“ทำไมล่ะน้องปลา อยู่กับอาในห้องนี้ก่อนไม่ได้เหรอคะ” ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาพูดไปแบบนั้น แต่อาการประหม่าพร้อมกระเถิบหนีของมัสยาทำให้เขาอยากลองใจ อยากรู้ว่าเธอรู้สึกเช่นเดียวกันกับเขาหรือเปล่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนยังอยู่ในความทรงจำหรือเธอสลัดไล่มันออกไปจนหมดแล้ว เพราะมัสยาไม่ใช่เด็กตัวอ้วนกลมในวันวาน เธองดงามไปทั้งเนื้อทั้งตัวแบบนี้ คงไม่ใช่เขาคนแรกหรอกที่หมายปอง และเขาอาจไม่ใช่คนที่เธอพอใจก็เป็นได้ “น้องปลาร้อนน่ะค่ะ” “ร้อนก็เปิดแอร์” “เอ่อ... น้องปลาว่าอากาศมันไม่พอ น้องปลาขอออกไปสูดอากาศข้างนอกก่อนนะคะ” “น้องปลารังเกียจอาเหรอคะ ถึงทนอยู่ร่วมห้องกับอาไม่ได้” “ทำไมอารักษ์พูดแบบนั้นล่ะคะ” ถามราวละเมอ เมื่อร่างกายเหมือนถูกตรึงไว้ด้วยคำถามของเขา พร้อมสมองกำลังประมวลเหตุการณ์เข้าข้างตัวเองอีกแล้ว อารักษ์พูดแบบนี้กับเธอเพราะมีความหมายซ่อนเร้นใช่ไหม อารักษ์กำลังจะบอกอะไรบางอย่างกับเธอใช่ไหม “เพราะ...” คำตอบล่ะคืออะไร เขาควรจะตอบมัสยาว่าอะไรถึงจะถูกต้องตรงใจมากที่สุด จะบอกว่าเขาอยากจะทำเหมือนเมื่อคืนอย่าง
“อา... อาไม่อยาก...” “ไม่อยาก... ไม่อยากแล้วมาทำแบบนี้กับน้องปลาทำไมคะ อารักษ์จะบอกว่าเมาทั้งไม่ได้ดื่มเหล้า จะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ ทั้งที่อารักษ์ทั้งกอด ทั้งจูบ ทั้งแลกลิ้นกับน้องปลาเหรอคะ” มัสยาดิ้นรนให้หลุดจากท่อนแขนกักกันเธอเอาไว้ ณ เวลานี้เธอเสียศูนย์ที่สุดแล้ว อารักษ์เห็นเธอเป็นของเล่นแก้เหงา เป็นตุ๊กตาบาร์บี้ที่จะจับจะแตะตรงไหนก็ได้ และเมื่อรู้ว่าเล่นเกินฐานะตุ๊กตา เขาก็เลือกที่จะหยุดซะง่ายๆ “น้องปลาฟังอาก่อนสิคะ” อาการพยศของมัสยาเป็นสิ่งที่เขาไม่คิดว่าจะได้เห็น แต่เธอก็ควรโกรธเขาจริงๆ นั่นแหละ แล้วจะทำยังไงล่ะเธอถึงจะเข้าใจ “ไม่ฟังค่ะ เราคงไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก และน้องปลาก็จะไม่มาฝึกงานที่นี่ด้วย สถานะของเราจะเป็นแค่ ‘เพื่อนบ้าน’ เท่านั้น ปล่อยน้องปลาสิคะอารักษ์ ปล่อยค่ะ น้องปลาบอกว่าให้ปล่อย” “อาไม่ปล่อย จนกว่าน้องปลาจะฟังอาพูดก่อน” “มีอะไรต้องพูดอีกเหรอคะ อารักษ์ทำมากกว่าพูดแล้ว แค่นี้น้องปลาก็เจ็บจนจะกระอักเลือดแล้วค่ะ ปล่อยน้องปลาเดี๋ยวนี้ ถ้ายังอยากเป็นเพื่อนบ้านกันอยู่” เสียงเข้มเริ่มจะสั่นเพราะแรงสะอื้
