“ขอบ... ขอบคุณค่ะ น้องปลากลับบ้านก่อนนะคะ”
“อาไปส่ง”
ฝ่ามือไวตามใจ เอื้อมคว้าข้อมือน้อยๆ นั้นไว้ให้หยุด ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยอย่างแสนเสียดาย เมื่ออาการสั่นๆ นั้นกระจายออกมาจากข้อมือจนเขาสัมผัสได้
“ไม่ต้องหรอกค่ะ น้องปลาเดินไปเองได้แค่นี้เอง อารักษ์อย่าลืมทานวุ้นของน้องปลานะคะ”
ร่างบอบบางก้าวเดินออกไปอย่างเร็วรี่ พร้อมเสียงปนสั่นพยายามทำให้มั่นคงที่สุดนั้น ทำให้อารักษ์เกิดความรู้สึกประหลาดวาบหวิวเล็กๆ ในหัวใจอีกแล้ว ด้วยแว่วเสียงครางหวานๆ นั้นยังคงอยู่ ‘อารักษ์ขา...’ กำลังตามหลอกหลอนเขา และยิ่งตอกย้ำมากขึ้นอีกเท่าตัวเมื่อเห็นของที่มัสยานำมาใส่ตู้เย็นไว้ให้
‘วุ้นรูปหัวใจสีชมพู’ หลายสิบดวงวางเรียงรายกันอยู่ในถาดแก้วรูปปลาทอง ยิ่งกระตุ้นให้จังหวะหัวใจของเขาเต้นผิดแผกไป และเมื่อริมฝีปากสัมผัสหัวใจดวงน้อยเพื่อส่งเข้าสู่อุ้งปาก ปลายลิ้นทำหน้าที่รับรู้รสพร้อมกับคลุกเคล้าสร้างความอร่อย ไม่ต่างจากวินาทีที่ปลายลิ้นของเขาชอนไชสู่ความหอมหวานของเธอ ตวัด และละเลียดไล้ปลายลิ้นไปมาเพื่อดูดซับเอาความหวานแรกให้เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว แต่นั่นเขาไม่ควรเลยนะ ไม่ควรทำ และไม่ควรแม้แต่จะคิดถึงอีก
‘น้องปลา... อาไม่น่าทำแบบนั้นเลย’
คิดอย่างสำนึกผิด ทว่าภาพใบหน้า ดวงตา ริมฝีปาก ทรวงอกอิ่ม และเรียวขาเรียวสวย ก็ปลุกระดมความคิดให้เขาออกนอกลู่ไปไกลอีกแล้ว สุดท้ายความต้องการจะกินวุ้นถาดนี้ให้หมดก็ต้องจบลง เพราะหากขืนยังละเลียดความหวานอร่อยลิ้นอยู่อย่างนี้ เขาคงไม่สามารถสลัดอารมณ์เร่าร้อนที่ปะทุขึ้นให้ดับลงได้แน่
.
.
สองเท้าพาตนเองก้าวเร็วรี่ออกมาจากบ้านตึก 2 ชั้นที่ร้างผู้อยู่อาศัยมานับ 10 ปี ชะลอความเร็วลงเมื่อรู้ตัวว่าออกห่างจากรัศมีการมองเห็นของคนภายในบ้านได้อย่างดีแล้ว มัสยาหยุดเดินและหันกลับไปมองบ้านหลังใหญ่อีกครั้ง
ปลายนิ้วยกขึ้นแตะริมฝีปากบวมเจ่อของตนเองเพราะความวาบหวิวหวามหัวใจยังประทับอยู่อย่างท่วมท้น ก่อนจะลากเรื่อยปลายนิ้วลงมาตามลำคอและไปหยุดอยู่ที่เต้าอวบอิ่ม ส่งผ่านความรู้สึกซ่านเสียวอย่างประหลาดไปทั่วร่างกาย นั่นแค่จากฝ่ามือและสัมผัสภายนอกเนื้อผ้า หากเป็นความเปลือยเปล่าเล่า เธอจะรู้สึกมากมายแค่ไหน
“อารักษ์ขา... น้องปลาคิดถึงอารักษ์ค่ะ คิดถึงมากเหลือเกิน”
