พอเห็นรถเมอร์เซเดสเบนซ์ที่แซงตัวเองไปแล้วจู่ ๆ ก็เบียดเข้ามา คนรวยรุ่นสองก็ตื่นตระหนกรีบหมุนพวงมาลัยหลบทันทีแต่เขาหักพวงมาลัยเร็วเกินไป รถเฟอร์รารีสูญเสียการควบคุมไปในทันทีและกระแทกเข้าข้างถนนในแนวทแยงโครม!รถเฟอร์รารีพุ่งชนขอบถนนทำให้หน้ารถบุบเป็นขนาดใหญ่ถุงลมนิรภัยทำงาน แรงกระแทกของถุงลมนิรภัยเกือบจะทำให้คนรวยรุ่นสองหมดสติไปคนรวยรุ่นสองเอนตัวลงบนเบาะอย่างปวกเปียก รู้สึกว่าเป้ากางเกงของเขาเย็นเล็กน้อย ในความตื่นตระหนกที่มากเกินไปเมื่อกี้ ไม่ต้องสงสัยเลย เขาฉี่ราดนั่นเอง“แม่งเอ๊ย! กล้ามาเบียดฉัน ฉันจะฆ่าแก!”คนรวยรุ่นสองตะโกนอย่างอ่อนแรง หาอินเตอร์คอมสื่อสารที่อยู่ในรถแล้วเริ่มขอความช่วยเหลือ“พี่คัง! ฉันเอ้อร์เล่อนะ เมื่อกี้ฉันถูกรถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเบียดออกมา ตอนนี้รถเฟอร์รารีของฉันชนขอบถนน ถูกทิ้งไว้ พวกพี่ต้องล้างแค้นให้ผมนะ”อินเตอร์คอมสื่อสารปลายทางเงียบไปสักพัก ตามด้วยเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งคนรวยรุ่นสองคนอื่น ๆ ที่ขับรถมาด้วยกันต่างหัวเราะออกมาอย่างดังกับคำพูดของเอ้อร์เล่อ“เอ้อร์เล่อ นายเปลี่ยนชื่อเป็นเอ้อร์ตั้น (ไอ้โง่) แล้วล่ะ ในคลับรถสปอร์ตของเราจะมีขยะแบบ
พี่คังขับรถบูกัตติเวย์รอน สีหน้าดูหนักอึ้ง “ดูให้ชัดเจนว่ามันคือเบนซ์รุ่นไหน”“น่าจะเป็นเบนซ์รุ่น G65 ครับ!”หลี่เทียนซินบอกรุ่นรถเบนซ์ออฟโรดไปปากสั่นเทา“นายไม่ได้ดูผิดใช่ไหม? G65 มันขับได้เร็วสุดแค่ 220 เท่านั้นเอง! เขาทำให้มาตรวัดระเบิดได้เลยนะนั่น?”“เขาเคยเอาไปแต่งมาแล้วหรือเปล่า ความเร็วของเขายังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เลย ความเร็วฉัน 240 นี่เขาจะแซงฉันแล้วนะ!”หลี่เทียนซินพูดแล้วหมุนพวงมาลัยช้า ๆ หลีกทางถนนให้ คนที่สามารถขับจนความเร็วทะลุมาตรวัดได้นั้น ถ้าไม่ใช่คนบ้าก็ปีศาจแล้ว หลี่เทียนซินไม่อยากเป็นเหมือนเอ้อร์เล่อฟิ้ว!รถเมอร์เซเดสเบนซ์ออฟโรดแซงหน้าแลมโบกินีไปราวกับลูกธนูแหลม ความกดอากาศที่รุนแรงทำให้แลมโบกินีลอยไปด้านข้างราวกับกลายเป็นใบไม้ที่ลอยอยู่ในสายลม“เขาแซงฉันไปแล้ว! ความเร็วมากกว่า 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแน่นอน ผมสงสัยว่าความเร็วของเขาจะมากกว่า 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนะ!” หลี่เทียนซินตะโกนอย่างหวาดกลัวความเร็ว 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับหลี่เทียนซินแล้วไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ต้องพูดถึงความเร็วของรถฟอร์มูลาวันที่เขาไปดู แค่รถบูกัตติเวย์รอนของพี่คัง ก็สามารถวิ่งได้
