ก็เลิกคิ้วเบา ๆ พลางหัวเราะเยาะ และเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ผู้ชายถ้าไม่นอกใจก่อนแต่งงาน แล้วจะนอกใจได้เมื่อไร? อีกอย่างฉันอดกลั้นมาสามปีแล้ว และจะเจอสิ่งที่ถูกปากแบบนี้มันยากมาก นายอย่ารบกวนเรื่องดี ๆ ของฉันเลยนะเพื่อน”

น้ำเสียงของเขาไร้ความกังวลอย่างมาก

คนไม่กี่คนที่นั่งอยู่หัวเราะกับคำพูดนี้ขึ้นมา และต่างก็เห็นด้วยมาก

“นายไม่กลัวว่าสือเยียนจะลืมนายจริง ๆ เหรอ?” เจียงจิ่งเซิงเอ่ยพลางขมวดคิ้ว

หลินจิงเฟิงเพิ่งหยิบแก้วไวน์ขึ้นแตะที่ริมฝีปาก เมื่อได้ยินคำพูดนี้ท่าทางของเขาก็ชะงักเล็กน้อย และเอ่ยพลางหัวเราะเสียงเย็นในทันที “ลืมฉันงั้นเหรอ? พวกนายไม่เคยเห็นท่าทางที่เธอประจบฉันเมื่อก่อนหน้านี้หรือไง? เธอจะกล้าลืมเหรอ? ถึงเธอลืมแล้วมันจะยังไง? เธอที่ดูต่ำต้อยแบบนั้นฉันไม่ชอบมาตั้งนานแล้ว”

ระหว่างนั้น เจียงจิ่งเซิงที่สีหน้าตื่นตะหนกดึงเขาอยู่หลายครั้ง

แต่หลินจิงเฟิงสะบัดมือของเขาออก และพูดความในใจที่อัดอั้นมานานออกมา

“สือเยียนที่แสร้งทำท่าถือตัวคนนั้น ไม่สามารถเทียบกับจิ้งซินได้เลย!” น้ำเสียงของหลินจิงเฟิงทั้งเหลาะแหละ ทั้งเย้ยหยัน

เจียงจิ่งเซิงชี้ไปทางด้านหลังเขา และเตือนเสียงเบา “สือเยียน”

หลินจิงเฟิงท่าทางหยุดชะงักไปสักพัก ก็หันมามองอย่างแรง และพบว่าฉันยืนอยู่ด้านหลังเขา

เขาตกใจจนพูดตะกุกตะกัก

“สือ สือเยียน วันนี้เธอเพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ? เธอ ทำไมเธอถึงมาที่บาร์ล่ะ?”

เขาวางเหล้าลง ยืนขึ้นและเดินมาทางฉัน จากนั้นก็พยายามฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย

ฉันเหลือบมองเขาอย่างไม่แยแส และไม่สนใจต่อคำพูดของเขาด้วย

หลินจิงเฟิงเห็นสายตาที่ไม่แยแสทั้งสงบนิ่งของฉันก็ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง

หากเป็นเมื่อก่อนฉันได้ยินเขาพูดแบบนี้ ฉันจะต้องทะเลาะกับเขาเสียยกใหญ่ แถมยังหนีออกจากบ้านด้วย แต่ครั้งนี้ฉันไม่ร้องไห้งอแง และเพียงมองเขาเหมือนมองคนแปลกหน้าคนหนึ่งเท่านั้น

“เยียนเยียน?” เขาเรียกฉันอีกครั้ง

ฉันมองทิศทางของเขามุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย และรูม่านตาสีน้ำตาลอ่อนก็สว่างขึ้นมา

หลินจิงเฟิงเห็นแบบนี้ คิดว่าฉันไม่โกรธ จึงเดินมาหาฉัน

แต่ฉันเดินผ่านเขา วิ่งตรงไปยังผู้ชายที่สวมชุดสูทสีดำ กางแขนทั้งสองข้างกอดเขาอย่างแรง ยิ้มและตะโกนเสียงดัง “หลินหลิ่น ฉันคิดถึงคุณจังเลย!”

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status