พี่คังรู้สึกว่าเมอร์เซเดสเบนซ์คันนี้ต้องดัดแปลงมาแล้วแน่นอน เพื่อเอามาใช้วิธีแกล้งเป็นหมูกินเสือ ไม่อย่างนั้นจะวิ่งด้วยความเร็วสูงขนาดนี้ไม่ได้!แต่ถึงจะเป็นรถเมอร์เซเดสเบนซ์ที่ได้รับการดัดแปลงมาแล้ว ก็ไม่น่าจะเร็วกว่ารถบูกัตติเวย์รอน มันไม่ใช่รถฟอร์มูลาวันด้วย จะขับด้วยความเร็ว 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้อย่างไร!พี่คังกัดฟันเหยียบคันเร่ง ความเร็วของรถบูกัตติเวย์รอนก็เพิ่มขึ้นอีก360… 370… 380 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามร้อยแปดสิบไมล์!ตัวมาตรวัดความเร็วชี้ไปถึงที่สุดแล้ว ครั้งแรกเลยที่พี่คังขับรถบูกัตติเวย์รอนด้วยความเร็วสูงสุดแม้ว่าชาวต่างชาติบางคนจะขับรถบูกัตติเวย์รอนด้วยความเร็วเกิน 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแต่พี่คังก็รู้สึกว่าตัวเองทำไม่ได้ไม่ว่าจะคำนึงถึงทักษะการขับรถ ความสามารถในการตอบสนองอะไรใด ๆ แล้ว พี่คังรู้สึกว่าการขับรถไป 380 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้นคือขีดจำกัดของเขาแล้ว นับว่าได้ใช้ความแข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาแล้ว!"ฮู่ว!"พี่คังหายใจออกยาว ๆ มือของเขาที่กำพวงมาลัยอยู่มีเส้นเลือดดำปูดออกมา ดวงตาจับจ้องไปที่ด้านหน้า เกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นกะทันหันบนถนนตรงหน้าค
เพื่อที่จะผ่านโค้งได้อย่างราบรื่น พี่คังจึงเริ่มชะลอความเร็ว พอความเร็วลดลงเล็กน้อย รถเมอร์เซเดสเบนซ์ออฟโรดก็ส่งเสียงคำรามแซงรถบูกัตติเวย์รอนไปรอยยิ้มน่ากลัวปรากฏขึ้นที่มุมปากของพี่คัง “ไปตายซะ ไอ้เวร กล้าขับไปด้วยความเร็วสูงขนาดนี้ ถ้าไม่ตายก็แปลกแล้ว!”“พี่คัง พี่พูดอะไร? เกิดอะไรขึ้น?”ยังคงมีคนถามต่อจากอินเตอร์คอม“ฉันอยู่ห่างจากทางโค้งเสือกระโจนไม่ถึง 700 เมตร ก็เลยชะลอความเร็วลงเพื่อเตรียมโค้ง แต่ไอ้คนขับเมอร์เซเดสเบนซ์นั่นกลับขับต่อไปที่ความเร็ว 360-370 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าอีกเดี๋ยวฉันจะได้เห็นรถพลิกคว่ำว่ะ” พี่คังพูดอย่างร่าเริงอินเตอร์คอมเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็มีเสียงเย็นชาดังขึ้นมา“หึ! หมอนั่นเมาแล้วขับแน่นอน ไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่เขาจะขับรถแบบนั้น”“ทุกคนเร่งความเร็วเถอะ รีบเข้าไปดูไอ้หมอนั่น ไปฉี่ช่วยมันดับไฟกันเถอะ”“พูดถูกเลย ถ้ารถพลิกคว่ำถังน้ำมันจะรั่วแน่นอน ระเบิดแน่ เราไปฉี่ดับไฟกันเถอะ!”พวกคนรวยรีบเร่งตามไปข้างหน้าด้วยความเร็วเต็มที่ พี่คังชะลอความเร็วลงเหลือ 200 ซึ่งพอที่จะมองเห็นไฟท้ายของรถเมอร์เซเดสเบนซ์พอดีเห็นรถเมอร์เซเดสเบนซ์เข้าโค้งด้วย