หลงเทาที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับหน้าซีด มือของเขาจับเข็มขัดนิรภัยไว้แน่น หลี่โม่ขับรถอย่างดุเดือดไปตลอดทาง ทำให้หลงเทาก็ตกใจมากจนแทบจะอาเจียนออกมา“พี่ใหญ่ มันเร็วเกินไปแล้ว! ยี่สิบนาทีเพียงพอแล้วครับ ไม่ต้องขับเร็วไปกว่านี้แล้ว! รถผมมันหนักมาก ถ้ามีอะไรอยู่ข้างหน้า คงเบรกไม่ทันแน่นอน”หลงเทาพูดด้วยน้ำเสียงเครือ เขาไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าตัวเองจะมีวันที่เกือบจะร้องไห้เพราะแค่นั่งรถหลี่โม่พูดเรียบ ๆ “ไม่มีอะไรหรอก แค่แข่งรถ รถบูกัตติเวย์รอนข้างหน้ากำลังยั่วยุฉันอยู่ ยังไงก็ต้องทำให้เขาได้เห็นบ้าง”“พี่ใหญ่ นั่นมันรถบูกัตติเวย์รอนนะ! เครื่องยนต์ 8.0T ความเร็วสูงสุดเกิน 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง! รถเมอร์เซเดสเบนซ์ของผมเครื่องยนต์ 4.0T แล้วน้ำหนักก็มากกว่ารถบูกัตติเวย์รอนตั้งหลายเท่า พวกแรงต้านลมอะไรพวกนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย”หลงเทาก็เป็นผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์เช่นกัน นับว่าเขามีความเข้าใจชัดเจนเกี่ยวกับพวกเทคนิคของรถบูกัตติเวย์รอนถ้าไม่คำนึงถึงน้ำหนักของรถตัวเอง ความต้านลมอะไรพวกนั้น กำลังเครื่องยนต์ที่แท้จริงของรถบูกัตติเวย์รอนนั้นมากกว่ารถเมอร์เซเดสเบนซ์ G65 ถึงสองเท่าเมื่อคำนึงถึง
พี่คังรู้สึกว่าเมอร์เซเดสเบนซ์คันนี้ต้องดัดแปลงมาแล้วแน่นอน เพื่อเอามาใช้วิธีแกล้งเป็นหมูกินเสือ ไม่อย่างนั้นจะวิ่งด้วยความเร็วสูงขนาดนี้ไม่ได้!แต่ถึงจะเป็นรถเมอร์เซเดสเบนซ์ที่ได้รับการดัดแปลงมาแล้ว ก็ไม่น่าจะเร็วกว่ารถบูกัตติเวย์รอน มันไม่ใช่รถฟอร์มูลาวันด้วย จะขับด้วยความเร็ว 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้อย่างไร!พี่คังกัดฟันเหยียบคันเร่ง ความเร็วของรถบูกัตติเวย์รอนก็เพิ่มขึ้นอีก360… 370… 380 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามร้อยแปดสิบไมล์!ตัวมาตรวัดความเร็วชี้ไปถึงที่สุดแล้ว ครั้งแรกเลยที่พี่คังขับรถบูกัตติเวย์รอนด้วยความเร็วสูงสุดแม้ว่าชาวต่างชาติบางคนจะขับรถบูกัตติเวย์รอนด้วยความเร็วเกิน 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแต่พี่คังก็รู้สึกว่าตัวเองทำไม่ได้ไม่ว่าจะคำนึงถึงทักษะการขับรถ ความสามารถในการตอบสนองอะไรใด ๆ แล้ว พี่คังรู้สึกว่าการขับรถไป 380 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้นคือขีดจำกัดของเขาแล้ว นับว่าได้ใช้ความแข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาแล้ว!"ฮู่ว!"พี่คังหายใจออกยาว ๆ มือของเขาที่กำพวงมาลัยอยู่มีเส้นเลือดดำปูดออกมา ดวงตาจับจ้องไปที่ด้านหน้า เกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นกะทันหันบนถนนตรงหน้าค
เพื่อที่จะผ่านโค้งได้อย่างราบรื่น พี่คังจึงเริ่มชะลอความเร็ว พอความเร็วลดลงเล็กน้อย รถเมอร์เซเดสเบนซ์ออฟโรดก็ส่งเสียงคำรามแซงรถบูกัตติเวย์รอนไปรอยยิ้มน่ากลัวปรากฏขึ้นที่มุมปากของพี่คัง “ไปตายซะ ไอ้เวร กล้าขับไปด้วยความเร็วสูงขนาดนี้ ถ้าไม่ตายก็แปลกแล้ว!”“พี่คัง พี่พูดอะไร? เกิดอะไรขึ้น?”ยังคงมีคนถามต่อจากอินเตอร์คอม“ฉันอยู่ห่างจากทางโค้งเสือกระโจนไม่ถึง 700 เมตร ก็เลยชะลอความเร็วลงเพื่อเตรียมโค้ง แต่ไอ้คนขับเมอร์เซเดสเบนซ์นั่นกลับขับต่อไปที่ความเร็ว 360-370 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าอีกเดี๋ยวฉันจะได้เห็นรถพลิกคว่ำว่ะ” พี่คังพูดอย่างร่าเริงอินเตอร์คอมเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็มีเสียงเย็นชาดังขึ้นมา“หึ! หมอนั่นเมาแล้วขับแน่นอน ไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่เขาจะขับรถแบบนั้น”“ทุกคนเร่งความเร็วเถอะ รีบเข้าไปดูไอ้หมอนั่น ไปฉี่ช่วยมันดับไฟกันเถอะ”“พูดถูกเลย ถ้ารถพลิกคว่ำถังน้ำมันจะรั่วแน่นอน ระเบิดแน่ เราไปฉี่ดับไฟกันเถอะ!”พวกคนรวยรีบเร่งตามไปข้างหน้าด้วยความเร็วเต็มที่ พี่คังชะลอความเร็วลงเหลือ 200 ซึ่งพอที่จะมองเห็นไฟท้ายของรถเมอร์เซเดสเบนซ์พอดีเห็นรถเมอร์เซเดสเบนซ์เข้าโค้งด้วย
“หยุดพูดไร้สาระ รีบเข้าไปช่วยพี่คังเถอะ ดูว่าจะปลุกเขาได้ไหม ถ้าปลุกไม่ได้ให้ส่งเขาไปโรงพยาบาลทันที ถ้ามีเลือดออกภายในหรือเลือดออกในสมอง พวกเราก็จะเดือดร้อนไปด้วย”พวกคนรวยจับตัวเขา เปลือกตาของพี่คังขยับ แล้วเขาก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นสายตาที่สับสนมองไปรอบ ๆ ด้วย จู่ ๆ พี่คังก็นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ได้ “ฉัน ฉันไม่เป็นไรใช่ไหม ขาของฉันยังอยู่ใช่ไหม!”“แขนขาพี่อยู่ครบ ดูท่าทางสภาพของพี่คังยังอยู่ดีนะ ความปลอดภัยของรถบูกัตติสุดยอดมาก”“งั้นฉันก็สบายใจ พยุงฉันขึ้นรถที พวกเราต้องตามหาเมอร์เซเดสเบนซ์คันนั้นให้เจอ ต้องตามหาคนที่ขับรถคันนั้นให้ได้!” พี่คังพูดอย่างไม่ยอมแพ้พวกคนรวยสบตาสื่อสารกัน ต่างรู้สึกว่าควรหารถเมอร์เซเดสเบนซ์คันนั้น พวกเขาไม่สามารถแพ้ให้ใครก็ไม่รู้ไม่ได้“พี่คัง ขึ้นรถฉันเถอะ ถ้าตรงไหนไม่สบายให้รีบบอกฉันเลยนะ เรื่องตามหารถเมอร์เซเดสเบนซ์นั่น เรามีกันอยู่ตั้งหลายคนขนาดนี้ เขาหนีไม่พ้นแน่นอน”คนหนึ่งพยุงพี่คังขึ้นรถตัวเอง จากนั้นรถสปอร์ตทุกคันก็สตาร์ทรถ ไล่ตามไปในทิศทางของรถเมอร์เซเดสเบนซ์......รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดนิ่งอยู่หน้าคฤหาสน์ สีหน้าของหลงเทาซีดเผือด
ชายกำยำที่เปิดประตูโบกมือส่งสัญญาณให้หลงเทากับหลี่โม่รีบเข้าไปในบ้าน เพราะว่าเมื่อกี้หลงเทาอาเจียนชายกำยำจึงไม่ได้มองหลี่โม่อย่างละเอียดเพราะว่าจอมละโมบมาพร้อมกับคนของเขา ชายกำยำก็มีความกล้าหาญเพียงพอ เขารู้สึกว่าหลงเทาคงจะทำอะไรไม่ได้หรอก ดังนั้นเขาจึงละเว้นขั้นตอนการค้นร่างกายไปหลงเทาเหลือบมองหลี่โม่อย่างกังวล จากนั้นกัดฟันแล้วเดินเข้าไปในเวลานี้ เขาสามารถเลือกได้เพียงด้านเดียวในการวางเดิมพัน เพียงแต่ชิปของหลงเทาได้ถูกวางไว้ที่ฝั่งของหลี่โม่แล้วคุณชายเล็กหลินนั่งอยู่บนเก้าอี้โยก ถือแก้วไวน์แดงและมองจอมละโมบที่อยู่ข้าง ๆ เขาจอมละโมบสวมชุดกระดุมสองแถวสีแดง ใบหน้าดูสง่างาม เขาดูไม่เหมือนนักศิลปะการต่อสู้ที่ดุร้ายเลย บอกว่าเขาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเกรงว่าจะเชื่อกันหมดด้านหลังจอมละโมบมีชายกำยำหลายสิบคนสวมชุดกระดุมสองแถวสีดำ ชายแต่ละคนใบหน้าน่ากลัว ดูแล้วดุร้ายมากลุงเป้าทนความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ขา นั่งบนเก้าอี้นวมในท่าที่ดูเหนื่อยล้าและพูดคุยกับทั้งสองในฐานะแขก“คุณชายสาม น้องชายของผมจอมละโมบมีชื่อเสียงมาโดยตลอด ขอแค่มีเงินมาก็สามารถจัดการสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง ไม่ต้องกั
หรือว่าคุณชายเล็กหลินจะมองทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว?แต่ก็ดูไม่เหมือนเลย ถ้าคุณชายเล็กหลินมองทะลุปรุโปร่งจริง ๆ เวลานี้เขาต้องถูกคนกลุ่มนี้ยกปืนจ่อแล้วสิหรือคุณชายเล็กหลินวางแผนจะเล่นเกมแมวจับหนู ค่อย ๆ เล่นเล่ห์เพทุบายกับตัวเองและหลี่โม่เหรอ?'ให้ตายเถอะ ถ้าคุณโดนบังคับให้ก้มเก็บสบู่เมื่อไหร่ชื่อเสียงทั้งชีวิตจบเห่แน่'หลงเทาครุ่นคิดอย่างกระสับกระส่าย ลืมตอบคุณชายเล็กหลินไปเลยหลี่โม่สะกิดหลงเทาเบา ๆ แล้วกระซิบ “อย่าเหม่อลอย”จากนั้นหลงเทาก็เรียกสติกลับมา พยักหน้าโค้งตัวแล้วพูด “ดูคุณชายสามหลินพูดเข้าสิครับ ผมจะพูดอะไรได้ล่ะ ครอบครัวของคุณเป็นธุรกิจใหญ่ แต่ผมไม่เคยทำธุรกิจขนาดใหญ่เลย ย่อมต้องให้คุณเป็นคนบอกว่าต้องทำยังไงสิครับ”“ครอบครัวของฉันมีธุรกิจใหญ่ที่ไหนกัน ครอบครัวของฉันทำแค่ธุรกิจเล็ก ๆ ไม่โดดเด่น ไม่ต่างจากของพวกนายหรอก นายมาไกลขนาดนี้ต้องมีไอเดียอะไรแน่ ๆ พูดความคิดของนายมาได้เลย จากนั้นเราค่อยหารือรายละเอียดกันอีกที”เห็นท่าทางเป็นมิตรของคุณชายเล็กหลิน หลี่โม่ก็ประหลาดใจเล็กน้อย รู้สึกว่าตัวเองเจอคุณชายเล็กหลินตัวปลอมหรือเปล่าเห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเขาเป็นคนที่หยิ่งผยองบ้าอ