ในวันนั้นมัสยาจำได้ว่าเธอไม่ได้ตอบโต้อะไรออกไปเลย หนึ่งนั้นคือไม่เข้าใจว่าทำไมอารักษ์ต้องเอาลิ้นเข้าไปพันกับหล่อนด้วย สองคือไม่คิดว่าจะได้ยินคำเหยียดหยามกับสายตาดูแคลนจากปากของผู้หญิงที่อารักษ์พามาบ้าน แต่เมื่อโตขึ้นก็ทำให้เธอเข้าใจว่าสิ่งที่เพื่อนสาวของอารักษ์มองเห็นในตัวเธอนั้น ‘เป็นจริง’
หน้าตาและรูปร่างจึงเป็นสิ่งที่เธอใส่ใจ สวย หุ่นดี และหน้าอกต้องใหญ่กว่าแม่นั่น เธอจึงกลายเป็นหญิงสาวใส่ใจการกินอาหารพอๆ กับการออกกำลังกายเพื่อบริหารหน้าอกให้ยกกระชับและสวยงามอยู่เสมอ โชคดีเป็นของเธอเมื่อแม่รักเธอมาก ถึงกับให้มาเยอะอย่างไม่หวง
และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ แม้จะมาโดยไม่คาดฝันแต่ก็สร้างความมั่นใจให้เธอเต็มร้อย ‘รักษ์เป็นของฉัน’ จะไม่มีวันให้เป็นไปตามที่พิซซี่บอกแน่ เพราะตอนนี้มั่นใจอย่างที่สุดว่าสวยกว่าแม่นั่นแน่ ไม่อย่างนั้นอารักษ์คงไม่ ‘จูบ’ เธอในทันทีที่เห็นหน้าหรอก โดยเฉพาะขนาดของหน้าอก เธอมั่นใจว่าทั้งใหญ่และเต่งตึงกว่าแม่นางแบบ ‘พิซซี่’ หลายคัพทีเดียว
ทรวงอกขนาดใหญ่กระเพื่อมขึ้นลงตามแรงเคล้นคลึงจากฝ่ามือของเขาทำให้อารักษ์มันในอารมณ์เสียจนต้องคลุกเคล้าใบหน้าลงบนความสวยงามนั้นไม่หยุด ทั้งกดเคราสากขึ้นลง ทั้งซุกไซ้จมูกดอมดมความหอม แต่นั่นก็ยังไม่ทำให้เขาสะใจที่ได้ฟอนเฟ้นเต้าอวบใหญ่นี้
ริมฝีปากจึงอ้าออกและดูดกลืนปลายยอดสีแดงสดพร้อมกับตวัดปลายลิ้นเลียไล้ไปมา และเมื่อได้ยินเสียงร้องครวญครางของเธอดังชัด เขาก็ยิ่งตวัดปลายลิ้นให้รัวเร็วมากยิ่งขึ้น
‘อา... อื้อ... อา... อารักษ์ขา... อา... อารักษ์ขา... อูย... อูย... อารักษ์... โอว... อารักษ์ขา... โอว...’
เสียงครวญครางแว่วหวานเปล่งออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มเผยอน้อยๆ ร้องเรียกชื่อเขาด้วยความเสียวซ่าน ในทุกครั้งที่เขาตวัดปลายลิ้นลงไป เธอจะบิดกายพร้อมเปล่งเสียงร้องเรียกชื่อเขาไปด้วย ‘อารักษ์ขา...’ และยิ่งเธอครวญครางเท่าไร ก็คล้ายกับเป็นแรงกระตุ้นให้เขาตื่นตัวมากขึ้นเท่านั้น ทว่า... คนที่เรียกเขาแบบนี้มีเพียงคนเดียว
ดวงตาคมเข้มเปิดขึ้นอย่างเร็วก่อนร่างแข็งแกร่งเปลือยเปล่าท่อนบนจะทะลึ่งลุกขึ้นพรวด ฝ่ามือทาบปิดใบหน้าของตนเองเอาไว้ เพื่อสะกดกลั้นความต้องการตามธรรมชาติให้ลดน้อยถอยลง เพราะภายใต้กางเกงนอนขายาวลายสก็อตนี้ ต้องทำหน้าที่กักเก็บความมหึมาเอาไว้อีกแล้ว และเขาก็รู้ดีว่ามันมหึมามากมายขนาดไหนยามพร้อมจะออกศึก
“เฮ้อ!”
ถอนหายใจหนักๆ เพราะศึกครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะทุกครั้งนั้นเขาเป็นฝ่ายบุกทลายจนข้าศึกแตกกระจุยและเขาก็ได้ครอบครองพื้นนี้นั้นด้วยความเต็มตื้นอย่างที่สุด แต่ในเวลานี้เขากลับต้องพยายามเจรจาและสงบศึกลงให้จงได้ จะไม่ยอมให้ต้องเสียเลือดเสียเนื้อเด็ดขาด
แต่ยิ่งคิดก็คล้ายกับว่าจะยิ่งตอกย้ำความเป็นจริงมากขึ้นไปอีก เพราะหากเขาช่วงชิงเอาพื้นที่นี้ไว้ได้ การเสียเลือดเสียเนื้อครั้งนี้ก็จะคุ้มและทำให้เขามีความสุขอย่างท่วมท้นมากที่สุด
“ไอ้รักษ์ แกอย่าบ้านะ นั่นมันน้องปลานะโว้ย! แกไม่ควรคิดกับน้องปลาแบบนี้”
“แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง น้องปลา... ใหญ่โตซะขนาดนั้น ทั้งใหญ่ ทั้งเต่งตึง โอ้ย! ฉันไม่ได้อยากคิด แต่ฉันห้ามมันไม่ได้”
“หักใจให้ได้อารักษ์ แกคิดกับน้องปลาแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นแกได้ถูกฉลามกินแน่”
“ฉัน...”
อารักษ์พูดโต้ตอบกับตัวเองไม่ต่างจากคนบ้า เพราะไม่ใช่ไม่รู้ว่าสิ่งที่คิดและเก็บเอามาฝันนั้นไม่ถูกไม่ควร และเขาก็ควรจะตัดไฟเสียแต่ต้นลมให้เร็วที่สุด แต่สิ่งเร้าจากเรือนร่างของมัสยาทำให้เขาหวั่นไหวเหลือเกิน ใครจะคาดคิดไปว่า เด็กหญิงรูปร่างอ้วนป้อมในวันนั้นจะกลับกลายเป็นสาวสวยได้มากขนาดนี้ โดยเฉพาะ ‘หน้ามัธยมแต่นมปริญญาเอก’ นั่น ก็ยิ่งการันตีความเป็นไปได้ที่เขาจะฝันหามัสยาให้มากขึ้นไปอีก
แค่คิดถึงเต้าอวบอิ่มสีชมพูคู่นั้น อารักษ์คล้ายจะเห็นตัวเองกลายร่างเป็นพระอภัยมณีกำลังซุกไซ้ริมฝีปากและปลายจมูกลงไปที่เต้าทรวงอวบอิ่มของนางเงือกสาวสวย ที่พาเขาโลดแล่นลงไปในสายน้ำเย็นเยียบเพื่อดับคลายความร้อนรุ่มจากกายเนื้อนี้ให้เบาบางลง และในเวลานี้เขาต้องการมากมายเหลือเกิน
.
.
หัวคิ้วขมวดเข้าหากันพร้อมกับดวงตาที่เขม่นมองมาทำให้อารักษ์รู้สึกคล้ายกับว่าจะหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาเสียดื้อๆ เมื่อเจ้าของบ้านข้างเคียงที่เขาตั้งใจมาสวัสดีทักทายพร้อมเอาของฝากมาให้ กำลังส่งสายตาพิฆาตมองมาอย่างจับผิด หรือว่าเหตุการณ์เมื่อคืนกำลังจะส่งผลในเช้าวันนี้
ไม่น่า... เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ‘ฉลาม’ หรือ ‘พี่หลาม’ ตามที่เขาเรียกอย่างสนิทสนมนั้นคงลากปืนมายิงเขาทิ้งไปแล้วล่ะ แต่ไอ้สายตามองมาแบบนี้จะหมายความว่ายังไงกันล่ะ
“เอ่อ... พี่หลามมีอะไรหรือเปล่าครับ” ถามพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เพราะฉลามยังไม่ละสายตาจากเขา ทั้งยังทำท่าคล้ายกับจะครุ่นคิดอะไรบางอย่างอีกด้วย
“รักษ์”
“ครับพี่!”