‘อารักษ์... รักน้องปลานะคะ ไม่รู้ว่ารักตั้งแต่ตอนไหน อาจจะนานแล้วหรืออาจจะเมื่อคืนนี้ก็ได้ แต่ที่อาบอกกับตัวเองได้ก็คือ อาไม่เคยเกิดความรู้สึกนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน เมื่อคืนนี้อาไม่ได้เมา อาตั้งใจ และตอนนี้อาก็ไม่เมา ไม่เพ้อ และไม่ได้มโนไปเอง น้องปลารู้มั้ย ตั้งแต่เมื่อคืน น้องปลาทำให้อานอนไม่หลับ อาเฝ้าแต่คิดถึงใบหน้านี้ ดวงตาคู่นี้ ริมฝีปากหวานๆ นี้ และก็... ทั้งหมดที่เป็นน้องปลา จนอาไม่มีสมาธิจะทำอะไรเลย ถ้าความรักมันคือการคิดถึง การอยากอยู่ใกล้ อยากเห็นคนคนนั้นอยู่ในสายตาตลอด ทุกความคิดมีแต่คนคนนั้นอยู่ในนี้ สิ่งที่อารักษ์เป็นอยู่นี้ เรียกว่า ‘ความรัก’ ได้มั้ย’ มัสยาอดยิ้มไม่ได้ทุกครั้งยามคิดถึงคำสารภาพจากเขา คำสารภาพของคนข้างบ้านพร้อมจูบร้อนๆ ที่พร่ำพรอดไปทั่วทั้งเนื้อตัวของเธอ ‘นอกร่มผ้า’ เท่านั้นที่เขาทำ ‘น้องปลาอย่าเรียกอารักษ์ขาอีกนะ อาอยากให้น้องปลาพร้อมมากที่สุด เพราะถ้าอาทนไม่ไหวขึ้นมา น้องปลาจะได้เรียกอารักษ์ขาไปทั้งวันทั้งคืน ห้ามหยุดจนกว่าอาจะเหนื่อย’ ‘อารักษ์อ่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้ น้องปลาไม่พูดด้วยแล้ว’ ‘ไม่พูดก็ได้ เก็บ
“พี่หลามว่ามันไม่น่าเกลียดเหรอคะ ที่เราดูจะสนับสนุนให้น้องปลาไปฝึกงานที่ร้านของรักษ์เขาน่ะ” กุ้งนางหันกลับมาถามสามี เมื่อมองตามรถยนต์ของอารักษ์ไปจนลับสายตา “กุ้งหมายความว่ายังไงล่ะ อะไรที่ว่าน่าเกลียด” ฉลามถามพร้อมลดหนังสือพิมพ์ลง “ก็... พี่หลามไม่เห็นเหรอคะ รักษ์เขาทั้งหนุ่มทั้งหล่อขนาดนั้น ลูกเราก็เป็นสาว ให้ไปด้วยกันอย่างนั้นจะดีเหรอคะ” “พี่ไม่เข้าใจที่กุ้งพูดอ่ะ ก่อนที่รักษ์จะมาก็ดูกุ้งจะสนับสนุนน้องปลาให้ไปฝึกงานกับรักษ์ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมตอนนี้ถึงว่าน่าเกลียดล่ะ” “ก็เพราะมันตรงกับสาขาที่ลูกเราเรียน และมีรักษ์ช่วยดูแล กุ้งก็เลยเบาใจ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว” “ไม่ใช่ยังไงกุ้ง นี่อย่าบอกนะว่ากลัวเจ้ารักษ์มันจะงาบลูกสาวเราน่ะ” “แล้วพี่หลามจะให้กุ้งคิดยังไง ก็กุ้งไม่คิดว่ารักษ์เขาจะดูดีขนาดเนี้ย ไม่เจอกันสิบปีเขาไม่เปลี่ยนเลย ไม่เหมือน...” “ได้โปรดเถอะเมียจ๋า อย่าเอาผัวจ๋าไปเปรียบเทียบกับไอ้ยีนลูกครึ่งแบบนั้น ผัวน่ะครึ่งลูก ยังไงก็คงจะหล่อไม่เท่าเจ้ารักษ์หรอกนะ” “ก็ใช่สิ พี่หลามก็เห็นว่ารักษ์เขาหล่อข
