แคว้นเป่ยฉี
งานเลี้ยงวันเกิดขององค์หญิงหก ผู้คนมาร่วมงานกันมากมาย ทั้งขุนนางและคุณหนูรวมถึงฮูหยินจากหลายๆจวน ซ่งจื่อเหยียนที่เป็นคุณหนูใหญ่ของจวนรองเจ้ากรมโยธา วันนี้นางถูกแม่เลี้ยงและน้องสาวพามาด้วย เดิมทีซ่งจื่อเหยียนไม่ได้สาวเท้าออกจากเรือน เพราะฮูหยินรองหลิวซื่อเหมยและน้องสาวของนางซ่งซย่าอวิ๋นกดขี่นางเอาไว้ในเรือน มารดาจากไปแล้วบิดาก็ไร้ใจ
ซ่งจื่อเหยียนที่ไม่มีคนรู้จักเท่าไหร่และไม่มีใครคุยด้วยได้แต่นั่งรออยู่ที่ศาลาริมน้ำ ซ่งซยาอวิ๋นเห็นพี่สาวต่างแม่นั่งอยู่ก็เดินมาหาก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“พี่ใหญ่ ท่านมานั่งทำอันใดตรงนี้กันเจ้าคะ ท่านแม่บอกว่าให้ท่านไปรอที่ห้องรับรองด้านข้างก่อน ตอนนี้ท่านหญิงเสด็จมาแล้ว ท่านแม่เกรงว่าท่านที่ไม่เคยได้ออกงานจะทำเรื่องให้ตนเองขายหน้าได้”
“น้องรอง..พี่อยากกลับจวนแล้ว งานนี้ความจริงไม่มีพี่ก็ได้ บอกแม่รองว่าพี่ขอกลับก่อนได้หรือไม่”
“พี่รองกล่าวอันใดเช่นนั้นกัน มาด้วยกันจะกลับก่อนได้อย่างไรเจ้าคะ ท่านไปพักเถอะ”
ซ่งจื่อเหยียนไม่รู้ว่าน้องสาวกับแม่เลี้ยงวางแผนร้ายใส่ตนเองจึงเดินตามสาวใช้ไป ซ่งซยาอวิ๋นยิ้มร้ายตามแผ่นหลังที่เดินจากไป นางเตรียมคนขับรถม้าของจวนไว้ให้พี่สาวต่างแม่คนนี้เรียบร้อยแล้ว ขอเพียงเข้าไปในนั้นเจ้าก็จะได้สามีเป็นคนขับรถม้าทันที
“ซ่งจื่อเหยียนถ้าจะโทษก็จงโทษใบหน้าจิ้งจอกของเจ้าที่ทำให้องค์ชายห้าหลงไหล ข้าอยากเห็นตอนที่เขาเห็นเจ้านอนกอดก่ายกับคนชั้นต่ำนั่นนัก หึ”
ซ่งขจื่อเหยียนไม่รู้เลยว่าโชคร้ายกำลังมาหาตนแล้ว และจะเปลี่ยนชีวิตนางไปตลอดกาล
ด้านงานเลี้ยงคนที่ไมชอบสุงสิงและเกลียดงานรื่นเริงได้ปรากฎตัวท่ามกลางสายตาชื่นชมและเชื้อเชิญจากสตรีทั้งแคว้น องค์ชายห้าเว่ยหยางหมิง และชินอ๋องผู้ตรวจการแผ่นดินเว่ยเซียวหยางอนุชาหนึ่งเดียวของฮ่องเต้เว่ยหยางเทียน
สองอาหลานเดินมาในงานก่อนจะทักทายบรรดาขุนนาง เว่ยเซียวหยางที่ไม่ชอบงานรื่นเริงเดินปลีกตัวออกมาอีกด้าน เขาอยากพักสักหน่อยเพราะเพิ่งมาถึงเมืองหลวง แต่หลานชายชวนมางานวันเกิดน้องสาวเขาจึงได้มา
“ท่านอ๋องไปพักห้องข้างไหพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงอยากให้พระองค์อยู่ในงานด้วย แต่นางก็เกรงใจเสด็จอายิ่งนัก”
“อืม ลู่กงกงท่านนำทางเถอะ”
ลู่จงหรือขันทีประจำตำหนักองค์หญิงพาเว่ยเซียวหยางไปยังห้องพักรับรอง ก่อนจะถึงห้องพักมีขันทีน้อยมาเรียกเขา เว่ยเซียวหยางจึงให้เขาไปทำหน้าที่ของเขาส่วนตนเองเดินไปหาห้องพักเองเพราะเคยพักที่ตำหนักหลานสาวบางครั้ง
เห็นห้องที่แง้มประตูอยู่เว่ยเซียวหยางแปลกใจ ใครมาวุ่นวายห้องพักเขากันจึงเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป ในห้องมีกลิ่นกำยานแปลกๆอบอวน แต่เพราะเขาเพลียมากนักจึงอยากพักสายตาสักหน่อย เว่ยเซียวหยางที่กำลังจะล้มตัวลงนอนบนเตียงกับเห็นว่ามีสตรีหน้าตางดงามและดูเหมือนว่านางกำลังทุรนทุรายจากอาการบางอย่าง
เขารังเกียจสตรีมิใช่ว่าไม่มีใครรู้ ใครเอานางแพศยานี่มาไว้ในห้องเขากัน เว่ยเซียวหยางที่กำลังจะลุกออกไปก็ปรากฏว่าร่างกายของเขาเริ่มร้อนรุ่ม ตรงกลางลำตัวบวมและแข็งชันอยากปลดปล่อยออกมา ร่างงามบนเตียงบิดเร่าๆก่อนจะพยายามลุกมาหาเขา
“คุณชายช่วยข้าด้วย ข้ามรมานนัก อื้อ ข้าต้องการท่านได้โปรด ช่วยข้าที”
“อ่าห์..เจ้าเป็นใครกล้าวางยาข้าอยากตายมากหรือไง อ่าห์ สารเลวนักข้าจะตัดหัวเจ้า”
ซ่งจื่อเหยียนไม่ฟังเสียงตวาดของเขา นางปลดอาภรณ์ตนเองออกก่อนจะเดินมาหาเขากอดรัด เว่ยเซียวหยางผลักนางออกแต่ร่างกายนุ่มนิ่มกลับปลุกกำหนัดในกายเขาอย่างรุนแรง ให้ตายสิเขาถูกวางยาปลุกกำหนัดงั้นหรือ
“สตรีน่าตายเจ้ากล้าวางยาข้าหรือ อ่าห์ ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าอะไรคืออยู่ไม่สู้ตายมานี่เลย”
ร่างบางถูกเหวี่ยงลงกลางเตียง ตอนนี้ซ่งจื่อเหยียนไม่รับรู้แล้วว่าเขาพูดอะไร นางต้องการเขาและต้องการอย่างมากด้วย เว่ยเซียวหยางไม่มีการเล้าโลมแต่อย่างใด เขาจับนางกางขาเรียวออกแล้วสอดใส่ทันที ซ่งจื่อเหยียนน้ำตาไหลพรากนางเจ็บมากนัก แต่นางกลับหยุดไม่ได้ร่างกายนางต้องการเขา
“อ่าห์ คุณชายแรงอีก แรงกว่านี้ อ๊า ข้าจะถึงอีกแล้วอ๊าย”
“อืม สตรีสารเลว อ่าห์ เสร็จกิจเมื่อไหร่ข้าจะฆ่าเจ้า นางสตรีแพศยา”
เว่ยเซียวหยางทั้งสอดใส่กระแทกกระทั้นตามอารมณ์ ซ่งจื่อเหยียนกระตุกเกร็งครั้งแล้วครั้งเล่าจนนางหมดแรง กว่าฤทธิ์ยาจะหมดก็ล่วงเลยไปถึงสองชั่วยาม งานเลี้ยงด้านนอกเลิกแล้ว ซ่งจื่อเหยียนที่หมดแรง และตอนนี้นอกอดก่ายอยู่กับเว่ยเซียวหยาง
ด้านนอกมีเสียงเรียกหานางไม่หยุด ซ่งซยาอวิ๋นทำทีร้องห่มร้องไห้ เว่ยหยางหมิงก็ตกใจ เขายอมรับว่าซ่งจื่อเหยียนงามมากนักยังคิดจะให้นางมาเป็นชายารองของเขาเลย นางหัวอ่อนไม่เหมาะกับตำแหน่งชายาเอก เมียรองพอได้อยู่ แต่ว่านางหายไปไหน เหมือนได้ยินสาวใช้ของคุณหนูรองบอกว่านางหนีไปกับคนขับรถม้า หากนางเป็นสตรีเช่นนั้นต่อให้งดงามเขาก็มิอยากได้ ซ่งซยาอวิ๋นมองหน้ากับอี้ถังสาวใช้ตนเองและมารดาก่อนจะเอ่ย
“อี้ถังเจ้าบอกว่าเห็นนางเดินมาทางนี้จริงๆหรือ นี่ดึกมากแล้วนางจะไปที่ใดได้ หรือว่านางหนีตามคนขับรถม้าของจวนไปจริงๆ คนขับรถม้าก็ไม่อยู่อีกด้วย พี่ใหญ่ท่านคึงไม่ทำเรื่องเลวร้ายไร้ยางอายหรอกนะ ฮือๆๆ”
"คุณหนูรองท่านอย่าร้องไห้อีกเลย นางไร้มารดาสั่งสอนจะทำตัวต่ำช้าก็ไม่แปลกนักหรอก ไปดูห้องนั่นเถอะเหลืออีกห้องที่ยังไม่ได้ค้น องค์หญิงหกได้หรือไมพ่ะย่ะค่ะ”
เหล่าคุณชายที่ไม่เคยเห็นซ่งจื่อเหยียนก็คิดว่าซ่งซยาอวิ๋นเป็นสตรีที่งามที่สุดในเมืองหลวง พวกเขาจึงพยายามเอาใจนาง
“นั่นเป็นห้องพักของเสด็จอา พวกเจ้ากล้าค้นหรือไม่เล่า”
เว่ยซูถิงหรือองค์หญิงหกเอ่ยถามบรรดาคุณชายที่เอ่ยถามนาง
“แต่ว่าหาตั้งนานยังไม่เจอ ลองดูเถอะหากชินอ๋องคาดโทษพวกเราค่อยขออภัยนะเพคะ”
ซ่งซยาจื่อมั่นใจว่าชินอ๋องไม่อยู่ ถ้าเจอนางแพศยานั่นกำลังเสพสมกับคนขับรถม้า และยังเป็นห้องรับรองชินอ๋องอีกด้วย หากเขารู้ซ่งจื่อเหยียนเจ้าไม่รอดแน่ๆ ท่านอ๋องเกลียดสตรีมิใช่ทั้งเมืองหลวงไม่มีใครรู้
ซ่งซยาจื่อช้อนสายตากล้าๆกลัวไปยังองค์ชายห้า ในที่สุดมือหนาของเขาก็ผลักประตูเข้าไปเอง ด้านในลงกลอนเว่ยหยางหมิงสะมือทีเดียวประตูก็เปิดออก ภาพที่ทุกคนเห็นนั้นทำเอาไม่อยากเชื่อสายตา
ชินอ๋องนอนกอดร่างสตรีที่เปลือยเปล่า มีเพียงไหล่มนที่พ้นผ้าห่มออกมา ด้านชินอ๋องผ้าห่มคลุ่มเพียงช่วงเอวลงไป เว่ยเซียวหยางลืมตาขึ้นมาก่อนจะกวาดสายตามองไปยังกลุ่มคนที่มามุงดูเขา จากนั้นก็เอ่ยเสียงกังวาน
“มีเรื่องอันใดน่าดูหรือ ไส หัว ไป!!”
