เมื่อพูดถึงเรื่องรถ พี่คังก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที อาการสั่นสะท้านด้วยความกลัวเมื่อครู่นี้หายไปในพริบตา หลงเทาตะลึงไปเล็กน้อย แล้วเกาหัวพลางเอ่ย “รถของฉันไม่เคยดัดแปลงอะไรเลย เป็นรถนำเข้าแบบดั้งเดิมที่เพิ่งจะได้มาเมื่อต้นปีนี้เอง” “อะไรนะ?” พี่คังเบิกตากว้าง จนราวกับลูกตาจะกระเด็นออกมาเป็นอาวุธลับสังหารหลงเทาอย่างไรอย่างนั้น “นายอย่ามองฉันแบบนั้นสิ ถ้าพวกนายไม่นั่งรถของฉันก็ช่างเถอะ ฉันตามไปดูเองก็ได้” หลงเทาบ่นอุบอิบแล้วเปิดประตูรถเข้าไปนั่งในที่นั่งคนขับ พี่คังได้สติกลับมา เขารีบเข้าไปนั่งตำแหน่งข้างคนขับอย่างรวดเร็ว ในปากพูดพร่ำไม่หยุด “ไม่เคยดัดแปลงอะไรมา มันเป็นไปไม่ได้เลยนะ ถ้าไม่ได้ดัดแปลงเครื่องยนต์ 10.0T รถคันนี้ของลูกพี่ก็ไม่มีทางไล่ตามบูกัตติของฉันได้หรอก” “ทุกคนต่างก็เป็นคนชอบเล่นรถทั้งนั้น อย่าคิดว่าจะหลอกกันได้ ลูกพี่เองก็หลอกผมไม่ได้หรอก เดี๋ยวพอกลับไปแล้ว ขอผมดูเครื่องยนต์ของพี่หน่อยว่าดัดแปลงกระปุกเกียร์ยังไง ก็ถือว่าเป็นการศึกษาแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันล่ะนะ” หลงเทามองพี่คังอย่างหมดคำจะพูด ก่อนจะเริ่มสตาร์ทรถแล้วเหยียบคันเร่ง ทันทีที่รถติดเครื่องยนต์ ต
...... จี๋เสียงขับรถตู้เบนซ์ห้อตะบึงอย่างบ้าระห่ำไปตลอดทาง รถรักษาความเร็วอยู่ที่ 200 ไมล์ต่อชั่วโมง คุณชายเล็กหลินเหลือบมองทางข้างหลังเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าไม่มีรถไล่ตามมา ก็พลันถอนหายใจอย่างโล่งอก “ไอ้เวรตะไลหลี่โม่ อย่างกับภูตผีงั้นแหละ! จอมละโมบนายทำยังไงของนาย เมื่อกี้นี้นายไม่ได้บอกว่าทั่วใต้หล้าไร้คู่ต่อกรหรอกเหรอ?!” “คุณชายสาม นั่นก็แค่การเปรียบเปรย ใครมันจะไปไร้คู่ต่อกรได้กันเล่า ต่างก็ว่ากันว่าหมัดมวยยากจะสู้คนหนุ่ม ผมเพิ่งจะประมือกับหลี่โม่ แค่ถูกหลี่โม่ต่อยแค่หมัดเดียวกระดูกแขนก็หักแล้ว” จอมละโมบเอ่ยอย่างเศร้าใจ รู้สึกเจ็บแปลบที่แขนขึ้นมา ลุงเป้าถอนหายใจ รู้สึกได้ถึงความรู้สึกเข้าตาจนบางอย่าง “พวกเรารีบไปหาที่ซ่อนกันเถอะ ใจฉันมันเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ อยู่ตลอดเลย” “ว่างเปล่าแบบนี้จะไปซ่อนที่ไหนได้! ฉันนี่มันโคตรซวยเลย ทำไมถึงได้ไปแส่หาเรื่องไอ้เวรหลี่โม่นั่นกัน! พวกนายรีบคิดหาวิธีเร็วเข้า ดูซิว่าทำยังไงถึงจะสามารถจัดการกับเจ้านั่นได้!” จอมละโมบกับลุงเป้าต่างนิ่งเงียบ วิธีที่จะจัดการกับหลี่โม่นั้น พวกเขาไม่มีเลยจริง ๆ เมื่อเห็นทั้งสองคนไม่พูดจา สีหน้าของคุณชายเล็กห
หลังจากที่รถตู้เบนซ์ตกลงกับพื้น กระจกหน้าต่างรถก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยแรงสะเทือน ฝั่งที่นั่งข้างคนขับกระแทกกับพื้น พวกคุณชายเล็กหลินต่างก็ถูกกระแทกจนเลือดโชก มีเสียงวิ๊งวิ๊งดังอยู่ในหัว ทั้งหมดต่างตกอยู่ในอาการสมองกระทบกระเทือน ก็มีเพียงอาการของจอมละโมบที่ดีกว่าสักหน่อย เขาสะบัดหัวอย่างแรง จอมละโมบตะเกียกตะกายปีนออกไปจากทางกระจกรถที่แตกละเอียด “เป็นเพื่อนร่วมทีมที่ไร้ประโยชน์ชะมัด เกือบขุดหลุมฝังฉันแล้วไหมล่ะ” จอมละโมบบ่นพลางปีนออกจากรถตู้เบนซ์ เขาเช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากหน้าผากที่ถูกกระจกบาด นึกอยากจะนั่งสูบบุหรี่ที่ข้างทางเงียบ ๆ สักมวนจริง ๆ ทว่าจอมละโมบก็ทำได้เพียงคิดเท่านั้น หลี่โม่ที่ย่างสามขุมเข้ามาทำให้จอมละโมบหมดอารมณ์ทันใด เขารีบกระโดดลงจากรถแล้ววิ่งหนีไปบนถนนอย่างบ้าคลั่ง หลี่โม่แค่นหัวเราะเย็นชา เขาสะบัดข้อมือเล็กน้อยก่อนหินกรวดก้อนหนึ่งจะทะยานออกไปกระแทกเข้ากับข้อพับเข่าของจอมละโมบอย่างแรง จอมละโมบที่กำลังหนีเตลิดพลันรู้สึกเจ็บปวดที่หัวเข่าและล้มคว่ำลงไปจูจุ๊บกับพื้นทันที “ขาฉัน! เข่าฉัน!” จอมละโมบร้องโหยหวนพลางกุมเข่าเอาไว้ เมื่อเห็นรูขนาดใหญ่ที่มีเลื
หลี่โม่ยิ้มเย็นแล้วโยนคุณชายเล็กหลินไปตรงหน้าลุงเป้า ก่อนเอ่ยอย่างเรียบเฉย “นายก็ทำเรื่องชั่ว ๆ กับเขาไว้ไม่น้อยนี่ งั้นก็ใช้เลือดของเขาล้างความชั่วของนายสิ” “หา?” ลุงเป้าตะลึงไปชั่วครู่ ไม่เข้าใจความหมายของหลี่โม่ หลังจากขบคิดดูแล้ว ลุงเป้าถึงเพิ่งเข้าใจว่าหลี่โม่ต้องการให้ตนฆ่าคุณชายเล็กหลิน “แค่กแค่ก เฮือก เฮือก” คุณชายเล็กหลินหายใจสูดอากาศเฮือกใหญ่ ความรู้สึกที่สามารถหายใจได้นั้นช่างดีจริง ๆ ลุงเป้าก้มหน้าลงมองคุณชายเล็กหลินที่หอบหายใจขณะหลับตาแน่น แล้วกัดฟันเอ่ย “ถ้าฉันล้างความชั่วของตัวเองแล้ว นายจะปล่อยฉันไปใช่ไหม!” “แน่นอน” “ได้!” ลุงเป้ายื่นแขนออกไปอย่างกะทันหัน สองมือบีบคอของคุณชายเล็กหลิน “ขอโทษด้วยครับคุณชายสาม ที่ผมทำแบบนี้ก็เพื่อเอาชีวิตรอดเหมือนกัน ผมไม่มีทางเลือก!” นิ้วทั้งสิบของลุงเป้าราวกับตะขอ จิกทึ้งผิวหนังของคุณชายเล็กหลิน นิ้วมือของเขาทิ่มทะลุเข้าไปในคอของคุณชายเล็กหลิน ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้คุณชายเล็กหลินรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของความตาย “แกไอ้สารเลว! ไอ้คนทรยศ!” คุณชายเล็กหลินที่ปรารถนาจะมีชีวิตรอดอย่างแรงกล้าได้เอื้อมมือขวาไปที่เอว ห
รถสปอร์ตค่อย ๆ หยุดลง พี่คังกับหลงเทาลงมาจากรถ เมื่อเห็นฉากอันน่าสังเวชบนถนนและยังมีศพของคุณชายสามหลินกับลุงเป้าอยู่อีก พี่คังก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อยอีกครั้ง ส่วนหลงเทานั้นดีกว่าหน่อย ถึงอย่างไรเขาเองก็เห็นฉากคนฆ่ากันตายมามากแล้ว “คุณหลี่ คุณไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม ให้ไปส่งที่โรงพยาบาลไหมครับ?” หลงเทาเอ่ยถามอย่างกระวนกระวาย หลี่โม่ส่ายหน้า “ไม่เป็นไร คุณชายสามหลินตายแล้ว นายเองก็รีบกลับไปหลบภัยที่ถิ่นของนายเถอะ ถ้าตระกูลหลินมาหานาย เป็นตายยังไงก็ห้ามบอกว่าเกี่ยวข้องกับฉันล่ะ” หลงเทาประหวั่นพรั่นพรึง ในใจรู้สึกหวาดหวั่นอย่างรุนแรง นึกอยากจะคุกเข่าลงแล้วกอดขาของหลี่โม่เอาไว้ “คุณหลี่ ผม ผมจะหลบภัยยังไงได้ ตระกูลหลินต้องไม่ยอมวางมือแน่ ถ้าหากสาวมาถึงผมจริง ๆ ผมก็คงหลบไม่พ้นหรอกครับ” หลงเทาที่เต็มไปด้วยสีหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรมเกือบจะร้องไห้ออกมา น้ำตาเอ่อมาคลอเบ้าเรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะร้องออกมาได้ทุกเมื่อ “ที่ไม่ได้เอาชีวิจนายก็เป็นเมตตาของฉันมากแล้ว อย่ามาลองดีกับขีดความอดทนของฉัน รีบไสหัวไปซะ” หลี่โม่ไม่เสวนากับหลงเทาอีกต่อไป ด้วยการกระทำก่อนหน้านี้ของหลง
หลี่โม่เหลือบมองคังเหวินซินอย่างแปลกใจเล็กน้อย คังเหวินซินพูดอย่างหน้าหนาหน้าทน “ใช่ครับ ผมมันคนโง่คนนั้นเอง” “บูกัตติมาให้นายขับแบบนั้นมันเสียของจริง ๆ แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดา แม้แต่นักขับมืออาชีพเองก็อาจจะขับได้ไม่ดีมากนักเลย อันที่จริง การขับรถมันก็เรื่องแค่นั้นเอง หากเป็นหนึ่งเดียวกับรถได้ ถึงจะสามารถเข้าใจอะไรหลายอย่าง” หลี่โม่เข้าไปนั่งตำแหน่งคนขับ คังเหวินซินขบคิดคำพูดของหลี่โม่อย่างเหม่อลอย เป็นหนึ่งเดียวกับรถ นั่นมันขั้นสุดยอดของการขับรถเลยนี่นา มิน่าความห่างชั้นของตนกับหลี่โม่ถึงได้ใหญ่ขนาดนี้ แค่ระดับก็ต่างกันเป็นโยชน์แล้ว หากเทียบกับระดับขั้นในนิยายแนวบำเพ็ญเซียนแล้ว ระดับในการขับรถของหลี่โม่ก็เทียบเท่ากับขั้นจินตันแล้ว ส่วนตนนั้นแม้แต่ขั้นสร้างรากฐานก็ยังไม่ถึงเลย ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดินเลยจริง ๆ “จะขึ้นรถไหม? ถ้านายไม่ขึ้นฉันจะขับรถไปแล้วนะ” หลี่โม่เอ่ยตะโกนอยู่ในรถ คราวนี้คังเหวินซินได้สติกลับมา ตะลีตะลานเข้าไปนั่งที่นั่งข้างคนขับทันที หลี่โม่เหยียบคันเร่ง พร้อมกับเข้าเกียร์สองและออกตัวไปทันที รถสปอร์ตพุ่งทะยานออกไปราวกับลูกธนู ก่อนที่ความเร็วจะทะลุร้อยใ
“ถ้านายรู้ก็รีบบอกมาสิ เร็ว ๆ เข้า” คังเหวินซินเร่งเร้าอย่างร้อนใจ “ผมได้ยินมาว่าหลี่โม่เป็นไอ้ขยะชื่อดังของกรุงโซล เป็นเขยแต่งเข้าของตระกูลกู้ที่เป็นตระกูลอันดับสามของกรุงโซล แต่ว่าช่วงนี้ดูเหมือนจะว่ากันว่าหลี่โม่ได้ผงาดขึ้นมาแล้ว ก็งานเลี้ยงที่โรงกลั่นไวน์ที่พวกเราไม่ได้ไปนั่นไงครับ ลือว่าในงานเลี้ยงหลี่โม่ตบหน้าคุณชายสามหลินด้วย” “คุณชายสามหลิน?” คังเหวินซินตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะนึกย้อนไปถึงฉากที่ได้เห็นเมื่อครู่นี้ เหมือนว่าศพที่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุรถชนนั่น จะมีศพที่เหมือนกับคุณชายเล็กหลินอยู่ด้วย หลี่โม่ฆ่าคุณชายเล็กหลินอย่างนั้นเหรอ? โอ้โหแม่เจ้า! คังเหวินซินรู้สึกแผ่นหลังเย็นวาบ รู้สึกราวกับว่าตนเข้าไปมีส่วนร่วมในวังวนขนาดใหญ่เสียแล้ว เรื่องแบบนี้ขอเพียงล่วงรู้เข้าแล้ว ก็คงจะไม่ได้เจอจุดจบดี ๆ แน่ “พระเจ้าช่วย เหมือนว่าเมื่อกี้เทพแห่งรถหลี่จะฆ่าคุณชายสามหลินไปแล้ว ฉันเห็นศพที่ดูน่าจะเป็นคุณชายสามหลิน เรื่องนี้ควรจะทำยังไงดี” คังเหวินซินตื่นตระหนกจนอกสั่นขวัญหาย “พี่คัง พี่ไม่ได้มองผิดไปหรอกเหรอ ข้างกายคุณชายสามหลินมีแต่ยอดฝีมือทั้งนั้น ต่อให้อยากจะฆ่าก็ทำไม่ได
ลุงอู่ตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด จู่ ๆ คุณชายเล็กหลินก็ตาย ความคิดแรกของลุงอู่คือคงจะถูกอริลอบทำร้าย ถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ในช่วงเวลาสำคัญในการคัดเลือกผู้นำตระกูลในอนาคต การลอบทำร้ายคู่แข่งต่างถือเป็นธรรมเนียมทั่วไป “พวกเรา พวกเรามีคนตั้งเยอะแต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย คุณชายเล็กหลินไปล่วงเกินคนที่ร้ายกาจ แม้แต่ลุงเป้าเองก็ยังไม่ใช่คู่มือของมัน สุดท้ายลุงเป้าก็จ้างจอมละโมบที่เป็นรุ่นน้องของเขามาแต่ก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี” “ไอ้เวรเอ๊ย! ไปเจอใครมา ใครเป็นคนฆ่าคุณชายเล็กหลิน!” ลุงอู่ถามด้วยเสียงเฉียบขาด “ดูจากสภาพที่เกิดเหตุแล้วคุณชายเล็กหลินกับลุงเป้าคงจะฆ่ากันเองครับ ตอนที่ผมกำลังแกล้งตายเพื่อซ่อนตัวอยู่ ดูเหมือนว่าลุงเป้าจะร้องขอชีวิต หลี่โม่บอกว่าถ้าลุงเป้าฆ่าคุณชายสามแล้วจะปล่อยลุงเป้าไป ลุงเป้าก็เลยต่อสู้กับคุณชายสามและท้ายที่สุดทั้งสองคนสู้กันจนตายไปด้วยกัน” ลุงอู่ฟังจนสับสนงุนงงไปหมด เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าสถานการณ์นั้นมันเป็นอย่างไร นายน้อยผู้สง่างามแห่งตระกูลหลิน ถึงกับถูกบอดี้การ์ดข้างกายตัวเองสังหารเลยอย่างนั้นเหรอ “ถ่ายรูปที่เกิดเหตุส่งมาให้ฉัน หลังจากนั้นก็เขียนอธิบายมาเ