“ใครมันมาเอะอะโวยวายวะ กล้าทำให้พวกเราเสียใจที่เกิดมาบนโลกนี้งั้นเหรอ? ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยเสียใจโว้ย! ใครกล้ามาทำให้ฉันนึกเสียใจ ฉันจะทำให้มันนึกเสียใจที่พูดออกมาก่อนเอง” “หัวจื่อ มีคนอยากจะทำตัวเป็นฮีโร่ช่วยสาวงามว่ะ พวกเรามาทำให้มันรู้ซึ้งสักหน่อย ว่าการช่วยสาวงามน่ะเป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตรายสุด ๆ ไปเลย” พวกหัวจื่อนวดข้อมือ ใบหน้าเผยรอยยิ้มเหยียดหยามดูแคลนแล้วหมุนตัวมองไปทางหลี่โม่ที่อยู่ตรงประตูพร้อมกัน หลี่โม่กระดิกนิ้วเรียกพวกหัวจื่อแล้วเอ่ยอย่างดูถูก “เข้ามาพร้อมกันเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลา” “คิดว่าตัวเองเก่งนักรึไงวะ ถึงได้ให้พวกข้าเข้าไปพร้อมกัน แค่ข้าคนเดียวก็สามารถอัดแกให้ร้องหาพ่อได้แล้ว เอาหมัดฉันไปกินซะ ไอ้เด็กเวร!” หัวจื่อตะโกนดังลั่นพร้อมเหวี่ยงกำปั้นอันใหญ่อันโตนั้นใส่หลี่โม่ หัวจื่อที่เคยคว้าแชมป์คิกบ็อกซิ่งระดับจังหวัดมาได้มีความมั่นใจในหมัดของตนอย่างเต็มเปี่ยม อย่าว่าแต่คนธรรมดาเลย แม้แต่คนที่ฝึกฝนมาแล้วก็ยังไม่สามารถรับมือกับหมัดของหัวจื่อได้เลย หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้ติดตามพี่เทาแล้วอยู่สุขสบาย หัวจื่อก็คงคิดอยากเป็นคนดังบนอินเทอร์เน็ตแล้วไปท้าประลอ
“ไม่ใช่ภาพหลอนแน่นอนอยู่แล้ว พี่หลี่โม่สุดยอดขนาดนี้แหละ เป็นความสุดยอดที่คุณไม่สามารถจินตนาการได้เลย” เฉินเสี่ยวถงราวกับเป็นแฟนคลับของหลี่โม่อย่างไรอย่างนั้น หัวจื่อมองพวกเพื่อน ๆ ที่นอนอยู่บนพื้นอย่างตะลึงงัน รู้สึกว่าหัวใจร่วงลงไปอยู่ตาตุ่ม เลือดทั่วร่างค่อย ๆ เย็นเฉียบลง ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งนาทีเลยด้วยซ้ำ ชายฉกรรจ์ที่ปกติแล้วต่อสู้กับคนสามถึงห้าคนได้สบายด้วยตัวคนเดียวกลับถูกหลี่โม่จัดการจนสลบเหมือดกับพื้น นี่มันเกินขอบเขตจินตนาการของหัวจื่อไปแล้ว “พี่ชาย เมื่อกี้พวกเราคงจะเข้าผิดห้องหาผิดคนน่ะ เราจะไปเดี๋ยวนี้ ช่วยปล่อย ๆ ไปได้ไหมครับ?” หัวจื่อยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนแต่ก็ยังรักษามารยาท “นายบอกว่าหาผิดแล้วมันจะจบงั้นเหรอ? งั้นฉันจะบอกให้ว่าคนที่ฉันหาก็คือแกแล้วกัน แกทำร้ายพี่ชายเมียฉันแล้วคิดจะหนีเหรอ เป็นคนอย่าไร้ความรับผิดชอบนักสิ” หลี่โม่ควงกำปั้นไปมา ไม่มีความคิดที่จะปล่อยหัวจื่อไปแม้แต่น้อย หัวจื่อสงสัยว่าตนได้ไปทำบาปทำกรรมอะไรไว้ถึงได้ต้องมาเจอกับหลี่โม่ “พี่ชาย คุณไม่ไว้หน้ากันเอาซะเลย เจ้านายของผมคือหลงเทาแห่งหลินเจียงนะ ถ้าฉลาดสักหน่อยก็ปล่อยผมไปสักครั้ง พว