ทุกคนรีบออกไปทั้งหมด องค์ชายห้าแอบผิดหวังเล็กน้อยนั่นสตรีที่เขาหมายตาเชียวนะ เขากำลังจะสู่ของนางแล้วเชียว กลับมานอนอยู่บนเตียงกับเสด็จอาได้อย่างไร
ซ่งซยาอวิ๋นเห็นว่าผิดแผนตนเอง ทำไมกลายเป็นชินอ๋อง คนขับรถม้าไปไหนกัน นางหันไปมองสาวใช้แต่นางส่ายหน้า ซ่งซยาอวิ๋นไม่รู้ว่าขันทีน้อยมาตามลู่กงกงตอนนั้น เพราะเห็นมีคนแปลกหน้าลักลอบมาด้านในตำหนัก เกรงว่าองค์หญิงจะมีอันตรายเลยให้คนมาจับตัวไป และยังไม่ได้ไต่สวน
เมื่อทุกคนออกไปแล้วเว่ยเซียวหยางก็ลุกขึ้นก่อนจะคว้าลำคอระหงของซ่งจื่อเหยียนที่หลับอยู่เพราะความเพลียขึ้นมา นางตื่นทันทีหายใจไม่ออกก่อนจะดิ้นรน“ปะ ปล่อย แค่กๆๆข้า”“ใครใช้เจ้ามา บอกมาเผื่อข้าจะไว้ชีวิตเจ้า หรือว่าเจ้าจะได้ตายไม่ทรมารมากนัก”“ไม่มี น้องสาวของข้านางๆให้คนพาข้ามาที่นี่ แค่กกๆๆๆๆๆ”ร่างบางดิ้นรนเริ่มตาเหลือกโพลง เว่ยเซียวหยางเหวี่ยงนางลงไปกลางห้องก่อนจะเอ่ยถาม“เจ้าชื่ออะไร”ซ่งจื่อเหยียนที่ตอนนี้หวาดกลัวบุรุษตรงหน้ายิ่งนักนางเอ่ยตะกุกตะกัก“ข้าแซ่ซ่ง ซ่งจื่อเหยียนเจ้าค่ะ คะ คุณชายเรื่องเมื่อคืนข้าไม่ อุ๊บ!!!!”ร่างบางถูกเหวี่ยงไปกระแทกกับเตียงอีกรอบ เว่ยเซียวหยางสะบัดฝ่ามือใส่นางก่อนจะเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ“อย่าเอ่ยถึงเรื่องอัปยศที่เจ้าเป็นคนก่ออีก แซ่ซ่งหรือ เจ้าเป็นอะไรกับซ่งฮั่นเหลียง”“เขาเป็นบิดาของข้าเจ้าค่ะ”“เจ้ารู้ไหมข้าเป็นใคร”“มะ ไม่ ไม่รู้เจ้าค่ะ”“ใส่เสื้อผ้าซะ ซ่งฮั่นเหลียงเจ้าเลี้ยงบุตรสาวได้ดีจริงๆ”เว่ยเซียวหยางออกไปแล้ว ซ่งจื่อเหยียนใส่เสื้อผ้าเสร็จก็เดินออกมา นางถูกเขาย่ำยีถาโถมจนกลางกายสาวมีแต่ความปวดหนึบ ยามที่ก้าวเดินนางเจ็บตรงกลางจนน้ำตาร่วงดึกมากแล้ว
ซ่งจื่อเหยียนกับสาวใช้ทั้งสองคนใช้ชีวิตในจวนกันอย่างอัตคัดไม่น้อย ไม่เคยมีเงินทองมามอบให้ บ้านเดิมยิ่งแล้วใหญ่ มีครั้งหนึ่งที่ซ่งซยาอวิ๋นกับมารดาเลี้ยงของนางมาหาเพื่อเยาะเย้ยถึงที่ แต่ทั้งสามคนนายบ่าวก็ยังทำใจไม่ตอบโต้ พวกนางจะทำอันใดได้ในเมื่อเจ้าของจวนยังทอดทิ้งพวกนางไม่ไยดีป้าหูกับสามีเป็นครอบครัวเดียวที่อยู่บริเวณนี้ พวกเขาสงสารสามคนจึงมักมอบอาหารให้บ่อยๆ ซ่งจื่อเหยียนขายหยกได้มาก็มอบไว้ให้สองสามีภรรยาสิบตำลึงเพื่อเป็นค่าอาหารของพวกนาง หากวันใดพวกเขาเข้าเมืองก็จะมาถามว่าต้องการสิ่งใด ในที่สุดวันที่ถึงกำหนดคลอดก็มาถึงซ่งจื่อเหยียนเจ็บท้องมานานกว่าสามชั่วยามแล้ว"อ๊าย..เจ็บจังเลย เมื่อไหร่จะคลอดสักที ฮือๆๆเด็กดีอย่าทรมานแม่นักเลย""คุณหนูเจ้าคะ ป้าหูกำลังมา อดทนหน่อยนะเจ้าคะ""ฮือๆๆ พี่เย่วเล่อ ข้าเจ็บอ๊ายย โอย เจ็บเหลือเกิน ไม่ไหวแล้ว"เสียงร้องไห้อย่างทรมานของซ่งจื่อเหยียนทำเอาจางเย่วเล่อถึงกับปาดนน้ำตา นางเป็นสินเดิมของมารดาคุณหนู เลี้ยงและเล่นกันมาตั้งแต่คุณหนูอายุห้าขวบ บัดนี้นางสิบเจ็ดแล้ว แต่กับต้องมาเจอชะตากรรมเลวร้าย ซ่งจื่อเหยียนร้องไห้ไม่หยุด นางเจ็บมากเหลือเกิน ป้าหูมาถ
เสียงเกือกม้ากระทบกันมาแต่ไกลๆ มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังมานาง ซ่งจื่อเหยียนบังคับม้าเข้าข้างทาง นางต้องหลบให้เขาไปก่อน ดูท่าทางทหารเหล่านั้นเกรงใจพวกที่มาใหม่มากนัก ซ่งจื่อเหยียนนั่งก้มหน้า นางไม่อยากให้ผิดสังเกต แต่กลับไม่พ้นสายตาดุจเหยี่ยวของคนบนหลังม้าไปได้ เขากระตุกบังเหียนมาทางนางก่อนจะเอ่ย"เจ้าเป็นคนที่ไหน มาในเมืองแต่เช้าเช่นนี้"ซ่งจื่อเหยียนเงยหน้าขึ้นก่อนจะนึกออก นี่มันไอ้อ๋องสุนัขเว่ยเซียวหยางนี่นา คนที่ทำให้ร่างเดิมตั้งครรภ์และคลอดลูกจนตาย หืมไอ้สารเลวนี่ อยากข่วนหน้านักเชียว ก่อนจะเอ่ยเบาๆ"ข้าน้อยมาส่งผักขอรับ ท่านพ่อป่วยจึงจะรีบมาส่งและรีบซื้อยากลับไป มิทราบว่าใต้เท้ามีเรื่องอันใดสงสัยในตัวข้าน้อยหรือไม่ขอรับ"เว่ยเซียวหยางพยักหน้า คนของเขาไปตรวจดูรถม้าค้นจนข้าวของกระจาย แต่กลับไม่พบสิ่งผิดปกติ ซ่งจื่อเหยียนจึงเอ่ยถามเขาที่กำลังจะไป"ใต้เท้าท่านนี้ คนของท่านรื้อข้าวของๆข้าน้อยจนเละเทะ นี่เป็นเงินที่จะไปซื้อยามาต่อลมหายใจบิดาข้าน้อย พวกท่านจะไม่รับผิดชอบหรือขอรับ แม้จะแค่สิบตำลึงแต่ก็เป็นชีวิตคนนะขอรับ"เว่ยเซียวหยางหันกลับมาสบตากับบุรุษที่เมื่อสักครู่ยังเอาแต่ก้มหน้าอยู่เลย
ซ่งจื่อเหยียนที่นอนกอดบุตรชายอยู่แต่นางยังไม่หลับ อยากรู้จังว่าถ้าไอ้บ้านั่นรู้ว่าหยกหายไปจะทำเช่นไร นางไม่สนใจหรอกหลานชายเปิดบ่อน มีคนเอาหยกของท่านอามาจำนำที่อ เรื่องนี้คงบันเทิงซ่งจื่อเหยียนวางแผนจะออกจากเมืองหลวงในอีกไม่กี่เดือน ตอนนี้บุตรชายได้หกเดือนแล้ว อีกสักสองเดือนค่อยหาทางไปนางเคยแอบไปดูลาดเลาเอาไว้ ตอนที่นางไปที่กรมที่ดินก็ได้ดูแผนที่และแผนผังของเมืองต่างๆ ด้วย เมืองจ้านกั๋วเหมาะที่สุดสำหรังลงหลักปักฐาน อยู่ไกลจากเมืองหลวงหนึ่งพันแปดร้อยลี้ เดินทางด้วยรถม้าไปจนถึงท่าเรือเมืองป๋าย นั่งเรือต่ออีกสิบวันก็ถึงที่สำคัญที่ดินยังไม่ค่อยมีคนจับจอง หากบอกว่ากันดารก็อาจจะจริง ไปถึงค่อยวางแผน เงินสองแสนตำลึงน่าจะพอให้ใช้จ่ายจนตาย แต่ว่านางยังอยากมีเงินมากกว่านี้อีกซ่งจื่อเหยียนนอนคิดถึงอดีตที่ผ่านมา เธออายุยี่สิบสามก็เข้าฝึกทางการทหาร ได้อยู่หน่อยข่าวกรองห้าปี อยู่น้องชายก้ได้ไปเป็นCEOต้องไปดูแลงานที่ต่างประเทศ หลี่จื่อเหมาไปอยู่อังกฤษกับภรรยา หลานๆ อายุเพิ่งจะสี่ขวบกับห้าขวบ ทำให้เธอต้องลาออกจากหน่วยงานแล้วมาเลี้ยงหลานหลี่จื่อเหยียนจึงได้สมัครเป็นครูพละที่โรงเรียนประถมที่หลานๆ เร
ทางด้านเว่ยเซียวหยางที่กำลังรอองครักษ์สองพี่น้องมารายงานเรื่องเด็กหนุ่มคนนั้นก็กำลังวางแผนงาน มีผู้อพยพหนีน้ำท่วมเดินทางเข้ามาเมืองหลวงมากขึ้น เขาหารือกับฮ่องเต้และบรรดาขุนนางแล้วว่าจะ จัดหาสถานที่ให้พวกเขาพำนักชั่วคราว อีกอย่างต้องสร้างที่พักให้กับบรรดาหมอและขุนนางที่ไปดูแลอีกด้วยเหวินเปียวและเหวินชางขี่ม้ามาถึงก็ให้คนดูแลรับเอาไป จากนั้นทั้งคู่ก็ไปเขาเฝ้าชินอ๋อง ใบหน้าของน้องชายบวมใช่น้อย แม่หนูเย่วเล่อนี่มือหนักจริงๆ เหวินเปียวก็เหลือเกิน ตัวเองอายุสามสิบแล้วยังไปหาเรื่องเด็กน้อยอีก นางอายุสิบแปดสิบเก้าเองกระมัง ให้เด็กสั่งสอนได้ข้าล่ะเชื่อเจ้าเลย ทั้งคู่มาหยุดที่หน้าห้องหนังสือก่อนจะรายงาน“ท่านอ๋องกระหม่อมองครักษ์เหวินชางกับองครักษ์เหวินเปียวกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เข้ามาได้” เสียงตอบกลับจากผู้เป็นนายดังมาจากด้านใน องค์รักษ์สองพี่น้องจึงเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นท่านอ๋องของพวกเขากำลังดูแผนที่รอบเมืองหวงอยู่เหวินชาวคำนับก่อนจะเอ่ยรายงาน“ทูลท่านอ๋อง....พวกเรากลับไปที่บ้านหลังนั้นอีกครั้งถามหาเด็กหนุ่มคนนั้น แต่ปรากฏว่าท่านลุงแซ่หูคนนั้นบอกว่า เด็กหนุ่มมักจะมากับบิดาเพื่อมาซื้อยา สองพ่อ