น้ำเสียงสั่นคลอพร้อมหยาดน้ำตาที่ค่อยๆ รินไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เพราะเธอแทบจะรอคอยให้ถึงวันนี้ไม่ไหว แค่รู้ข่าวว่าอารักษ์ที่เธอเฝ้าคิดถึงเฝ้ารอคอยจะกลับมา เธอก็ตื่นเต้นเสียจนให้เหตุผลกับตัวเองไม่ได้ว่าทำไม และแค่พรุ่งนี้เช้าเธอจะได้พบกับเขา แต่เธอกลับนอนไม่หลับถึงกับกล้าแอบย่องเข้ามาในบ้านของเขา เพราะหวังว่าจะสร้างความประทับใจให้กับเขาได้ ไม่มากก็น้อย หากอารักษ์ได้ชิมฝีมือทำขนมของเธอ เขาอาจชอบ ติดใจ และขอให้เธอทำให้ทานบ่อยๆ ก็ได้
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทำให้เธอรู้เหตุผลทั้งหมด สิ่งที่ปลูกฝังอยู่ในหัวใจ จนทำให้เธอไม่เคยมองผู้ชายคนไหนให้เกินฐานะเพื่อน ตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อสาวมาจนถึงบัดนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะว่า เธอจะเก็บความอ่อนหวานทั้งหมดนี้ไว้เพื่ออารักษ์คนเดียวเท่านั้น และอารักษ์ก็ได้ไปทั้งหมดแล้ว ทั้ง ‘หัวใจ’ และ ‘จูบแรก’ ของเธอ
“อารักษ์ไม่ได้มองว่าน้องปลาเป็นเด็กแล้วใช่มั้ยคะ น้องปลาโตพอที่จะทำให้อารักษ์...”
ไอความร้อนพวยพุ่งไปทั่วทั้งร่าง จนรู้สึกอุ่นวาบที่หัวใจ คือสิ่งย้ำเตือนว่าเหตุการณ์ที่ผ่านพ้นไปนั้นเกิดขึ้นจริง ไม่ใช่เธอคิดไปเองและเฝ้าฝันถึงเขาที่เป็นชายในฝันอีกแล้ว อารักษ์มีเลือดเนื้อและแข็งแกร่งไปทุกสัดส่วน
ไม่ว่าจะเป็นท่อนแขนที่รั้งร่างเธอเข้าแนบชิดไม่ยอมปล่อย ฝ่ามือที่รั้งใบหน้าของเธอให้แหงนรับจูบเร่าร้อนนั้น หรือแม้แต่ความอุ่นวาบซาบซ่านสะท้านหัวใจที่เคล้นคลึงเต้าอวบใหญ่ของเธอไม่หยุด โดยเฉพาะปลายลิ้นร้อนๆ ที่ช่วงชิงลมหายใจจากเธอ นั่นไม่ต่างกับเธอเห็นอารักษ์แลกจูบกับแม่สาวทรงโตในสวน
‘รักษ์ขา... จูบพิซซี่อีกสิคะ พิซซี่อยากให้รักษ์จูบ รักษ์จูบเก่งที่สุด อืม...’
นักศึกษาสาวทรงอึ๋มที่คล้องต้นแขนรอบลำคอของอารักษ์ก่อนจะโน้มใบหน้าหล่อเหลาสไตล์หนุ่มลูกครึ่งนั้นเข้าใกล้ พลางบดเบียดริมฝีปากเข้าหากัน ก่อนจะตวัดลากปลายลิ้นออกมาหยอกเย้าเลื้อยลัดพันกันด้านนอก พร้อมกับทำเสียงอือออในลำคอราวกับสิ่งที่ทำนี้สร้างความซ่านสะท้านอารมณ์ให้กับเจ้าหล่อนอย่างที่สุด
ทำให้เด็กหญิงวัย 11 ปีอย่างเธอถึงกับตะลึงมองสิ่งที่เห็นตรงหน้า แค่จะเอาขนมที่หัดทำมาให้อารักษ์ชิม แต่กลับกลายเป็นว่าจานขนมนั้นตกลงพื้นไปทั้งหมด เพราะเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอได้เห็นหญิงชายแลกลิ้นกันต่อหน้าต่อตา
