“เขาว่าเธอ สำนึกได้บ้างไหม?” กู้ชิงหลินผลักเฉินเสี่ยวถงไปยืนชิดกำแพง เฉินเสี่ยวถงรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกที่นั่งลำบาก เดิมทีเธอคิดว่า การแทรกเข้าไปอยู่ในบ้านของหลี่โม่นั้นยากที่สุดแล้ว แต่ตอนนี้พอถูกกู้ชิงหลินกดขี่ ถึงได้เข้าใจว่า ความยากลำบากที่แท้จริงคืออะไร กู้ชิงหลินคนนี้จงใจทำชัดๆ ทุกอย่างมุ่งเป้ามาที่ตนทั้งหมด! ต้องคิดหาวิธีทำให้หลี่โม่ออกห่างจากยัยตัวแสบนี่ให้ได้! สมองของเฉินเสี่ยวถงแล่นอย่างรวดเร็ว ครุ่นคิดว่าต้องทำอย่างไรถึงจะกำจัดกู้ชิงหลินทิ้งไปได้ หลี่โม่เห็นว่าในที่สุดก็เงียบลงสักที จึงถอนหายใจออกมา แล้วยกขาเหยียบลงบนมือของซ่างเปียว นิ้วของซ่างเปียวได้รับความเจ็บปวด จึงพยายามดึงมือของตัวเองออกโดยสัญชาตญาณ แต่หลังจากออกแรงอย่างกะทันหัน มือของตนไม่เพียงแต่ดึงออกมาไม่ได้ กลับกันยังเกือบทำให้ข้อมือตัวเองหลุดอีกต่างหาก หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็นชา “ตอบคำถามมาตามจริง แล้วฉันจะไว้ชีวิตพวกแก ไม่อย่างนั้น ฉันเองก็คงไม่ฆ่าแกหรอก แค่จะหักกระดูกของแกทุกชิ้น ชีวิตที่เหลืออยู่แกก็ใช้มันไปบนเตียงก็แล้วกัน หวังว่าจะมีคนคอยดูแลแกไปจนตายนะ” ซ่างเปียวสั่นสะท้านไปทั้งตัว ในสมอ
“ใครสั่งพวกนายมา นอกจากสั่งให้พวกนายก่อปัญหาที่ไซต์ก่อสร้างแล้ว ยังสั่งให้พวกนายทำอะไรอีก บอกแผนการทั้งหมดที่นายรู้มาซะ” หลี่โม่เอ่ยขณะจ้องเขม็งไปที่ซ่างเปียว ซ่างเปียวยิ้มขื่นเล็กน้อย “เดิมทีพวกเราติดตามอยู่กับอาจารย์จาง เขาพ่ายแพ้ให้นายแล้วใช่ไหมล่ะ ท่านหลงก็เลยออกโรง และพาพวกเรามาล้างแค้นกับนาย” “ท่านหลงสั่งให้ฉันก่อปัญหาเพื่อล่อนายออกมา ส่วนหลังจากนั้นจะมีแผนการอะไร ฉันก็ไม่รู้แล้ว คำสั่งที่ได้รับในตอนนี้ก็คือ ให้ก่อปัญหาสร้างความวุ่ยวาย ห้ามให้การก่อสร้างของพวกนายเริ่มดำเนินการได้ตามปกติ” ซ่างเปียวไม่รู้เนื้อหาส่วนสำคัญ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลี่โม่คาดการณ์เอาไว้แล้ว แบบนี้มันรับหน้าที่เป็นแค่ตัวนกต่อ ไม่มีทางรู้แผนการหลักได้เลย “ท่านหลงคือใคร ตอนนี้อยู่ที่ไหน?” “ท่านหลง ท่านหลงชื่อว่าหลงหานกวง เป็นศิษย์อยู่ในสำนักซินแส นับว่าเป็นกึ่งอาจารย์ของซินแสจาง แต่ได้ยินมาว่า ในสำนักซินแสขานับว่าเป็นเพียงบุคคลทั่วไปคนหนึ่งเท่านั้น แต่สำหรับพวกเราแล้ว เขาเป็นคนที่ราวกับเทพเซียน กังฟูของเขาไม่ใช่สิ่งที่พวกเราสามารถทัดเทียมได้เลย” “ระหว่างทางมาที่นี่ท่านหลงได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง บอกว่ามี
“พอได้แล้ว!” หลี่โม่หยุดยั้งการปะทะกันแบบตาต่อตาฟันต่อฟันของทั้งสอง หากปล่อยให้พวกเธอทะเลาะกันแบบนี้ต่อไป หลังจากนี้คงไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว ได้แต่ยืนดูพวกเธอทะเลาะกันพอดี “ต่อไปถ้าพวกเธอจะทะเลาะกัน ก็ไปทะเลาะกันในที่ที่ฉันไม่อยู่ซะให้พอ ตอนที่ฉันอยู่ ฉันไม่ต้องการได้ยินพวกเธอเอะอะโวยวายอะไรอีกทั้งนั้น ใครกล้าส่งเสียงเอะอะอีกแม้แต่คำเดียว ฉันจะส่งคนนั้นกลับไป” “ก็ได้ค่ะ ฉันเชื่อฟังพี่หลี่โม่ทุกอย่าง” เฉินเสี่ยวถงพูดด้วยท่าทีว่านอนสอนง่าย กู้ชิงหลินถลึงตามองเฉินเสี่ยวถง ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างเกลียดชัง แทบอยากจะฉีกหน้ากากของเฉินเสี่ยวถงเสียเดี๋ยวนั้น ให้หลี่โม่ได้เห็นธาตุแท้ของเฉินเสี่ยวถงให้แจ่มแจ้ง เฉินเสี่ยวถงมองกู้ชิงหลินอย่างได้ใจ แล้วทำหน้าตาล้อเลียนใส่กู้ชิงหลิน “แบร่ ๆ ๆ” “แบร่ ๆ บ้านเธอสิ! ฉันจะฉีกปากเธอซะ!” กู้ชิงหลินโกรธหัวแทบลุกเป็นไฟ เฉินเสี่ยวถงไปแอบข้างหลังหลี่โม่อย่างรวดเร็ว เธอดึงชายเสื้อด้านหลังของหลี่โม่พลางพูดว่า “พี่หลี่โม่พี่ต้องปกป้องฉันนะ ยัยนั่นบ้าไปแล้ว ไม่เคารพกฎที่พี่ตั้งเลยสักนิด” หลี่โม่ยื่นมือไปขวางกู้ชิงหลิน แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “เลิกวุ
กุ่ยเอ้อและหลงหานกวงกำลังนั่งอยู่ในรถบัญชาการของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ หลงหานกวงแสดงความแปลกประหลาดใจอย่างมากต่อระบบสั่งการขั้นสูงของรถบัญชาการ “กุ่ยเหล่าเอ้อ คุณนี่ได้คนหนุนหลังดีจริงๆ แดนมังกรแทบจะเหมือนกองทหารประจำการอยู่แล้ว รถบัญชาการก็ยังมี น่าเหลือเชื่อจริง ๆ” หลงหานกวงพูดอย่างตื่นตาตื่นใจ เหมือนกับชาวนาแก่ ๆ ที่เพิ่งมาจากบ้านนอกเข้ากรุง เห็นอะไรก็แปลกตาไปหมด “นี่คือกล้องจับภาพความร้อนใช่ไหม? นี่คือกล้องอินฟราเรดเหรอ? คุณภาพสูงจริง ๆ” กุ่ยเอ้อเบะปากอย่างเหยียดหยาม รู้สึกว่าหลงหานกวงเป็นพวกล้าสมัยไปแล้ว “ต่อไปเราต้องพึ่งพากำลังของทีม ศิลปะการต่อสู้เฉพาะบุคคลนั้นอ่อนแอลงทุกที ถึงยังไงอาวุธปืนก็พัฒนาถึงขีดสุดแล้ว ขอแค่มีอาวุธพร้อม ต่อให้จะเป็นเทพเซียนในตำนานก็ต้องถูกสอยร่วงแน่นอน” “ที่คุณพูด ผมก็พอเข้าใจได้ แต่ศิลปะการต่อสู้นั้นก็ยังสามารถทำให้ร่างกายแข็งแกร่งได้นี่ มีชีวิตอยู่เพิ่มอีกสักสองปีก็เป็นเรื่องดี คนของคุณเข้าประจำที่แล้วหรือยัง? อีกเดี๋ยวก็เริ่มจู่โจมแล้วช่วยลูกน้องขอผมออกมาก่อน” หลงหานกวงนั้นคิดถึงแต่ลูกน้องของตน แม้ว่าจะเป็นพวกไม่ได้เรื่อง แต่อย่างไรก็เป็นล
ใบหน้าของกู้ชิงหลินเปลี่ยนเป็นสีซีดขาว เสียงปืนอันดุเดือดทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว แล้วคิดอยากเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังหลี่โม่โดยสัญชาตญาณ เฉินเสี่ยวถงดึงกู้ชิงหลินเข้ามา และเอ่ยด้วยสีหน้าปกติ “ถ้าไม่อยากตายก็อย่าเอะอะ ตอนนี้ถ้าเธอไปเกาะพี่หลีโม่ไว้ แล้วจะให้พี่หลี่โม่ขยับยังไง” “เธอ… เธอพูดอะไร ทำไมตอนเธอกลัวแล้วไปเกาะเขาได้ แล้วฉันทำไม่ได้” กู้ชิงหลินพูดอย่างไม่พอใจ “ฉันแค่อยากจะบอกว่าเธอมันโง่บรมเลย” เฉินเสี่ยวถงพูดจบ มือขวาก็ซัดเข้าที่ต้นคอของกู้ชิงหลินอย่างแรง ทำให้กู้ชิงหลินหมอสติไปทันที หลี่โม่เหลือบมองเฉินเสี่ยวถงด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เขารู้สึกตกตะลึงกับทักษะอันว่องไวของเฉินเสี่ยวถง แต่เมื่อคิดถึงความเก่งกาจของลุงฝูที่ที่ติดตามเฉินเสี่ยวถงแล้ว หลี่โม่ก็ค่อนข้างโล่งใจ รู้สึกว่าเฉินเสี่ยวถงคงจะได้เรียนวิชากังฟูแท้ที่ใช้ป้องกันตัวจากสัตว์มาบ้าง เฉินเสี่ยวถงยัดกู้ชิงหลินที่สลบไปใส่ในอ้อมแขนของคังเหวินซิน “เอ้า เอาสาวสวยไปกอดซะ ดูแลเธอให้ดีล่ะ” “หา? ผม ผมกลัว” คังเหวินซินตื่นตระหนกขึ้นมา พูดจาก็ยังตอบไม่ตรงคำถาม “ฉันรู้ว่านายกลัว เลยให้นายกอดสาวสวยไว้ จะได้ช่วยให้คล
ขณะที่หัวหน้าทีมกำลังตะโกนขอกำลังเสริมอยู่นั้นเอง กระสุนก็ทะลวงเข้าที่หว่างคิ้วของเขา หัวหน้าทีมที่ตายตาไม่หลับนั้นมองไปยังทิศทางที่กระสุนยิงมา ก่อนร่างกายของเขาจะล้มลงกับพื้น หลี่โม่ที่เปลี่ยนซองกระสุนแล้วนั้น หลังจากยิงสังหารหัวหน้าทีมหนึ่งแล้ว เขาก็ยิงใส่สมาชิกทีมหนึ่งอีกสามคนที่เหลือซึ่งกำลังล่าถอยอย่างตื่นตระหนก หลังจากเสียงปืนดังขึ้นสามครั้ง ทีมปฏิบัติการพิเศษหนึ่งทั้งหมดก็เสียชีวิต อากวงมองฉากหลี่โม่สังหารศัตรูหนึ่งคนต่อหนึ่งนัดด้วยความตื่นตะลึง เลือดทั่วร่างเดือดพล่านด้วยความตื่นเต้น และกลายแฟนบอยของหลี่โม่ไปในทันที “พระเจ้า คุณหลี่โคตรเก่งเลย เอาปืนพกไปสู้กับทีมปฏิบัติการพิเศษเนี่ยนะ ทักษะการยิงปืนของเขาน่าทึ่งจริง ๆ แม่นยิ่งกว่านักแม่นปืนอีก!” มุมปากของเฉินเสี่ยวถงหยักโค้งเป็นรอยยิ้มงดงาม รู้สึกว่าตนไม่ได้เลือกผิด ยิ่งหลี่โม่แข็งแกร่งเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นเรื่องดีสำหรับเฉินเสี่ยวถงมากเท่านั้น เพราะเมื่อหลี่โม่แข็งแกร่ง ก็จะสามารถปกป้องเฉินเสี่ยวถงได้ ทำให้เฉินเสี่ยวถงไม่ต้องกลับไปใช้ชีวิตที่น่าอกสั่นขวัญแขวนแบบนั้นอีกต่อไป “พี่หลี่โม่สุดยอดมากจริง ๆ นั่นแหละนะ สุ
หลงหานกวงถามอย่างอดไม่ได้ “กำลังมา คงต้องใช้เวลาพอสมควร ไอ้บ้าหลี่โม่ มันแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง?!” หลังจากที่กุ่ยเอ้อพูดอย่างโกรธเกรี้ยวจบ เขาก็หยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาตะคอกใส่ "ฉันกุ่ยเอ้อ หลินเจิ้งหนาน ให้คนของนายทุกคนกดดันเข้าไป ใช้อาวุธทั้งหมดกำราบไอ้หลี่โม่ มีอาวุธหนักอะไรก็ใช้มันให้หมด! ฆ่ามันซะ ฆ่ามันเดี๋ยวนี้!" “รับทราบ ทางนี้เตรียมบาซูก้าเอาไว้พร้อมแล้ว กำลังเล็งยิง” หลินเจิ้งหนานเองก็รู้สึกหวาดกลัวกับความแข็งแกร่งของหลี่โม่เช่นกัน ก่อนที่กุ่ยเอ้อจะออกคำสั่ง เขาก็ได้ให้ลูกน้องนำอาวุธหนักทั้งหมดออกมาเตรียมพร้อมแล้ว บาซูก้าทั้งสองเครื่องบรรจุจรวดเอาไว้แล้ว หลังจากปรับเครื่องยิงเล็งไปที่หลี่โม่แล้ว ก็กดปุ่มยิงในทันที ฟิ้ว ฟิ้ว บาซูก้าพ่นเปลวไฟสองสายออกมา จรวดสองลูกพลันพุ่งออกไปยังทิศทางของหลี่โม่ หลี่โม่ได้ยินเสียงผิดปกติจากระยะไกล จึงเริ่มวิ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าระห่ำทันที ชั่วขณะที่จรวดกำลังจะถึงเป้าและระเบิด หลี่โม่ก็ได้ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังกองต้นไม้แล้ว ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ถูกตัดโค่นจำนวนมากสามารถสกัดกั้นคลื่นกระแทกจากจรวดได้ แต่สมาชิกทีมปฏิบัติการพิเศษที่เพียงได้ร
เมื่อเห็นจรวดสองลูกที่ลูกน้องยิงออกไประเบิด หลินเจิ้งหนานก็รีบถามว่า “ระเบิดไอ้สารเลวหลี่โม่นั่นตายหรือยัง!” “นายท่าน ดูเหมือนจะไม่โดนหลี่โม่ครับ เมื่อครู่หลี่โม่มันเร็วมาก อย่างกับยอดมนุษย์เลย มันกระโดดข้ามกองไม้แล้วไปหลบอยู่ด้านหลัง” ลูกน้องเอ่ยด้วยใจเต้นระส่ำ เขาเคยคนที่เร็วกว่ากระต่ายมาแล้ว แต่ความเร็วเมื่อครู่ของหลี่โม่ กลับเร็วยิ่งกว่ากระต่ายไปอีกโข เรียกได้ว่าเร็วยิ่งกว่าเสือชีตาร์เสียอีก หลินเจิ้งหนานขมวดคิ้วแน่น ตวาดอย่างเกรี้ยวกราด “งั้นพวกแกยังมัวอึ้งอะไรอยู่ ยิงต่อไปสิวะ! บุกโจมตีเข้าไป พวกแกมีคนตั้งเยอะแยะ มีแต่พวกเลี้ยงเสียข้าวสุกหรือยังไง! เข้าไปฆ่ามันซะ!” พวกลูกน้องต่างลังเลเล็กน้อย ถึงแม้จะอยู่ต่อหน้าหลินเจิ้งหนานที่กำลังโกรธจัด พวกเขาก็ยังไม่กล้าก้าวออกไปข้างหน้า คนของทีมปฏิบัติการพิเศษย่อยเมื่อครู่นี้ตายอย่างไร พวกเขาเห็นอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ทีมปฏิบัติการพิเศษย่อยถูกหลี่โม่เพียงคนเดียวกำราบได้ด้วยปืนสองกระบอก โดยที่ไม่สามารถสู้ตอบโต้ได้เลยแม้แต่น้อย ทุกคนต่างก็เป็นคนที่เคยผ่านการต่อสู้นองเลือดมาทั้งนั้น จึงล้วนรู้ดีว่า ทีมปฏิบัติการพิเศษนั้นแข็งแกร่งแค่ไ