“หยุดพูดไร้สาระ รีบเข้าไปช่วยพี่คังเถอะ ดูว่าจะปลุกเขาได้ไหม ถ้าปลุกไม่ได้ให้ส่งเขาไปโรงพยาบาลทันที ถ้ามีเลือดออกภายในหรือเลือดออกในสมอง พวกเราก็จะเดือดร้อนไปด้วย”พวกคนรวยจับตัวเขา เปลือกตาของพี่คังขยับ แล้วเขาก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นสายตาที่สับสนมองไปรอบ ๆ ด้วย จู่ ๆ พี่คังก็นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ได้ “ฉัน ฉันไม่เป็นไรใช่ไหม ขาของฉันยังอยู่ใช่ไหม!”“แขนขาพี่อยู่ครบ ดูท่าทางสภาพของพี่คังยังอยู่ดีนะ ความปลอดภัยของรถบูกัตติสุดยอดมาก”“งั้นฉันก็สบายใจ พยุงฉันขึ้นรถที พวกเราต้องตามหาเมอร์เซเดสเบนซ์คันนั้นให้เจอ ต้องตามหาคนที่ขับรถคันนั้นให้ได้!” พี่คังพูดอย่างไม่ยอมแพ้พวกคนรวยสบตาสื่อสารกัน ต่างรู้สึกว่าควรหารถเมอร์เซเดสเบนซ์คันนั้น พวกเขาไม่สามารถแพ้ให้ใครก็ไม่รู้ไม่ได้“พี่คัง ขึ้นรถฉันเถอะ ถ้าตรงไหนไม่สบายให้รีบบอกฉันเลยนะ เรื่องตามหารถเมอร์เซเดสเบนซ์นั่น เรามีกันอยู่ตั้งหลายคนขนาดนี้ เขาหนีไม่พ้นแน่นอน”คนหนึ่งพยุงพี่คังขึ้นรถตัวเอง จากนั้นรถสปอร์ตทุกคันก็สตาร์ทรถ ไล่ตามไปในทิศทางของรถเมอร์เซเดสเบนซ์......รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดนิ่งอยู่หน้าคฤหาสน์ สีหน้าของหลงเทาซีดเผือด
ชายกำยำที่เปิดประตูโบกมือส่งสัญญาณให้หลงเทากับหลี่โม่รีบเข้าไปในบ้าน เพราะว่าเมื่อกี้หลงเทาอาเจียนชายกำยำจึงไม่ได้มองหลี่โม่อย่างละเอียดเพราะว่าจอมละโมบมาพร้อมกับคนของเขา ชายกำยำก็มีความกล้าหาญเพียงพอ เขารู้สึกว่าหลงเทาคงจะทำอะไรไม่ได้หรอก ดังนั้นเขาจึงละเว้นขั้นตอนการค้นร่างกายไปหลงเทาเหลือบมองหลี่โม่อย่างกังวล จากนั้นกัดฟันแล้วเดินเข้าไปในเวลานี้ เขาสามารถเลือกได้เพียงด้านเดียวในการวางเดิมพัน เพียงแต่ชิปของหลงเทาได้ถูกวางไว้ที่ฝั่งของหลี่โม่แล้วคุณชายเล็กหลินนั่งอยู่บนเก้าอี้โยก ถือแก้วไวน์แดงและมองจอมละโมบที่อยู่ข้าง ๆ เขาจอมละโมบสวมชุดกระดุมสองแถวสีแดง ใบหน้าดูสง่างาม เขาดูไม่เหมือนนักศิลปะการต่อสู้ที่ดุร้ายเลย บอกว่าเขาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเกรงว่าจะเชื่อกันหมดด้านหลังจอมละโมบมีชายกำยำหลายสิบคนสวมชุดกระดุมสองแถวสีดำ ชายแต่ละคนใบหน้าน่ากลัว ดูแล้วดุร้ายมากลุงเป้าทนความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ขา นั่งบนเก้าอี้นวมในท่าที่ดูเหนื่อยล้าและพูดคุยกับทั้งสองในฐานะแขก“คุณชายสาม น้องชายของผมจอมละโมบมีชื่อเสียงมาโดยตลอด ขอแค่มีเงินมาก็สามารถจัดการสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง ไม่ต้องกั