จวนนอกเมืองซ่งจื่อเหยียนที่ตื่นมาตั้งแต่เช้าแล้ว วันนี้นางเก็บผักกับไข่ส่งเหลาอาหารตามเดิม เย็นนี้จะมีรถม้าของทางเหลาต่างๆ มารับเอง นางไม่อยากเสี่ยวเข้าเมืองหลวงอีก จังหวะเจอไอ้อ๋องสุนัขนั้นอีกจะรอดยาก ดูท่าฉลาดไม่น้อย เย่วเล่อเดินมาหานางก็ยามซื่อแล้วเพื่อเรียกไปกินข้าว“คุณหนู..ไปทานมื้อเช้าได้แล้วเจ้าค่ะ บ่าวกำลังจะพาคุณชายไปบ้านป้าหู คุณหนูบอกว่ะขึ้นเขามิใช่หรือเจ้าคะ”“อืม....พี่เย่วเล่อเราสามคนไม่มีนายบ่าวหรอก ต่อไปใช้ชีวิตกันเช่นพี่น้องทั่วๆ ไปเถอะ ว่าแต่เย่วหลีล่ะ”“เมื่อวานได้รวงข้าวมาเยอะ นางก็เลยไปเก็บอีก นันไงมาแล้วแบกหลังแอ่นมาเชียว”“รถม้าคันเก่าข้าขายไปแล้ว อีพักหนึ่งรถม้าคันใหม่จะมาส่งน่ะ เห้นท่านลุงหุบอกว่าเมื่อวานมีคนมาถามหาข้า ดีที่บุตรชายของเขาเอารถม้าไปในเมือง มิฉะนั้นหากคนสองคนนั้นจำได้ถูกเปิดโปง”เย่วหลีเดินเข้ามา เหงื่อซึมใบหน้าน้อยๆ ซ่งจื่อเหยียนใช้แขนเสื้อตนเอเงซับเหงื่อให้นางอย่างเบามือ ก่อนจะใช้มือเรียวสวยจับปอยผมทัดหูให้เด็กน้อยตรงหน้า เย่วหลียิ้มให้นางทั้งสามคนนั่งกินมื้อเช้าด้วยกันหลังจากที่อิ่มแล้ว ซ่งจื่อเหยียนก็ให้นมบุตรชายจนอิ่ม เมื่อเจ้าตัวน้อยหลับ
ด้านหลังของเขาตามมาด้วยบุรุษอีกหลายคน บุรุษคนหนึ่งสวมอาภร์สีม่วง เป็นผ้าไหมชั้นดีศีรษะสวมกว๊านหยกสีขาวเนื้อดีแกะลวดลายกิเลน หยกห้อยเอวคือชิ้นที่นางขโมยมันไปจำนำเมื่อวันก่อน เขาคือเว่ยเซียวหยางคนสารเลวที่ทำลายร่างเดิม ซ่งจื่อเหยียนเดินไปหาเย่วหลีก่อนจะยกเท้าถีบไปที่ยอดอกเหวินเปียวทันที จนเขาเซไปหลายก้าวเว่ยเซียวหยางตาลุกทันทีที่คนของตนถูกทำร้าย เขาเดินเข้ามาหานางจับคางบบีบอย่างแรง แต่ซ่งจื่อเหยียนไม่หวาดกลัวนางสบสายตาอย่างไม่ยอมแพ้ เว่ยเซียวหยางเอ่ยเสียงเข้ม“กล้าดีอย่างไรมาทำร้ายคนของข้า ซ่งจื่อเหยียน” ”แล้วเจ้าเล่า เว่ยเซียวหยาง เลี้ยงสุนัขเช่นไรปล่อยกันคนไปทั่ว หรือว่าเจ้าเองก็ไม่ต่างจากสุนัขของตน”“ซ่งจื่อเหยีน..กล้าเรียกชื่ออ๋องเช่นข้าตรงๆ ใครให้ความกล้าเจ้ากัน”“ต้องมีใครให้ความกล้าข้าด้วยหรือ คนเช่นท่านมีอันใดให้น่าเคารพหรือ ก็แค่ตำแหน่งติดตัวมาตอนเกิด อยากฆ่าข้าก็ควรลงมือเลย ทางที่ดีอย่าให้ข้าเป็นฝ่ายลงมือก่อน”เว่ยเซียวหยางเหวี่ยงนางไปข้างๆ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้กลางห้อง เขามองเห็นตะกร้าใบใหญ่ มีมีดเล่มใหญ่ใส่เอาไว้ นางแต่ตัวผิดไปมิได้ใส่ชุดสวยงามเช่นคืนนั้นที่เขาเจอ นางแต่งก