มัสยาไม่รู้ตัวเลยว่าเธอตอบสนองอะไรอารักษ์ไปบ้าง รู้แต่ว่าตลอดทั้งร่างกายนี้หมดเรี่ยวแรงจะต้านทานหรือหลีกหนี และหากไม่มีแผงอกกว้างให้เธอซุกซบ ไม่มีท่อนแขนแกร่งตวัดรัดรอบเอวของเธอเอาไว้ เธอก็คงจะทรุดลงไปกองอยู่แทบพื้นโดยเร็วแน่ “หึหึหึ... หรือว่าน้องปลาจะเปลี่ยนใจอยากให้อากินน้องปลาเป็นอาหารกลางวันดี” ใบหน้าแดงระเรื่อและดวงตาหลับตาพริ้มเพราะอิ่มเอิบกับรสจูบสูบวิญญาณของเขาทำให้อารักษ์ต้องหัวเราะในลำคอเบาๆ จนเห็นมัสยาลืมตาขึ้นและพยายามที่จะยืนให้มั่นคงได้ด้วยตัวเอง อ้อมกอดจึงคลายออกให้หลวม “อารักษ์อ่ะ บ้าจริง... น้องปลาไม่คุยด้วยแล้ว” “หึหึหึ... งั้นช่วยอาเตรียมของนะครับ ไม่อย่างนั้นอาอาจจะเปลี่ยนใจ” เขาเองก็ต้องฝืนทั้งกายทั้งใจให้เปลี่ยนเช่นกัน ทั้งที่มัสยาโอนอ่อนผ่อนตามให้เขาสร้างประสบการณ์ครั้งแรก แล้วลูกปลาฉลามสาวตัวนี้จะรู้บ้างไหมล่ะว่าเธอเกือบจะได้ประเดิมความ ‘แซ่บ!’ ของร้านอาหารเปิดใหม่ซะแล้ว “ใครจะยอมกันล่ะ” “ระวังเถอะ ยอมขึ้นมาเมื่อไหร่ อาจะจับฝึกงานทั้งวัน... ทั้งคืน” “อารักษ์บ้า...”
“ว้าย! อารักษ์อ่ะ เซี้ยวจริงๆ” “เซี้ยวที่ไหนล่ะ สะ... เอ่อ... ลองชิมนี่ดีกว่า” คำพูดที่รีบชะงักไว้ได้ทัน แต่ทำให้หัวคิ้วเรียวสวยของมัสยาขมวดเข้าหากัน พร้อมแววตาที่มองมาอย่างสงสัยว่าเขาจะพูดอะไรต่อ จึงต้องรีบเปลี่ยนเรื่องโดยเร็ว จะพูดได้อย่างไรกันล่ะว่าที่ทำอยู่นี้มัน ‘เสียว’ มากกว่า ‘เซี้ยว’ อย่างแน่นอน “ตำปูปลาร้า ตำไทยไข่เค็ม ลาบหมู น้ำตกปลาหมึก ตับหวาน อ่อมไก่ อะไรล่ะที่น้องปลาไม่เคยทาน” “อันนี้ค่ะ” “นี่เรียกว่าอ่อมไก่ อร่อยนะ ลองชิมดู” เขาตักน้ำแกงอ่อมไก่ใส่ช้อนและป้อนจนถึงปาก ทั้งที่ตัวเองนั้นกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก เมื่อเห็นริมฝีปากสีชมพูนั้นขยับเพื่อจะอ้าออกอย่างกล้าๆ กลัวๆ กับรสชาติใหม่ที่กำลังได้รับ ทว่าเขาสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้เธอกลัวนาน น้ำแกงอ่อมไก่กรุ่นไปด้วยกลิ่นของผักชีลาวและนัวข้นด้วยข้าวคั่วจึงถูกส่งเข้าปากตัวเองอย่างเร็ว ก่อนจะตรงเข้าประกบทาบกับความอ่อนนุ่มนั้นไว้ และใช้ปลายลิ้นนำทางเอารสชาติกลมกล่อมหอมกรุ่นสอดแทรกลงไปให้เธอได้รู้รส กลิ่นของผักชีลาวคลุ้งอยู่ในอุ้งปากก่อนจะส่งผ่านไปยังสมอง
