โจวจี้หลิ่นที่อยู่ในห้องทำงานก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว เขาเงยหน้าขึ้นมองหลินจิงเฟิงที่ท่าทางดุดันแวบหนึ่ง หลังจากนั้นก็เซ็นเอกสารฉบับสุดท้ายด้วยใบหน้าที่สงบนิ่งจนเสร็จหลินจิงเฟิงถูกท่าทางที่ไร้ความรู้สึกนี้ของเขาทำให้โกรธจนขีดสุด และทุบลงไปบนโต๊ะทำงานของเขาอย่างแรงสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะสั่นไหวเล็กน้อย“โจวจี้หลิ่น ฝีมือใช้ได้เลยนี่ แอบอ้างสถานะของฉันเพื่อเข้าใกล้สือเยียนก็ช่างเถอะ แต่ตอนนี้ยังรับสมัครเธอเข้ามาในบริษัทของนายอีก นายตั้งใจคิดจะทำอะไร?!”หลินจิงเฟิงพูดด้วยความเดือดดาลเป็นชุด แต่สีหน้าของโจวจี้หลิ่นยังคงไร้การเปลี่ยนแปลง มันทำให้หลินจิงเฟิงโมโหมาก“นายคืนเธอมาให้ฉันเลยนะ! ไอ้หัวขโมย!”โจวจี้หลิ่นแอบขโมยสือเยียนไป แอบขโมยความรักที่สือเยียนมีต่อเขาไป!“ขอโทษนะ ฉันทำไม่ได้”น้ำเสียงของโจวจี้หลิ่นทุ้มเล็กน้อย ดวงตาก็เฉียบคมราวกับนกเหยี่ยวหลินจิงเฟิงถูกทำให้โกรธจนหัวเราะออกมา ดึงคอเสื้อของเขาพลางเอ่ยด้วยความเดือดดาล “สือเยียนเป็นของฉัน! นายอย่าคิดว่าตอนนี้เธอมองนายเป็นฉันและจะสามารถครอบครองเธอไว้กับตัวเองได้ตลอดไปนะ!”“สือเยียนคือตัวเธอเอง ฉันบังคับเธอไม่ได้หรอก”โ
หลังหลินจิงเฟิงออกมาจากโจวกรุ๊ป ก็ไปหาจ้าวจิ้งซินที่มหาวิทยาลัยทันทีทันทีที่จ้าวจิ้งซินเห็นแขนของหลินจิงเฟิงมีเลือดไหล เธอก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งนอกรถ และเมื่อเห็นว่าอารมณ์ของเขามั่นคงถึงได้กล้าขึ้นไปบนรถ“เธอว่าสือเยียนโง่หรือเปล่า? ทำไมถึงดันจำฉันไม่ได้? และตอนนี้ถึงกับกล้าถือมีดชี้มาที่ฉันอีก!”หลินจิงเฟิงนึกถึงฉากเมื่อกี้ก็รู้สึกเสียใจ ทุบพวกมาลัยอย่างแรงอยู่หลายครั้งเมื่อฟังที่หลินจิงเฟิงพูดแบนี้ จ้าวจิ้งซินก็เข้าใจต้นสายปลายเหตุแล้ว“บางทีพี่สือเยียนอาจจะไม่ได้รักคุณมากขนาดนั้น? จะมีใครลืมคนรักของตัวเองได้ล่ะคะ?”จ้าวจิ้งซินพูดไปด้วยพลางวางมือบนต้นขาของเขาเบา ๆ ไปด้วย และสายตาที่มองหลินจิงเฟิงก็เห็นใจมากขึ้นเล็กน้อย “ถ้าเป็นฉัน ฉันจะไม่มีทางลืมคนรักของตัวเอง และไม่มีทางลงมือกับคนรักด้วย”หลินจิงเฟิงได้ยินก็รู้สึกซาบซึ้งใจมากจ้าวจิ้งซินสาวและสวย แถมยังไร้เดียวสาแบบนี้อีก ดีกว่าสือเยียนเป็นพันเท่าหมื่นเท่าเลยจริง ๆ เขาค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้ ๆ แต่ครั้งนี้จ้าวจิ้งซินไม่หลบ และเธอก็ใช้ตัวเองปลอบใจหลินจิงเฟิง หลินจิงเฟิงตกอยู่ในความอ่อนละมุนนี้ทั้งสองแตะสัมผัสกันอยู่สักพัก
ท่าทางของฉันหยุดชะงัก ริมฝีปากอ้าออกเล็กน้อย และเมื่อกำลังจะพูด โจวจี้หลิ่นก็ขัดจัวหวะฉันเสียก่อน“ตอนที่ฉันเดินห้างสรรพสินค้าเห็นว่าสร้อยเสร็จนี้สวยดี จึงถือโอกาสซื้อมาให้เธอด้วย”เขาไม่สนใจว่าฉันอยากจะได้ไหม และหยิบมันออกมาจากกล่องแล้วสวมให้ฉันอย่างระมัดระวังการเคลื่อนไหวของเขาช้ามาก และระมัดระวังมากเช่นกัน ราวกับกลัวว่าฉันจะปฏิเสธฉันเคยเห็นท่าทางที่เด็ดขาดและรวดเร็วของเขาในบริษัท ปกติเขาเป็นคนที่ยิ้มน้อยมาก จู่ ๆ มาระมัดระวังแบบนี้ ฉันกลับรู้สึกไม่ค่อยคุ้นชินสักเท่าไรทว่าเรื่องที่เขาถือโอกาสยังมีอีกมากมายถือโอกาสไปเยี่ยมฉันที่โรงพยาบาล ถือโอกาสซื้อข้าวซื้อดอกไม้ให้ฉัน และตอนนี้ยังถือโอกาสซื้อสร้อยคอให้ฉันด้วย“สวยจังเลย ฉันชอบมาก” ฉันหยิบสร้อยคอขึ้นมาลูบเบา ๆ และยิ้มไปให้เขาเมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขายังคงเคร่งเครียดอยู่ ฉันจึงดึงให้เขานั่งลงบนไม้นั่ง ทันทีที่เขานั่งลงกลับกุมมือของฉันไว้ ดวงตาที่ดำสนิทจ้องมองที่ฉันอย่างตั้งใจ และเอ่ยเสียงเบา “เธอไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริงบ้างเหรอ?”รอยยิ้มของฉันค้างอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดลงทีละนิด แล
“สือเยียน เธอจะปล่อยให้ตัวเองนึกเสียใจทีหลังไม่ได้นะ!”หลินจิงเฟิงร้องตะโกนอยู่ด้านนอกฉันไม่ได้พูดอะไรอีกหลินจิงเฟิงอยู่ได้ไม่นานก็กลับมาที่วิลล่า ทันทีที่เข้ามาเขาก็เตะโต๊ะจนคว่ำด้วยใบหน้าที่โกรธแค้น เสียงดังมากจนจ้าวจิ้ง ซินที่มาส์กหน้าอยู่ในห้องยังตกใจเธอรีบวิ่งออกมาทันที และเห็นหลินจิงเฟิงนั่งอยู่บนโซฟาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด“เป็นอะไรไปคะ?” เธอถามอย่างระมัดระวัง“สือเยียนบอกว่าเธอจะแต่งงานกับโจวจี้หลิ่น แต่เธอควรจะแต่งงานกับฉันถึงจะถูก! เธอว่าเธอจะลืมฉันไปตลอดชีวิตเลยหรือเปล่า?”เมื่อหลินจิงเฟิงนึกถึงสายตาที่เกลียดชังของสือเยียนเมื่อกี้ หัวใจก็เจ็บแปลบขึ้นมาสือเยียนไม่เคยปฏิบัติแบบนี้ต่อเขามาก่อน!จ้าวจิ้งซินได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้ว แต่ยังคงเอ่ยอย่างฝืนทนความไม่พอใจเอาไว้ “จะเป็นไปได้ยังไง? คุณหมอบอกว่าเธอจะจำได้ไม่ใช่เหรอ? แต่ว่าฉันเห็นพี่สือเยียนกับโจวจี้หลิ่นคนนั้นใช้ชีวิตอย่างมีความสุขดีนะ ฉันมีเพื่อนเห็นพวกเขาไปสวนสนุกด้วย เหมือนคู่รักกันจริง ๆ เลยค่ะ”เมื่อได้ยิน หลินจิงเฟิงจู่ ๆ ก็นึกถึงโมเมนต์ที่สือเยียนเพิ่งโพสต์ขึ้นมาได้เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด
“คุณหลิน ผมคิดว่าสถานการณ์อย่างคุณสือ คุณอาจจะต้องอยู่กับเธอให้มาก ๆ และพาเธอไปยังสถานที่ที่พวกคุณเคยไป บางทีมันอาจช่วยให้เธอนึกถึงคุณก็ได้นะครับ” คุณหมอเอ่ย“ไร้สาระ! ยังอ้างตัวเองว่าเป็นแพทย์ด้านสมองที่ดีที่สุดในประเทศอะไรนี้อีก ถ้าสือเยียนจำผมไม่ได้ ชื่อเสียงนี้ของคุณก็ไม่ต้องเอามันแล้ว!” หลินจิงเฟิงโยนหมอออกไปอีกด้าน ตวาดเสร็จก็จากไปแล้วแต่ไม่รอให้เขาทำตามแผนการคุณพ่อของเขาก็ตามหาวิลล่าที่เขากับจ้าวจิ้งซินอยู่ด้วยกันจนเจอหลินจิงเฟิงกำลังกอดจ้าวจิ้งซินและดื่มเหล้าดับทุกข์กันอยู่ พอเห็นคุณพ่อเขาก็ตกใจจนลุกขึ้นยืน และเอ่ยด้วยเสียงสั่น “พ่อ ทำไมพ่อ...”เพี๊ยะ!หลินเจิ้งเฟิงตบหลินจิงเฟิงจนพูดอะไรไม่ออก“ฉันก็ว่าทำไมสือเยียนถึงลาออกไปทำงานกับโจวกรุ๊ป ที่แท้แกก็มีผู้หญิงอื่นอยู่ด้านนอกนี่เอง! แกไอ้ลูกชั่ว คิดจะทำร้ายฉันให้ตายเลยใช่ไหม?! และแกรู้ไหมว่าสือเยียนสำคัญกับบริษัทของเรามากแค่ไหน!” หลินเจิ่งเฟิงโกรธจนสั่นไปทั้งตัว “พ่อ นี่จะโทษผมไม่ได้นะ สือเยียนคิดว่าผมเป็นโจวจี้หลิ่น ผมจะทำอะไรได้?” หลินจิงเฟิงเอ่ยอย่างช่วยไม่ได้“ฉันรู้ และฉันยังรู้อีกว่าแกผลักเธอลงไปในทะเล!” หลินเ
หลินจิงเฟิงดวงตาเปล่งประกายขึ้นมา“เยียนเยียน จริงเหรอ? เธอจำฉันได้แล้วใช่ไหม?” เขาพุ่งเข้ามา และเอ่ยด้วยน้ำตาคลอเบ้าพลางจับไหล่ทั้งสองข้างของฉันด้วยความตื่นเต้นมากอีกด้านหนึ่งหลังจากโจวจี้หลิ่นได้ยินคำพูดนี้ก็วางแท็บเล็ตลง จ้องมองรูปคู่ที่ถ่ายกับฉันอยู่ข้าง ๆ ด้วยสายตาที่หม่นหมองความฝันที่ไม่สามารถเป็นจริงได้ไม่ว่าจะอย่างไรสุดท้ายเขาก็ต้องตื่นอยู่ดี“ฉันเป็นแฟนของเธอ? เธอจำได้แล้วใช่ไหม?” หลินจิงเฟิงเห็นฉันไม่ตอบ แรงที่มือของเขาก็เพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว และน้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นเร่งเร้าขึ้นมา“จำได้” ฉันหัวเราะด้วยเสียงที่เย็นชาทันทีที่หลินจิงเฟิงได้ยิน ก็ดีใจจนคิดจะกอดฉัน แต่ฉันเงยหน้าขึ้นและดันเขาเอาไว้“ฉันจำได้ว่าคุณสารภาพรักกับฉันมาสามปีฉันถึงตอบตกลง ฉันจำท่าทางที่คุณตื่นเต้นจนร้องไห้เมื่อฉันตอบรับคำสารภาพรักของคุณ และจำได้ถึงท่าทางที่คุณสัญญากับฉันว่า ชาตินี้ ชีวิตนี้ จะมีฉันเพียงคนเดียว เรื่องพวกนี้ฉันจำได้ทั้งหมด” ขณะที่ฉันเอ่ยน้ำตาก็คลอเบ้า“แต่เรื่องพวกนี้ คุณยังจำได้ไหม?” ฉันถามหลินจิงเฟิงกลับหลินจิงเฟิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ“คุณบอกว่าช่วงที่อยู่ในมหาวิทยาลัยเคย
หลินจิงเฟิงพูดไม่ออก“ฉันไม่ได้จริงใจกับจ้าวจิ้งซิน แต่เธอกับโจวจี้หลิ่นล่ะ? เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดถึงฉันแบบนี้ เธอก็นอนกับเขาแล้วใช่ไหม?” เขาหาข้ออ้างเจอแล้ว เลยบีบถามฉัน“ใช่...หรือไม่ใช่ มันเกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ?” ฉันเอ่ยพลางหัวเราะเสียงเย็น“ฉันในเมื่อก่อน ตายตั้งแต่วินาทีที่คุณผลักฉันตกลงทะเลแล้ว และหลังจากนี้ทุกอย่างของฉันก็จะไม่เกี่ยวข้องกับคุณ” สายตาที่ฉันมองไปทางเขาค่อย ๆ มืดมนลงที่ละนิดหลินจิงเฟิงเห็นสายตาที่เย็นชาของฉันหัวใจก็เจ็บแปลบขึ้นมาเขากุมมือฉันพลางน้ำตาคลอเบ้า และจนถึงตอนนี้ก็ยังคงโต้แย้งอยู่ “ฉันไม่เลิก อย่างมากฉันก็แค่ทิ้งจ้าวจิ้งซิน ฉันไม่ได้รักเธอเลย คนที่ฉันรักคือเธอนะ”ความรักสามปีหยั่งรากลึกอยู่ในใจเขา และเขาเชื่ออยู่เสมอว่าฉันจะรักเขาตลอดไปฉันอยากจะหลุดพ้นออกจากมือของเขา แต่ครั้งนี้เขาจับแน่นมาก คุณพ่อฉันเห็นดังนั้นจึงเดินเข้ามา ดึงฉันไปอยู่ด้านหลัง และตบหลินจิงเฟิงอย่างแรง“ไอ้สารเลว ไม่ขยะแขยงบ้างเหรอ?! ถ้าต่อไปยังกล้าเข้าใกล้ลูกสาวฉันแม้แต่ก้าวเดียว ฉันจะหักขาของนายซะ!”คุณพ่อฉันดุเขาด้วยความโกรธ และดึงฉันออกไปจากตรงนั้นเมื่อเห็นฉันจากไป หลินจิง
เขาน้ำตาคลอเบ้าเขาไม่มีบ้านให้กลับแล้วจริง ๆ ไม่มีเพื่อน ไม่มีพี่น้อง ไม่มีคนรักหลินจิงเฟิงจู่ ๆ ก็นึกถึงช่วงที่เพิ่งจบจากมหาวิทยาลัย เขาก่อเรื่องและทำร้ายคนอื่นจนเข้าโรงพยาบาล ถูกคุณพ่อไล่ออกจากบ้าน เป็นสือเยียนที่ช่วยเหลือเขา และพาเขาเดินออกมาจากสถานการณ์ที่ยากลำบากเมื่อก่อน ขอแค่เขาโทรศัพท์สักหนึ่งสาย และส่งข้อความสักหนึ่งข้อความ สือเยียนก็จะมาอยู่ข้างกายเขาโดยไม่ลังเล“เยียนเยียน...” หลินจิงเฟิงนั่งอยู่ที่หน้าประตูบ้านฉันนานมากแล้ว เมื่อเห็นฉันออกมา เขาก็รีบลุกขึ้นยืน มองฉันและตะโกนเรียกฉันหยุดฝีเท้าลงสักพักหนึ่ง และเงยหน้าขึ้นมองหลินจิงเฟิงที่ทุลังทุเลอย่างตกตะลึงเล็กน้อย เขาถูกคนตีจนจมูกช้ำใบหน้าบวม สายตาก็ไม่มีประกายสดใสเหมือนเคย เสื้อผ้าก็เปื้อนโคลนด้วย“คุณหลิน คุณมีธุระอะไร?” ฉันเอ่ยด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์เมื่อได้ยินคำว่า ‘คุณหลิน’ หลินจิงเฟิงก็น้ำตาคลอเบ้า และมองฉันด้วยน้ำตานองหน้า เขารู้ว่ากลับไปไม่ได้แล้ว“เยียนเยียน ถ้าเธอไม่ความจำเสื่อมก็คงดี ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราคงแต่งงานกันไปแล้วแน่ๆ” หลินจิงเฟิงเอ่ยพลางสะอึกสะอื้นฉันหัวเราะเสียงเย็นหัวเราะที่เขาคิดง