หลี่โม่ยิ้มเย็นแล้วโยนคุณชายเล็กหลินไปตรงหน้าลุงเป้า ก่อนเอ่ยอย่างเรียบเฉย “นายก็ทำเรื่องชั่ว ๆ กับเขาไว้ไม่น้อยนี่ งั้นก็ใช้เลือดของเขาล้างความชั่วของนายสิ” “หา?” ลุงเป้าตะลึงไปชั่วครู่ ไม่เข้าใจความหมายของหลี่โม่ หลังจากขบคิดดูแล้ว ลุงเป้าถึงเพิ่งเข้าใจว่าหลี่โม่ต้องการให้ตนฆ่าคุณชายเล็กหลิน “แค่กแค่ก เฮือก เฮือก” คุณชายเล็กหลินหายใจสูดอากาศเฮือกใหญ่ ความรู้สึกที่สามารถหายใจได้นั้นช่างดีจริง ๆ ลุงเป้าก้มหน้าลงมองคุณชายเล็กหลินที่หอบหายใจขณะหลับตาแน่น แล้วกัดฟันเอ่ย “ถ้าฉันล้างความชั่วของตัวเองแล้ว นายจะปล่อยฉันไปใช่ไหม!” “แน่นอน” “ได้!” ลุงเป้ายื่นแขนออกไปอย่างกะทันหัน สองมือบีบคอของคุณชายเล็กหลิน “ขอโทษด้วยครับคุณชายสาม ที่ผมทำแบบนี้ก็เพื่อเอาชีวิตรอดเหมือนกัน ผมไม่มีทางเลือก!” นิ้วทั้งสิบของลุงเป้าราวกับตะขอ จิกทึ้งผิวหนังของคุณชายเล็กหลิน นิ้วมือของเขาทิ่มทะลุเข้าไปในคอของคุณชายเล็กหลิน ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้คุณชายเล็กหลินรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของความตาย “แกไอ้สารเลว! ไอ้คนทรยศ!” คุณชายเล็กหลินที่ปรารถนาจะมีชีวิตรอดอย่างแรงกล้าได้เอื้อมมือขวาไปที่เอว ห
รถสปอร์ตค่อย ๆ หยุดลง พี่คังกับหลงเทาลงมาจากรถ เมื่อเห็นฉากอันน่าสังเวชบนถนนและยังมีศพของคุณชายสามหลินกับลุงเป้าอยู่อีก พี่คังก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อยอีกครั้ง ส่วนหลงเทานั้นดีกว่าหน่อย ถึงอย่างไรเขาเองก็เห็นฉากคนฆ่ากันตายมามากแล้ว “คุณหลี่ คุณไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม ให้ไปส่งที่โรงพยาบาลไหมครับ?” หลงเทาเอ่ยถามอย่างกระวนกระวาย หลี่โม่ส่ายหน้า “ไม่เป็นไร คุณชายสามหลินตายแล้ว นายเองก็รีบกลับไปหลบภัยที่ถิ่นของนายเถอะ ถ้าตระกูลหลินมาหานาย เป็นตายยังไงก็ห้ามบอกว่าเกี่ยวข้องกับฉันล่ะ” หลงเทาประหวั่นพรั่นพรึง ในใจรู้สึกหวาดหวั่นอย่างรุนแรง นึกอยากจะคุกเข่าลงแล้วกอดขาของหลี่โม่เอาไว้ “คุณหลี่ ผม ผมจะหลบภัยยังไงได้ ตระกูลหลินต้องไม่ยอมวางมือแน่ ถ้าหากสาวมาถึงผมจริง ๆ ผมก็คงหลบไม่พ้นหรอกครับ” หลงเทาที่เต็มไปด้วยสีหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรมเกือบจะร้องไห้ออกมา น้ำตาเอ่อมาคลอเบ้าเรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะร้องออกมาได้ทุกเมื่อ “ที่ไม่ได้เอาชีวิจนายก็เป็นเมตตาของฉันมากแล้ว อย่ามาลองดีกับขีดความอดทนของฉัน รีบไสหัวไปซะ” หลี่โม่ไม่เสวนากับหลงเทาอีกต่อไป ด้วยการกระทำก่อนหน้านี้ของหลง
หลี่โม่เหลือบมองคังเหวินซินอย่างแปลกใจเล็กน้อย คังเหวินซินพูดอย่างหน้าหนาหน้าทน “ใช่ครับ ผมมันคนโง่คนนั้นเอง” “บูกัตติมาให้นายขับแบบนั้นมันเสียของจริง ๆ แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดา แม้แต่นักขับมืออาชีพเองก็อาจจะขับได้ไม่ดีมากนักเลย อันที่จริง การขับรถมันก็เรื่องแค่นั้นเอง หากเป็นหนึ่งเดียวกับรถได้ ถึงจะสามารถเข้าใจอะไรหลายอย่าง” หลี่โม่เข้าไปนั่งตำแหน่งคนขับ คังเหวินซินขบคิดคำพูดของหลี่โม่อย่างเหม่อลอย เป็นหนึ่งเดียวกับรถ นั่นมันขั้นสุดยอดของการขับรถเลยนี่นา มิน่าความห่างชั้นของตนกับหลี่โม่ถึงได้ใหญ่ขนาดนี้ แค่ระดับก็ต่างกันเป็นโยชน์แล้ว หากเทียบกับระดับขั้นในนิยายแนวบำเพ็ญเซียนแล้ว ระดับในการขับรถของหลี่โม่ก็เทียบเท่ากับขั้นจินตันแล้ว ส่วนตนนั้นแม้แต่ขั้นสร้างรากฐานก็ยังไม่ถึงเลย ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดินเลยจริง ๆ “จะขึ้นรถไหม? ถ้านายไม่ขึ้นฉันจะขับรถไปแล้วนะ” หลี่โม่เอ่ยตะโกนอยู่ในรถ คราวนี้คังเหวินซินได้สติกลับมา ตะลีตะลานเข้าไปนั่งที่นั่งข้างคนขับทันที หลี่โม่เหยียบคันเร่ง พร้อมกับเข้าเกียร์สองและออกตัวไปทันที รถสปอร์ตพุ่งทะยานออกไปราวกับลูกธนู ก่อนที่ความเร็วจะทะลุร้อยใ
“ถ้านายรู้ก็รีบบอกมาสิ เร็ว ๆ เข้า” คังเหวินซินเร่งเร้าอย่างร้อนใจ “ผมได้ยินมาว่าหลี่โม่เป็นไอ้ขยะชื่อดังของกรุงโซล เป็นเขยแต่งเข้าของตระกูลกู้ที่เป็นตระกูลอันดับสามของกรุงโซล แต่ว่าช่วงนี้ดูเหมือนจะว่ากันว่าหลี่โม่ได้ผงาดขึ้นมาแล้ว ก็งานเลี้ยงที่โรงกลั่นไวน์ที่พวกเราไม่ได้ไปนั่นไงครับ ลือว่าในงานเลี้ยงหลี่โม่ตบหน้าคุณชายสามหลินด้วย” “คุณชายสามหลิน?” คังเหวินซินตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะนึกย้อนไปถึงฉากที่ได้เห็นเมื่อครู่นี้ เหมือนว่าศพที่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุรถชนนั่น จะมีศพที่เหมือนกับคุณชายเล็กหลินอยู่ด้วย หลี่โม่ฆ่าคุณชายเล็กหลินอย่างนั้นเหรอ? โอ้โหแม่เจ้า! คังเหวินซินรู้สึกแผ่นหลังเย็นวาบ รู้สึกราวกับว่าตนเข้าไปมีส่วนร่วมในวังวนขนาดใหญ่เสียแล้ว เรื่องแบบนี้ขอเพียงล่วงรู้เข้าแล้ว ก็คงจะไม่ได้เจอจุดจบดี ๆ แน่ “พระเจ้าช่วย เหมือนว่าเมื่อกี้เทพแห่งรถหลี่จะฆ่าคุณชายสามหลินไปแล้ว ฉันเห็นศพที่ดูน่าจะเป็นคุณชายสามหลิน เรื่องนี้ควรจะทำยังไงดี” คังเหวินซินตื่นตระหนกจนอกสั่นขวัญหาย “พี่คัง พี่ไม่ได้มองผิดไปหรอกเหรอ ข้างกายคุณชายสามหลินมีแต่ยอดฝีมือทั้งนั้น ต่อให้อยากจะฆ่าก็ทำไม่ได
