เสื้อชุดนอนถูกปลดรังดุมจนถึงแนวลิ้นปี่ทำให้เขามองเห็นอะไรบางอย่างที่นูนเด่นออกมาอย่างมากมายที่สุด มากจนทำให้เขาต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างแสนเสียดาย ทว่ากิริยามองตามสายตาของเขาจนไปหยุดอยู่ที่สาบเสื้อที่แยกออกจากกัน นิ้วมือสั่นๆ นั้นก็ต้องเร่งติดรังดุมอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่เช่นกัน
อารักษ์ต้องหันหน้าไปอีกทางเพื่อให้เธอพร้อมมากกว่านี้ และเมื่อปลายหางตาบ่งบอกว่าเธอพร้อมเขาก็ไม่รอช้าที่จะไขความข้องใจให้หมดไป
“เออ... น้องปลา น้องปลาใช่มั้ย” ไม่น่าจะถามอีกเมื่อแน่ใจอยู่แล้ว เพราะใบหน้านั้นยังมีเค้าเด็กสาวในวันวานผสมอยู่ เพียงแต่ดูเติบโตเต็มตัว คือเครื่องหน้างดงามสมส่วนและโต... มาก
อารักษ์กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นอีกครั้ง เมื่อใบหน้าน้อยๆ นั้นพยักหน้าลงเพียงนิด พร้อมกับริมฝีปากบวมเจ่อนั้นก็เม้มเข้าหากันอย่างคนกำลังประหม่าอย่างที่สุดไม่ต่างจากเขา
“น้องปลา... เอ่อ... อา... อาขอโทษนะ อา... อาไม่ได้ตั้งใจ อาเมาน่ะ แล้วก็ไม่คิดว่าจะมาเจอน้องปลาที่นี่ด้วย อาคิดว่าเป็นขโมย อาไม่ได้ตั้งใจจะทำกับน้องปลาแบบนั้น อา...”
นั่นคือคำแก้ตัวสุดเห่ยที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ เพราะถ้ารู้ไปถึงไหนว่าคนอย่างเขาคิดหาคำแก้ตัวในเรื่องอย่างว่า ตำแหน่งคาสโนว่าที่เคยได้รับฉายาจากผองเพื่อนคงต้องถูกยึดคืนแน่ๆ
“ไม่... ไม่เป็นไรค่ะ น้องปลาเข้าใจ”
“เข้าใจ... เข้าใจว่าอะไรคะ”
คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง อดไม่ได้จะถาม เมื่อได้ยินคำตอบที่ออกมาจากปากของ ‘มัสยา’ หรือ ‘น้องปลา’ หญิงสาวข้างบ้าน เมื่อ 10 ปีก่อนนั้น มัสยายังเป็นเพียงเด็กหญิงช่างซักช่างถามจนเขาหาคำตอบมาให้เธอแทบไม่ทัน แต่ในเวลานี้เมื่อมัสยางดงามไปทั้งตัว โดยเฉพาะดวงตาสวยหวานคู่นั้นกำลังหลุบลงต่ำมองแต่เพียงช่วงขาเรียวยาวของตนเอง เขามั่นใจว่านั่นคือความขาวอมชมพูเพราะเลือดลมกำลังสูบฉีดไปทั่วทั้งร่าง เพราะมัสยากำลัง ‘อาย’
กรามแกร่งขบกันแน่นเพื่อระงับอารมณ์บ้าๆ ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลยตั้งแต่เมื่อครู่จนถึงเดี๋ยวนี้ เขาไม่เคยควบคุมตัวเองไม่ได้กับ ‘เซ็กซ์’ แต่สิ่งที่เกิดเมื่อครู่ พิสูจน์แล้วว่าเขาควบคุมตัวเองไม่ได้เลย ไม่ว่าผู้หญิงที่เขาล่วงเกินเมื่อครู่จะเป็นนางแมวขโมยหรือว่าเป็นมัสยา เขาก็ไม่ควรจะทำทั้งนั้น แล้วนี่เขาทำอะไรลงไป ‘ความอยาก’ คือสิ่งที่เขาควบคุมตัวเองได้เสมอมา แล้วทำไมครั้งนี้ถึงทำไม่ได้
เขาทำสิ่งน่าละอายใจนั้นกับลูกสาวเพื่อนบ้านที่เอื้อเฟื้อต่อครอบครัวเขาในตลอดเวลาที่เขาอยู่เมืองไทยได้อย่างไร แต่สิ่งที่คิดกับภาพที่มองเห็นนั้นสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง เพราะยิ่งเห็นมัสยาก้มหน้าก้มตาจนใบหน้าใกล้ชิดกับดอกบัวคู่ที่ทั้งอวบและอิ่มอย่างที่สุดนั้น นั่นก็ยิ่งกระตุ้นต่อมความต้องการตามธรรมชาติของเขาให้โลดแล่นได้อีกเท่าตัว
“เอ่อ... น้องปลามาทำอะไรคะ” อารักษ์เปลี่ยนเรื่อง เพราะดูว่าคำถามที่เขาต้องการนั้นมัสยาคงไม่ตอบแน่ แต่เขาคงคิดผิด
“น้องปลาเข้าใจว่าอารักษ์คงคิดว่าเป็นคนอื่น ไม่อย่างนั้นอารักษ์คงไม่... ไม่ทำอย่างนั้นกับน้องปลาแน่ๆ”
อารักษ์จ้องมองใบหน้าที่ก้มต่ำลงกับน้ำเสียงเศร้าอย่างที่สุด เขาอยากจะบอกเธอเหลือเกินว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่ใช่ว่าเขาคิดว่าเป็นคนอื่นหรือคิดว่าเป็นเธอ แต่ทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ สิ่งสวยงามที่ประกอบขึ้นเป็นเธอนั้นต่างหากเป็นสาเหตุ แต่ใครจะบ้าพูดออกไปแบบนั้นกันเล่า นั่นไม่ต่างจากการสารภาพว่า ‘หลงเสน่ห์’ เรือนร่างของเธอตั้งแต่เพียงแรกเห็นเลยนะ
“อาต้องขอโทษน้องปลาอีกครั้ง ขอโทษอย่างที่สุด อาไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
อย่างนี้ใช่ไหมที่เขาต้องพูดออกไป เพื่อไม่ให้อะไรๆ ที่เขาคิดไว้ และอะไรก็ตามที่จะทำให้มัสยาหวั่นไหวมีอิทธิพลเหนือความถูกต้อง เพราะแม้ว่าเขากับมัสยาจะไม่ได้เป็นญาติกัน แต่เขาเห็นมัสยามาตั้งแต่เด็ก ควรแล้วหรือที่จะคิด ‘กิน’ ของเอร็ดอร่อยจากตัวเธอ แม้เขาจะชอบกินของอร่อยที่เรียกว่า ‘แซ่บ’ นี้มากแค่ไหนก็ตาม แต่นั่นต้องไม่ใช่ ‘มัสยา’ ไม่ใช่เด็กหญิงที่วิ่งตามเขาต้อยๆ เด็กหญิงที่เรียกเขาว่า ‘อารักษ์ขา...’ คนนั้น
“ไม่เป็นไรค่ะ น้องปลาผิดเองที่เข้ามาโดยไม่ได้ขออนุญาตอารักษ์ก่อน น้องปลารู้ว่าอารักษ์จะกลับมาถึงคืนนี้ ก็เลยเอาวุ้นที่น้องปลาหัดทำมาใส่ตู้เย็นไว้ให้อารักษ์น่ะค่ะ เผื่ออารักษ์กลับมาถึงแล้วหิวจะได้มีอะไรทานรองท้องไปก่อน เอ่อ... น้องปลารู้ว่าอารักษ์ไม่ได้ตั้งใจ อารักษ์ไม่ต้องคิดมากนะคะ”
มัสยาพูดเร็วปรื้อเพื่อปลอบใจ จนเขาอยากจะสบถเอาคำหยาบคายต่างๆ ออกมาด่าว่าตัวเองซะเดี๋ยวนี้ เพราะแวบหนึ่งนั้นเขาเห็นแววตัดพ้อในดวงตาคู่สวยที่ช้อนขึ้นมองดูเขา ทั้งที่ควรเป็นเขาที่ต้องหาคำแก้ตัว ไม่ใช่สิ คำแก้ต่างที่ทำให้เธอไม่ประหม่าไปมากกว่านี้ แต่นี่เขากลับยืนอึ้งปล่อยให้มัสยาเป็นคนพูดเพื่อทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
เด็กสาว ไม่สิ... หญิงสาวที่เติบโตไปทั้งเนื้อทั้งตัว ค่อยๆ กระเถิบเรือนร่างเย้ายวน Want ของเขาและพาตัวเองมาจนสุดริมโต๊ะ ทำท่าคล้ายจะลงมา และแล้วสัญชาตญาณความหื่นของเขาก็ไวกว่าความคิดอีกแล้ว เมื่อร่างแข็งแกร่งตรงเข้าประชิดตัวก่อนฝ่ามือจะกระชับบั้นเอวและโอบอุ้มเธอลงมาโดยไม่สนใจท่าทางตกใจปนแข็งขืนของมัสยาเลยสักนิด
“ขอบ... ขอบคุณค่ะ น้องปลากลับบ้านก่อนนะคะ” “อาไปส่ง” ฝ่ามือไวตามใจ เอื้อมคว้าข้อมือน้อยๆ นั้นไว้ให้หยุด ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยอย่างแสนเสียดาย เมื่ออาการสั่นๆ นั้นกระจายออกมาจากข้อมือจนเขาสัมผัสได้ “ไม่ต้องหรอกค่ะ น้องปลาเดินไปเองได้แค่นี้เอง อารักษ์อย่าลืมทานวุ้นของน้องปลานะคะ” ร่างบอบบางก้าวเดินออกไปอย่างเร็วรี่ พร้อมเสียงปนสั่นพยายามทำให้มั่นคงที่สุดนั้น ทำให้อารักษ์เกิดความรู้สึกประหลาดวาบหวิวเล็กๆ ในหัวใจอีกแล้ว ด้วยแว่วเสียงครางหวานๆ นั้นยังคงอยู่ ‘อารักษ์ขา...’ กำลังตามหลอกหลอนเขา และยิ่งตอกย้ำมากขึ้นอีกเท่าตัวเมื่อเห็นของที่มัสยานำมาใส่ตู้เย็นไว้ให้ ‘วุ้นรูปหัวใจสีชมพู’ หลายสิบดวงวางเรียงรายกันอยู่ในถาดแก้วรูปปลาทอง ยิ่งกระตุ้นให้จังหวะหัวใจของเขาเต้นผิดแผกไป และเมื่อริมฝีปากสัมผัสหัวใจดวงน้อยเพื่อส่งเข้าสู่อุ้งปาก ปลายลิ้นทำหน้าที่รับรู้รสพร้อมกับคลุกเคล้าสร้างความอร่อย ไม่ต่างจากวินาทีที่ปลายลิ้นของเขาชอนไชสู่ความหอมหวานของเธอ ตวัด และละเลียดไล้ปลายลิ้นไปมาเพื่อดูดซับเอาความหวานแรกให้เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว แต่นั่นเขาไ
ในวันนั้นมัสยาจำได้ว่าเธอไม่ได้ตอบโต้อะไรออกไปเลย หนึ่งนั้นคือไม่เข้าใจว่าทำไมอารักษ์ต้องเอาลิ้นเข้าไปพันกับหล่อนด้วย สองคือไม่คิดว่าจะได้ยินคำเหยียดหยามกับสายตาดูแคลนจากปากของผู้หญิงที่อารักษ์พามาบ้าน แต่เมื่อโตขึ้นก็ทำให้เธอเข้าใจว่าสิ่งที่เพื่อนสาวของอารักษ์มองเห็นในตัวเธอนั้น ‘เป็นจริง’ หน้าตาและรูปร่างจึงเป็นสิ่งที่เธอใส่ใจ สวย หุ่นดี และหน้าอกต้องใหญ่กว่าแม่นั่น เธอจึงกลายเป็นหญิงสาวใส่ใจการกินอาหารพอๆ กับการออกกำลังกายเพื่อบริหารหน้าอกให้ยกกระชับและสวยงามอยู่เสมอ โชคดีเป็นของเธอเมื่อแม่รักเธอมาก ถึงกับให้มาเยอะอย่างไม่หวง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ แม้จะมาโดยไม่คาดฝันแต่ก็สร้างความมั่นใจให้เธอเต็มร้อย ‘รักษ์เป็นของฉัน’ จะไม่มีวันให้เป็นไปตามที่พิซซี่บอกแน่ เพราะตอนนี้มั่นใจอย่างที่สุดว่าสวยกว่าแม่นั่นแน่ ไม่อย่างนั้นอารักษ์คงไม่ ‘จูบ’ เธอในทันทีที่เห็นหน้าหรอก โดยเฉพาะขนาดของหน้าอก เธอมั่นใจว่าทั้งใหญ่และเต่งตึงกว่าแม่นางแบบ ‘พิซซี่’ หลายคัพทีเดียว ทรวงอกขนาดใหญ่กระเพื่อมขึ้นลงตามแรงเคล้นคลึงจากฝ่ามือของเขาทำให้อารักษ์มันในอารมณ์เสียจนต้องคลุ
“เมื่อคืน...” ทว่าคำพูดทิ้งช่วงจังหวะเวลาของฉลามกลับกระตุ้นความหวาดหวั่นของเขาให้กลับมาและดูจะเพิ่มมากขึ้นเสียด้วย เพราะเมื่อคืน... มันคืออะไรล่ะ ฉลามจะถามอะไรกันแน่ “พี่หลามเขาอยากรู้น่ะจ้ะว่าเมื่อคืนทำไมรักษ์ไปว่ายน้ำเล่นตอนตีสาม ร้อนอกร้อนใจหรือว่าร้อนกายอะไรหรือเปล่า” แต่คนที่เฉลยคำตอบกลับเป็นเจ้าของบ้านฝ่ายหญิงที่เดินออกมาจากในครัว เขาแทบจะปาดเหงื่อก่อนจะลอบพ่นลมหายใจออกจากปากเบาๆ พลางมองถาดขนมและน้ำดื่มที่ ‘กุ้งนาง’ หรือ ‘พี่กุ้ง’ ถือติดมือมาเพื่อรับรองเขา วุ้นรูปหัวใจสีชมพูวางอยู่ในจานรูปปลากระตุกต่อมบางอย่างให้หัวใจของเขาไหววูบ และจะตอบได้อย่างไรว่าเจ้าของวุ้นรูปหัวใจนี่แหละทำให้เขา ‘ร้อน!’ จนนอนไม่หลับ ทั้งที่น่าจะหลับทันทีเมื่อหัวถึงหมอนเพราะอ่อนล้าจากการเดินทาง แต่กลับกลายเป็นว่าเขา ‘ตื่น’ จนหลับไม่ลง เพราะมันร้อน มันรุ่ม มันกลัดกลุ้มจนนอนไม่ไหวต้องออกมากระโดดน้ำให้ความร้อนเหล่านั้นบรรเทาเบาบางลง “รักษ์... รักษ์!” “ครับพี่หลาม” “ใจลอยไปถึงไหนแล้ว สรุปเมื่อคืนใช่รักษ์หรือเปล่าที่ลงไปว่ายน้ำอ่ะ” ฉ
“ทะลึ่งที่ไหนกันจ๊ะเมียจ๋า พี่พูดเรื่องจริง ก็ดูรักษ์สิ โอว... ฝรั่งหล่อบึกซะขนาดนี้ สาวเห็นสาวหลงแน่ล่ะ อีกอย่างนะฝรั่งพูดไทยชัดแจ๋ว พี่ว่าสาวๆ คงพากันกรี๊ดสลบ นี่พี่ยังเสียดายที่พี่มีเมียมีลูกแล้วนะ ไม่อย่างนั้นพี่อาจเปลี่ยนใจไปชอบรักษ์ก็ได้นะฮ้า... ฝรั่งจ๋าหล่อจุงเบย” อารักษ์แทบสำลักน้ำใบเตยที่กำลังยกขึ้นดื่ม เมื่อฉลามส่งสายตามองมาที่เขาตาเชื่อม หนำซ้ำยังทำเสียงอ่อนเสียงหวานจนกุ้งนางต้องตีผัวะลงต้นแขนสามี ก่อนจะหัวเราะคิกคักกับมุกไม้ป่าเดียวกันของฉลาม “เออ... แล้วป่านนี้ทำไมน้องปลาไม่ลงมาสักที อารักษ์เขามารอนานแล้วนะ” ฉลามบ่นพลางหันไปมองหน้ากุ้งนางที่ส่ายไปมาแบบว่าไม่รู้เหมือนกัน ก่อนจะหันไปคุยกับอารักษ์ต่อ “นี่ไงรักษ์สาวแรก กลัวอารักษ์จะว่าไม่สวย แต่งตัวป่านนี้ยังไม่เสร็จ” “สวยสิครับ สวยมาก” “อ้าว... เจอกันแล้วเหรอ” “ไม่... ไม่น่ะครับ ก็ตอนเด็กๆ น้องปลาแกน่ารักมาก โตขึ้นต้องสวยแน่ๆ ดูนางให้ดูที่แม่ไม่ใช่เหรอครับ พี่กุ้งสวยขนาดนี้ น้องปลาก็ต้องสวยไม่ผิดแม่แน่” เกือบไปแล้วไหมล่ะ นี่คือผลของการมีใบหน้าสวยๆ นั้นหลอก
“อารักษ์คิดแบบนั้นจริงๆ นะคะ น้องปลาไม่อยากเป็นภาระของอานะ” “อานะที่ไหนล่ะ นี่อารักษ์ต่างหาก” รอยยิ้มอย่างเอียงอายเพราะคำพูดล้อเลียนของเขา ช่วยทำให้บรรยากาศดีขึ้นอย่างเหลือเชื่อ ‘ผ่อนคลาย ผ่อนคลาย’ นี่เขาต้องท่องให้ขึ้นใจใช่ไหม ไม่อย่างนั้นการอยู่ใกล้ชิดมัสยาจะทำให้เขาทั้ง ‘ตึง’ ทั้ง ‘เครียด’ ได้ง่าย “ว่าแต่น้องปลาหิวหรือเปล่าล่ะ แวะทานอะไรกันก่อนไปถึงร้านดีมั้ย” “นิดหน่อยค่ะ แต่น้องปลาตามใจอารักษ์ แล้วอารักษ์ล่ะคะ หิวมั้ย” “อืม...” เขาพูดได้แค่นั้น เพราะริมฝีปากที่เคลือบลิปกลอสสีชมพูอ่อนแวววาวนั้นคลี่ยิ้มพร้อมผินหน้ามองเขา มีผลทำให้ลมหายใจของเขาติดขัดอีกแล้ว เห็นทีเขาต้องใส่ใจพูดคุยกับเธอให้มากกว่าที่จะนิ่งเงียบอยู่ในภวังค์หวามๆ ของตนเอง แต่จะเป็นผลดีกับเขาจริงเหรอ ในเมื่อริมฝีปากคลี่ยิ้มนั้นคล้ายจะส่งผลให้เขาฟุ้งซ่านมากกว่าเดิม เพราะสิ่งที่เขาคิดว่าหิวนั้นไม่ใช่ข้าว ไม่ใช่หมู ไก่ หรือว่าพืชผักใดๆ ทว่าเป็น ‘ปลา’ มัสยาเหลือบมองคนด้านข้างอย่างไม่เข้าใจ อารักษ์สุดหล่อของเธอดูแปลกไปมากจริงๆ หรือจริงๆ แล้วเธอไ
ดอกสีขาวมีเกสรสีเหลืองให้กลิ่นหอมอ่อนๆ หล่นอยู่เกลื่อนพื้นกระดานไม้ ดูสวยและอ่อนหวานเสียจนมัสยาต้องก้มหยิบขึ้นมาสูดดม พลางหันมองอีกซีกด้านที่ยังไม่ได้เดินไปถึง และเมื่อเห็นว่าอารักษ์รูปหล่อยังยืนคุยกับช่างรับเหมาไม่เสร็จ มัสยาจึงเดินสำรวจต่อไปในทันที ทิวไม้ตัดแต่งเป็นกำแพงบดบังสายตาจากคนภายนอกนั้นถูกแบ่งแยกให้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของผู้บริหาร โดยจัดเป็นบันไดเชื่อมขึ้นไปถึงเรือนไทยอีสานที่ตั้งเยื้องอยู่ในฝั่งขวามือ แม้จะมองออกว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัว แต่มัสยากลับไม่รอช้าที่จะขึ้นไป เพราะถือว่าไหนๆ เธอก็ยังไม่ตัดสินใจที่จะฝึกงานที่นี่หรือไม่ อย่างน้อยก็ขอให้เธอมีโอกาสเห็นสถานที่ทำงานของอารักษ์ให้ทั่วทุกซอกทุกมุม เพราะหากเธอเลือกเปลี่ยนที่ฝึกงาน เธอคงไม่มีโอกาสไหนที่จะได้เข้ามาสำรวจแบบนี้อีกแน่ และมัสยาก็รู้ว่าเธอเลือกไม่ผิด เพราะระเบียงด้านบนนี้ทำให้เธอมองเห็นพื้นที่โดยรอบของร้านอาหารแทบทุกมุม โดยเฉพาะโซนเอ้าท์ดอร์ด้านหน้าที่จัดโต๊ะไว้ตามมุมต่างๆ พร้อมประดับไปด้วยต้นไม้ดูร่มรื่น ซึ่งหากอารักษ์หรืออาจมีผู้บริหารท่านอื่น อยากรู้ว่าช่วงเวลานี้มีลูกค้ามากหรือน้อยก็แค
“ทำไมล่ะน้องปลา อยู่กับอาในห้องนี้ก่อนไม่ได้เหรอคะ” ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาพูดไปแบบนั้น แต่อาการประหม่าพร้อมกระเถิบหนีของมัสยาทำให้เขาอยากลองใจ อยากรู้ว่าเธอรู้สึกเช่นเดียวกันกับเขาหรือเปล่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนยังอยู่ในความทรงจำหรือเธอสลัดไล่มันออกไปจนหมดแล้ว เพราะมัสยาไม่ใช่เด็กตัวอ้วนกลมในวันวาน เธองดงามไปทั้งเนื้อทั้งตัวแบบนี้ คงไม่ใช่เขาคนแรกหรอกที่หมายปอง และเขาอาจไม่ใช่คนที่เธอพอใจก็เป็นได้ “น้องปลาร้อนน่ะค่ะ” “ร้อนก็เปิดแอร์” “เอ่อ... น้องปลาว่าอากาศมันไม่พอ น้องปลาขอออกไปสูดอากาศข้างนอกก่อนนะคะ” “น้องปลารังเกียจอาเหรอคะ ถึงทนอยู่ร่วมห้องกับอาไม่ได้” “ทำไมอารักษ์พูดแบบนั้นล่ะคะ” ถามราวละเมอ เมื่อร่างกายเหมือนถูกตรึงไว้ด้วยคำถามของเขา พร้อมสมองกำลังประมวลเหตุการณ์เข้าข้างตัวเองอีกแล้ว อารักษ์พูดแบบนี้กับเธอเพราะมีความหมายซ่อนเร้นใช่ไหม อารักษ์กำลังจะบอกอะไรบางอย่างกับเธอใช่ไหม “เพราะ...” คำตอบล่ะคืออะไร เขาควรจะตอบมัสยาว่าอะไรถึงจะถูกต้องตรงใจมากที่สุด จะบอกว่าเขาอยากจะทำเหมือนเมื่อคืนอย่าง
“อา... อาไม่อยาก...” “ไม่อยาก... ไม่อยากแล้วมาทำแบบนี้กับน้องปลาทำไมคะ อารักษ์จะบอกว่าเมาทั้งไม่ได้ดื่มเหล้า จะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ ทั้งที่อารักษ์ทั้งกอด ทั้งจูบ ทั้งแลกลิ้นกับน้องปลาเหรอคะ” มัสยาดิ้นรนให้หลุดจากท่อนแขนกักกันเธอเอาไว้ ณ เวลานี้เธอเสียศูนย์ที่สุดแล้ว อารักษ์เห็นเธอเป็นของเล่นแก้เหงา เป็นตุ๊กตาบาร์บี้ที่จะจับจะแตะตรงไหนก็ได้ และเมื่อรู้ว่าเล่นเกินฐานะตุ๊กตา เขาก็เลือกที่จะหยุดซะง่ายๆ “น้องปลาฟังอาก่อนสิคะ” อาการพยศของมัสยาเป็นสิ่งที่เขาไม่คิดว่าจะได้เห็น แต่เธอก็ควรโกรธเขาจริงๆ นั่นแหละ แล้วจะทำยังไงล่ะเธอถึงจะเข้าใจ “ไม่ฟังค่ะ เราคงไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก และน้องปลาก็จะไม่มาฝึกงานที่นี่ด้วย สถานะของเราจะเป็นแค่ ‘เพื่อนบ้าน’ เท่านั้น ปล่อยน้องปลาสิคะอารักษ์ ปล่อยค่ะ น้องปลาบอกว่าให้ปล่อย” “อาไม่ปล่อย จนกว่าน้องปลาจะฟังอาพูดก่อน” “มีอะไรต้องพูดอีกเหรอคะ อารักษ์ทำมากกว่าพูดแล้ว แค่นี้น้องปลาก็เจ็บจนจะกระอักเลือดแล้วค่ะ ปล่อยน้องปลาเดี๋ยวนี้ ถ้ายังอยากเป็นเพื่อนบ้านกันอยู่” เสียงเข้มเริ่มจะสั่นเพราะแรงสะอื้