หรือว่าคุณชายเล็กหลินจะมองทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว?แต่ก็ดูไม่เหมือนเลย ถ้าคุณชายเล็กหลินมองทะลุปรุโปร่งจริง ๆ เวลานี้เขาต้องถูกคนกลุ่มนี้ยกปืนจ่อแล้วสิหรือคุณชายเล็กหลินวางแผนจะเล่นเกมแมวจับหนู ค่อย ๆ เล่นเล่ห์เพทุบายกับตัวเองและหลี่โม่เหรอ?'ให้ตายเถอะ ถ้าคุณโดนบังคับให้ก้มเก็บสบู่เมื่อไหร่ชื่อเสียงทั้งชีวิตจบเห่แน่'หลงเทาครุ่นคิดอย่างกระสับกระส่าย ลืมตอบคุณชายเล็กหลินไปเลยหลี่โม่สะกิดหลงเทาเบา ๆ แล้วกระซิบ “อย่าเหม่อลอย”จากนั้นหลงเทาก็เรียกสติกลับมา พยักหน้าโค้งตัวแล้วพูด “ดูคุณชายสามหลินพูดเข้าสิครับ ผมจะพูดอะไรได้ล่ะ ครอบครัวของคุณเป็นธุรกิจใหญ่ แต่ผมไม่เคยทำธุรกิจขนาดใหญ่เลย ย่อมต้องให้คุณเป็นคนบอกว่าต้องทำยังไงสิครับ”“ครอบครัวของฉันมีธุรกิจใหญ่ที่ไหนกัน ครอบครัวของฉันทำแค่ธุรกิจเล็ก ๆ ไม่โดดเด่น ไม่ต่างจากของพวกนายหรอก นายมาไกลขนาดนี้ต้องมีไอเดียอะไรแน่ ๆ พูดความคิดของนายมาได้เลย จากนั้นเราค่อยหารือรายละเอียดกันอีกที”เห็นท่าทางเป็นมิตรของคุณชายเล็กหลิน หลี่โม่ก็ประหลาดใจเล็กน้อย รู้สึกว่าตัวเองเจอคุณชายเล็กหลินตัวปลอมหรือเปล่าเห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเขาเป็นคนที่หยิ่งผยองบ้าอ
หมั่งจึที่ร่างเท่าประตูเดินไปทางหลงเทา หลงเทาตัวสั่นด้วยความตกใจแล้วพูดอย่างตื่นตระหนก “คุณชายสาม นี่คุณชายสามหมายความว่าอะไรครับ คุณไม่ควรทำแบบนี้กับผมนะครับ เราจะทำการค้าขายต้องมีเมตตานะครับ!”“ใครจะไปมีเมตตากับนาย ฉันเรียกนายมาที่นี่ก็เพื่อให้เป็นคู่ฝึกซ้อม ถ้านายเอาชนะหมั่งจึได้ ฉันจะให้เครดิตนาย แต่ถ้าหากนายเอาชนะไม่ได้ งั้นอีกเดี๋ยวฉันจะฝังนายทั้งเป็น”ใบหน้าของคุณชายสามหลินปรากฏความเกลียดชัง ความโกรธที่ระงับอยู่ในใจก็เผยออกมาแล้ว เขาจินตนาการว่าหลงเทาเป็นหลี่โม่ ครุ่นคิดว่าพรุ่งนี้ควรจะจัดการกับหลี่โม่ยังไงดีถึงจะได้ผลดีขึ้นอีกต้องจัดการหลี่โม่ต่อหน้าสาวสวยทั้งสองถึงจะได้ แล้วก่อนที่หลี่โม่จะตาย ให้เขาดูว่าฉันจะทำให้ภรรยาของเขามีความสุขได้ยังไง!เมื่อเห็นว่าคุณชายสามหลินไม่ได้พูดเรื่องศีลธรรมเลย หลงเทาก็มองไปที่หลี่โม่เพื่อขอความช่วยเหลือ “ทำยังไงดี!”“เขาต้องการต่อสู้กับนาย นายก็ย่อมต้องสู้กับเขาสิ ถ้าเอาชนะไม่ได้ก็คุกเข่าให้ก็พอ”หลี่โม่พูดอย่างเฉยเมยหลงเทาทรุดเลย ไม่รอให้หมั่งจึลงมือ เขาก็ยกสองมือกุมหัวนั่งยอง ๆ ข้างหลังหลี่โม่ หลับตาแล้วตะโกน "พี่ใหญ่ ผมทนไม่ไหวแล้ว
คุณชายเล็กหลินพยักหน้าอย่างตื่นเต้น สายตาจับตาดูหมัดของหม่างจือหมัดของหม่างจืออยู่ห่างจากหลี่โม่เพียงแค่ครึ่งเมตร จู่ ๆ หลี่โม่ก็ขยับ หลังจากยกมือขวาขึ้นร่างกายของเขาก็ขยับไปมา หมัดขวาของเขาก็พุ่งออกมาเหมือนลูกกระสุนปืนหมัดที่ปล่อยทีหลังแต่ไปถึงก่อนกระแทกใบหน้าของหม่างจือ จนร่างหม่างจือกระเด็นไปข้างหลัง จากนั้นหลี่โม่ก็ทำท่าเช่นเดียวกับท่าที่หม่างจือขอให้หลี่โม่ทำ ลอยกลางอากาศไปล้มลงกับพื้นโครม!หม่างจือล้มลงกับพื้น ฝุ่นควันกระจายทั่วพื้นไปหมด ตามมาด้วยหม่างจือที่อ้าปากแล้วมีเลือดเต็มปากพุ่งออกมาราวกับน้ำพุหลี่โม่ค่อย ๆ เก็บหมัด แล้วพูดอย่างเรียบ ๆ “ทำตามบทที่นายบอกฉันแล้วนะ ล้มลงไปพื้นอย่างสมบูรณ์แบบเลย ท่าทางของฉันก็หล่อพอแล้ว สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือฉันไม่ได้ฆ่านายด้วยหมัดเดียว ฉันไว้ชีวิตนายแล้ว”หม่างจือเงยหน้าขึ้นช้า ๆ มองหลี่โม่ด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว กำลังจะอ้าปากพูด ก็มีเลือดไหลออกมาอีก“พรวด! ฉัน บอกให้นายล้มลงกับพื้น!”“ขอโทษที นายไม่ได้บอกให้ชัดเจน ฉันคิดว่านายอยากจะล้มลงกับพื้น ไม่งั้นเรามาทำกันใหม่อีกทีสิ” หลี่โม่พูดยิ้ม ๆหม่างจือเอียงคอ เขาโกรธจนจะสลบไปหลงเทา
พวกชายกำยำที่อยู่ด้านหลังจอมละโมบพับแขนเสื้อขึ้น จ้องมองไปที่หลี่โม่ที่เพิ่งทุบตีหม่างจือไปด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวในสายตาของพวกเขา หลี่โม่คือศัตรูที่ต้องถูกกำจัดอย่างรวดเร็วจอมละโมบจ้องมองหลี่โม่แล้วพูดอย่างเย็นชา “แกเสแสร้งเก่งมาก ใช้กลอุบายแกล้งเป็นหมูมากินเสือใส่ฉัน!”“หึฟึ ฉันไม่ได้แกล้งเป็นหมู แล้วแกก็ไม่ใช่เสือด้วย หยุดพูดไร้สาระแล้วรีบพาลูกน้องของแกมาเร็ว ๆ ให้ฉันสอนแกว่าอะไรคือการตัวเป็นคนต่ำต้อย”หลี่โม่กระดิกนิ้วเรียกจอมละโมบ สีหน้าเต็มไปด้วยความดูถูกจอมละโมบรู้สึกโกรธยิ่งกว่าการดูถูกของหลี่โม่ เขาโบกมือขวาเบา ๆ “จะจัดการแก แค่ลูกน้องของฉันก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ฉันลงมือเลย คนหนุ่มสาวควรต้องมีจิตใจที่น่าเกรงขาม จัดการมัน!”ชายกำยำในชุดฝึกสีดำรีบวิ่งพุ่งออกไปพร้อมกัน ต่างคำรามและกระโจนเข้าใส่หลี่โม่ราวกับเสือที่ลงมาจากภูเขาลุงเป้ากุมสะโพกลุกขึ้นจากพื้น รีบไปที่ข้าง ๆ ของคุณชายเล็กหลิน “คุณชายสาม อย่ายืนดูอยู่ที่นี่เลยครับ ถ้าจะดูต้องหาที่ปลอดภัยดูดีกว่า ใจผมกำลังเต้นรัว ๆ กังวลไปหมดแล้วครับ”“หมายถึงอะไร หรือว่าจอมละโมบนี่ก็ทำไม่ได้?” คุณชายเล็กหลินพูดอย่างขมขื่น“
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา