“ใครสั่งพวกนายมา นอกจากสั่งให้พวกนายก่อปัญหาที่ไซต์ก่อสร้างแล้ว ยังสั่งให้พวกนายทำอะไรอีก บอกแผนการทั้งหมดที่นายรู้มาซะ” หลี่โม่เอ่ยขณะจ้องเขม็งไปที่ซ่างเปียว ซ่างเปียวยิ้มขื่นเล็กน้อย “เดิมทีพวกเราติดตามอยู่กับอาจารย์จาง เขาพ่ายแพ้ให้นายแล้วใช่ไหมล่ะ ท่านหลงก็เลยออกโรง และพาพวกเรามาล้างแค้นกับนาย” “ท่านหลงสั่งให้ฉันก่อปัญหาเพื่อล่อนายออกมา ส่วนหลังจากนั้นจะมีแผนการอะไร ฉันก็ไม่รู้แล้ว คำสั่งที่ได้รับในตอนนี้ก็คือ ให้ก่อปัญหาสร้างความวุ่ยวาย ห้ามให้การก่อสร้างของพวกนายเริ่มดำเนินการได้ตามปกติ” ซ่างเปียวไม่รู้เนื้อหาส่วนสำคัญ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลี่โม่คาดการณ์เอาไว้แล้ว แบบนี้มันรับหน้าที่เป็นแค่ตัวนกต่อ ไม่มีทางรู้แผนการหลักได้เลย “ท่านหลงคือใคร ตอนนี้อยู่ที่ไหน?” “ท่านหลง ท่านหลงชื่อว่าหลงหานกวง เป็นศิษย์อยู่ในสำนักซินแส นับว่าเป็นกึ่งอาจารย์ของซินแสจาง แต่ได้ยินมาว่า ในสำนักซินแสขานับว่าเป็นเพียงบุคคลทั่วไปคนหนึ่งเท่านั้น แต่สำหรับพวกเราแล้ว เขาเป็นคนที่ราวกับเทพเซียน กังฟูของเขาไม่ใช่สิ่งที่พวกเราสามารถทัดเทียมได้เลย” “ระหว่างทางมาที่นี่ท่านหลงได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง บอกว่ามี
“พอได้แล้ว!” หลี่โม่หยุดยั้งการปะทะกันแบบตาต่อตาฟันต่อฟันของทั้งสอง หากปล่อยให้พวกเธอทะเลาะกันแบบนี้ต่อไป หลังจากนี้คงไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว ได้แต่ยืนดูพวกเธอทะเลาะกันพอดี “ต่อไปถ้าพวกเธอจะทะเลาะกัน ก็ไปทะเลาะกันในที่ที่ฉันไม่อยู่ซะให้พอ ตอนที่ฉันอยู่ ฉันไม่ต้องการได้ยินพวกเธอเอะอะโวยวายอะไรอีกทั้งนั้น ใครกล้าส่งเสียงเอะอะอีกแม้แต่คำเดียว ฉันจะส่งคนนั้นกลับไป” “ก็ได้ค่ะ ฉันเชื่อฟังพี่หลี่โม่ทุกอย่าง” เฉินเสี่ยวถงพูดด้วยท่าทีว่านอนสอนง่าย กู้ชิงหลินถลึงตามองเฉินเสี่ยวถง ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างเกลียดชัง แทบอยากจะฉีกหน้ากากของเฉินเสี่ยวถงเสียเดี๋ยวนั้น ให้หลี่โม่ได้เห็นธาตุแท้ของเฉินเสี่ยวถงให้แจ่มแจ้ง เฉินเสี่ยวถงมองกู้ชิงหลินอย่างได้ใจ แล้วทำหน้าตาล้อเลียนใส่กู้ชิงหลิน “แบร่ ๆ ๆ” “แบร่ ๆ บ้านเธอสิ! ฉันจะฉีกปากเธอซะ!” กู้ชิงหลินโกรธหัวแทบลุกเป็นไฟ เฉินเสี่ยวถงไปแอบข้างหลังหลี่โม่อย่างรวดเร็ว เธอดึงชายเสื้อด้านหลังของหลี่โม่พลางพูดว่า “พี่หลี่โม่พี่ต้องปกป้องฉันนะ ยัยนั่นบ้าไปแล้ว ไม่เคารพกฎที่พี่ตั้งเลยสักนิด” หลี่โม่ยื่นมือไปขวางกู้ชิงหลิน แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “เลิกวุ
กุ่ยเอ้อและหลงหานกวงกำลังนั่งอยู่ในรถบัญชาการของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ หลงหานกวงแสดงความแปลกประหลาดใจอย่างมากต่อระบบสั่งการขั้นสูงของรถบัญชาการ “กุ่ยเหล่าเอ้อ คุณนี่ได้คนหนุนหลังดีจริงๆ แดนมังกรแทบจะเหมือนกองทหารประจำการอยู่แล้ว รถบัญชาการก็ยังมี น่าเหลือเชื่อจริง ๆ” หลงหานกวงพูดอย่างตื่นตาตื่นใจ เหมือนกับชาวนาแก่ ๆ ที่เพิ่งมาจากบ้านนอกเข้ากรุง เห็นอะไรก็แปลกตาไปหมด “นี่คือกล้องจับภาพความร้อนใช่ไหม? นี่คือกล้องอินฟราเรดเหรอ? คุณภาพสูงจริง ๆ” กุ่ยเอ้อเบะปากอย่างเหยียดหยาม รู้สึกว่าหลงหานกวงเป็นพวกล้าสมัยไปแล้ว “ต่อไปเราต้องพึ่งพากำลังของทีม ศิลปะการต่อสู้เฉพาะบุคคลนั้นอ่อนแอลงทุกที ถึงยังไงอาวุธปืนก็พัฒนาถึงขีดสุดแล้ว ขอแค่มีอาวุธพร้อม ต่อให้จะเป็นเทพเซียนในตำนานก็ต้องถูกสอยร่วงแน่นอน” “ที่คุณพูด ผมก็พอเข้าใจได้ แต่ศิลปะการต่อสู้นั้นก็ยังสามารถทำให้ร่างกายแข็งแกร่งได้นี่ มีชีวิตอยู่เพิ่มอีกสักสองปีก็เป็นเรื่องดี คนของคุณเข้าประจำที่แล้วหรือยัง? อีกเดี๋ยวก็เริ่มจู่โจมแล้วช่วยลูกน้องขอผมออกมาก่อน” หลงหานกวงนั้นคิดถึงแต่ลูกน้องของตน แม้ว่าจะเป็นพวกไม่ได้เรื่อง แต่อย่างไรก็เป็นล
ใบหน้าของกู้ชิงหลินเปลี่ยนเป็นสีซีดขาว เสียงปืนอันดุเดือดทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว แล้วคิดอยากเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังหลี่โม่โดยสัญชาตญาณ เฉินเสี่ยวถงดึงกู้ชิงหลินเข้ามา และเอ่ยด้วยสีหน้าปกติ “ถ้าไม่อยากตายก็อย่าเอะอะ ตอนนี้ถ้าเธอไปเกาะพี่หลีโม่ไว้ แล้วจะให้พี่หลี่โม่ขยับยังไง” “เธอ… เธอพูดอะไร ทำไมตอนเธอกลัวแล้วไปเกาะเขาได้ แล้วฉันทำไม่ได้” กู้ชิงหลินพูดอย่างไม่พอใจ “ฉันแค่อยากจะบอกว่าเธอมันโง่บรมเลย” เฉินเสี่ยวถงพูดจบ มือขวาก็ซัดเข้าที่ต้นคอของกู้ชิงหลินอย่างแรง ทำให้กู้ชิงหลินหมอสติไปทันที หลี่โม่เหลือบมองเฉินเสี่ยวถงด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เขารู้สึกตกตะลึงกับทักษะอันว่องไวของเฉินเสี่ยวถง แต่เมื่อคิดถึงความเก่งกาจของลุงฝูที่ที่ติดตามเฉินเสี่ยวถงแล้ว หลี่โม่ก็ค่อนข้างโล่งใจ รู้สึกว่าเฉินเสี่ยวถงคงจะได้เรียนวิชากังฟูแท้ที่ใช้ป้องกันตัวจากสัตว์มาบ้าง เฉินเสี่ยวถงยัดกู้ชิงหลินที่สลบไปใส่ในอ้อมแขนของคังเหวินซิน “เอ้า เอาสาวสวยไปกอดซะ ดูแลเธอให้ดีล่ะ” “หา? ผม ผมกลัว” คังเหวินซินตื่นตระหนกขึ้นมา พูดจาก็ยังตอบไม่ตรงคำถาม “ฉันรู้ว่านายกลัว เลยให้นายกอดสาวสวยไว้ จะได้ช่วยให้คล
ขณะที่หัวหน้าทีมกำลังตะโกนขอกำลังเสริมอยู่นั้นเอง กระสุนก็ทะลวงเข้าที่หว่างคิ้วของเขา หัวหน้าทีมที่ตายตาไม่หลับนั้นมองไปยังทิศทางที่กระสุนยิงมา ก่อนร่างกายของเขาจะล้มลงกับพื้น หลี่โม่ที่เปลี่ยนซองกระสุนแล้วนั้น หลังจากยิงสังหารหัวหน้าทีมหนึ่งแล้ว เขาก็ยิงใส่สมาชิกทีมหนึ่งอีกสามคนที่เหลือซึ่งกำลังล่าถอยอย่างตื่นตระหนก หลังจากเสียงปืนดังขึ้นสามครั้ง ทีมปฏิบัติการพิเศษหนึ่งทั้งหมดก็เสียชีวิต อากวงมองฉากหลี่โม่สังหารศัตรูหนึ่งคนต่อหนึ่งนัดด้วยความตื่นตะลึง เลือดทั่วร่างเดือดพล่านด้วยความตื่นเต้น และกลายแฟนบอยของหลี่โม่ไปในทันที “พระเจ้า คุณหลี่โคตรเก่งเลย เอาปืนพกไปสู้กับทีมปฏิบัติการพิเศษเนี่ยนะ ทักษะการยิงปืนของเขาน่าทึ่งจริง ๆ แม่นยิ่งกว่านักแม่นปืนอีก!” มุมปากของเฉินเสี่ยวถงหยักโค้งเป็นรอยยิ้มงดงาม รู้สึกว่าตนไม่ได้เลือกผิด ยิ่งหลี่โม่แข็งแกร่งเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นเรื่องดีสำหรับเฉินเสี่ยวถงมากเท่านั้น เพราะเมื่อหลี่โม่แข็งแกร่ง ก็จะสามารถปกป้องเฉินเสี่ยวถงได้ ทำให้เฉินเสี่ยวถงไม่ต้องกลับไปใช้ชีวิตที่น่าอกสั่นขวัญแขวนแบบนั้นอีกต่อไป “พี่หลี่โม่สุดยอดมากจริง ๆ นั่นแหละนะ สุ
หลงหานกวงถามอย่างอดไม่ได้ “กำลังมา คงต้องใช้เวลาพอสมควร ไอ้บ้าหลี่โม่ มันแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง?!” หลังจากที่กุ่ยเอ้อพูดอย่างโกรธเกรี้ยวจบ เขาก็หยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาตะคอกใส่ "ฉันกุ่ยเอ้อ หลินเจิ้งหนาน ให้คนของนายทุกคนกดดันเข้าไป ใช้อาวุธทั้งหมดกำราบไอ้หลี่โม่ มีอาวุธหนักอะไรก็ใช้มันให้หมด! ฆ่ามันซะ ฆ่ามันเดี๋ยวนี้!" “รับทราบ ทางนี้เตรียมบาซูก้าเอาไว้พร้อมแล้ว กำลังเล็งยิง” หลินเจิ้งหนานเองก็รู้สึกหวาดกลัวกับความแข็งแกร่งของหลี่โม่เช่นกัน ก่อนที่กุ่ยเอ้อจะออกคำสั่ง เขาก็ได้ให้ลูกน้องนำอาวุธหนักทั้งหมดออกมาเตรียมพร้อมแล้ว บาซูก้าทั้งสองเครื่องบรรจุจรวดเอาไว้แล้ว หลังจากปรับเครื่องยิงเล็งไปที่หลี่โม่แล้ว ก็กดปุ่มยิงในทันที ฟิ้ว ฟิ้ว บาซูก้าพ่นเปลวไฟสองสายออกมา จรวดสองลูกพลันพุ่งออกไปยังทิศทางของหลี่โม่ หลี่โม่ได้ยินเสียงผิดปกติจากระยะไกล จึงเริ่มวิ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าระห่ำทันที ชั่วขณะที่จรวดกำลังจะถึงเป้าและระเบิด หลี่โม่ก็ได้ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังกองต้นไม้แล้ว ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ถูกตัดโค่นจำนวนมากสามารถสกัดกั้นคลื่นกระแทกจากจรวดได้ แต่สมาชิกทีมปฏิบัติการพิเศษที่เพียงได้ร
เมื่อเห็นจรวดสองลูกที่ลูกน้องยิงออกไประเบิด หลินเจิ้งหนานก็รีบถามว่า “ระเบิดไอ้สารเลวหลี่โม่นั่นตายหรือยัง!” “นายท่าน ดูเหมือนจะไม่โดนหลี่โม่ครับ เมื่อครู่หลี่โม่มันเร็วมาก อย่างกับยอดมนุษย์เลย มันกระโดดข้ามกองไม้แล้วไปหลบอยู่ด้านหลัง” ลูกน้องเอ่ยด้วยใจเต้นระส่ำ เขาเคยคนที่เร็วกว่ากระต่ายมาแล้ว แต่ความเร็วเมื่อครู่ของหลี่โม่ กลับเร็วยิ่งกว่ากระต่ายไปอีกโข เรียกได้ว่าเร็วยิ่งกว่าเสือชีตาร์เสียอีก หลินเจิ้งหนานขมวดคิ้วแน่น ตวาดอย่างเกรี้ยวกราด “งั้นพวกแกยังมัวอึ้งอะไรอยู่ ยิงต่อไปสิวะ! บุกโจมตีเข้าไป พวกแกมีคนตั้งเยอะแยะ มีแต่พวกเลี้ยงเสียข้าวสุกหรือยังไง! เข้าไปฆ่ามันซะ!” พวกลูกน้องต่างลังเลเล็กน้อย ถึงแม้จะอยู่ต่อหน้าหลินเจิ้งหนานที่กำลังโกรธจัด พวกเขาก็ยังไม่กล้าก้าวออกไปข้างหน้า คนของทีมปฏิบัติการพิเศษย่อยเมื่อครู่นี้ตายอย่างไร พวกเขาเห็นอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ทีมปฏิบัติการพิเศษย่อยถูกหลี่โม่เพียงคนเดียวกำราบได้ด้วยปืนสองกระบอก โดยที่ไม่สามารถสู้ตอบโต้ได้เลยแม้แต่น้อย ทุกคนต่างก็เป็นคนที่เคยผ่านการต่อสู้นองเลือดมาทั้งนั้น จึงล้วนรู้ดีว่า ทีมปฏิบัติการพิเศษนั้นแข็งแกร่งแค่ไ
“กุ่ยเหล่าเอ้อ คุณวางแผนประสาอะไร บอกมาสิว่ายังสามารถเอาชนะหลี่โม่ได้หรือเปล่า ผมว่าคุณพาพวกเรามาตายชัด ๆ !” “หลงหานกวง นายขี้ขลาดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ พวกเราที่นี่มีคนตั้งมากมาย หากร่วมมือกันจะยังเอาชนะหลี่โม่ไม่ได้อีกงั้นเหรอ?” กุ่ยเอ้อหรี่ตาพลางเอ่ย “เหอะ ๆ แล้วคุณเชื่อคำพูดนั้นของตัวเองด้วยหรือเปล่าล่ะ?” “ฉันไม่ต่อปากกับนายแล้ว ก็แค่หลี่โม่คนเดียว นายคอยดูเถอะว่าฉันกับพวกหานเถี่ยโถวจะจัดการเจ้าหลี่โม่ยังไง” กุ่ยเอ้อไม่มีอารมณ์จะเถียงกับหลงหานกวง เขาถือวิทยุสื่อสารขึ้นมาติดต่อกับพวกหานเถี่ยโถว และสั่งการให้พวกหานเถี่ยโถวโอบล้อมหลี่โม่จากทุกทิศทาง แม้ว่าหานเถี่ยโถวและคนอื่น ๆ จะรู้สึกไม่เต็มใจอยู่บ้าง แต่ด้วยผลประโยชน์มหาศาลที่กุ่ยเอ้อรับปากเอาไว้ ทำให้พวกเขายอมรับคำสั่งของกุ่ยเอ้อ หานเถี่ยโถวพายอดฝีมือสองสามคนเข้าไปใกล้หลี่โม่ และขวางเส้นทางที่หลี่โม่กำลังไล่ตามอยู่ “ไอ้หนู วางอาวุธซะ แล้วเราจะไว้ชีวิต” หานเถี่ยโถวยกสองมือเท้าเอวแล้วพูดขึ้น หลี่โม่ยิ้มพลางโยนปืนทิ้งลงพื้น “ฉันวางอาวุธแล้ว ไหนดูซิว่าพวกนายจะไว้ชีวิตฉันยังไง” “ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้หนูนี่สมองมันโดนลาดีดกะโห