Share

บทที่ 3

Author: หรูซื่อ
“เขาบอกว่าเขาเป็นแฟนของหนู? แต่แฟนของหนูคือโจวจี้หลิ่นนะ!” ฉันจับมือของคุณแม่ฉันไว้แน่น และก็เอ่ยด้วยสายตาที่แน่วแน่

พอคุณพ่อคุณแม่ของฉันได้ยิน ท่าทางก็ดูจะชะงักไปเล็กน้อย

พวกเขาเปิดรูปถ่ายที่อยู่ในโทรศัพท์ออกมาถามฉันทีละคน พบว่าฉันลืมหลินจิงเฟิงแค่คนเดียว และยอมรับเพียงโจวจี้หลิ่นเท่านั้น

หลินจิงเฟิงกลับไม่สนใจเลย และตอนที่ฉันออกจากโรงพยาบาลในวันนั้น เขายังไปไปเลี้ยงอาหารจ้าวจิ้งซินด้วย

เขานัดจ้าวจิ้งซินอยู่หลายครั้ง แต่ครั้งนี้เธอกลับตอบตกลง ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ลังเลที่จะขับรถสปอร์ตไปรับเธอ รถของเขาแพงมาก และเกิดกระแสพูดคุยกันอย่างคึกคักในมหาวิทยาลัยของจ้าวจิ้งซิน

ทันทีที่ขึ้นรถ จ้าวจิ้งซินก็เหลือบมองหลินจิงเฟิงเล็กน้อยด้วยท่าทางที่ไร้เดียงสาและงดงามเหมือนแต่ก่อน พลางเอ่ยเสียงเบา “แฟนสาวของคุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”

“เธอจะเป็นอะไรได้? ดวงแข็งจะตายไป” หลินจิงเฟิงเอ่ยอย่างประจบเอาใจ

พอตกตอนบ่าย

หลินจิงเฟิงพาเธอไปเดินเล่นดูร้านค้าหรูหลายร้านและใช้เงินไปหลายล้าน สุดท้ายยังพาเธอไปรับประทานอาหารค่ำใต้แสงเทียนที่ร้านอาหารที่แพงที่สุดอีก

แต่ตอนที่หลินจิงเฟิงพาเธอมาส่งที่หน้ามหาวิทยาลัย เธอกลับไม่ต้องการสินค้าราคาแพงที่เขามอบให้

สำหรับผู้หญิงแบบนี้หลินจิงเฟิงไม่สามารถหยุดตัวเองได้ อารมณ์ก็ไม่สามารถสงบนิ่งได้เป็นเวลานานเช่นกัน ความรู้สึกตื่นเต้นของเขากลับมาแล้ว และหัวใจของเขาก็เต้นแรง ตอนกลางคืนเขาจึงพาเพื่อนสนิทไปดื่มฉลองกันที่บาร์

มีคนแสดงความยินดีกับเขา และอวยพรล่วงหน้าขอให้เขาจับจ้าวจิ้งซินได้ในเร็ววัน

แต่เจียงจิ่งเซิงเพื่อนสนิทของเขากลับทำให้อึมครึม

“จิงเฟิง นายใกล้จะแต่งงานกับสือเยียนแล้วไม่ใช่เหรอ? นายทำแบบนี้เป็นการทำผิดต่อเธอหรือเปล่า? อีกอย่างเธอเพิ่งออกจากโรงพยาบาล นายไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนเธอเหรอ?” เจียงจิ่งเซิงเตือนสติ

เมื่อหลินจิงเฟิงได้ยินคำพูดนี้ก็เลิกคิ้วเบา ๆ พลางหัวเราะเยาะ และเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ผู้ชายถ้าไม่นอกใจก่อนแต่งงาน แล้วจะนอกใจได้เมื่อไร? อีกอย่างฉันอดกลั้นมาสามปีแล้ว และจะเจอสิ่งที่ถูกปากแบบนี้มันยากมาก นายอย่ารบกวนเรื่องดี ๆ ของฉันเลยนะเพื่อน”

น้ำเสียงของเขาไร้ความกังวลอย่างมาก

คนไม่กี่คนที่นั่งอยู่หัวเราะกับคำพูดนี้ขึ้นมา และต่างก็เห็นด้วยมาก

“นายไม่กลัวว่าสือเยียนจะลืมนายจริง ๆ เหรอ?” เจียงจิ่งเซิงเอ่ยพลางขมวดคิ้ว

หลินจิงเฟิงเพิ่งหยิบแก้วไวน์ขึ้นแตะที่ริมฝีปาก เมื่อได้ยินคำพูดนี้ท่าทางของเขาก็ชะงักเล็กน้อย และเอ่ยพลางหัวเราะเสียงเย็นในทันที “ลืมฉันงั้นเหรอ? พวกนายไม่เคยเห็นท่าทางที่เธอประจบฉันเมื่อก่อนหน้านี้หรือไง? เธอจะกล้าลืมเหรอ? ถึงเธอลืมแล้วมันจะยังไง? เธอที่ดูต่ำต้อยแบบนั้นฉันไม่ชอบมาตั้งนานแล้ว”

ระหว่างนั้น เจียงจิ่งเซิงที่สีหน้าตื่นตะหนกดึงเขาอยู่หลายครั้ง

แต่หลินจิงเฟิงสะบัดมือของเขาออก และพูดความในใจที่อัดอั้นมานานออกมา

“สือเยียนที่แสร้งทำท่าถือตัวคนนั้น ไม่สามารถเทียบกับจิ้งซินได้เลย!” น้ำเสียงของหลินจิงเฟิงทั้งเหลาะแหละ ทั้งเย้ยหยัน

เจียงจิ่งเซิงชี้ไปทางด้านหลังเขา และเตือนเสียงเบา “สือเยียน”

หลินจิงเฟิงท่าทางหยุดชะงักไปสักพัก ก็หันมามองอย่างแรง และพบว่าฉันยืนอยู่ด้านหลังเขา

เขาตกใจจนพูดตะกุกตะกัก

“สือ สือเยียน วันนี้เธอเพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ? เธอ ทำไมเธอถึงมาที่บาร์ล่ะ?”