ลุงอู่ตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด จู่ ๆ คุณชายเล็กหลินก็ตาย ความคิดแรกของลุงอู่คือคงจะถูกอริลอบทำร้าย ถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ในช่วงเวลาสำคัญในการคัดเลือกผู้นำตระกูลในอนาคต การลอบทำร้ายคู่แข่งต่างถือเป็นธรรมเนียมทั่วไป “พวกเรา พวกเรามีคนตั้งเยอะแต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย คุณชายเล็กหลินไปล่วงเกินคนที่ร้ายกาจ แม้แต่ลุงเป้าเองก็ยังไม่ใช่คู่มือของมัน สุดท้ายลุงเป้าก็จ้างจอมละโมบที่เป็นรุ่นน้องของเขามาแต่ก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี” “ไอ้เวรเอ๊ย! ไปเจอใครมา ใครเป็นคนฆ่าคุณชายเล็กหลิน!” ลุงอู่ถามด้วยเสียงเฉียบขาด “ดูจากสภาพที่เกิดเหตุแล้วคุณชายเล็กหลินกับลุงเป้าคงจะฆ่ากันเองครับ ตอนที่ผมกำลังแกล้งตายเพื่อซ่อนตัวอยู่ ดูเหมือนว่าลุงเป้าจะร้องขอชีวิต หลี่โม่บอกว่าถ้าลุงเป้าฆ่าคุณชายสามแล้วจะปล่อยลุงเป้าไป ลุงเป้าก็เลยต่อสู้กับคุณชายสามและท้ายที่สุดทั้งสองคนสู้กันจนตายไปด้วยกัน” ลุงอู่ฟังจนสับสนงุนงงไปหมด เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าสถานการณ์นั้นมันเป็นอย่างไร นายน้อยผู้สง่างามแห่งตระกูลหลิน ถึงกับถูกบอดี้การ์ดข้างกายตัวเองสังหารเลยอย่างนั้นเหรอ “ถ่ายรูปที่เกิดเหตุส่งมาให้ฉัน หลังจากนั้นก็เขียนอธิบายมาเ
หลี่โม่ตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ แล้วยุ่งอยู่กับการทำอาหารเช้าในห้องครัว หวังฟางดึงเฉินเสี่ยวถงมานั่งที่โซฟา ถามไถ่เรื่องราวที่เธอกับหวังจงฉวนพบเจอเมื่อวาน เฉินเสี่ยวถงรู้สึกเก้ ๆ กัง ๆ เล็กน้อยไม่รู้ว่าจะควรจะพูดอย่างไร จึงส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปทางก็หยุนหลาน “แม่คะ อย่าพูดถึงเรื่องที่จบไปแล้วเลย เดิมทีพี่เขาก็ไม่เหมาะกับเสี่ยวถงอยู่แล้ว แม่เองก็หยุดจับคู่พวกเขาได้แล้วนะคะ” กู้หยุนหลานเอ่ยอย่างค่อนข้างระอา “แม่ทำผิดยังไงกัน ช่วงนี้สถานการณ์ลูกพี่ลูกน้องของลูกก็กำลังดีเลย ได้ยินว่าอีกไม่กี่วันจะไปออกทีวีด้วยนะ” หวังฟางรู้สึกว่าหลายชายของตนก็ไม่เลวเลยจริง ๆ อย่างน้อยก็ดีกว่าลูกเขยไร้ประโยชน์ตรงหน้าคนนี้เป็นไหน ๆ “เสี่ยวถงเอ๋ย หนูต้องฟังน้านะ จงฉวนน่ะหนูต้องพิจารณาเด็กคนนี้ให้ดี คนหนุ่มสาวไปมาหาสู่กันให้มาก ๆ เดี๋ยวก็ปิ๊งกันเองนั่นแหละจ้ะ” เฉินเสี่ยวถงยิ้มอย่างอึดอัดใจแล้วเอ่ยว่า “อื้ม ๆ ค่ะคุณน้า งั้นฉันจะพยายาม ฉันจะไปดูว่าพี่หลี่โม่มีอะไรให้ช่วยมั้ย คุณน้าคุยกับพี่หยุนหลานก่อนเถอะค่ะ” เมื่อหาข้ออ้างให้หนีไปได้แล้ว เฉินเสี่ยวถงก็รีบพุ่งเข้าไปในห้องครัว หลี่โม่ที่กำลัง
“อ๋อ เมื่อกี้นี้พวกเธอคุยอะไรกันอยู่เหรอ?” กู้หยุนหลานแสร้งถามอย่างไม่คิดอะไร ถึงอย่างไรเฉินเสี่ยวถงก็เป็นสาวงามคนหนึ่งเหมือนกัน พร้อมกับที่กู้หยุนหลานก็พอจะรู้สึกได้ว่าเฉินเสี่ยวถงเหมือนจะคิดไม่ซื่อกับหลี่โม่อยู่บ้าง ดังนั้นเธอจึงค่อนข้างระแวดระวังในตอนที่เฉินเสี่ยวถงอยู่กับหลี่โม่ตามลำพัง “ก็ไม่ได้คุยอะไรกันนะคะ ฉันพูดอะไรพี่หลี่โม่ก็ชอบเมินอยู่เรื่อย ทำฉันโมโหแทบตายเลยจริง ๆ” เฉินเสี่ยวถงพูดอย่างโมโห ซึ่งในใจก็โกรธอยู่จริง ๆ เช่นกัน “หลี่โม่ก็เป็นแบบนั้นแหละ เขามีอีคิวต่ำไปสักหน่อย อย่าไปคิดหยุมหยิมกับเขาเลย เธอนั่งกินไปก่อนเถอะ ฉันจะเข้าไปดูหน่อย” กู้หยุนหลานกดเฉินเสี่ยวถงให้นั่งลง จากนั้นจึงเดินเข้าไปในห้องครัว หลี่โม่เห็นกู้หยุนหลานเดินเข้ามา ก็พลันโบกมือให้กู้หยุนหลานด้วยรอยยิ้มกว้าง แล้วคีบแฮมที่เพิ่งทอดเสร็จขึ้นมาหนึ่งชิ้นพลางเอ่ย “ที่รัก มาชิมสิ เพิ่งทอดเสร็จใหม่ ๆ รสชาติดีไม่เลวเลยนะ” “ทำไมฉันถึงเห็นเหมือนว่าคุณกำลังร้อนตัวอยู่หน่อย ๆ เลยล่ะ เมื่อกี้นี้คงไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีมาใช่ไหม” กู้หยุนหลานเอ่ยด้วยสีหน้าขึงตึง “ไม่ยุติธรรมเลยนะที่รัก ผมจะไปทำเรื่องไม่ดีได้ย
เฉินเสี่ยวถงไม่อยากถูกเขี่ยทิ้ง ถ้าหากถูกส่งไปที่โรงพยาบาลแล้ว หลี่โม่กับกู้หนุนหลานไม่แยแสตน อย่างนั้นก็นับว่าความพยายามที่ผ่านมาสูญเปล่าทั้งหมด หลี่โม่ยกนมวัวกับแซนด์วิชจานหนึ่งเดินออกมาจากห้องครัว เขานั่งลงข้าง ๆ กู้หยุนหลานแล้วเอ่ยขึ้น “ช่วงบ่ายผมอาจจะมีธุระนิดหน่อย ถึงเวลาแล้วคงต้องออกไปหน่อยนะ” “ธุระอะไรเหรอ?” กู้หยุนหลานถามอย่างสงสัย “เหล่าชู คือว่าเหล่าชูเขาเกิดเรื่องนิดหน่อยน่ะ ผมจะไปช่วยเขาดู ถึงยังไงเมื่อก่อนเขาเองก็ช่วยผมไว้ไม่น้อย” หลี่โม่พูดอย่างคลุมเครือ เรื่องที่จะไปงานแข่งขันมวยใต้ดินนานาชาตินั้น เขาไม่มีทางให้กู้หยุนหลานรู้เด็ดขาด ดังนั้นหลี่โม่จึงคิดหาข้ออ้างที่ดูน่าเชื่อถือขึ้นมา เฉินเสี่ยวถงเอียงหัวมองหลี่โม่ รู้สึกว่านี่อาจจะเป็นโอกาสก็ได้ ดูเหมือนว่าตอนบ่ายคงต้องแอบตามหลี่โม่ออกไป หลังจากนั้นก็จะมีเวลามากมายให้อยู่กับหลี่โม่ตามลำพัง ถึงตอนนั้นดูซิว่าหลี่โม่จะยังแสร้งทำเป็นพวกตายด้านอย่างไรได้อีก 'เฮอะ!' 'ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะมีผู้ชายที่ฉันยั่วยวนมาไม่ได้!' เฉินเสี่ยวถงกำมือขวาแน่น ในใจแอบให้กำลังใจตัวเองอย่างลับ ๆ กู้หยุนหลานไม่ได้สืบถามอะไรต่อ