“ลองสวมดูสิคะ” อารักษ์ไม่พูดเปล่าแต่กลับก้าวเดินเข้าประชิดตัว จับร่างของมัสยาหันหลังเพื่อรูดซิปชุดเดรสสีมะนาวนั้นออกเพื่อให้เธอสวมใส่เสื้อผ้าได้ง่ายขึ้น ทว่าเสียงอุทานน้อยๆ ของมัสยาก็ทำให้เขาอยากแกล้ง “อุ้ย! ไม่ต้องค่ะอารักษ์ น้องปลาทำเองได้” มัสยาขืนกายออกห่าง จริงอยู่ว่าเขาจับเธอฝึกงานสุดสยิว โดยการกอดจูบลูบไล้และแลกลิ้น จนจะแทบทั้งตัวอยู่แล้ว แต่จะให้มายืนนิ่งๆ ยอมให้เขาเปลื้องผ้าเธอออกก็คงจะไม่ดีเท่าไร “ทำไมล่ะคะ” อารักษ์ยิ้มแต่ยังขืนร่างเธอให้หันหลังจนได้ เพราะทุกสัมผัสที่แตะต้องลงไปนั้นมัสยากำลังสะท้านไปทั้งตัวจนเขารับรู้ได้ที่ปลายนิ้ว “น้องปลา... เอ่อ... น้องปลาอยากเปลี่ยนเองค่ะ” เธอตอบพลางขืนร่างให้ออกจากร่างแข็งแกร่งที่ซ้อนกายอยู่ด้านหลัง ขนาดใกล้กันแค่นี้เธอยังรู้สึกได้ถึงความร้อนแรงที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของเขา แล้วหากเขาจะพานิ้วร้อนๆ นั้นลากไล้ไปตามแผ่นหลังของเธอล่ะ เธอจะไม่เผลอครางกระเส่าให้เขาทำมากกว่านั้นหรอกเหรอ “แล้วน้องปลารู้เหรอว่าเขาใส่กันยังไง” มัสยามองเสื้อผ้าในมือ เกิดคว
แม้เธอจะไม่เคยมีความสัมพันธ์เกินเลยกับใครมาก่อน ทว่าสิ่งที่ธรรมชาติจัดสรรนั้นเธอก็เรียนรู้และเข้าใจเป็นอย่างดี เธอไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าอาการที่อารักษ์กำลังเป็นอยู่นี้ช่างสะกดเก็บได้ยาก เพราะเธอเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน หรือหากจะต่างนั่นอาจเป็น ‘ความอดทน’ ที่อารักษ์ย่อมทนกับสิ่งเร้าได้มากกว่าเธอแน่ เพราะเขาเรียนรู้จะระงับและตอบสนอง แต่เธอนั้นยังทำไม่ได้ดีทั้งสองอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ‘ระงับ’ หรือ ‘ตอบสนอง’ เธอจึงต้องชั่งใจว่าสิ่งไหนมีอำนาจได้มากกว่ากัน พร้อมกับเป็นบทพิสูจน์ในคำพูดของอารักษ์ไปด้วยว่า เขาจะระงับความพลุ่งพล่านของเธอหรือจะทำให้เธอตอบสนองจนหยุดไม่อยู่ อารักษ์กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นที่สุด เพราะหน้าอกขนาดใหญ่ที่มองเห็นอยู่ตรงหน้านี้ แม้เขาจะเป็นคนกะขนาดจากสายตาและจากสัมผัส เพื่อระบุไซส์สำหรับการตัดเย็บชุดทำงานให้พอดีสำหรับเรือนร่างงดงามนี้ แต่ในยามที่เขาตั้งใจจะสวมใส่ชุดให้กับเธอ เขากลับประหม่าและสั่นไปทั้งร่าง มัสยาทำให้เขาเสียความมั่นใจในตัวเองอีกแล้ว “เอ่อ... อารักษ์คะ ใส่... ใส่ให้น้องปลาสิคะ” “ใส่... ใส่เหรอคะ อืม...” เส