เขาวางเหล้าลง ยืนขึ้นและเดินมาทางฉัน จากนั้นก็พยายามฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย

ฉันเหลือบมองเขาอย่างไม่แยแส และไม่สนใจต่อคำพูดของเขาด้วย

หลินจิงเฟิงเห็นสายตาที่ไม่แยแสทั้งสงบนิ่งของฉันก็ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง

หากเป็นเมื่อก่อนฉันได้ยินเขาพูดแบบนี้ ฉันจะต้องทะเลาะกับเขาเสียยกใหญ่ แถมยังหนีออกจากบ้านด้วย แต่ครั้งนี้ฉันไม่ร้องไห้งอแง และเพียงมองเขาเหมือนมองคนแปลกหน้าคนหนึ่งเท่านั้น

“เยียนเยียน?” เขาเรียกฉันอีกครั้ง

ฉันมองทิศทางของเขามุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย และรูม่านตาสีน้ำตาลอ่อนก็สว่างขึ้นมา

หลินจิงเฟิงเห็นแบบนี้ คิดว่าฉันไม่โกรธ จึงเดินมาหาฉัน

แต่ฉันเดินผ่านเขา วิ่งตรงไปยังผู้ชายที่สวมชุดสูทสีดำ กางแขนทั้งสองข้างกอดเขาอย่างแรง ยิ้มและตะโกนเสียงดัง “หลินหลิ่น ฉันคิดถึงคุณจังเลย!”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • จากรักร้าย สู่แฟนใหม่ของศัตรูตัวฉกาจ   บทที่ 4

    บนตัวของโจวจี้หลิ่นมีกลิ่นน้ำหอมของผู้ชายแบบอ่อน ๆ ผสมกับกลิ่นเหล้า แค่เข้าใกล้ก็ได้กลิ่นแล้วฉันโอบเอวบางของเขาไว้แน่น สายตาก็ลอบผ่านลูกกระเดือกที่ดูเซ็กซี่และนูนเล็กน้อยของเขา พร้อมกับสบตากับดวงตาที่ลึกซึ้งและลึกล้ำคู่นั้น และเรียกด้วยรอยยิ้มที่สดใส “หลินหลิ่น”น้ำเสียงหวานปานน้ำผึ้งชายหนุ่มก้มมองฉัน รู้ม่านตาหดตัวลง และในดวงตาก็แฝงไปด้วยความลังเลอยู่เล็กน้อย“ปล่อยมือนะ!” หลิงจิงเฟิงเห็นพวกเราสองคนกอดกัน โกรธจนดวงตาทั้งสองแดงก่ำ และพุ่งเข้ามาลากฉันออกจากโจวจี้ หลิ่น พลางด่าว่าฉัน “สือเยียน! เธอเป็นคนชั้นต่ำเหรอ? มีแฟนอยู่แล้วยังจะไปให้ท่าผู้ชายคนอื่นอีก!”ฉันตกใจกับท่าทางที่หยาบคายทั้งยังไร้เหตุผลนี้ของเขา จึงสะบัดมือของเขาออกและซ่อนตัวอยู่ด้านหลังโจวจี้หลิ่น“หลินหลิ่น คนนี้เขาเป็นคนบ้า เขาตามฉันมานานแล้ว ฉันกลัว”มือของฉันจับขอบด่านล่างชุดสูทของเขาเบา ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตะหนกและน้ำเสียงก็สั่นเครือเล็กน้อย พอได้ยินคำว่า ‘คนบ้า’ หลินจิงเฟิงก็ระเบิดออกมาจนหมดเขาชี้นิ้วด่าว่าฉันต่อหน้าทุกคนในบาร์ “สือเยียน เธอเสแสร้งพอหรือยัง? ฉันแค่ผลักเธอตกลงไปในทะเลเองไม่ใช่เหรอ?

  • จากรักร้าย สู่แฟนใหม่ของศัตรูตัวฉกาจ   บทที่ 5

    เพล้ง!หลินจิงเฟิงหยิบขวดไวน์ขึ้นมาและฟากไปที่ศีรษะของเจียงจิ่งเซิง ทันใดนั้นเลือดสดๆ ก็ไหลออกมา“ฉันเหมือนกับสือเยียนหรือไง? เธอเป็นผู้หญิง ส่วนฉันเป็นผู้ชาย!” หลินจิงเฟิงเอ่ยด้วยความมั่นใจเจียงจิ่งเซิงกุมศีรษะที่ได้รับบาดเจ็บมองเขาอยู่แวบหนึ่ง และดวงตาก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นก็เอ่ยทิ้งท้าย “ฉันเจียงจิ่งเซิง ไม่มีเพื่อนอย่างนาย”พูดจบ เจียงจิ่งเซิงก็ออกไปจากบาร์โดยไม่หันมามองอีกเลยหลินจิงเฟิงดูไม่แยแส และยังคงดื่มเหล้าและสำมะเลเทเมากับคนอื่นต่อไปขาดเพื่อนแค่คนเดียว เขารู้สึกมันไม่ส่งผลกระทบต่อเขาวันรุ่งขึ้นพระอาทิยต์ก็ยังคงส่องแสงจ้าเมื่อหลินจิงเฟิงตื่นขึ้นมาก็แวะไปหาจ้าวจิ้งซินก่อน และเอาสินค้าราคาแพงที่ซื้อเมื่อครั้งก่อนนำไปด้วยหญิงสาวยังคงสูงส่ง ดวงตาก็ยังบริสุทธิ์และสดใสเหมือนอย่างเคยดวงตาของเธอเย็นชาและไม่แยแส กวาดมองไปทางหลินจิงเฟิงที่มือหนึ่งถือสินค้าราคาแพง ส่วนอีกมือหนึ่งก็ถือกาแฟที่ร้อนกรุ่นอยู่ เธอหยิบกาแฟร้อนในมือซ้ายของหลินจิงเฟิงอย่างรวดเร็วกาแฟยังคงร้อนอยู่ และในเช้าที่มีลมหนาวพัดพามันทำให้ฝ่ามือของเธออบอุ่นในทันทีหลินจิงเฟิงใส่ใจจนถึงที่สุด

