“ปล่อยผมเถอะฮันนี่ ไม่มีประโยชน์อะไรที่คุณจะมารื้อฟื้น เรื่องของเรามันจบไปนานแล้ว และตอนนี้ผมก็มีคนที่ต้องดูแลทั้งร่างกายและหัวใจของเธอด้วย และเธอก็ทำหน้าที่ดูแลร่างกายนี้ ทั้งด้านล่างและด้านบนเป็นอย่างดี จนผมไม่คิดว่าจะมีใครมาแทนได้”
อารักษ์พยายามปลดฝ่ามือของฮันนี่ออกให้นุ่มนวลที่สุด แต่เธอก็ล็อกแน่นยังกับคีมเหล็ก พร้อมกับเสียดสีทั้งท่อนบนและท่อนล่างของเธอเข้าหาเขา
“จริงเหรอคะ ฮันนี่ไม่ลืมนะคะว่าครั้งสุดท้ายก่อนที่รักษ์จะไปต่างประเทศ คืนนั้นเราสนุกกันมากแค่ไหน รักษ์ไม่อยากรื้อฟื้นเหรอคะ น้ำผึ้งหยาดเยิ้มของฮันนี่ยังหอม หวาน ไม่เปลี่ยนแปลง และตอนนี้มันก็พร้อมจะให้รักษ์ชิมแล้วด้วยค่ะ”
คำพูดสะท้านอารมณ์ทั้งคนพูด คนฟัง และคนที่แอบฟังอยู่ด้านนอก ต่างคนต่างคิดไปคนละทาง คนพูดนั้นซ่านเสียวตั้งแต่เหนี่ยวรั้งร่างแกร่งของอารักษ์เข้าใ
“ฉันถามว่าใครเป็นคนทำ ใคร!” “ฉันเอง” ฮันนี่อยากจะกรีดร้องอีกครั้งเมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามา โดยมีพนักงานของร้านหอบเอกสารปึกใหญ่มาด้วย พนักงานสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่อารักษ์หลงหัวปักหัวปำ กำลังยืนประจันหน้าเธออยู่ และมันมีทะเบียนสมรส “ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง” ฮันนี่ถามเสียงเหี้ยม “ก็เห่อน่ะค่ะ เพิ่งจดทะเบียนเมื่อเช้าหมาดๆ อยากให้คุณฮันนี่อวยพรให้ แต่กลัวว่าจะน้อยไปเลยก๊อบปี้เพิ่มมา 200 ชุด คุณฮันนี่จะได้เอาไปติดทำวอลเปเปอร์ที่บ้าน เอาไว้ระลึกถึงทุกคืนทุกวัน กำหนดจิตใจตัวเองให้มั่น แล้วท่องว่า ‘เขามีเมียแล้วหนอ เขาแต่งงานแล้วหนอ ยุ่งกับเขาไม่ได้แล้วหนอ’ พอมั้ยค่ะ 200 แผ่น ถ้าไม่พอ ฉันจะให้พนักงานไปก๊อบมาเพิ่ม” “แก... นัง
“ผมกราบขอโทษพี่หลามกับพี่กุ้งด้วยนะครับ ที่ทำอะไรไปโดยพลการแบบนี้” ฉลามและกุ้งนาง มองชายหนุ่มรุ่นน้องที่เปลี่ยนสถานะมาเป็นลูกเขยในช่วงเวลาไม่ถึง 10 วันดี แม้จะงง สงสัย และสับสนในความสัมพันธ์ของอารักษ์และมัสยา แต่ทั้งคู่ที่นั่งกุมมือกันและกันเอาไว้ พร้อมทั้งนำทะเบียนสมรสที่แอบไปจดกันมาเมื่อเช้ามาวางให้ดู ก็ทำให้คนเป็นพ่อเป็นแม่นั้นพูดไม่ออก จะให้บอกว่ายกให้หรือไม่ยกให้ดีล่ะ ในเมื่อเรื่องมันมาไกลเกินจะแก้ไขแล้ว “พ่อคะ แม่คะ อารักษ์ไม่ผิดนะคะ น้องปลาผิดเองค่ะ น้องปลารักอารักษ์มาตั้งแต่เริ่มเป็นสาว น้องปลาไม่อยากต้องรออีก น้องปลาขอโทษค่ะ” หยาดน้ำตาของมัสยาไหลลงเป็นสาย เมื่อพ่อกับแม่ไม่ยอมพูดอะไรออกมาเลย เธอไม่อยากให้พ่อแม่คิดว่านี่คือสิ่งที่อารักษ์ฉกฉวยจากเธอ เธอสิที่เป็นฝ่ายเสนอและสนองอารักษ์จนเหน็ดเหนื่อย ไม่อยากให้พ่อแม่มอง
บ้านเดี่ยว 2 ชั้น บนเนื้อที่ 100 ตารางวา ที่มองเห็นอยู่ตรงหน้าทำให้คนที่ค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปอย่างช้าๆ ทำสีหน้าราวกับจะซาบซึ้งและคิดถึงสถานที่แห่งนี้เหลือเกิน คงจะเป็นเช่นนั้นสินะ ในเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมานี้ นี่คือครั้งแรกที่ได้กลับมาเยือน ช่วงขายาวเคลื่อนไปข้างหน้าบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งในยามที่ฝ่าเท้าเหยียบย่างก้าวเข้าสู่สถานที่ ที่ครั้งหนึ่งเคยเต็มไปด้วยความสุขของเขาอย่างมั่นคง แม้ทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนไปแล้วแต่เขาก็อยากจะจดจำภาพแห่งความทรงจำนั้นไว้ ให้ประทับอยู่ในห้วงหัวใจไม่ลืม เพื่อเป็นกำลังใจหากในวันหนึ่งเขาจะกลับไปท้อถอยเหมือนครั้งที่ผ่านมา เพราะนั่นคือช่วงเวลาที่พ่อพาเขากลับไปอเมริกาหลังจากแม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตลง ในวันนั้นเขาเป็นเพียงหนุ่มลูกครึ่ง ‘อเมริกัน - กาฬสินธุ์’ เพิ่งเรียนจบปริญญาตรีหมาดๆ ยังไม่ทันได้เริ่มงานในเมืองไทยเลยด้วยซ้ำ ต้องตามไปดูแลสภาพจิตใจของพ่อ ทั้งที่ตัวเขาเองก็ย่ำแย่ไม่แพ้กัน แต่วันนี้ถึงเวลาที่เขาได้กลับมาเยือนเมืองไทยสักที เพราะพ่อนั้นมีคนมารักษาหัวใจแล้ว และพ่อที่ครองตัวเป็นโสดมาได้ตั้งเกือบ 10 ปี มีเหตุผลอะไรล่ะที่เ
ความบอบบางอ่อนหวานที่เจ้าตัวยังคงตกใจไม่ปัดป้องเนื้อตัว แต่กลับยืนนิ่งให้เขาบดเบียดริมฝีปากลงไป เคล้าคลอ เคล้นคลึง แนบแน่น จนถึงบดเบียดแน่นสนิทไม่เหลือช่องว่างให้ร้องประท้วง และแค่เขากวาดต้อนลิ้นร้อนๆ ลงไป ร่างเล็กที่เขามองเห็นแค่เพียงด้านหลังก่อนหน้านี้ ก็สะท้านสั่นไหวจนต้องบดเบียดความอวบอิ่มเกินตัวเข้าปะทะกับแผงอกของเขาแน่น ฝ่ามือร้อนของเขาไม่รอช้า ข้างหนึ่งรั้งท้ายทอยบังคับให้ริมฝีปากเผยอรับรอยจูบของเขาไม่หยุด อีกข้างตรงเข้าประคองเต้าอวบที่ใหญ่เกินกว่าฝ่ามือของเขาจะกอบเก็บได้หมด เคล้นคลึงเล่นอย่างอ่อนโยนทว่ามันในอารมณ์ที่สุด เพราะนี่คือความยิ่งใหญ่ เต็มตึง ‘ของจริง’ ไม่ใช่จากศัลยกรรม ‘อา... นี่เรากำลังเจอนางฟ้าหรือยังไงนะ ทำไมเธอถึงได้ทั้งหอม ทั้งหวาน และใหญ่ขนาดนี้ โอว... มันช่างเป็นการต้อนรับกลับบ้านที่หอมหวานที่สุด อืม... หวาน...’ ใช่ว่าไม่เคยเจออกอวบขนาดใหญ่ เพราะสาวๆ ในแอลเอที่เขาเลือกควง ก็อวบอึ๋มกระทุ้งต่อมเสียวกันทั้งนั้น แต่ไม่เคยเจอก็คือ ไอ้ประเภทไซส์เล็กตั้งแต่ความสูงจนถึงรูปร่างแต่ขนาดหน้าอกตามที่เขากำลังคำนวนด้วยฝ่ามืออยู่นี้ คงจะไม่น้อยกว
เสื้อชุดนอนถูกปลดรังดุมจนถึงแนวลิ้นปี่ทำให้เขามองเห็นอะไรบางอย่างที่นูนเด่นออกมาอย่างมากมายที่สุด มากจนทำให้เขาต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างแสนเสียดาย ทว่ากิริยามองตามสายตาของเขาจนไปหยุดอยู่ที่สาบเสื้อที่แยกออกจากกัน นิ้วมือสั่นๆ นั้นก็ต้องเร่งติดรังดุมอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่เช่นกัน อารักษ์ต้องหันหน้าไปอีกทางเพื่อให้เธอพร้อมมากกว่านี้ และเมื่อปลายหางตาบ่งบอกว่าเธอพร้อมเขาก็ไม่รอช้าที่จะไขความข้องใจให้หมดไป “เออ... น้องปลา น้องปลาใช่มั้ย” ไม่น่าจะถามอีกเมื่อแน่ใจอยู่แล้ว เพราะใบหน้านั้นยังมีเค้าเด็กสาวในวันวานผสมอยู่ เพียงแต่ดูเติบโตเต็มตัว คือเครื่องหน้างดงามสมส่วนและโต... มาก อารักษ์กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นอีกครั้ง เมื่อใบหน้าน้อยๆ นั้นพยักหน้าลงเพียงนิด พร้อมกับริมฝีปากบวมเจ่อนั้นก็เม้มเข้าหากันอย่างคนกำลังประหม่าอย่างที่สุดไม่ต่างจากเขา “น้องปลา... เอ่อ... อา... อาขอโทษนะ อา... อาไม่ได้ตั้งใจ อาเมาน่ะ แล้วก็ไม่คิดว่าจะมาเจอน้องปลาที่นี่ด้วย อาคิดว่าเป็นขโมย อาไม่ได้ตั้งใจจะทำกับน้องปลาแบบนั้น อา...” นั่นคือคำแก้ตัวสุดเห่ยที่สุดในชีวิตก
“ขอบ... ขอบคุณค่ะ น้องปลากลับบ้านก่อนนะคะ” “อาไปส่ง” ฝ่ามือไวตามใจ เอื้อมคว้าข้อมือน้อยๆ นั้นไว้ให้หยุด ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยอย่างแสนเสียดาย เมื่ออาการสั่นๆ นั้นกระจายออกมาจากข้อมือจนเขาสัมผัสได้ “ไม่ต้องหรอกค่ะ น้องปลาเดินไปเองได้แค่นี้เอง อารักษ์อย่าลืมทานวุ้นของน้องปลานะคะ” ร่างบอบบางก้าวเดินออกไปอย่างเร็วรี่ พร้อมเสียงปนสั่นพยายามทำให้มั่นคงที่สุดนั้น ทำให้อารักษ์เกิดความรู้สึกประหลาดวาบหวิวเล็กๆ ในหัวใจอีกแล้ว ด้วยแว่วเสียงครางหวานๆ นั้นยังคงอยู่ ‘อารักษ์ขา...’ กำลังตามหลอกหลอนเขา และยิ่งตอกย้ำมากขึ้นอีกเท่าตัวเมื่อเห็นของที่มัสยานำมาใส่ตู้เย็นไว้ให้ ‘วุ้นรูปหัวใจสีชมพู’ หลายสิบดวงวางเรียงรายกันอยู่ในถาดแก้วรูปปลาทอง ยิ่งกระตุ้นให้จังหวะหัวใจของเขาเต้นผิดแผกไป และเมื่อริมฝีปากสัมผัสหัวใจดวงน้อยเพื่อส่งเข้าสู่อุ้งปาก ปลายลิ้นทำหน้าที่รับรู้รสพร้อมกับคลุกเคล้าสร้างความอร่อย ไม่ต่างจากวินาทีที่ปลายลิ้นของเขาชอนไชสู่ความหอมหวานของเธอ ตวัด และละเลียดไล้ปลายลิ้นไปมาเพื่อดูดซับเอาความหวานแรกให้เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว แต่นั่นเขาไ
ในวันนั้นมัสยาจำได้ว่าเธอไม่ได้ตอบโต้อะไรออกไปเลย หนึ่งนั้นคือไม่เข้าใจว่าทำไมอารักษ์ต้องเอาลิ้นเข้าไปพันกับหล่อนด้วย สองคือไม่คิดว่าจะได้ยินคำเหยียดหยามกับสายตาดูแคลนจากปากของผู้หญิงที่อารักษ์พามาบ้าน แต่เมื่อโตขึ้นก็ทำให้เธอเข้าใจว่าสิ่งที่เพื่อนสาวของอารักษ์มองเห็นในตัวเธอนั้น ‘เป็นจริง’ หน้าตาและรูปร่างจึงเป็นสิ่งที่เธอใส่ใจ สวย หุ่นดี และหน้าอกต้องใหญ่กว่าแม่นั่น เธอจึงกลายเป็นหญิงสาวใส่ใจการกินอาหารพอๆ กับการออกกำลังกายเพื่อบริหารหน้าอกให้ยกกระชับและสวยงามอยู่เสมอ โชคดีเป็นของเธอเมื่อแม่รักเธอมาก ถึงกับให้มาเยอะอย่างไม่หวง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ แม้จะมาโดยไม่คาดฝันแต่ก็สร้างความมั่นใจให้เธอเต็มร้อย ‘รักษ์เป็นของฉัน’ จะไม่มีวันให้เป็นไปตามที่พิซซี่บอกแน่ เพราะตอนนี้มั่นใจอย่างที่สุดว่าสวยกว่าแม่นั่นแน่ ไม่อย่างนั้นอารักษ์คงไม่ ‘จูบ’ เธอในทันทีที่เห็นหน้าหรอก โดยเฉพาะขนาดของหน้าอก เธอมั่นใจว่าทั้งใหญ่และเต่งตึงกว่าแม่นางแบบ ‘พิซซี่’ หลายคัพทีเดียว ทรวงอกขนาดใหญ่กระเพื่อมขึ้นลงตามแรงเคล้นคลึงจากฝ่ามือของเขาทำให้อารักษ์มันในอารมณ์เสียจนต้องคลุ
“เมื่อคืน...” ทว่าคำพูดทิ้งช่วงจังหวะเวลาของฉลามกลับกระตุ้นความหวาดหวั่นของเขาให้กลับมาและดูจะเพิ่มมากขึ้นเสียด้วย เพราะเมื่อคืน... มันคืออะไรล่ะ ฉลามจะถามอะไรกันแน่ “พี่หลามเขาอยากรู้น่ะจ้ะว่าเมื่อคืนทำไมรักษ์ไปว่ายน้ำเล่นตอนตีสาม ร้อนอกร้อนใจหรือว่าร้อนกายอะไรหรือเปล่า” แต่คนที่เฉลยคำตอบกลับเป็นเจ้าของบ้านฝ่ายหญิงที่เดินออกมาจากในครัว เขาแทบจะปาดเหงื่อก่อนจะลอบพ่นลมหายใจออกจากปากเบาๆ พลางมองถาดขนมและน้ำดื่มที่ ‘กุ้งนาง’ หรือ ‘พี่กุ้ง’ ถือติดมือมาเพื่อรับรองเขา วุ้นรูปหัวใจสีชมพูวางอยู่ในจานรูปปลากระตุกต่อมบางอย่างให้หัวใจของเขาไหววูบ และจะตอบได้อย่างไรว่าเจ้าของวุ้นรูปหัวใจนี่แหละทำให้เขา ‘ร้อน!’ จนนอนไม่หลับ ทั้งที่น่าจะหลับทันทีเมื่อหัวถึงหมอนเพราะอ่อนล้าจากการเดินทาง แต่กลับกลายเป็นว่าเขา ‘ตื่น’ จนหลับไม่ลง เพราะมันร้อน มันรุ่ม มันกลัดกลุ้มจนนอนไม่ไหวต้องออกมากระโดดน้ำให้ความร้อนเหล่านั้นบรรเทาเบาบางลง “รักษ์... รักษ์!” “ครับพี่หลาม” “ใจลอยไปถึงไหนแล้ว สรุปเมื่อคืนใช่รักษ์หรือเปล่าที่ลงไปว่ายน้ำอ่ะ” ฉ
“ผมกราบขอโทษพี่หลามกับพี่กุ้งด้วยนะครับ ที่ทำอะไรไปโดยพลการแบบนี้” ฉลามและกุ้งนาง มองชายหนุ่มรุ่นน้องที่เปลี่ยนสถานะมาเป็นลูกเขยในช่วงเวลาไม่ถึง 10 วันดี แม้จะงง สงสัย และสับสนในความสัมพันธ์ของอารักษ์และมัสยา แต่ทั้งคู่ที่นั่งกุมมือกันและกันเอาไว้ พร้อมทั้งนำทะเบียนสมรสที่แอบไปจดกันมาเมื่อเช้ามาวางให้ดู ก็ทำให้คนเป็นพ่อเป็นแม่นั้นพูดไม่ออก จะให้บอกว่ายกให้หรือไม่ยกให้ดีล่ะ ในเมื่อเรื่องมันมาไกลเกินจะแก้ไขแล้ว “พ่อคะ แม่คะ อารักษ์ไม่ผิดนะคะ น้องปลาผิดเองค่ะ น้องปลารักอารักษ์มาตั้งแต่เริ่มเป็นสาว น้องปลาไม่อยากต้องรออีก น้องปลาขอโทษค่ะ” หยาดน้ำตาของมัสยาไหลลงเป็นสาย เมื่อพ่อกับแม่ไม่ยอมพูดอะไรออกมาเลย เธอไม่อยากให้พ่อแม่คิดว่านี่คือสิ่งที่อารักษ์ฉกฉวยจากเธอ เธอสิที่เป็นฝ่ายเสนอและสนองอารักษ์จนเหน็ดเหนื่อย ไม่อยากให้พ่อแม่มอง
“ฉันถามว่าใครเป็นคนทำ ใคร!” “ฉันเอง” ฮันนี่อยากจะกรีดร้องอีกครั้งเมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามา โดยมีพนักงานของร้านหอบเอกสารปึกใหญ่มาด้วย พนักงานสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่อารักษ์หลงหัวปักหัวปำ กำลังยืนประจันหน้าเธออยู่ และมันมีทะเบียนสมรส “ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง” ฮันนี่ถามเสียงเหี้ยม “ก็เห่อน่ะค่ะ เพิ่งจดทะเบียนเมื่อเช้าหมาดๆ อยากให้คุณฮันนี่อวยพรให้ แต่กลัวว่าจะน้อยไปเลยก๊อบปี้เพิ่มมา 200 ชุด คุณฮันนี่จะได้เอาไปติดทำวอลเปเปอร์ที่บ้าน เอาไว้ระลึกถึงทุกคืนทุกวัน กำหนดจิตใจตัวเองให้มั่น แล้วท่องว่า ‘เขามีเมียแล้วหนอ เขาแต่งงานแล้วหนอ ยุ่งกับเขาไม่ได้แล้วหนอ’ พอมั้ยค่ะ 200 แผ่น ถ้าไม่พอ ฉันจะให้พนักงานไปก๊อบมาเพิ่ม” “แก... นัง
“ปล่อยผมเถอะฮันนี่ ไม่มีประโยชน์อะไรที่คุณจะมารื้อฟื้น เรื่องของเรามันจบไปนานแล้ว และตอนนี้ผมก็มีคนที่ต้องดูแลทั้งร่างกายและหัวใจของเธอด้วย และเธอก็ทำหน้าที่ดูแลร่างกายนี้ ทั้งด้านล่างและด้านบนเป็นอย่างดี จนผมไม่คิดว่าจะมีใครมาแทนได้” อารักษ์พยายามปลดฝ่ามือของฮันนี่ออกให้นุ่มนวลที่สุด แต่เธอก็ล็อกแน่นยังกับคีมเหล็ก พร้อมกับเสียดสีทั้งท่อนบนและท่อนล่างของเธอเข้าหาเขา “จริงเหรอคะ ฮันนี่ไม่ลืมนะคะว่าครั้งสุดท้ายก่อนที่รักษ์จะไปต่างประเทศ คืนนั้นเราสนุกกันมากแค่ไหน รักษ์ไม่อยากรื้อฟื้นเหรอคะ น้ำผึ้งหยาดเยิ้มของฮันนี่ยังหอม หวาน ไม่เปลี่ยนแปลง และตอนนี้มันก็พร้อมจะให้รักษ์ชิมแล้วด้วยค่ะ” คำพูดสะท้านอารมณ์ทั้งคนพูด คนฟัง และคนที่แอบฟังอยู่ด้านนอก ต่างคนต่างคิดไปคนละทาง คนพูดนั้นซ่านเสียวตั้งแต่เหนี่ยวรั้งร่างแกร่งของอารักษ์เข้าใ
“เธอคงไม่รู้สินะ ว่าฉันกับรักษ์เป็นอะไรกัน” ฮันนี่เปิดฉากพูดก่อน เธอถือคติเริ่มก่อนย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง และหน้าใสซื่อจืดๆ อย่างนี้ คงปอดแหกแน่ถ้ารู้ว่ากำลังแย่งสามีชาวบ้าน “ไม่รู้ค่ะ และก็คิดว่าไม่อยากรู้ด้วย” มัสยาตอบตรงตามความรู้สึก รู้แล้วได้ประโยชน์อะไรเล่าในเมื่อนี่ไม่ใช่คำบอกเล่าจากอารักษ์ แต่เป็นของใครก็ไม่รู้ที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย และถ้าฮันนี่สำคัญขนาดนั้นเธอก็มั่นใจว่าอารักษ์ต้องแนะนำให้เธอรู้จักแน่ แต่นี่ไม่ จะเพราะเหตุผลใดล่ะถ้าฮันนี่ไม่ได้สำคัญมากพอ “แต่ฉันอยากให้เธอรู้นะ ว่าฉันกับรักษ์นั้นเราสนิทกันมากแค่ไหน” ฮันนี่รุกต่อ เพราะจากการต่อปากต่อคำพร้อมประเมินมองด้วยสายตา นังเด็กหน้าอ่อนนี่ไม่ธรรมดาแน่ และอาการมึนตึงอย่างนี้ จะอะไรเล่าถ
“นางแบบคนนี้เป็นแฟนคุณรักษ์เหรอ” “ก็คงใช่นั่นแหละ แทบจะเกยขึ้นไปอยู่บนตักซะขนาดนั้น” “แปลว่าเธอเลือกคุณรักษ์เหรอ เห็นมีข่าวกับดาราชายตั้งหลายคน” “เลือกไม่เลือกไม่รู้ แต่ตอนนี้เหมือนเธอกำลังช่วยคุณรักษ์ต้อนรับแขกอยู่นะ สงสัยกะมาเปิดตัวด้วยมั้ง” แขกที่นั่งสนทนากันอยู่ในมุมหนึ่งทำให้มัสยาชะงักฝีเท้าก่อนจะยืนหลบมุมฟังให้จบ เพื่อยืนยันว่าเธอไม่ได้คิดไปเองแน่ เพราะสายตาของคนอื่นก็มองไม่ต่างกัน และอาจแรงกว่าที่เธอมองเสียอีก เมื่อหนึ่งในนั้นพูดขึ้นว่า “ได้ข่าวว่าเธอเป็นเด็กท่าน... เปิดตัวกับคุณรักษ์แบบนี้ ถ้าท่านหึงคุณรักษ์ขึ้นมาล่ะก็ งานนี้คุณรักษ์ซวยแน่ ทางที่ดีวันนี้เราควรจะกินให้ครบทุกเมนูนะ เพราะไม่รู้ว่าที่นี่จะเปิดต่อได้อีกกี่
กระดาษสีนวลที่มีขอบทั้ง 4 ด้านเป็นรูปดอกกุหลาบสีแดงสดเป็นสิ่งที่มัสยาไม่คิดว่าเธอจะได้ครอบครองเร็วขนาดนี้ ไม่ฝันและไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะฝ่ายชายนั้นเป็นเขา “อารักษ์คะ น้องปลาขอบคุณนะคะ” “ขอบคุณอาเรื่องอะไรคะ” อารักษ์รับฝ่ามือที่กระพุ่มไหว้เขาเอาไว้ ดวงตาคมเข้มแต่อ่อนโยนอย่างที่สุดทอดมองหญิงสาวด้านข้าง สิ่งที่เขาตัดสินใจทำไปทั้งหมดนี้ ไม่ผิดหรอก เพราะเขาเชื่อในเสียงร่ำร้องของหัวใจตัวเอง แม้ว่าชีวิตจะผ่านผู้หญิงมานับร้อย ทั้งคู่ควง ทั้งคู่นอน นานบ้างเร็วบ้างในช่วงเวลาที่คบกัน แต่ก็ไม่เคยมีใครทำให้เขาตัดสินใจทำสิ่งนี้ แต่สำหรับมัสยาไม่ใช่ สำหรับเธอตรงหน้านี้วันเวลาไม่ใช่ตัวแปร หัวใจต่างหากเล่าที่สำคัญ “น้องปลาขอบคุณที่อารักษ์ทำเพื่อน้องปลาได้มากขนาดนี้ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ”&nbs
ยาแก้ไข้เม็ดสีขาว 2 เม็ดถูกส่งเข้าสู่อุ้งปากก่อนจะรับน้ำสะอาดบรรจุอยู่ในแก้วขึ้นดื่ม เมื่อเรียบร้อยแล้วมัสยาจึงส่งรอยยิ้มให้กับผู้เป็นแม่ที่มองมาด้วยความเป็นห่วง “แม่คะ น้องปลาไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ ไม่ต้องกินยายังได้เลย” “ได้ยังไงล่ะ เราน่ะตัวรุมๆ ถ้าไม่กินเข้าไป คืนนี้ได้ไข้ขึ้นแน่ แล้วนี่ไปตากแดดตากลมที่ไหนมา ทำไมถึงได้เพลียจนเป็นไข้ได้” “เอ่อ... น้องปลาคงหักโหมมากไปหน่อยน่ะค่ะแม่ อยากฝึกงานให้เก่งเร็วๆ ไม่อยากเป็นภาระของอารักษ์เขา” มัสยาพูดพลางก้มหน้าหลบสายตาของแม่ที่มองมาอย่างจับผิด เธอคงหักโหมจริงอย่างที่บอกแม่นั่นแหละ เพราะตลอดทั้งช่วงบ่ายจนถึงเย็น อารักษ์ฝึกงานให้เธอไม่หยุด ไม่ว่าจะเป็นบนเตียง หรือในห้องน้ำ อารักษ์ก็ฝึกให้เธอไม่รู้กี่ครั้งต่อก
‘อารักษ์ขา... อื้อ... ทำอะไรน้องปลา... โอย... เมื่อไหร่จะอาบเสร็จเสียที’ นั่นคือสิ่งที่คิด ทว่าสิ่งแสดงออกนั้นทำได้แต่ขบริมฝีปากล่างจนเจ็บ เพราะอารักษ์ยังคงอาบน้ำให้เธอไม่เสร็จเสียที ยิ่งอาบก็ยิ่งทำให้เธอร้อนจนต้องส่ายใบหน้าไปมา และเมื่อฝ่ามือของอารักษ์ลูบไล้ลงต่ำเพื่อขัดสีดอกไม้แสนสวย มัสยาก็ต้องสะกดอารมณ์ตัวเองเสียจนสั่นไปทั้งร่าง แค่เพียงภายนอกที่ลูบไล้เธอยังสั่นได้ขนาดนี้ และหากเป็นภายในเล่า... “อะ! อารักษ์คะ อารักษ์... พอแล้วค่ะ น้องปลาพอแล้ว” “พอแล้วอะไรกัน อายังอาบน้ำให้น้องปลาไม่สะอาดเลยนะ” เขาพูดพลางผลักดันปลายนิ้วเข้าไปกวาดต้อนชอนไชทำความสะอาดในโพรงดอกไม้ ก่อนจะชักเข้าชักออกเพื่อชำระล้างภายในให้สะอาด “อื้อ... ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่อาบแบบนี้ อารักษ์... อื้อ...” “ใช่สิคะ นี่แหละวิธีอาบน้ำของอา และมันต้องสะอาดกว่านี้อีก” พูดจบร่างสูงใหญ่ก็ทรุดร่างลงนั่งเพื่อส่งปลายลิ้นเข้าไปทำความสะอาดให้เธอมากขึ้นอีก และก็มากมายเสียจนมัสยาต้องเบิกดวงตากว้างเพื่อจ้องมองในสิ่งมหัศจรรย์ที่เขาทำให้เธอ ก่อนจะหลับตาด้วยความซ่านเสียวและร
“อื้อ... อารักษ์ขา... ใส่เข้ามาอีก อื้อ... ใส่เข้ามาค่ะ น้องปลาทนได้ โอว... อารักษ์ขา... โอ๊ะ! กรี๊ดดดดด...” ความเจ็บปวดที่มาพร้อมกับเสียงดังกึกอยู่ภายในตัวทำให้มัสยารู้ว่า ณ ต่อแต่นี้ไปจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกแล้ว แต่เธอก็ดีใจที่เธอได้มอบสิ่งนี้ให้กับคนที่เธอเลือกแล้ว คนที่เธอพร้อมจะอยู่เคียงข้างกับเขาตลอดไป “น้องปลาเจ็บมากมั้ยคะ” “มากค่ะอารักษ์ แต่น้องปลาทนได้ อื้อ... อารักษ์ขาอย่าเพิ่งขยับสิคะ น้องปลา... เอ่อ...” “เสียว น้องปลาเสียวใช่มั้ยคะ” ใบหน้าพยักน้อยๆ นั้นทำให้อารักษ์ต้องยิ้ม มัสยาเข้าขากับเขาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เธอซ่านเสียวไปในทุกจุดที่เขาแตะต้อง และเมื่อเขาพาความแข็งแกร่งเข้าไปจนสุด แม้จะเจ็บจนน้ำตาเล็ดแต่มัสยาก็แสดงออกว่าความเสียวกำลังมาเยือน “อารักษ์จะทำให้น้องปลามีความสุขที่สุดแล้วนะคะ” มัสยาพยักหน้าหลับตาพริ้ม แม้ว่าเรียวคิ้วจะขมวดจนชิดบ่งบอกถึงความเจ็บปวดแต่เธอกลับไม่ร้องออกมา ยิ่งเห็นดังนั้นอารักษ์ยิ่งต้องถนอมเธอให้มากที่สุด การเคลื่อนไหวจึงเป็นไปอย่างเนิบนาบ จนหัวคิ้วที่ขมวดเข้า