“ตกใจอะไร พี่ก็เรียก”
“เอ่อ... พี่หลามมีอะไรจะถามผมหรือครับ”
น้ำเสียงติดตลกของฉลามเหมือนกับว่ากำลังขำขันในตัวเขาทำให้อารักษ์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และกล้าจะส่งคำถามไปใหม่ เพราะถ้าเป็นเรื่องของมัสยาจริง ฉลามคงไม่มานั่งยิ้มทำสีหน้ากรุ้มกริ่มใส่เขาแบบนี้แน่ เพราะพ่อที่ไหนล่ะจะยิ้มถ้ารู้ว่าเขาขโมยจูบแรกและบีบเต้าครั้งแรกของลูกสาวตัวเองไปแล้ว
“เมื่อคืน...” ทว่าคำพูดทิ้งช่วงจังหวะเวลาของฉลามกลับกระตุ้นความหวาดหวั่นของเขาให้กลับมาและดูจะเพิ่มมากขึ้นเสียด้วย เพราะเมื่อคืน... มันคืออะไรล่ะ ฉลามจะถามอะไรกันแน่ “พี่หลามเขาอยากรู้น่ะจ้ะว่าเมื่อคืนทำไมรักษ์ไปว่ายน้ำเล่นตอนตีสาม ร้อนอกร้อนใจหรือว่าร้อนกายอะไรหรือเปล่า” แต่คนที่เฉลยคำตอบกลับเป็นเจ้าของบ้านฝ่ายหญิงที่เดินออกมาจากในครัว เขาแทบจะปาดเหงื่อก่อนจะลอบพ่นลมหายใจออกจากปากเบาๆ พลางมองถาดขนมและน้ำดื่มที่ ‘กุ้งนาง’ หรือ ‘พี่กุ้ง’ ถือติดมือมาเพื่อรับรองเขา วุ้นรูปหัวใจสีชมพูวางอยู่ในจานรูปปลากระตุกต่อมบางอย่างให้หัวใจของเขาไหววูบ และจะตอบได้อย่างไรว่าเจ้าของวุ้นรูปหัวใจนี่แหละทำให้เขา ‘ร้อน!’ จนนอนไม่หลับ ทั้งที่น่าจะหลับทันทีเมื่อหัวถึงหมอนเพราะอ่อนล้าจากการเดินทาง แต่กลับกลายเป็นว่าเขา ‘ตื่น’ จนหลับไม่ลง เพราะมันร้อน มันรุ่ม มันกลัดกลุ้มจนนอนไม่ไหวต้องออกมากระโดดน้ำให้ความร้อนเหล่านั้นบรรเทาเบาบางลง “รักษ์... รักษ์!” “ครับพี่หลาม” “ใจลอยไปถึงไหนแล้ว สรุปเมื่อคืนใช่รักษ์หรือเปล่าที่ลงไปว่ายน้ำอ่ะ” ฉ
“ทะลึ่งที่ไหนกันจ๊ะเมียจ๋า พี่พูดเรื่องจริง ก็ดูรักษ์สิ โอว... ฝรั่งหล่อบึกซะขนาดนี้ สาวเห็นสาวหลงแน่ล่ะ อีกอย่างนะฝรั่งพูดไทยชัดแจ๋ว พี่ว่าสาวๆ คงพากันกรี๊ดสลบ นี่พี่ยังเสียดายที่พี่มีเมียมีลูกแล้วนะ ไม่อย่างนั้นพี่อาจเปลี่ยนใจไปชอบรักษ์ก็ได้นะฮ้า... ฝรั่งจ๋าหล่อจุงเบย” อารักษ์แทบสำลักน้ำใบเตยที่กำลังยกขึ้นดื่ม เมื่อฉลามส่งสายตามองมาที่เขาตาเชื่อม หนำซ้ำยังทำเสียงอ่อนเสียงหวานจนกุ้งนางต้องตีผัวะลงต้นแขนสามี ก่อนจะหัวเราะคิกคักกับมุกไม้ป่าเดียวกันของฉลาม “เออ... แล้วป่านนี้ทำไมน้องปลาไม่ลงมาสักที อารักษ์เขามารอนานแล้วนะ” ฉลามบ่นพลางหันไปมองหน้ากุ้งนางที่ส่ายไปมาแบบว่าไม่รู้เหมือนกัน ก่อนจะหันไปคุยกับอารักษ์ต่อ “นี่ไงรักษ์สาวแรก กลัวอารักษ์จะว่าไม่สวย แต่งตัวป่านนี้ยังไม่เสร็จ” “สวยสิครับ สวยมาก” “อ้าว... เจอกันแล้วเหรอ” “ไม่... ไม่น่ะครับ ก็ตอนเด็กๆ น้องปลาแกน่ารักมาก โตขึ้นต้องสวยแน่ๆ ดูนางให้ดูที่แม่ไม่ใช่เหรอครับ พี่กุ้งสวยขนาดนี้ น้องปลาก็ต้องสวยไม่ผิดแม่แน่” เกือบไปแล้วไหมล่ะ นี่คือผลของการมีใบหน้าสวยๆ นั้นหลอก
“อารักษ์คิดแบบนั้นจริงๆ นะคะ น้องปลาไม่อยากเป็นภาระของอานะ” “อานะที่ไหนล่ะ นี่อารักษ์ต่างหาก” รอยยิ้มอย่างเอียงอายเพราะคำพูดล้อเลียนของเขา ช่วยทำให้บรรยากาศดีขึ้นอย่างเหลือเชื่อ ‘ผ่อนคลาย ผ่อนคลาย’ นี่เขาต้องท่องให้ขึ้นใจใช่ไหม ไม่อย่างนั้นการอยู่ใกล้ชิดมัสยาจะทำให้เขาทั้ง ‘ตึง’ ทั้ง ‘เครียด’ ได้ง่าย “ว่าแต่น้องปลาหิวหรือเปล่าล่ะ แวะทานอะไรกันก่อนไปถึงร้านดีมั้ย” “นิดหน่อยค่ะ แต่น้องปลาตามใจอารักษ์ แล้วอารักษ์ล่ะคะ หิวมั้ย” “อืม...” เขาพูดได้แค่นั้น เพราะริมฝีปากที่เคลือบลิปกลอสสีชมพูอ่อนแวววาวนั้นคลี่ยิ้มพร้อมผินหน้ามองเขา มีผลทำให้ลมหายใจของเขาติดขัดอีกแล้ว เห็นทีเขาต้องใส่ใจพูดคุยกับเธอให้มากกว่าที่จะนิ่งเงียบอยู่ในภวังค์หวามๆ ของตนเอง แต่จะเป็นผลดีกับเขาจริงเหรอ ในเมื่อริมฝีปากคลี่ยิ้มนั้นคล้ายจะส่งผลให้เขาฟุ้งซ่านมากกว่าเดิม เพราะสิ่งที่เขาคิดว่าหิวนั้นไม่ใช่ข้าว ไม่ใช่หมู ไก่ หรือว่าพืชผักใดๆ ทว่าเป็น ‘ปลา’ มัสยาเหลือบมองคนด้านข้างอย่างไม่เข้าใจ อารักษ์สุดหล่อของเธอดูแปลกไปมากจริงๆ หรือจริงๆ แล้วเธอไ
ดอกสีขาวมีเกสรสีเหลืองให้กลิ่นหอมอ่อนๆ หล่นอยู่เกลื่อนพื้นกระดานไม้ ดูสวยและอ่อนหวานเสียจนมัสยาต้องก้มหยิบขึ้นมาสูดดม พลางหันมองอีกซีกด้านที่ยังไม่ได้เดินไปถึง และเมื่อเห็นว่าอารักษ์รูปหล่อยังยืนคุยกับช่างรับเหมาไม่เสร็จ มัสยาจึงเดินสำรวจต่อไปในทันที ทิวไม้ตัดแต่งเป็นกำแพงบดบังสายตาจากคนภายนอกนั้นถูกแบ่งแยกให้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของผู้บริหาร โดยจัดเป็นบันไดเชื่อมขึ้นไปถึงเรือนไทยอีสานที่ตั้งเยื้องอยู่ในฝั่งขวามือ แม้จะมองออกว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัว แต่มัสยากลับไม่รอช้าที่จะขึ้นไป เพราะถือว่าไหนๆ เธอก็ยังไม่ตัดสินใจที่จะฝึกงานที่นี่หรือไม่ อย่างน้อยก็ขอให้เธอมีโอกาสเห็นสถานที่ทำงานของอารักษ์ให้ทั่วทุกซอกทุกมุม เพราะหากเธอเลือกเปลี่ยนที่ฝึกงาน เธอคงไม่มีโอกาสไหนที่จะได้เข้ามาสำรวจแบบนี้อีกแน่ และมัสยาก็รู้ว่าเธอเลือกไม่ผิด เพราะระเบียงด้านบนนี้ทำให้เธอมองเห็นพื้นที่โดยรอบของร้านอาหารแทบทุกมุม โดยเฉพาะโซนเอ้าท์ดอร์ด้านหน้าที่จัดโต๊ะไว้ตามมุมต่างๆ พร้อมประดับไปด้วยต้นไม้ดูร่มรื่น ซึ่งหากอารักษ์หรืออาจมีผู้บริหารท่านอื่น อยากรู้ว่าช่วงเวลานี้มีลูกค้ามากหรือน้อยก็แค
“ทำไมล่ะน้องปลา อยู่กับอาในห้องนี้ก่อนไม่ได้เหรอคะ” ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาพูดไปแบบนั้น แต่อาการประหม่าพร้อมกระเถิบหนีของมัสยาทำให้เขาอยากลองใจ อยากรู้ว่าเธอรู้สึกเช่นเดียวกันกับเขาหรือเปล่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนยังอยู่ในความทรงจำหรือเธอสลัดไล่มันออกไปจนหมดแล้ว เพราะมัสยาไม่ใช่เด็กตัวอ้วนกลมในวันวาน เธองดงามไปทั้งเนื้อทั้งตัวแบบนี้ คงไม่ใช่เขาคนแรกหรอกที่หมายปอง และเขาอาจไม่ใช่คนที่เธอพอใจก็เป็นได้ “น้องปลาร้อนน่ะค่ะ” “ร้อนก็เปิดแอร์” “เอ่อ... น้องปลาว่าอากาศมันไม่พอ น้องปลาขอออกไปสูดอากาศข้างนอกก่อนนะคะ” “น้องปลารังเกียจอาเหรอคะ ถึงทนอยู่ร่วมห้องกับอาไม่ได้” “ทำไมอารักษ์พูดแบบนั้นล่ะคะ” ถามราวละเมอ เมื่อร่างกายเหมือนถูกตรึงไว้ด้วยคำถามของเขา พร้อมสมองกำลังประมวลเหตุการณ์เข้าข้างตัวเองอีกแล้ว อารักษ์พูดแบบนี้กับเธอเพราะมีความหมายซ่อนเร้นใช่ไหม อารักษ์กำลังจะบอกอะไรบางอย่างกับเธอใช่ไหม “เพราะ...” คำตอบล่ะคืออะไร เขาควรจะตอบมัสยาว่าอะไรถึงจะถูกต้องตรงใจมากที่สุด จะบอกว่าเขาอยากจะทำเหมือนเมื่อคืนอย่าง
“อา... อาไม่อยาก...” “ไม่อยาก... ไม่อยากแล้วมาทำแบบนี้กับน้องปลาทำไมคะ อารักษ์จะบอกว่าเมาทั้งไม่ได้ดื่มเหล้า จะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ ทั้งที่อารักษ์ทั้งกอด ทั้งจูบ ทั้งแลกลิ้นกับน้องปลาเหรอคะ” มัสยาดิ้นรนให้หลุดจากท่อนแขนกักกันเธอเอาไว้ ณ เวลานี้เธอเสียศูนย์ที่สุดแล้ว อารักษ์เห็นเธอเป็นของเล่นแก้เหงา เป็นตุ๊กตาบาร์บี้ที่จะจับจะแตะตรงไหนก็ได้ และเมื่อรู้ว่าเล่นเกินฐานะตุ๊กตา เขาก็เลือกที่จะหยุดซะง่ายๆ “น้องปลาฟังอาก่อนสิคะ” อาการพยศของมัสยาเป็นสิ่งที่เขาไม่คิดว่าจะได้เห็น แต่เธอก็ควรโกรธเขาจริงๆ นั่นแหละ แล้วจะทำยังไงล่ะเธอถึงจะเข้าใจ “ไม่ฟังค่ะ เราคงไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก และน้องปลาก็จะไม่มาฝึกงานที่นี่ด้วย สถานะของเราจะเป็นแค่ ‘เพื่อนบ้าน’ เท่านั้น ปล่อยน้องปลาสิคะอารักษ์ ปล่อยค่ะ น้องปลาบอกว่าให้ปล่อย” “อาไม่ปล่อย จนกว่าน้องปลาจะฟังอาพูดก่อน” “มีอะไรต้องพูดอีกเหรอคะ อารักษ์ทำมากกว่าพูดแล้ว แค่นี้น้องปลาก็เจ็บจนจะกระอักเลือดแล้วค่ะ ปล่อยน้องปลาเดี๋ยวนี้ ถ้ายังอยากเป็นเพื่อนบ้านกันอยู่” เสียงเข้มเริ่มจะสั่นเพราะแรงสะอื้
‘อารักษ์... รักน้องปลานะคะ ไม่รู้ว่ารักตั้งแต่ตอนไหน อาจจะนานแล้วหรืออาจจะเมื่อคืนนี้ก็ได้ แต่ที่อาบอกกับตัวเองได้ก็คือ อาไม่เคยเกิดความรู้สึกนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน เมื่อคืนนี้อาไม่ได้เมา อาตั้งใจ และตอนนี้อาก็ไม่เมา ไม่เพ้อ และไม่ได้มโนไปเอง น้องปลารู้มั้ย ตั้งแต่เมื่อคืน น้องปลาทำให้อานอนไม่หลับ อาเฝ้าแต่คิดถึงใบหน้านี้ ดวงตาคู่นี้ ริมฝีปากหวานๆ นี้ และก็... ทั้งหมดที่เป็นน้องปลา จนอาไม่มีสมาธิจะทำอะไรเลย ถ้าความรักมันคือการคิดถึง การอยากอยู่ใกล้ อยากเห็นคนคนนั้นอยู่ในสายตาตลอด ทุกความคิดมีแต่คนคนนั้นอยู่ในนี้ สิ่งที่อารักษ์เป็นอยู่นี้ เรียกว่า ‘ความรัก’ ได้มั้ย’ มัสยาอดยิ้มไม่ได้ทุกครั้งยามคิดถึงคำสารภาพจากเขา คำสารภาพของคนข้างบ้านพร้อมจูบร้อนๆ ที่พร่ำพรอดไปทั่วทั้งเนื้อตัวของเธอ ‘นอกร่มผ้า’ เท่านั้นที่เขาทำ ‘น้องปลาอย่าเรียกอารักษ์ขาอีกนะ อาอยากให้น้องปลาพร้อมมากที่สุด เพราะถ้าอาทนไม่ไหวขึ้นมา น้องปลาจะได้เรียกอารักษ์ขาไปทั้งวันทั้งคืน ห้ามหยุดจนกว่าอาจะเหนื่อย’ ‘อารักษ์อ่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้ น้องปลาไม่พูดด้วยแล้ว’ ‘ไม่พูดก็ได้ เก็บ
“พี่หลามว่ามันไม่น่าเกลียดเหรอคะ ที่เราดูจะสนับสนุนให้น้องปลาไปฝึกงานที่ร้านของรักษ์เขาน่ะ” กุ้งนางหันกลับมาถามสามี เมื่อมองตามรถยนต์ของอารักษ์ไปจนลับสายตา “กุ้งหมายความว่ายังไงล่ะ อะไรที่ว่าน่าเกลียด” ฉลามถามพร้อมลดหนังสือพิมพ์ลง “ก็... พี่หลามไม่เห็นเหรอคะ รักษ์เขาทั้งหนุ่มทั้งหล่อขนาดนั้น ลูกเราก็เป็นสาว ให้ไปด้วยกันอย่างนั้นจะดีเหรอคะ” “พี่ไม่เข้าใจที่กุ้งพูดอ่ะ ก่อนที่รักษ์จะมาก็ดูกุ้งจะสนับสนุนน้องปลาให้ไปฝึกงานกับรักษ์ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมตอนนี้ถึงว่าน่าเกลียดล่ะ” “ก็เพราะมันตรงกับสาขาที่ลูกเราเรียน และมีรักษ์ช่วยดูแล กุ้งก็เลยเบาใจ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว” “ไม่ใช่ยังไงกุ้ง นี่อย่าบอกนะว่ากลัวเจ้ารักษ์มันจะงาบลูกสาวเราน่ะ” “แล้วพี่หลามจะให้กุ้งคิดยังไง ก็กุ้งไม่คิดว่ารักษ์เขาจะดูดีขนาดเนี้ย ไม่เจอกันสิบปีเขาไม่เปลี่ยนเลย ไม่เหมือน...” “ได้โปรดเถอะเมียจ๋า อย่าเอาผัวจ๋าไปเปรียบเทียบกับไอ้ยีนลูกครึ่งแบบนั้น ผัวน่ะครึ่งลูก ยังไงก็คงจะหล่อไม่เท่าเจ้ารักษ์หรอกนะ” “ก็ใช่สิ พี่หลามก็เห็นว่ารักษ์เขาหล่อข