  • จากรักร้าย สู่แฟนใหม่ของศัตรูตัวฉกาจ   บทที่ 6

    แต่เขาค้นในห้องอย่างละเอียดรอบหนึ่งแล้ว ภายในกลับไม่มีร่องรอยของผู้ชายเลย เขายังคงไม่เชื่อ หมุนกลับและจับคอเสื้อของฉันพร้อมกับตะโกน “เธอเอาชายชู้แซ่โจวนั่นไปซ่อนไว้ที่ไหน?!”ฉันตกใจกับท่าทางนี้ของเขา จนรู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาตำรวจเห็นแบบนั้นจึงเดินไปข้างหน้าและดึงเขาออกมา ขณะที่ฉันนั่งยอง ๆ อยู่บนพื้นมือกุมศีรษะ สีหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเผือด พลางเอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ปวดจัง ปวดหัวจัง”พูดจบ ฉันก็เป็นลมไป“คุณผู้หญิงท่านนี้เมื่อคืนเธอมาคนเดียวนะคะ คุณจะใส่ร้ายใครก็ต้องมีขอบเขตบ้างหรือเปล่า?!”ผู้จัดการล็อบบี้เห็นว่าฉันเป็นลม จึงรีบโทรศัพท์เรียกรถพยาบาล ขณะพูดก็จ้องหลินจิงเฟิงด้วยหลินจิงเฟิงชะงักอยู่กับที่เมื่อเห็นฉันนอนอยู่บนพื้นไม่ไหวติ่ง เขาก็รู้จักรีบร้อนแล้ว และอยากไปโรงพยาบาลพร้อมกับทีมรถพยาบาลด้วย แต่เดินไม่ถึงสองก้าว ก็ถูกตำรวจควบคุมตัวไว้“เยียนเยียน...”เมื่อเขาเห็นฉันขึ้นรถพยาบาล น้ำเสียงของเขาถึงอ่อนลงแต่ตำรวจไม่ให้เวลาเขาแสดงความรู้สึกลึกซึ้ง ก็พาเขากลับไปอบรมที่สถานีตำรวจ จนถึงตอนบ่ายเขาถึงได้ออกมาเมื่อออกมา เขาก็รีบเร่งไปที่โรงพยาบาลทันทีเพี๊

  • จากรักร้าย สู่แฟนใหม่ของศัตรูตัวฉกาจ   บทที่ 7

    ฉันกอดคอของเขา หยิบโทรศัพท์มือถืออกมา และในตอนที่หอมแก้มของเขาก็ถ่ายรูปมารูปหนึ่งวินาที่ที่หอมลงไป รูม่านตาของโจวจี้หลิ่นก็หดลงเล็กน้อย“ฉันต้องโพสต์ลงโมเมนต์ ไม่อย่างนั้นคุณจะหนีไปอีก”ไม่รอให้เขามีการตอบสนอง ฉันก็โพสต์อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็เปิดกล่องข้าวที่เขานำมาอย่างเป็นธรรมชาติมากกลิ่นหอมของอาหารฟุ้งออกมา มองดูยังร้อนกรุ่นอยู่ฉันพบว่าล้วนเป็นอาหารที่ฉันชอบกินช่วงอยู่มหาวิทยาลัย ทั้งปลาตุ๋นน้ำแดง หัวสิงโตตุ๋นน้ำแดง แถมยังมีเนื้อกับผักที่กระจายอยู่ และการวางเรียงก็ประณีตอย่างมากด้วยฉันเอียงศีรษะมองกระบอกเก็บอุณหภูมิอีกอันหนึ่ง เมื่อเปิดออกมาดูพบว่าเป็นซุปซี่โครงเห็นอาหารพวกนี้แล้ว ฉันก็ชะงักไปเล็กน้อย ขอบตาก็แดงเรื่อขึ้นมา แต่เป็นได้แค่ครู่เดียว ฉันก็กลับมาเป็นปกติในทันทีคุณแม่ฉันมองฉันที่รับประทานอาหารอย่างมีความสุข และมองโจวจี้หลิ่นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความขอบคุณมากขึ้นเล็กน้อย และยิ้มอย่างสดใสพลางเอ่ย “เสี่ยวโจว คุณใส่ใจจริง ๆ พวกเรากลับมาอยากจะถามเยียนเยียนอยู่พอดีว่าอยากกินอะไร คุณก็นำอาหารมาด้วยแล้ว”“ไม่เป็นไรครับคุณป้า” โจวจี้หลิ่นยิ้มอย่างสุภาพคุณพ่อคุณ

  • จากรักร้าย สู่แฟนใหม่ของศัตรูตัวฉกาจ   บทที่ 8

    สายตาของฉันยังคงเย็นชา และมองเขาเหมือนกับคนแปลกหน้า“คุณหลิน คุณพอได้แล้ว อย่ามารบกวนฉันอีกเลย แฟนของฉันมีแค่คนเดียว นั่นก็คือโจวจี้หลิ่น ฉันรักเขามาก และฉันไม่ต้องการใครนอกจากเขา” ฉันโน้มน้าวเขาด้วยเสียงเรียบ ดวงตาทั้งสองข้างของหลินจิงเฟิงแดงก่ำ ดูโมโหมาก ยกมือขึ้นคิดจะตบฉันบางครั้งอาจเป็นเพราะเกรงกลัวคุณพ่อคุณแม่ฉัน เขาถึงชักมือกลับ จ้องโจวจี้หลิ่นอย่างโหดเหี้ยม จากนั้นก็หันกลับไปขึ้นรถและขับไปจากโรงพยาบาล เมื่อรอให้เขาไป ฉันก็รีบหันมาดูโจวจี้หลิ่นทันที และลูบไปที่คอของเขาเล็กน้อย พลางถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย “เมื่อกี้คนบ้านั่นไม่ได้ทำคุณเจ็บใช่ไหม?”การสัมผัสที่เย็นเฉียบทำให้โจวจี้หลิ่นชะงักเล็กน้อย ดวงตาฉายแววสั่นไหวขึ้นมา แต่แค่ครู่เดียวเท่านั้น“ฉันยังมีงานที่บริษัท ไปก่อนนะ”หลังจากที่เขาพูดก็รีบบอกลากับคุณพ่อคุณแม่ฉัน และวิ่งไปอย่างรวดเร็วจนหายไปในพริบตา ฉันมองแผ่นหลังที่รีบร้อนของเขาก็หัวเราออกมาเบา ๆ เมื่อกี้หูของโจวจี้หลิ่นเหมือนจะแดงเลย?สามวันต่อมาฉันทนอยู่ที่บ้านไม่ไหว จึงแต่งตัว หยิบประวัติส่วนตัวกับกระเป๋าและก็ไปโจวกรุ๊ปเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของพวกเขา

  • จากรักร้าย สู่แฟนใหม่ของศัตรูตัวฉกาจ   บทที่ 9

    จ้าวจิ้งซินมีบุคลิกที่สูงส่ง อ่อนโยนใจกว้าง ไม่เหมือนสือเยียนที่เป็นคนขี้น้อยใจ ได้แต่คิดเล็กคิดน้อยเป็นเท่านั้น“ขอโทษนะคุณหลิน ฉันไม่ได้สนิทกับคุณ และก็ไม่สนใจด้วยว่าคุณจะพาใครมา อยากจะพาใครมามันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน”น้ำเสียงของฉันเย็นชา กวาดสายตามองจ้าวจิ้งซินแวบหนึ่ง และเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “แต่ถ้าคุณมารบกวนฉันอีก ฉันจะแจ้งตำรวจทันที”“สือเยียน ฉันเป็นแฟนของเธอนะ!” หลินจิงเฟิงเอ่ยพลางขมวดคิ้วแน่นฉันเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา สายตาก็ตกไปอยู่ที่โจวจี้หลิ่นที่เดินมาทางฉัน และผลักเขาออกไปพลางเอ่ย “ขอโทษนะ แฟนของฉันมาแล้ว”ฉันเดินไปข้างหน้า และคล้องแขนของโจวจี้หลิ่นอย่างคุ้นเคยมาก“หลินหลิ่น คุณไปไหนมา? ฉันรอคุณตั้งนาน” ฉันเอียงศีรษะ มองใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่ธรรมดาของโจวจี้หลิ่นและเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่สดใสโจวจี้หลิ่นเงยหน้ามองหลินจิงเฟิง และกำลังอยากจะตอบคำถามของฉัน แต่กลุ่มประธานใหญ่ก็ล้อมกันเข้ามา มองฉันพลางเอ่ยอย่างสงสัย “ไม่ค่อยเห็นประธานโจวพาเพื่อนผู้หญิงมาเลยนะ แต่ว่าคุณผู้หญิงท่านนี้ดูคุ้นตาเล็กน้อยนะ”“เธอเป็นพนักงานในบริษัทของผม สือเยียนครับ” โจวจี้หลิ่นแนะนำเมื่อหลิน

  • จากรักร้าย สู่แฟนใหม่ของศัตรูตัวฉกาจ   บทที่ 10

    โจวจี้หลิ่นที่อยู่ในห้องทำงานก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว เขาเงยหน้าขึ้นมองหลินจิงเฟิงที่ท่าทางดุดันแวบหนึ่ง หลังจากนั้นก็เซ็นเอกสารฉบับสุดท้ายด้วยใบหน้าที่สงบนิ่งจนเสร็จหลินจิงเฟิงถูกท่าทางที่ไร้ความรู้สึกนี้ของเขาทำให้โกรธจนขีดสุด และทุบลงไปบนโต๊ะทำงานของเขาอย่างแรงสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะสั่นไหวเล็กน้อย“โจวจี้หลิ่น ฝีมือใช้ได้เลยนี่ แอบอ้างสถานะของฉันเพื่อเข้าใกล้สือเยียนก็ช่างเถอะ แต่ตอนนี้ยังรับสมัครเธอเข้ามาในบริษัทของนายอีก นายตั้งใจคิดจะทำอะไร?!”หลินจิงเฟิงพูดด้วยความเดือดดาลเป็นชุด แต่สีหน้าของโจวจี้หลิ่นยังคงไร้การเปลี่ยนแปลง มันทำให้หลินจิงเฟิงโมโหมาก“นายคืนเธอมาให้ฉันเลยนะ! ไอ้หัวขโมย!”โจวจี้หลิ่นแอบขโมยสือเยียนไป แอบขโมยความรักที่สือเยียนมีต่อเขาไป!“ขอโทษนะ ฉันทำไม่ได้”น้ำเสียงของโจวจี้หลิ่นทุ้มเล็กน้อย ดวงตาก็เฉียบคมราวกับนกเหยี่ยวหลินจิงเฟิงถูกทำให้โกรธจนหัวเราะออกมา ดึงคอเสื้อของเขาพลางเอ่ยด้วยความเดือดดาล “สือเยียนเป็นของฉัน! นายอย่าคิดว่าตอนนี้เธอมองนายเป็นฉันและจะสามารถครอบครองเธอไว้กับตัวเองได้ตลอดไปนะ!”“สือเยียนคือตัวเธอเอง ฉันบังคับเธอไม่ได้หรอก”โ

  • จากรักร้าย สู่แฟนใหม่ของศัตรูตัวฉกาจ   บทที่ 11

    หลังหลินจิงเฟิงออกมาจากโจวกรุ๊ป ก็ไปหาจ้าวจิ้งซินที่มหาวิทยาลัยทันทีทันทีที่จ้าวจิ้งซินเห็นแขนของหลินจิงเฟิงมีเลือดไหล เธอก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งนอกรถ และเมื่อเห็นว่าอารมณ์ของเขามั่นคงถึงได้กล้าขึ้นไปบนรถ“เธอว่าสือเยียนโง่หรือเปล่า? ทำไมถึงดันจำฉันไม่ได้? และตอนนี้ถึงกับกล้าถือมีดชี้มาที่ฉันอีก!”หลินจิงเฟิงนึกถึงฉากเมื่อกี้ก็รู้สึกเสียใจ ทุบพวกมาลัยอย่างแรงอยู่หลายครั้งเมื่อฟังที่หลินจิงเฟิงพูดแบนี้ จ้าวจิ้งซินก็เข้าใจต้นสายปลายเหตุแล้ว“บางทีพี่สือเยียนอาจจะไม่ได้รักคุณมากขนาดนั้น? จะมีใครลืมคนรักของตัวเองได้ล่ะคะ?”จ้าวจิ้งซินพูดไปด้วยพลางวางมือบนต้นขาของเขาเบา ๆ ไปด้วย และสายตาที่มองหลินจิงเฟิงก็เห็นใจมากขึ้นเล็กน้อย “ถ้าเป็นฉัน ฉันจะไม่มีทางลืมคนรักของตัวเอง และไม่มีทางลงมือกับคนรักด้วย”หลินจิงเฟิงได้ยินก็รู้สึกซาบซึ้งใจมากจ้าวจิ้งซินสาวและสวย แถมยังไร้เดียวสาแบบนี้อีก ดีกว่าสือเยียนเป็นพันเท่าหมื่นเท่าเลยจริง ๆ เขาค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้ ๆ แต่ครั้งนี้จ้าวจิ้งซินไม่หลบ และเธอก็ใช้ตัวเองปลอบใจหลินจิงเฟิง หลินจิงเฟิงตกอยู่ในความอ่อนละมุนนี้ทั้งสองแตะสัมผัสกันอยู่สักพัก

Latest chapter

  • จากรักร้าย สู่แฟนใหม่ของศัตรูตัวฉกาจ   บทที่ 20

    โจวจี้หลิ่นเจอสือเยียนครั้งแรกที่การแสดงของชมรมดนตรีสือเยียนยืนฟังเพลงอยู่ด้านล่างเวทีในค่ำคืนฤดูร้อนที่เสียงจักจั่นร้องไม่หยุด ท่ามกล่างเสียงเพลงที่ไพเราะ สือเยียนถือแท่งไฟเชียร์สองอันโบกอย่างบ้าคลั่ง ตอนนั้นเธอปล่อยผมยาวสลวยถึงบ่า สวมเสื้อยืดสีน้ำเงินและกางเกงยีนส์ ผิวขาวมาก ดวงตาก็เปร่งประกายสดใส ทำให้ตัวเธอดูมีชีวิตชีวาทั้งยังร่าเริงโจวจี้หลิ่นแค่มองก็หลงไหลในทันทีเขายืนอยู่ด้านหลังสือเยียน แต่สือเยียนตื่นเต้นมากเกินไป จนถอยหลังมาสองก้าวและล้มเข้าสู่อ้อมแขนของโจวจี้หลิ่นทันที“ขอโทษนะ ฉันตื่นเต้นมากไปหน่อย” สือเยียนยิ้มมาทางเขาเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มที่สดใสและอ่อนหวานมากโจวจี้หลิ่นตกหลุมพรางแล้วหลังจากนั้นเขาก็ตามหาสือเยียนมาโดยตลอด เพราะอยากจะถามเธอว่าชื่ออะไร แต่พอหาเจอ เขาก็ถูกครอบครัวพาตัวไปต่างประเทศ เขาจึงดรอปเรียนไปสองปีเมื่อกลับมา สือเยียนก็คบหากับหลินจิงเฟิงแล้ว แถมยังได้ยินว่าสือเยียนเข้าโรงพยาบาลเพราะหลินจิงเฟิงอีกเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เขาก็คลุ้มคลั่งอย่างขีดสุดเขาไปตามหากลุ่มคนที่ทำร้ายสือเยียนและสู้กับพวกเขาเพียงคนเดียว สู้จนพวกนั้นขอความเมตตา และเป็น

  • จากรักร้าย สู่แฟนใหม่ของศัตรูตัวฉกาจ   บทที่ 19

    วินาทีที่ริมฝีปากซ้อนทับกัน รูม่านตาของโจวจี้หลิ่นก็หดลงทันทีนี่เป็นจูบแรกของพวกเราก่อนหน้านี้ฉันเคยจูบเขา แต่ก็แค่จูบที่ใบหน้า เขาเงยหน้าขึ้นและกดท้ายทอยของฉันไว้ เพื่อเพิ่มจูบนี้ให้ลึกซึ้งมากขึ้น หลังจูบกันสักพัก เขาก็พลิกตัวให้ฉันนอนบนเตียง จากนั้นก้มลงมาจูบที่ริมฝีปากของฉันอย่างบ้าคลั่งราวกับเสือที่ดุร้ายบรรยากาศเปลี่ยนเป็นร้อนระอุขึ้นมา“หลินหลิ่น หลินหลิ่น” ฉันรู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อย ลิ้นก็ชาไปหมด จึงยกมือขึ้นไปดันหน้าอกของเขาไว้ ด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ “พวกเรารีบไปหน่อยหรือเปล่า?”ดวงตาของโจวจี้หลิ่นลึกซึ้ง และแฝงไปด้วยความอ่อนโยน“ขอโทษนะ ฉันน่าจะดื่มมากไปหน่อย” ปากเขาก็บอกแบบนั้น แต่ร่างกายกลับกดทับลงมา กอดที่เอวของฉัน และนอนหลับพร้อมกับโอบกอดฉันไว้ฉันดิ้นเล็กน้อย กลับพบว่าขยับไม่ได้เลยฉันหันหน้ามองเขาเล็กน้อย โครงหน้าของเขาเด่นชัดและลึกซึ้ง ดูเหมือนจะหลับไปแล้วจริง ๆเมื่อเห็นว่าไปไม่ได้แล้ว ฉันจึงนอนอยู่ที่บ้านของโจวจี้หลิ่นหนึ่งคืนเช้าวันรุ่งขึ้น ทันทีที่ฉันพลิกตัวก็เข้าสู่อ้อมแขนที่อบอุ่นทันที เมื่อฉันลืมตาขึ้นก็พบว่าโจวจี้หลิ่นนอนอยู่ข้าง ๆ แต่เมื่

  • จากรักร้าย สู่แฟนใหม่ของศัตรูตัวฉกาจ   บทที่ 18

    ฉันหาจนทั่ว และพบว่าโจวจี้หลิ่นอยู่ในห้องนอนชั้นสอง เขามีกลิ่นเหล้าทั่วตัว ทรุดนั่งลงอยู่ข้างเตียง ในมือถือขวดไวน์แดง และในอ้อมแขนกลับกอดกรอบรูปอันหนึ่งไว้ กระดุมบนเสื้อเชิ้ตของเขาปลดออกครึ่งหนึ่ง หน้าอกขาวที่แข็งแรงของเขาก็เปิดเผยอยู่ในอากาศฉันเอื้อมมือไปหยิบขวดไวน์แดง เขาคลายมือแล้วแต่ตอนที่ฉันจะหยิบกรอบรูป เขาก็ลืมตาขึ้นมาในทันที ดวงตาที่มืดสนิทลึกซึ้งจ้องมองมาที่ฉันอย่างตรงไปตรงมา และสายตาของเขาก็สะลืมละลือเล็กน้อยจากอาการเมา“ห้ามแตะ” น้ำเสียงของเขาแหบแห้งเล็กน้อยเขาพูดแบบนี้ ฉันกลับเกิดความอยากรู้ขึ้นมา จึงถามพร้อมกับยิ้ม “ให้ฉันดูหน่อยได้ไหม?”“ไม่ให้” คิ้วและตาของเขาดุร้ายขึ้นมาเมื่อเห็นเขาดึงดันขนาดนี้ ฉันก็ไม่โน้มน้าวเขาอีก พยุงเขาให้ลุกขึ้นยืน วางเขาลงบนเตียง และถอดรองเท้าให้เขา จากนั้นก็วิ่งออกไปเทน้ำแก้วหนึ่งมาให้เขาฉวยโอกาสตอนที่เขาดื่มน้ำอยู่ ฉันพลิกกรอบรูปและแอบมองแวบหนึ่งเป็นรูปที่ถ่ายตอนฉันกำลังหอมแก้มเขาอยู่นี่มันมีอะไรน่าหวงนักหนา?“โจวจี้หลิ่น ทำไมคุณถึงต้องดื่มเหล้าด้วย แถมยังดื่มจนเมาขนาดนี้อีก? นี่ไม่เหมือนคุณเลยนะ” จู่ ๆ ฉันก็ถามด้วยเสียงที่ท

  • จากรักร้าย สู่แฟนใหม่ของศัตรูตัวฉกาจ   บทที่ 17

    เขาน้ำตาคลอเบ้าเขาไม่มีบ้านให้กลับแล้วจริง ๆ ไม่มีเพื่อน ไม่มีพี่น้อง ไม่มีคนรักหลินจิงเฟิงจู่ ๆ ก็นึกถึงช่วงที่เพิ่งจบจากมหาวิทยาลัย เขาก่อเรื่องและทำร้ายคนอื่นจนเข้าโรงพยาบาล ถูกคุณพ่อไล่ออกจากบ้าน เป็นสือเยียนที่ช่วยเหลือเขา และพาเขาเดินออกมาจากสถานการณ์ที่ยากลำบากเมื่อก่อน ขอแค่เขาโทรศัพท์สักหนึ่งสาย และส่งข้อความสักหนึ่งข้อความ สือเยียนก็จะมาอยู่ข้างกายเขาโดยไม่ลังเล“เยียนเยียน...” หลินจิงเฟิงนั่งอยู่ที่หน้าประตูบ้านฉันนานมากแล้ว เมื่อเห็นฉันออกมา เขาก็รีบลุกขึ้นยืน มองฉันและตะโกนเรียกฉันหยุดฝีเท้าลงสักพักหนึ่ง และเงยหน้าขึ้นมองหลินจิงเฟิงที่ทุลังทุเลอย่างตกตะลึงเล็กน้อย เขาถูกคนตีจนจมูกช้ำใบหน้าบวม สายตาก็ไม่มีประกายสดใสเหมือนเคย เสื้อผ้าก็เปื้อนโคลนด้วย“คุณหลิน คุณมีธุระอะไร?” ฉันเอ่ยด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์เมื่อได้ยินคำว่า ‘คุณหลิน’ หลินจิงเฟิงก็น้ำตาคลอเบ้า และมองฉันด้วยน้ำตานองหน้า เขารู้ว่ากลับไปไม่ได้แล้ว“เยียนเยียน ถ้าเธอไม่ความจำเสื่อมก็คงดี ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราคงแต่งงานกันไปแล้วแน่ๆ” หลินจิงเฟิงเอ่ยพลางสะอึกสะอื้นฉันหัวเราะเสียงเย็นหัวเราะที่เขาคิดง

  • จากรักร้าย สู่แฟนใหม่ของศัตรูตัวฉกาจ   บทที่ 16

    หลินจิงเฟิงพูดไม่ออก“ฉันไม่ได้จริงใจกับจ้าวจิ้งซิน แต่เธอกับโจวจี้หลิ่นล่ะ? เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดถึงฉันแบบนี้ เธอก็นอนกับเขาแล้วใช่ไหม?” เขาหาข้ออ้างเจอแล้ว เลยบีบถามฉัน“ใช่...หรือไม่ใช่ มันเกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ?” ฉันเอ่ยพลางหัวเราะเสียงเย็น“ฉันในเมื่อก่อน ตายตั้งแต่วินาทีที่คุณผลักฉันตกลงทะเลแล้ว และหลังจากนี้ทุกอย่างของฉันก็จะไม่เกี่ยวข้องกับคุณ” สายตาที่ฉันมองไปทางเขาค่อย ๆ มืดมนลงที่ละนิดหลินจิงเฟิงเห็นสายตาที่เย็นชาของฉันหัวใจก็เจ็บแปลบขึ้นมาเขากุมมือฉันพลางน้ำตาคลอเบ้า และจนถึงตอนนี้ก็ยังคงโต้แย้งอยู่ “ฉันไม่เลิก อย่างมากฉันก็แค่ทิ้งจ้าวจิ้งซิน ฉันไม่ได้รักเธอเลย คนที่ฉันรักคือเธอนะ”ความรักสามปีหยั่งรากลึกอยู่ในใจเขา และเขาเชื่ออยู่เสมอว่าฉันจะรักเขาตลอดไปฉันอยากจะหลุดพ้นออกจากมือของเขา แต่ครั้งนี้เขาจับแน่นมาก คุณพ่อฉันเห็นดังนั้นจึงเดินเข้ามา ดึงฉันไปอยู่ด้านหลัง และตบหลินจิงเฟิงอย่างแรง“ไอ้สารเลว ไม่ขยะแขยงบ้างเหรอ?! ถ้าต่อไปยังกล้าเข้าใกล้ลูกสาวฉันแม้แต่ก้าวเดียว ฉันจะหักขาของนายซะ!”คุณพ่อฉันดุเขาด้วยความโกรธ และดึงฉันออกไปจากตรงนั้นเมื่อเห็นฉันจากไป หลินจิง

  • จากรักร้าย สู่แฟนใหม่ของศัตรูตัวฉกาจ   บทที่ 15

    หลินจิงเฟิงดวงตาเปล่งประกายขึ้นมา“เยียนเยียน จริงเหรอ? เธอจำฉันได้แล้วใช่ไหม?” เขาพุ่งเข้ามา และเอ่ยด้วยน้ำตาคลอเบ้าพลางจับไหล่ทั้งสองข้างของฉันด้วยความตื่นเต้นมากอีกด้านหนึ่งหลังจากโจวจี้หลิ่นได้ยินคำพูดนี้ก็วางแท็บเล็ตลง จ้องมองรูปคู่ที่ถ่ายกับฉันอยู่ข้าง ๆ ด้วยสายตาที่หม่นหมองความฝันที่ไม่สามารถเป็นจริงได้ไม่ว่าจะอย่างไรสุดท้ายเขาก็ต้องตื่นอยู่ดี“ฉันเป็นแฟนของเธอ? เธอจำได้แล้วใช่ไหม?” หลินจิงเฟิงเห็นฉันไม่ตอบ แรงที่มือของเขาก็เพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว และน้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นเร่งเร้าขึ้นมา“จำได้” ฉันหัวเราะด้วยเสียงที่เย็นชาทันทีที่หลินจิงเฟิงได้ยิน ก็ดีใจจนคิดจะกอดฉัน แต่ฉันเงยหน้าขึ้นและดันเขาเอาไว้“ฉันจำได้ว่าคุณสารภาพรักกับฉันมาสามปีฉันถึงตอบตกลง ฉันจำท่าทางที่คุณตื่นเต้นจนร้องไห้เมื่อฉันตอบรับคำสารภาพรักของคุณ และจำได้ถึงท่าทางที่คุณสัญญากับฉันว่า ชาตินี้ ชีวิตนี้ จะมีฉันเพียงคนเดียว เรื่องพวกนี้ฉันจำได้ทั้งหมด” ขณะที่ฉันเอ่ยน้ำตาก็คลอเบ้า“แต่เรื่องพวกนี้ คุณยังจำได้ไหม?” ฉันถามหลินจิงเฟิงกลับหลินจิงเฟิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ“คุณบอกว่าช่วงที่อยู่ในมหาวิทยาลัยเคย

  • จากรักร้าย สู่แฟนใหม่ของศัตรูตัวฉกาจ   บทที่ 14

    “คุณหลิน ผมคิดว่าสถานการณ์อย่างคุณสือ คุณอาจจะต้องอยู่กับเธอให้มาก ๆ และพาเธอไปยังสถานที่ที่พวกคุณเคยไป บางทีมันอาจช่วยให้เธอนึกถึงคุณก็ได้นะครับ” คุณหมอเอ่ย“ไร้สาระ! ยังอ้างตัวเองว่าเป็นแพทย์ด้านสมองที่ดีที่สุดในประเทศอะไรนี้อีก ถ้าสือเยียนจำผมไม่ได้ ชื่อเสียงนี้ของคุณก็ไม่ต้องเอามันแล้ว!” หลินจิงเฟิงโยนหมอออกไปอีกด้าน ตวาดเสร็จก็จากไปแล้วแต่ไม่รอให้เขาทำตามแผนการคุณพ่อของเขาก็ตามหาวิลล่าที่เขากับจ้าวจิ้งซินอยู่ด้วยกันจนเจอหลินจิงเฟิงกำลังกอดจ้าวจิ้งซินและดื่มเหล้าดับทุกข์กันอยู่ พอเห็นคุณพ่อเขาก็ตกใจจนลุกขึ้นยืน และเอ่ยด้วยเสียงสั่น “พ่อ ทำไมพ่อ...”เพี๊ยะ!หลินเจิ้งเฟิงตบหลินจิงเฟิงจนพูดอะไรไม่ออก“ฉันก็ว่าทำไมสือเยียนถึงลาออกไปทำงานกับโจวกรุ๊ป ที่แท้แกก็มีผู้หญิงอื่นอยู่ด้านนอกนี่เอง! แกไอ้ลูกชั่ว คิดจะทำร้ายฉันให้ตายเลยใช่ไหม?! และแกรู้ไหมว่าสือเยียนสำคัญกับบริษัทของเรามากแค่ไหน!” หลินเจิ่งเฟิงโกรธจนสั่นไปทั้งตัว “พ่อ นี่จะโทษผมไม่ได้นะ สือเยียนคิดว่าผมเป็นโจวจี้หลิ่น ผมจะทำอะไรได้?” หลินจิงเฟิงเอ่ยอย่างช่วยไม่ได้“ฉันรู้ และฉันยังรู้อีกว่าแกผลักเธอลงไปในทะเล!” หลินเ

  • จากรักร้าย สู่แฟนใหม่ของศัตรูตัวฉกาจ   บทที่ 13

    “สือเยียน เธอจะปล่อยให้ตัวเองนึกเสียใจทีหลังไม่ได้นะ!”หลินจิงเฟิงร้องตะโกนอยู่ด้านนอกฉันไม่ได้พูดอะไรอีกหลินจิงเฟิงอยู่ได้ไม่นานก็กลับมาที่วิลล่า ทันทีที่เข้ามาเขาก็เตะโต๊ะจนคว่ำด้วยใบหน้าที่โกรธแค้น เสียงดังมากจนจ้าวจิ้ง ซินที่มาส์กหน้าอยู่ในห้องยังตกใจเธอรีบวิ่งออกมาทันที และเห็นหลินจิงเฟิงนั่งอยู่บนโซฟาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด“เป็นอะไรไปคะ?” เธอถามอย่างระมัดระวัง“สือเยียนบอกว่าเธอจะแต่งงานกับโจวจี้หลิ่น แต่เธอควรจะแต่งงานกับฉันถึงจะถูก! เธอว่าเธอจะลืมฉันไปตลอดชีวิตเลยหรือเปล่า?”เมื่อหลินจิงเฟิงนึกถึงสายตาที่เกลียดชังของสือเยียนเมื่อกี้ หัวใจก็เจ็บแปลบขึ้นมาสือเยียนไม่เคยปฏิบัติแบบนี้ต่อเขามาก่อน!จ้าวจิ้งซินได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้ว แต่ยังคงเอ่ยอย่างฝืนทนความไม่พอใจเอาไว้ “จะเป็นไปได้ยังไง? คุณหมอบอกว่าเธอจะจำได้ไม่ใช่เหรอ? แต่ว่าฉันเห็นพี่สือเยียนกับโจวจี้หลิ่นคนนั้นใช้ชีวิตอย่างมีความสุขดีนะ ฉันมีเพื่อนเห็นพวกเขาไปสวนสนุกด้วย เหมือนคู่รักกันจริง ๆ เลยค่ะ”เมื่อได้ยิน หลินจิงเฟิงจู่ ๆ ก็นึกถึงโมเมนต์ที่สือเยียนเพิ่งโพสต์ขึ้นมาได้เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด

  • จากรักร้าย สู่แฟนใหม่ของศัตรูตัวฉกาจ   บทที่ 12

    ท่าทางของฉันหยุดชะงัก ริมฝีปากอ้าออกเล็กน้อย และเมื่อกำลังจะพูด โจวจี้หลิ่นก็ขัดจัวหวะฉันเสียก่อน“ตอนที่ฉันเดินห้างสรรพสินค้าเห็นว่าสร้อยเสร็จนี้สวยดี จึงถือโอกาสซื้อมาให้เธอด้วย”เขาไม่สนใจว่าฉันอยากจะได้ไหม และหยิบมันออกมาจากกล่องแล้วสวมให้ฉันอย่างระมัดระวังการเคลื่อนไหวของเขาช้ามาก และระมัดระวังมากเช่นกัน ราวกับกลัวว่าฉันจะปฏิเสธฉันเคยเห็นท่าทางที่เด็ดขาดและรวดเร็วของเขาในบริษัท ปกติเขาเป็นคนที่ยิ้มน้อยมาก จู่ ๆ มาระมัดระวังแบบนี้ ฉันกลับรู้สึกไม่ค่อยคุ้นชินสักเท่าไรทว่าเรื่องที่เขาถือโอกาสยังมีอีกมากมายถือโอกาสไปเยี่ยมฉันที่โรงพยาบาล ถือโอกาสซื้อข้าวซื้อดอกไม้ให้ฉัน และตอนนี้ยังถือโอกาสซื้อสร้อยคอให้ฉันด้วย“สวยจังเลย ฉันชอบมาก” ฉันหยิบสร้อยคอขึ้นมาลูบเบา ๆ และยิ้มไปให้เขาเมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขายังคงเคร่งเครียดอยู่ ฉันจึงดึงให้เขานั่งลงบนไม้นั่ง ทันทีที่เขานั่งลงกลับกุมมือของฉันไว้ ดวงตาที่ดำสนิทจ้องมองที่ฉันอย่างตั้งใจ และเอ่ยเสียงเบา “เธอไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริงบ้างเหรอ?”รอยยิ้มของฉันค้างอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดลงทีละนิด แล

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status