ฉันกอดคอของเขา หยิบโทรศัพท์มือถืออกมา และในตอนที่หอมแก้มของเขาก็ถ่ายรูปมารูปหนึ่งวินาที่ที่หอมลงไป รูม่านตาของโจวจี้หลิ่นก็หดลงเล็กน้อย“ฉันต้องโพสต์ลงโมเมนต์ ไม่อย่างนั้นคุณจะหนีไปอีก”ไม่รอให้เขามีการตอบสนอง ฉันก็โพสต์อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็เปิดกล่องข้าวที่เขานำมาอย่างเป็นธรรมชาติมากกลิ่นหอมของอาหารฟุ้งออกมา มองดูยังร้อนกรุ่นอยู่ฉันพบว่าล้วนเป็นอาหารที่ฉันชอบกินช่วงอยู่มหาวิทยาลัย ทั้งปลาตุ๋นน้ำแดง หัวสิงโตตุ๋นน้ำแดง แถมยังมีเนื้อกับผักที่กระจายอยู่ และการวางเรียงก็ประณีตอย่างมากด้วยฉันเอียงศีรษะมองกระบอกเก็บอุณหภูมิอีกอันหนึ่ง เมื่อเปิดออกมาดูพบว่าเป็นซุปซี่โครงเห็นอาหารพวกนี้แล้ว ฉันก็ชะงักไปเล็กน้อย ขอบตาก็แดงเรื่อขึ้นมา แต่เป็นได้แค่ครู่เดียว ฉันก็กลับมาเป็นปกติในทันทีคุณแม่ฉันมองฉันที่รับประทานอาหารอย่างมีความสุข และมองโจวจี้หลิ่นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความขอบคุณมากขึ้นเล็กน้อย และยิ้มอย่างสดใสพลางเอ่ย “เสี่ยวโจว คุณใส่ใจจริง ๆ พวกเรากลับมาอยากจะถามเยียนเยียนอยู่พอดีว่าอยากกินอะไร คุณก็นำอาหารมาด้วยแล้ว”“ไม่เป็นไรครับคุณป้า” โจวจี้หลิ่นยิ้มอย่างสุภาพคุณพ่อคุณ
สายตาของฉันยังคงเย็นชา และมองเขาเหมือนกับคนแปลกหน้า“คุณหลิน คุณพอได้แล้ว อย่ามารบกวนฉันอีกเลย แฟนของฉันมีแค่คนเดียว นั่นก็คือโจวจี้หลิ่น ฉันรักเขามาก และฉันไม่ต้องการใครนอกจากเขา” ฉันโน้มน้าวเขาด้วยเสียงเรียบ ดวงตาทั้งสองข้างของหลินจิงเฟิงแดงก่ำ ดูโมโหมาก ยกมือขึ้นคิดจะตบฉันบางครั้งอาจเป็นเพราะเกรงกลัวคุณพ่อคุณแม่ฉัน เขาถึงชักมือกลับ จ้องโจวจี้หลิ่นอย่างโหดเหี้ยม จากนั้นก็หันกลับไปขึ้นรถและขับไปจากโรงพยาบาล เมื่อรอให้เขาไป ฉันก็รีบหันมาดูโจวจี้หลิ่นทันที และลูบไปที่คอของเขาเล็กน้อย พลางถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย “เมื่อกี้คนบ้านั่นไม่ได้ทำคุณเจ็บใช่ไหม?”การสัมผัสที่เย็นเฉียบทำให้โจวจี้หลิ่นชะงักเล็กน้อย ดวงตาฉายแววสั่นไหวขึ้นมา แต่แค่ครู่เดียวเท่านั้น“ฉันยังมีงานที่บริษัท ไปก่อนนะ”หลังจากที่เขาพูดก็รีบบอกลากับคุณพ่อคุณแม่ฉัน และวิ่งไปอย่างรวดเร็วจนหายไปในพริบตา ฉันมองแผ่นหลังที่รีบร้อนของเขาก็หัวเราออกมาเบา ๆ เมื่อกี้หูของโจวจี้หลิ่นเหมือนจะแดงเลย?สามวันต่อมาฉันทนอยู่ที่บ้านไม่ไหว จึงแต่งตัว หยิบประวัติส่วนตัวกับกระเป๋าและก็ไปโจวกรุ๊ปเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของพวกเขา
จ้าวจิ้งซินมีบุคลิกที่สูงส่ง อ่อนโยนใจกว้าง ไม่เหมือนสือเยียนที่เป็นคนขี้น้อยใจ ได้แต่คิดเล็กคิดน้อยเป็นเท่านั้น“ขอโทษนะคุณหลิน ฉันไม่ได้สนิทกับคุณ และก็ไม่สนใจด้วยว่าคุณจะพาใครมา อยากจะพาใครมามันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน”น้ำเสียงของฉันเย็นชา กวาดสายตามองจ้าวจิ้งซินแวบหนึ่ง และเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “แต่ถ้าคุณมารบกวนฉันอีก ฉันจะแจ้งตำรวจทันที”“สือเยียน ฉันเป็นแฟนของเธอนะ!” หลินจิงเฟิงเอ่ยพลางขมวดคิ้วแน่นฉันเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา สายตาก็ตกไปอยู่ที่โจวจี้หลิ่นที่เดินมาทางฉัน และผลักเขาออกไปพลางเอ่ย “ขอโทษนะ แฟนของฉันมาแล้ว”ฉันเดินไปข้างหน้า และคล้องแขนของโจวจี้หลิ่นอย่างคุ้นเคยมาก“หลินหลิ่น คุณไปไหนมา? ฉันรอคุณตั้งนาน” ฉันเอียงศีรษะ มองใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่ธรรมดาของโจวจี้หลิ่นและเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่สดใสโจวจี้หลิ่นเงยหน้ามองหลินจิงเฟิง และกำลังอยากจะตอบคำถามของฉัน แต่กลุ่มประธานใหญ่ก็ล้อมกันเข้ามา มองฉันพลางเอ่ยอย่างสงสัย “ไม่ค่อยเห็นประธานโจวพาเพื่อนผู้หญิงมาเลยนะ แต่ว่าคุณผู้หญิงท่านนี้ดูคุ้นตาเล็กน้อยนะ”“เธอเป็นพนักงานในบริษัทของผม สือเยียนครับ” โจวจี้หลิ่นแนะนำเมื่อหลิน
โจวจี้หลิ่นที่อยู่ในห้องทำงานก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว เขาเงยหน้าขึ้นมองหลินจิงเฟิงที่ท่าทางดุดันแวบหนึ่ง หลังจากนั้นก็เซ็นเอกสารฉบับสุดท้ายด้วยใบหน้าที่สงบนิ่งจนเสร็จหลินจิงเฟิงถูกท่าทางที่ไร้ความรู้สึกนี้ของเขาทำให้โกรธจนขีดสุด และทุบลงไปบนโต๊ะทำงานของเขาอย่างแรงสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะสั่นไหวเล็กน้อย“โจวจี้หลิ่น ฝีมือใช้ได้เลยนี่ แอบอ้างสถานะของฉันเพื่อเข้าใกล้สือเยียนก็ช่างเถอะ แต่ตอนนี้ยังรับสมัครเธอเข้ามาในบริษัทของนายอีก นายตั้งใจคิดจะทำอะไร?!”หลินจิงเฟิงพูดด้วยความเดือดดาลเป็นชุด แต่สีหน้าของโจวจี้หลิ่นยังคงไร้การเปลี่ยนแปลง มันทำให้หลินจิงเฟิงโมโหมาก“นายคืนเธอมาให้ฉันเลยนะ! ไอ้หัวขโมย!”โจวจี้หลิ่นแอบขโมยสือเยียนไป แอบขโมยความรักที่สือเยียนมีต่อเขาไป!“ขอโทษนะ ฉันทำไม่ได้”น้ำเสียงของโจวจี้หลิ่นทุ้มเล็กน้อย ดวงตาก็เฉียบคมราวกับนกเหยี่ยวหลินจิงเฟิงถูกทำให้โกรธจนหัวเราะออกมา ดึงคอเสื้อของเขาพลางเอ่ยด้วยความเดือดดาล “สือเยียนเป็นของฉัน! นายอย่าคิดว่าตอนนี้เธอมองนายเป็นฉันและจะสามารถครอบครองเธอไว้กับตัวเองได้ตลอดไปนะ!”“สือเยียนคือตัวเธอเอง ฉันบังคับเธอไม่ได้หรอก”โ
หลังหลินจิงเฟิงออกมาจากโจวกรุ๊ป ก็ไปหาจ้าวจิ้งซินที่มหาวิทยาลัยทันทีทันทีที่จ้าวจิ้งซินเห็นแขนของหลินจิงเฟิงมีเลือดไหล เธอก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งนอกรถ และเมื่อเห็นว่าอารมณ์ของเขามั่นคงถึงได้กล้าขึ้นไปบนรถ“เธอว่าสือเยียนโง่หรือเปล่า? ทำไมถึงดันจำฉันไม่ได้? และตอนนี้ถึงกับกล้าถือมีดชี้มาที่ฉันอีก!”หลินจิงเฟิงนึกถึงฉากเมื่อกี้ก็รู้สึกเสียใจ ทุบพวกมาลัยอย่างแรงอยู่หลายครั้งเมื่อฟังที่หลินจิงเฟิงพูดแบนี้ จ้าวจิ้งซินก็เข้าใจต้นสายปลายเหตุแล้ว“บางทีพี่สือเยียนอาจจะไม่ได้รักคุณมากขนาดนั้น? จะมีใครลืมคนรักของตัวเองได้ล่ะคะ?”จ้าวจิ้งซินพูดไปด้วยพลางวางมือบนต้นขาของเขาเบา ๆ ไปด้วย และสายตาที่มองหลินจิงเฟิงก็เห็นใจมากขึ้นเล็กน้อย “ถ้าเป็นฉัน ฉันจะไม่มีทางลืมคนรักของตัวเอง และไม่มีทางลงมือกับคนรักด้วย”หลินจิงเฟิงได้ยินก็รู้สึกซาบซึ้งใจมากจ้าวจิ้งซินสาวและสวย แถมยังไร้เดียวสาแบบนี้อีก ดีกว่าสือเยียนเป็นพันเท่าหมื่นเท่าเลยจริง ๆ เขาค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้ ๆ แต่ครั้งนี้จ้าวจิ้งซินไม่หลบ และเธอก็ใช้ตัวเองปลอบใจหลินจิงเฟิง หลินจิงเฟิงตกอยู่ในความอ่อนละมุนนี้ทั้งสองแตะสัมผัสกันอยู่สักพัก
ท่าทางของฉันหยุดชะงัก ริมฝีปากอ้าออกเล็กน้อย และเมื่อกำลังจะพูด โจวจี้หลิ่นก็ขัดจัวหวะฉันเสียก่อน“ตอนที่ฉันเดินห้างสรรพสินค้าเห็นว่าสร้อยเสร็จนี้สวยดี จึงถือโอกาสซื้อมาให้เธอด้วย”เขาไม่สนใจว่าฉันอยากจะได้ไหม และหยิบมันออกมาจากกล่องแล้วสวมให้ฉันอย่างระมัดระวังการเคลื่อนไหวของเขาช้ามาก และระมัดระวังมากเช่นกัน ราวกับกลัวว่าฉันจะปฏิเสธฉันเคยเห็นท่าทางที่เด็ดขาดและรวดเร็วของเขาในบริษัท ปกติเขาเป็นคนที่ยิ้มน้อยมาก จู่ ๆ มาระมัดระวังแบบนี้ ฉันกลับรู้สึกไม่ค่อยคุ้นชินสักเท่าไรทว่าเรื่องที่เขาถือโอกาสยังมีอีกมากมายถือโอกาสไปเยี่ยมฉันที่โรงพยาบาล ถือโอกาสซื้อข้าวซื้อดอกไม้ให้ฉัน และตอนนี้ยังถือโอกาสซื้อสร้อยคอให้ฉันด้วย“สวยจังเลย ฉันชอบมาก” ฉันหยิบสร้อยคอขึ้นมาลูบเบา ๆ และยิ้มไปให้เขาเมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขายังคงเคร่งเครียดอยู่ ฉันจึงดึงให้เขานั่งลงบนไม้นั่ง ทันทีที่เขานั่งลงกลับกุมมือของฉันไว้ ดวงตาที่ดำสนิทจ้องมองที่ฉันอย่างตั้งใจ และเอ่ยเสียงเบา “เธอไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริงบ้างเหรอ?”รอยยิ้มของฉันค้างอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดลงทีละนิด แล
“สือเยียน เธอจะปล่อยให้ตัวเองนึกเสียใจทีหลังไม่ได้นะ!”หลินจิงเฟิงร้องตะโกนอยู่ด้านนอกฉันไม่ได้พูดอะไรอีกหลินจิงเฟิงอยู่ได้ไม่นานก็กลับมาที่วิลล่า ทันทีที่เข้ามาเขาก็เตะโต๊ะจนคว่ำด้วยใบหน้าที่โกรธแค้น เสียงดังมากจนจ้าวจิ้ง ซินที่มาส์กหน้าอยู่ในห้องยังตกใจเธอรีบวิ่งออกมาทันที และเห็นหลินจิงเฟิงนั่งอยู่บนโซฟาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด“เป็นอะไรไปคะ?” เธอถามอย่างระมัดระวัง“สือเยียนบอกว่าเธอจะแต่งงานกับโจวจี้หลิ่น แต่เธอควรจะแต่งงานกับฉันถึงจะถูก! เธอว่าเธอจะลืมฉันไปตลอดชีวิตเลยหรือเปล่า?”เมื่อหลินจิงเฟิงนึกถึงสายตาที่เกลียดชังของสือเยียนเมื่อกี้ หัวใจก็เจ็บแปลบขึ้นมาสือเยียนไม่เคยปฏิบัติแบบนี้ต่อเขามาก่อน!จ้าวจิ้งซินได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้ว แต่ยังคงเอ่ยอย่างฝืนทนความไม่พอใจเอาไว้ “จะเป็นไปได้ยังไง? คุณหมอบอกว่าเธอจะจำได้ไม่ใช่เหรอ? แต่ว่าฉันเห็นพี่สือเยียนกับโจวจี้หลิ่นคนนั้นใช้ชีวิตอย่างมีความสุขดีนะ ฉันมีเพื่อนเห็นพวกเขาไปสวนสนุกด้วย เหมือนคู่รักกันจริง ๆ เลยค่ะ”เมื่อได้ยิน หลินจิงเฟิงจู่ ๆ ก็นึกถึงโมเมนต์ที่สือเยียนเพิ่งโพสต์ขึ้นมาได้เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด
“คุณหลิน ผมคิดว่าสถานการณ์อย่างคุณสือ คุณอาจจะต้องอยู่กับเธอให้มาก ๆ และพาเธอไปยังสถานที่ที่พวกคุณเคยไป บางทีมันอาจช่วยให้เธอนึกถึงคุณก็ได้นะครับ” คุณหมอเอ่ย“ไร้สาระ! ยังอ้างตัวเองว่าเป็นแพทย์ด้านสมองที่ดีที่สุดในประเทศอะไรนี้อีก ถ้าสือเยียนจำผมไม่ได้ ชื่อเสียงนี้ของคุณก็ไม่ต้องเอามันแล้ว!” หลินจิงเฟิงโยนหมอออกไปอีกด้าน ตวาดเสร็จก็จากไปแล้วแต่ไม่รอให้เขาทำตามแผนการคุณพ่อของเขาก็ตามหาวิลล่าที่เขากับจ้าวจิ้งซินอยู่ด้วยกันจนเจอหลินจิงเฟิงกำลังกอดจ้าวจิ้งซินและดื่มเหล้าดับทุกข์กันอยู่ พอเห็นคุณพ่อเขาก็ตกใจจนลุกขึ้นยืน และเอ่ยด้วยเสียงสั่น “พ่อ ทำไมพ่อ...”เพี๊ยะ!หลินเจิ้งเฟิงตบหลินจิงเฟิงจนพูดอะไรไม่ออก“ฉันก็ว่าทำไมสือเยียนถึงลาออกไปทำงานกับโจวกรุ๊ป ที่แท้แกก็มีผู้หญิงอื่นอยู่ด้านนอกนี่เอง! แกไอ้ลูกชั่ว คิดจะทำร้ายฉันให้ตายเลยใช่ไหม?! และแกรู้ไหมว่าสือเยียนสำคัญกับบริษัทของเรามากแค่ไหน!” หลินเจิ่งเฟิงโกรธจนสั่นไปทั้งตัว “พ่อ นี่จะโทษผมไม่ได้นะ สือเยียนคิดว่าผมเป็นโจวจี้หลิ่น ผมจะทำอะไรได้?” หลินจิงเฟิงเอ่ยอย่างช่วยไม่ได้“ฉันรู้ และฉันยังรู้อีกว่าแกผลักเธอลงไปในทะเล!” หลินเ