อารักษ์นั้นก็ตกใจหันมาเห็นเธอ ส่วนแม่สาวทรงโตที่เรียกแทนตัวเองว่า ‘พิซซี่’ นั้นไม่ได้สลดเลยสักนิด มัสยายังจำสายตาดูแคลนพร้อมคำกระซิบหยามเหยียดได้ไม่ลืม
‘อิจฉาเหรอเด็กน้อย อิอิ... คิดเร็วไปหน่อยนะจ๊ะ แรดในวันนี้ไม่ทำให้เป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันหน้านะ รักษ์เป็นของฉัน จำเอาไว้ เด็กอย่างเธออย่าสะเออะมาแย่ง นังอ้วน! ยัยหน้าจืด เชอะ! อ้วนแล้วยังไม่เจียมตัวเอง’
ในวันนั้นมัสยาจำได้ว่าเธอไม่ได้ตอบโต้อะไรออกไปเลย หนึ่งนั้นคือไม่เข้าใจว่าทำไมอารักษ์ต้องเอาลิ้นเข้าไปพันกับหล่อนด้วย สองคือไม่คิดว่าจะได้ยินคำเหยียดหยามกับสายตาดูแคลนจากปากของผู้หญิงที่อารักษ์พามาบ้าน แต่เมื่อโตขึ้นก็ทำให้เธอเข้าใจว่าสิ่งที่เพื่อนสาวของอารักษ์มองเห็นในตัวเธอนั้น ‘เป็นจริง’ หน้าตาและรูปร่างจึงเป็นสิ่งที่เธอใส่ใจ สวย หุ่นดี และหน้าอกต้องใหญ่กว่าแม่นั่น เธอจึงกลายเป็นหญิงสาวใส่ใจการกินอาหารพอๆ กับการออกกำลังกายเพื่อบริหารหน้าอกให้ยกกระชับและสวยงามอยู่เสมอ โชคดีเป็นของเธอเมื่อแม่รักเธอมาก ถึงกับให้มาเยอะอย่างไม่หวง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ แม้จะมาโดยไม่คาดฝันแต่ก็สร้างความมั่นใจให้เธอเต็มร้อย ‘รักษ์เป็นของฉัน’ จะไม่มีวันให้เป็นไปตามที่พิซซี่บอกแน่ เพราะตอนนี้มั่นใจอย่างที่สุดว่าสวยกว่าแม่นั่นแน่ ไม่อย่างนั้นอารักษ์คงไม่ ‘จูบ’ เธอในทันทีที่เห็นหน้าหรอก โดยเฉพาะขนาดของหน้าอก เธอมั่นใจว่าทั้งใหญ่และเต่งตึงกว่าแม่นางแบบ ‘พิซซี่’ หลายคัพทีเดียว ทรวงอกขนาดใหญ่กระเพื่อมขึ้นลงตามแรงเคล้นคลึงจากฝ่ามือของเขาทำให้อารักษ์มันในอารมณ์เสียจนต้องคลุ
“เมื่อคืน...” ทว่าคำพูดทิ้งช่วงจังหวะเวลาของฉลามกลับกระตุ้นความหวาดหวั่นของเขาให้กลับมาและดูจะเพิ่มมากขึ้นเสียด้วย เพราะเมื่อคืน... มันคืออะไรล่ะ ฉลามจะถามอะไรกันแน่ “พี่หลามเขาอยากรู้น่ะจ้ะว่าเมื่อคืนทำไมรักษ์ไปว่ายน้ำเล่นตอนตีสาม ร้อนอกร้อนใจหรือว่าร้อนกายอะไรหรือเปล่า” แต่คนที่เฉลยคำตอบกลับเป็นเจ้าของบ้านฝ่ายหญิงที่เดินออกมาจากในครัว เขาแทบจะปาดเหงื่อก่อนจะลอบพ่นลมหายใจออกจากปากเบาๆ พลางมองถาดขนมและน้ำดื่มที่ ‘กุ้งนาง’ หรือ ‘พี่กุ้ง’ ถือติดมือมาเพื่อรับรองเขา วุ้นรูปหัวใจสีชมพูวางอยู่ในจานรูปปลากระตุกต่อมบางอย่างให้หัวใจของเขาไหววูบ และจะตอบได้อย่างไรว่าเจ้าของวุ้นรูปหัวใจนี่แหละทำให้เขา ‘ร้อน!’ จนนอนไม่หลับ ทั้งที่น่าจะหลับทันทีเมื่อหัวถึงหมอนเพราะอ่อนล้าจากการเดินทาง แต่กลับกลายเป็นว่าเขา ‘ตื่น’ จนหลับไม่ลง เพราะมันร้อน มันรุ่ม มันกลัดกลุ้มจนนอนไม่ไหวต้องออกมากระโดดน้ำให้ความร้อนเหล่านั้นบรรเทาเบาบางลง “รักษ์... รักษ์!” “ครับพี่หลาม” “ใจลอยไปถึงไหนแล้ว สรุปเมื่อคืนใช่รักษ์หรือเปล่าที่ลงไปว่ายน้ำอ่ะ” ฉ
“ทะลึ่งที่ไหนกันจ๊ะเมียจ๋า พี่พูดเรื่องจริง ก็ดูรักษ์สิ โอว... ฝรั่งหล่อบึกซะขนาดนี้ สาวเห็นสาวหลงแน่ล่ะ อีกอย่างนะฝรั่งพูดไทยชัดแจ๋ว พี่ว่าสาวๆ คงพากันกรี๊ดสลบ นี่พี่ยังเสียดายที่พี่มีเมียมีลูกแล้วนะ ไม่อย่างนั้นพี่อาจเปลี่ยนใจไปชอบรักษ์ก็ได้นะฮ้า... ฝรั่งจ๋าหล่อจุงเบย” อารักษ์แทบสำลักน้ำใบเตยที่กำลังยกขึ้นดื่ม เมื่อฉลามส่งสายตามองมาที่เขาตาเชื่อม หนำซ้ำยังทำเสียงอ่อนเสียงหวานจนกุ้งนางต้องตีผัวะลงต้นแขนสามี ก่อนจะหัวเราะคิกคักกับมุกไม้ป่าเดียวกันของฉลาม “เออ... แล้วป่านนี้ทำไมน้องปลาไม่ลงมาสักที อารักษ์เขามารอนานแล้วนะ” ฉลามบ่นพลางหันไปมองหน้ากุ้งนางที่ส่ายไปมาแบบว่าไม่รู้เหมือนกัน ก่อนจะหันไปคุยกับอารักษ์ต่อ “นี่ไงรักษ์สาวแรก กลัวอารักษ์จะว่าไม่สวย แต่งตัวป่านนี้ยังไม่เสร็จ” “สวยสิครับ สวยมาก” “อ้าว... เจอกันแล้วเหรอ” “ไม่... ไม่น่ะครับ ก็ตอนเด็กๆ น้องปลาแกน่ารักมาก โตขึ้นต้องสวยแน่ๆ ดูนางให้ดูที่แม่ไม่ใช่เหรอครับ พี่กุ้งสวยขนาดนี้ น้องปลาก็ต้องสวยไม่ผิดแม่แน่” เกือบไปแล้วไหมล่ะ นี่คือผลของการมีใบหน้าสวยๆ นั้นหลอก
“อารักษ์คิดแบบนั้นจริงๆ นะคะ น้องปลาไม่อยากเป็นภาระของอานะ” “อานะที่ไหนล่ะ นี่อารักษ์ต่างหาก” รอยยิ้มอย่างเอียงอายเพราะคำพูดล้อเลียนของเขา ช่วยทำให้บรรยากาศดีขึ้นอย่างเหลือเชื่อ ‘ผ่อนคลาย ผ่อนคลาย’ นี่เขาต้องท่องให้ขึ้นใจใช่ไหม ไม่อย่างนั้นการอยู่ใกล้ชิดมัสยาจะทำให้เขาทั้ง ‘ตึง’ ทั้ง ‘เครียด’ ได้ง่าย “ว่าแต่น้องปลาหิวหรือเปล่าล่ะ แวะทานอะไรกันก่อนไปถึงร้านดีมั้ย” “นิดหน่อยค่ะ แต่น้องปลาตามใจอารักษ์ แล้วอารักษ์ล่ะคะ หิวมั้ย” “อืม...” เขาพูดได้แค่นั้น เพราะริมฝีปากที่เคลือบลิปกลอสสีชมพูอ่อนแวววาวนั้นคลี่ยิ้มพร้อมผินหน้ามองเขา มีผลทำให้ลมหายใจของเขาติดขัดอีกแล้ว เห็นทีเขาต้องใส่ใจพูดคุยกับเธอให้มากกว่าที่จะนิ่งเงียบอยู่ในภวังค์หวามๆ ของตนเอง แต่จะเป็นผลดีกับเขาจริงเหรอ ในเมื่อริมฝีปากคลี่ยิ้มนั้นคล้ายจะส่งผลให้เขาฟุ้งซ่านมากกว่าเดิม เพราะสิ่งที่เขาคิดว่าหิวนั้นไม่ใช่ข้าว ไม่ใช่หมู ไก่ หรือว่าพืชผักใดๆ ทว่าเป็น ‘ปลา’ มัสยาเหลือบมองคนด้านข้างอย่างไม่เข้าใจ อารักษ์สุดหล่อของเธอดูแปลกไปมากจริงๆ หรือจริงๆ แล้วเธอไ
ดอกสีขาวมีเกสรสีเหลืองให้กลิ่นหอมอ่อนๆ หล่นอยู่เกลื่อนพื้นกระดานไม้ ดูสวยและอ่อนหวานเสียจนมัสยาต้องก้มหยิบขึ้นมาสูดดม พลางหันมองอีกซีกด้านที่ยังไม่ได้เดินไปถึง และเมื่อเห็นว่าอารักษ์รูปหล่อยังยืนคุยกับช่างรับเหมาไม่เสร็จ มัสยาจึงเดินสำรวจต่อไปในทันที ทิวไม้ตัดแต่งเป็นกำแพงบดบังสายตาจากคนภายนอกนั้นถูกแบ่งแยกให้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของผู้บริหาร โดยจัดเป็นบันไดเชื่อมขึ้นไปถึงเรือนไทยอีสานที่ตั้งเยื้องอยู่ในฝั่งขวามือ แม้จะมองออกว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัว แต่มัสยากลับไม่รอช้าที่จะขึ้นไป เพราะถือว่าไหนๆ เธอก็ยังไม่ตัดสินใจที่จะฝึกงานที่นี่หรือไม่ อย่างน้อยก็ขอให้เธอมีโอกาสเห็นสถานที่ทำงานของอารักษ์ให้ทั่วทุกซอกทุกมุม เพราะหากเธอเลือกเปลี่ยนที่ฝึกงาน เธอคงไม่มีโอกาสไหนที่จะได้เข้ามาสำรวจแบบนี้อีกแน่ และมัสยาก็รู้ว่าเธอเลือกไม่ผิด เพราะระเบียงด้านบนนี้ทำให้เธอมองเห็นพื้นที่โดยรอบของร้านอาหารแทบทุกมุม โดยเฉพาะโซนเอ้าท์ดอร์ด้านหน้าที่จัดโต๊ะไว้ตามมุมต่างๆ พร้อมประดับไปด้วยต้นไม้ดูร่มรื่น ซึ่งหากอารักษ์หรืออาจมีผู้บริหารท่านอื่น อยากรู้ว่าช่วงเวลานี้มีลูกค้ามากหรือน้อยก็แค
“ทำไมล่ะน้องปลา อยู่กับอาในห้องนี้ก่อนไม่ได้เหรอคะ” ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาพูดไปแบบนั้น แต่อาการประหม่าพร้อมกระเถิบหนีของมัสยาทำให้เขาอยากลองใจ อยากรู้ว่าเธอรู้สึกเช่นเดียวกันกับเขาหรือเปล่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนยังอยู่ในความทรงจำหรือเธอสลัดไล่มันออกไปจนหมดแล้ว เพราะมัสยาไม่ใช่เด็กตัวอ้วนกลมในวันวาน เธองดงามไปทั้งเนื้อทั้งตัวแบบนี้ คงไม่ใช่เขาคนแรกหรอกที่หมายปอง และเขาอาจไม่ใช่คนที่เธอพอใจก็เป็นได้ “น้องปลาร้อนน่ะค่ะ” “ร้อนก็เปิดแอร์” “เอ่อ... น้องปลาว่าอากาศมันไม่พอ น้องปลาขอออกไปสูดอากาศข้างนอกก่อนนะคะ” “น้องปลารังเกียจอาเหรอคะ ถึงทนอยู่ร่วมห้องกับอาไม่ได้” “ทำไมอารักษ์พูดแบบนั้นล่ะคะ” ถามราวละเมอ เมื่อร่างกายเหมือนถูกตรึงไว้ด้วยคำถามของเขา พร้อมสมองกำลังประมวลเหตุการณ์เข้าข้างตัวเองอีกแล้ว อารักษ์พูดแบบนี้กับเธอเพราะมีความหมายซ่อนเร้นใช่ไหม อารักษ์กำลังจะบอกอะไรบางอย่างกับเธอใช่ไหม “เพราะ...” คำตอบล่ะคืออะไร เขาควรจะตอบมัสยาว่าอะไรถึงจะถูกต้องตรงใจมากที่สุด จะบอกว่าเขาอยากจะทำเหมือนเมื่อคืนอย่าง
“อา... อาไม่อยาก...” “ไม่อยาก... ไม่อยากแล้วมาทำแบบนี้กับน้องปลาทำไมคะ อารักษ์จะบอกว่าเมาทั้งไม่ได้ดื่มเหล้า จะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ ทั้งที่อารักษ์ทั้งกอด ทั้งจูบ ทั้งแลกลิ้นกับน้องปลาเหรอคะ” มัสยาดิ้นรนให้หลุดจากท่อนแขนกักกันเธอเอาไว้ ณ เวลานี้เธอเสียศูนย์ที่สุดแล้ว อารักษ์เห็นเธอเป็นของเล่นแก้เหงา เป็นตุ๊กตาบาร์บี้ที่จะจับจะแตะตรงไหนก็ได้ และเมื่อรู้ว่าเล่นเกินฐานะตุ๊กตา เขาก็เลือกที่จะหยุดซะง่ายๆ “น้องปลาฟังอาก่อนสิคะ” อาการพยศของมัสยาเป็นสิ่งที่เขาไม่คิดว่าจะได้เห็น แต่เธอก็ควรโกรธเขาจริงๆ นั่นแหละ แล้วจะทำยังไงล่ะเธอถึงจะเข้าใจ “ไม่ฟังค่ะ เราคงไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก และน้องปลาก็จะไม่มาฝึกงานที่นี่ด้วย สถานะของเราจะเป็นแค่ ‘เพื่อนบ้าน’ เท่านั้น ปล่อยน้องปลาสิคะอารักษ์ ปล่อยค่ะ น้องปลาบอกว่าให้ปล่อย” “อาไม่ปล่อย จนกว่าน้องปลาจะฟังอาพูดก่อน” “มีอะไรต้องพูดอีกเหรอคะ อารักษ์ทำมากกว่าพูดแล้ว แค่นี้น้องปลาก็เจ็บจนจะกระอักเลือดแล้วค่ะ ปล่อยน้องปลาเดี๋ยวนี้ ถ้ายังอยากเป็นเพื่อนบ้านกันอยู่” เสียงเข้มเริ่มจะสั่นเพราะแรงสะอื้
‘อารักษ์... รักน้องปลานะคะ ไม่รู้ว่ารักตั้งแต่ตอนไหน อาจจะนานแล้วหรืออาจจะเมื่อคืนนี้ก็ได้ แต่ที่อาบอกกับตัวเองได้ก็คือ อาไม่เคยเกิดความรู้สึกนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน เมื่อคืนนี้อาไม่ได้เมา อาตั้งใจ และตอนนี้อาก็ไม่เมา ไม่เพ้อ และไม่ได้มโนไปเอง น้องปลารู้มั้ย ตั้งแต่เมื่อคืน น้องปลาทำให้อานอนไม่หลับ อาเฝ้าแต่คิดถึงใบหน้านี้ ดวงตาคู่นี้ ริมฝีปากหวานๆ นี้ และก็... ทั้งหมดที่เป็นน้องปลา จนอาไม่มีสมาธิจะทำอะไรเลย ถ้าความรักมันคือการคิดถึง การอยากอยู่ใกล้ อยากเห็นคนคนนั้นอยู่ในสายตาตลอด ทุกความคิดมีแต่คนคนนั้นอยู่ในนี้ สิ่งที่อารักษ์เป็นอยู่นี้ เรียกว่า ‘ความรัก’ ได้มั้ย’ มัสยาอดยิ้มไม่ได้ทุกครั้งยามคิดถึงคำสารภาพจากเขา คำสารภาพของคนข้างบ้านพร้อมจูบร้อนๆ ที่พร่ำพรอดไปทั่วทั้งเนื้อตัวของเธอ ‘นอกร่มผ้า’ เท่านั้นที่เขาทำ ‘น้องปลาอย่าเรียกอารักษ์ขาอีกนะ อาอยากให้น้องปลาพร้อมมากที่สุด เพราะถ้าอาทนไม่ไหวขึ้นมา น้องปลาจะได้เรียกอารักษ์ขาไปทั้งวันทั้งคืน ห้ามหยุดจนกว่าอาจะเหนื่อย’ ‘อารักษ์อ่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้ น้องปลาไม่พูดด้วยแล้ว’ ‘ไม่พูดก็ได้ เก็บ