โซซัดโซเซกลับมาถึงห้องส่วนตัว เมื่อหลงเทาเห็นมุมปากและใบหน้าเปื้อนเลือดที่บวมเหมือนหัวหมูของหัวจื่อ สีหน้าของเขาก็บึ้งตึงขึ้นมาทันที “หัวจื่อ แกทำบ้าอะไรของแก ฉันบอกให้ไปพาผู้หญิงสองคนนั้นกลับมา แล้วทำไมแกถึงทำตัวเองกลายเป็นหัวหมูแบบนี้ได้ พี่น้องคนอื่น ๆ ล่ะ?” หลงเทาถามอย่างค่อนข้างหัวเสีย “พี่เทา เราถูกคนทำร้าย พี่น้องคนอื่น ๆ ต่างก็ถูกซัดจนสลบกันหมด เหลือผมคนเดียวที่พอจะต้านทานได้” หัวจื่อน้ำตาไหลพรากด้วยความคับข้องใจ ตั้งแต่เด็กจนโตเขาไม่เคยรู้สึกไม่เป็นธรรมขนาดนี้มาก่อนเลย หลงเทาเลิกคิ้วและพูดด้วยความประหลาดใจ “พวกแกมีกันตั้งหลายคนแต่ทำอะไรไม่ได้เลยงั้นเหรอ? หรือว่าไปเจอเจ้าถิ่นของเมืองหลงเฉิงมาหรือไง? พวกแกจะทำอะไรรอบคอบหน่อยได้ไหม เรื่องเล็ก ๆ ก็ยังทำให้ดีไม่ได้!” “ไม่ใช่ว่าพวกเราสะเพร่านะครับ อีกฝ่ายมีแค่คนเดียว แค่คนเดียว แต่ในชั่วพริบตามันก็คว่ำพี่น้องคนอื่นได้หมด ผมยังแตะต้องมันไม่ได้เลยแม้แต่ปลายนิ้วก็ถูกซัดจนมีสภาพแบบนี้แล้ว! พี่เทา พี่ต้องล้างแค้นให้พวกพี่น้องด้วยนะครับ!” หัวจื่อร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางพูด รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างยิ่ง หลงเทาชะงักไปเล็ก
มือปืนทั้งสองคนยกปืนขึ้นและเล็งปืนไปที่หลี่โม่ทำมุม 45 องศา ทั้งกู้หยุนหลานและเฉินเสี่ยวถงต่างก็ประสบพบเจออะไรมามากจึงไม่ได้รู้สึกอะไรที่เห็นพวกหลงเทาถือปืน แต่หวังจงฉวนนั้นตกใจมากจนรีบหดตัวเข้าไปในมุมโซฟาทันที “ปืน พวกเขามีปืน!” หวังจงซวนพูดด้วยเสียงเบาด้วยใบหน้าซีดเผือด “พี่คะ ไม่ต้องกังวล แค่ปืนเองนะ” กู้หยุนหลานเอ่ยปลอบขวัญหวังจงฉวน “ปืนนะ! เธอไม่กลัวเหรอ?” “กลัวอะไรกัน ไม่ได้ถูกเอาปืนจ่อครั้งแรกเสียหน่อย แต่ตราบใดที่หลี่โม่ยังอยู่ด้วย ก็ไม่เคยเกิดอะไรขึ้นเลยสักครั้ง” กู้หยุนหลานพูดตามความเป็นจริง สมองของหวังจงฉวนราวกับหยุดทำงานไปทันที คิดไม่ถึงว่ากู้หยุนหลานกับหลี่โม่จะมีประสบการณ์โชกโชนจนเห็นปืนพกราวกับเป็นเรื่องธรรมดา หลี่โม่มองหลงเทาพลางแย้มยิ้ม เขาเอื้อมมือไปคว้าเมล็ดแตงกำหนึ่งไว้ในมือ "นายถือปืนแล้วคิดว่าจะขู่ฉันได้งั้นเหรอ? อ่อนต่อโลกไปหน่อยมั้ง" “หึหึ อ่อนต่อโลกงั้นเหรอ? ปืนของฉันมันเอาไว้ฆ่าคน ไม่ใช่ปืนของเล่นนะโว้ย” หลงเทาโบกปืนไปมาเล็กน้อย ก่อนจะเล็งปืนไปที่กลางหน้าผากของหลี่โม่ "อยากลองไหมล่ะ? ดูซิว่าหลังจากที่ฉันเหนี่ยวไกแล้ว หน้าผากของแกจะเป็นรูหรื
“อ๊าก! มือฉัน! มือหักแล้ว!” หลงเทาส่งเสียงร้องลั่นอย่างน่าเวทนา ปืนในมือร่วงลงที่พื้น ในตอนนั้นเองเขาก็เชื่อคำพูดของหัวจื่อแล้ว ทว่าในตอนที่เชื่อมันก็สายไปเสียแล้ว มือปืนทั้งสองอดกลั้นความเจ็บปวดแล้วส่งปืนไปที่มือซ้าย แต่พวกเขาก็ฉลาดมากไม่ได้ยกปืนขึ้นมาอีกครั้ง การที่หลี่โม่ใช้เมล็ดแตงเจาะข้อมือของพวกเขาก็เป็นการบอกแล้วว่าระยะห่างระหว่างพวกเขานั้นไม่มีทางจะเทียบกันได้ ต่อให้มีปืนอย่างในมือก็ยังไม่ใช่คู่มือของหลี่โม่แม้แต่น้อย ปืนจริงกลับกลายเป็นสิ่งที่ไม่ต่างจากของเล่นเลย “พี่เทา พี่ พี่เชื่อแล้วใช่ไหม ไม่ใช่ว่าผมไม่ได้เรื่อง แต่อีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไปจริง ๆ” หัวจื่อพูดขณะนอนกุมท้องอยู่ที่พื้น หลงเทาหน้าดำคร่ำเครียด แทบอยากจะเตะหัวจื่อให้ตายคาที่เสียเลย อยู่ดีไม่ว่าดีจะมาพูดอะไรตอนนี้วะ! “พี่ชาย ผมผิดไปแล้ว ผมยอมรับความผิด คุณพูดมาได้เลยว่าต้องการยังไง คุณบอกยังไงผมก็จะทำอย่างนั้น” หลงเทาเต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้เต็มที่ ขอแค่สามารถรักษาชีวิตไว้ได้ก็พอแล้ว “พวกนายไม่ใช่คนกรุงโซล แล้วมาทำอะไรที่กรุงโซลกันล่ะ” หลี่โม่ถามพลางแทะเมล็ดแตง “พวกเรา คือว่า เพราะว่าคุณชายสามหล
หลี่โม่พูดอย่างสมเหตุสมผล“งั้นคุณ ต้องระวังตัวหน่อยนะคะ”“ต้องระวังตัวอยู่แล้ว ผมไปส่งพวกคุณกลับบ้านก่อน คืนนี้คาดว่าคงต้องยุ่งทั้งคืน”“ฉันกังวลว่าคุณไปคนเดียวจะไม่ปลอดภัย ไม่งั้นคุณหาคนอื่นไปช่วยดีไหม?”อย่างไรกู้หยุนหลานก็รู้สึกเป็นห่วง คิดว่าให้หลี่โม่ไปหาชูจงเทียนให้ช่วยจะดีที่สุด“เหอะ ๆ จะต้องยุ่งยากขนาดนั้นไปทำไม ถึงเวลานั้นผมจัดการได้ ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน”หลี่โม่กำลังพูดอยู่มือถือก็สั่น เขาหยิบออกมาดูเห็นว่าท่านปาโทรมาก็ขมวดคิ้วหลายวันมานี้ราชินีมังกรมาถึงกรุงโซลแล้วแต่กลับไม่มีข่าวคราวอะไร หลี่โม่ครุ่นคิดว่าทางท่านปาจะได้ข่าวอะไรมาใหม่หรือเปล่า“ฮัลโหล เสี่ยวปา”“นายน้อย ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนครับ? ผมมีข่าวอยากจะรายงานคุณสักหน่อย”ท่านปาพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ในใจกลับคิดว่าถึงวันที่ต้องให้ยาแล้ว ถ้าตัวเขาไม่เริ่มกระตือรือร้นหลี่โม่ก็จะลืมเรื่องนี้ไปหรือเปล่าโอสถคร่าวิญญาณจำเป็นต้องกินยาแก้พิษเป็นระยะ ๆ หากหยุดยาก็จะตาย!“มีเรื่องอะไรก็คุยผ่านโทรศัพท์ได้เลย” หลี่โม่บอกไปอย่างนั้นใจของท่านปาแทบจะสลายไปเลย“แค่ก ๆ นายน้อย เรื่องสำคัญครับ ผมควรจะต้องกินยาแล้ว ยา
ค่ำคืนที่ความมืดมิดปกคลุมโลก พระจันทร์และดวงดาวล้วนหลบซ่อนอยู่หลังก้อนเมฆยิ่งทำให้ท้องฟ้ามืดมิดมากขึ้นไปอีกคุณชายเล็กหลินนอนอยู่บนเก้าอี้เอนนอน มองไปที่ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด รู้สึกว่าอารมณ์ของตนเองในเวลานี้เหมือนกับท้องฟ้าที่มืดมิดนั้นเลยลุงเป้านอนอยู่บนเตียงไม่ไกลจากคุณชายเล็กหลินนัก ร้องคร่ำครวญบ้างเป็นครั้งคราว หงุดหงิดที่เขาโชคไม่ค่อยดี คิดไม่ถึงว่าจะต้องมาเจอคู่ต่อสู้โรคจิตอย่างหลี่โม่คุณชายเล็กหลินหยิบมือถือขึ้นมาดูและเห็นว่ามีข้อความเข้ามาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย“หลงเทาจะมาพบฉัน เวลานี้ฉันจะไปพบใครได้ยังไง สภาพลำบากย่ำแย่ขนาดนี้ มันไม่เหมาะที่จะพบเจอใครทั้งนั้น”ลุงเป้าเอียงหัวมองคุณชายเล็กหลิน แล้วเอ่ยกระซิบ “คุณชายเล็กครับ คุณจะไม่พบจริง ๆ เหรอ? ผมคิดว่าถ้าจะไม่เจอมันก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่งานเลี้ยงมีคนเห็นมากมายขนาดนั้น ก็คงจะหลบซ่อนไม่ได้แน่นอน”“งั้นลุงหมายความว่ายังไง? ตอนนี้อับอายขายหน้าขนาดนั้นจะไปพบใครได้ยังไง ผมว่าไม่พบใครเลยดีกว่า”คุณชายเล็กหลินเอามือทั้งสองปิดหน้า รู้สึกว่าตนเองเสียหน้าไปมากแล้ว“เรายังต้องมีอำนาจให้พอ ยังไงเราก็จะ
หลงเทาไม่กล้าพูดอะไรอีก เขาเก็บมือถือไปเงียบ ๆ แล้วหลับตาทำสมาธิตามหลี่โม่ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เวลาตีหนึ่งมือถือของหลงเทาก็ดังขึ้นหลงเทาสะลึมสะลือหยิบมือถือออกมาดูที่หน้าจอ แล้วก็ตื่นทันที“พี่ พี่ใหญ่ ลูกน้องคุณชายเล็กหลินโทรมาครับ”“รับสิ” หลี่โม่พูดเสียงเย็นชาหลงเทารับสายตัวสั่น บอกไม่ถูกว่าเพราะตื่นเต้นหรือกังวล หรือว่ากลัวกันแน่“ฮัลโหล ผมหลงเทาครับ”“รู้แล้วว่าเป็นนาย นายยังโชคดีนะ คืนนี้คุณชายเล็กหลินใจดี ตัดสินจะพบกับนาย รอก่อนเดี๋ยวฉันส่งตำแหน่งไปให้ รีบมาให้ถึงภายในยี่สิบนาทีล่ะ ถ้ามาถึงไม่ทันภายในยี่สิบนาที งั้นนายก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะได้พบกับคุณชายสาม”“เห้ย ๆ ได้ ผมจะเหยียบมิดไมล์ไปที่นั่นเลย”หลงเทายังไม่ทันจะพูดจบอีกฝ่ายก็วางสายไปแล้ว จากนั้นก็ส่งตำแหน่งมาหลังจากกดดูสถานที่ สีหน้าของหลงเทาก็เปลี่ยนเป็นแย่มาก “พี่ พี่ใหญ่ พวกเขาอยู่ค่อนข้างไกล ผมเกรงว่ายี่สิบนาทีจะยังขับรถไปไม่ถึง”หลี่โม่หยิบมือถือขึ้นมาดู ตำแหน่งที่แสดงบนจอมือถืออยู่ห่างออกไปเกือบ 70 กิโลเมตร หากเขาต้องการไปถึงภายในยี่สิบนาที เขารักษาความเร็วไว้ให้มากกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตลอดการเ