มือปืนทั้งสองคนยกปืนขึ้นและเล็งปืนไปที่หลี่โม่ทำมุม 45 องศา ทั้งกู้หยุนหลานและเฉินเสี่ยวถงต่างก็ประสบพบเจออะไรมามากจึงไม่ได้รู้สึกอะไรที่เห็นพวกหลงเทาถือปืน แต่หวังจงฉวนนั้นตกใจมากจนรีบหดตัวเข้าไปในมุมโซฟาทันที “ปืน พวกเขามีปืน!” หวังจงซวนพูดด้วยเสียงเบาด้วยใบหน้าซีดเผือด “พี่คะ ไม่ต้องกังวล แค่ปืนเองนะ” กู้หยุนหลานเอ่ยปลอบขวัญหวังจงฉวน “ปืนนะ! เธอไม่กลัวเหรอ?” “กลัวอะไรกัน ไม่ได้ถูกเอาปืนจ่อครั้งแรกเสียหน่อย แต่ตราบใดที่หลี่โม่ยังอยู่ด้วย ก็ไม่เคยเกิดอะไรขึ้นเลยสักครั้ง” กู้หยุนหลานพูดตามความเป็นจริง สมองของหวังจงฉวนราวกับหยุดทำงานไปทันที คิดไม่ถึงว่ากู้หยุนหลานกับหลี่โม่จะมีประสบการณ์โชกโชนจนเห็นปืนพกราวกับเป็นเรื่องธรรมดา หลี่โม่มองหลงเทาพลางแย้มยิ้ม เขาเอื้อมมือไปคว้าเมล็ดแตงกำหนึ่งไว้ในมือ "นายถือปืนแล้วคิดว่าจะขู่ฉันได้งั้นเหรอ? อ่อนต่อโลกไปหน่อยมั้ง" “หึหึ อ่อนต่อโลกงั้นเหรอ? ปืนของฉันมันเอาไว้ฆ่าคน ไม่ใช่ปืนของเล่นนะโว้ย” หลงเทาโบกปืนไปมาเล็กน้อย ก่อนจะเล็งปืนไปที่กลางหน้าผากของหลี่โม่ "อยากลองไหมล่ะ? ดูซิว่าหลังจากที่ฉันเหนี่ยวไกแล้ว หน้าผากของแกจะเป็นรูหรื
“อ๊าก! มือฉัน! มือหักแล้ว!” หลงเทาส่งเสียงร้องลั่นอย่างน่าเวทนา ปืนในมือร่วงลงที่พื้น ในตอนนั้นเองเขาก็เชื่อคำพูดของหัวจื่อแล้ว ทว่าในตอนที่เชื่อมันก็สายไปเสียแล้ว มือปืนทั้งสองอดกลั้นความเจ็บปวดแล้วส่งปืนไปที่มือซ้าย แต่พวกเขาก็ฉลาดมากไม่ได้ยกปืนขึ้นมาอีกครั้ง การที่หลี่โม่ใช้เมล็ดแตงเจาะข้อมือของพวกเขาก็เป็นการบอกแล้วว่าระยะห่างระหว่างพวกเขานั้นไม่มีทางจะเทียบกันได้ ต่อให้มีปืนอย่างในมือก็ยังไม่ใช่คู่มือของหลี่โม่แม้แต่น้อย ปืนจริงกลับกลายเป็นสิ่งที่ไม่ต่างจากของเล่นเลย “พี่เทา พี่ พี่เชื่อแล้วใช่ไหม ไม่ใช่ว่าผมไม่ได้เรื่อง แต่อีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไปจริง ๆ” หัวจื่อพูดขณะนอนกุมท้องอยู่ที่พื้น หลงเทาหน้าดำคร่ำเครียด แทบอยากจะเตะหัวจื่อให้ตายคาที่เสียเลย อยู่ดีไม่ว่าดีจะมาพูดอะไรตอนนี้วะ! “พี่ชาย ผมผิดไปแล้ว ผมยอมรับความผิด คุณพูดมาได้เลยว่าต้องการยังไง คุณบอกยังไงผมก็จะทำอย่างนั้น” หลงเทาเต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้เต็มที่ ขอแค่สามารถรักษาชีวิตไว้ได้ก็พอแล้ว “พวกนายไม่ใช่คนกรุงโซล แล้วมาทำอะไรที่กรุงโซลกันล่ะ” หลี่โม่ถามพลางแทะเมล็ดแตง “พวกเรา คือว่า เพราะว่าคุณชายสามหล
หลี่โม่พูดอย่างสมเหตุสมผล“งั้นคุณ ต้องระวังตัวหน่อยนะคะ”“ต้องระวังตัวอยู่แล้ว ผมไปส่งพวกคุณกลับบ้านก่อน คืนนี้คาดว่าคงต้องยุ่งทั้งคืน”“ฉันกังวลว่าคุณไปคนเดียวจะไม่ปลอดภัย ไม่งั้นคุณหาคนอื่นไปช่วยดีไหม?”อย่างไรกู้หยุนหลานก็รู้สึกเป็นห่วง คิดว่าให้หลี่โม่ไปหาชูจงเทียนให้ช่วยจะดีที่สุด“เหอะ ๆ จะต้องยุ่งยากขนาดนั้นไปทำไม ถึงเวลานั้นผมจัดการได้ ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน”หลี่โม่กำลังพูดอยู่มือถือก็สั่น เขาหยิบออกมาดูเห็นว่าท่านปาโทรมาก็ขมวดคิ้วหลายวันมานี้ราชินีมังกรมาถึงกรุงโซลแล้วแต่กลับไม่มีข่าวคราวอะไร หลี่โม่ครุ่นคิดว่าทางท่านปาจะได้ข่าวอะไรมาใหม่หรือเปล่า“ฮัลโหล เสี่ยวปา”“นายน้อย ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนครับ? ผมมีข่าวอยากจะรายงานคุณสักหน่อย”ท่านปาพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ในใจกลับคิดว่าถึงวันที่ต้องให้ยาแล้ว ถ้าตัวเขาไม่เริ่มกระตือรือร้นหลี่โม่ก็จะลืมเรื่องนี้ไปหรือเปล่าโอสถคร่าวิญญาณจำเป็นต้องกินยาแก้พิษเป็นระยะ ๆ หากหยุดยาก็จะตาย!“มีเรื่องอะไรก็คุยผ่านโทรศัพท์ได้เลย” หลี่โม่บอกไปอย่างนั้นใจของท่านปาแทบจะสลายไปเลย“แค่ก ๆ นายน้อย เรื่องสำคัญครับ ผมควรจะต้องกินยาแล้ว ยา
ค่ำคืนที่ความมืดมิดปกคลุมโลก พระจันทร์และดวงดาวล้วนหลบซ่อนอยู่หลังก้อนเมฆยิ่งทำให้ท้องฟ้ามืดมิดมากขึ้นไปอีกคุณชายเล็กหลินนอนอยู่บนเก้าอี้เอนนอน มองไปที่ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด รู้สึกว่าอารมณ์ของตนเองในเวลานี้เหมือนกับท้องฟ้าที่มืดมิดนั้นเลยลุงเป้านอนอยู่บนเตียงไม่ไกลจากคุณชายเล็กหลินนัก ร้องคร่ำครวญบ้างเป็นครั้งคราว หงุดหงิดที่เขาโชคไม่ค่อยดี คิดไม่ถึงว่าจะต้องมาเจอคู่ต่อสู้โรคจิตอย่างหลี่โม่คุณชายเล็กหลินหยิบมือถือขึ้นมาดูและเห็นว่ามีข้อความเข้ามาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย“หลงเทาจะมาพบฉัน เวลานี้ฉันจะไปพบใครได้ยังไง สภาพลำบากย่ำแย่ขนาดนี้ มันไม่เหมาะที่จะพบเจอใครทั้งนั้น”ลุงเป้าเอียงหัวมองคุณชายเล็กหลิน แล้วเอ่ยกระซิบ “คุณชายเล็กครับ คุณจะไม่พบจริง ๆ เหรอ? ผมคิดว่าถ้าจะไม่เจอมันก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่งานเลี้ยงมีคนเห็นมากมายขนาดนั้น ก็คงจะหลบซ่อนไม่ได้แน่นอน”“งั้นลุงหมายความว่ายังไง? ตอนนี้อับอายขายหน้าขนาดนั้นจะไปพบใครได้ยังไง ผมว่าไม่พบใครเลยดีกว่า”คุณชายเล็กหลินเอามือทั้งสองปิดหน้า รู้สึกว่าตนเองเสียหน้าไปมากแล้ว“เรายังต้องมีอำนาจให้พอ ยังไงเราก็จะ
หลงเทาไม่กล้าพูดอะไรอีก เขาเก็บมือถือไปเงียบ ๆ แล้วหลับตาทำสมาธิตามหลี่โม่ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เวลาตีหนึ่งมือถือของหลงเทาก็ดังขึ้นหลงเทาสะลึมสะลือหยิบมือถือออกมาดูที่หน้าจอ แล้วก็ตื่นทันที“พี่ พี่ใหญ่ ลูกน้องคุณชายเล็กหลินโทรมาครับ”“รับสิ” หลี่โม่พูดเสียงเย็นชาหลงเทารับสายตัวสั่น บอกไม่ถูกว่าเพราะตื่นเต้นหรือกังวล หรือว่ากลัวกันแน่“ฮัลโหล ผมหลงเทาครับ”“รู้แล้วว่าเป็นนาย นายยังโชคดีนะ คืนนี้คุณชายเล็กหลินใจดี ตัดสินจะพบกับนาย รอก่อนเดี๋ยวฉันส่งตำแหน่งไปให้ รีบมาให้ถึงภายในยี่สิบนาทีล่ะ ถ้ามาถึงไม่ทันภายในยี่สิบนาที งั้นนายก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะได้พบกับคุณชายสาม”“เห้ย ๆ ได้ ผมจะเหยียบมิดไมล์ไปที่นั่นเลย”หลงเทายังไม่ทันจะพูดจบอีกฝ่ายก็วางสายไปแล้ว จากนั้นก็ส่งตำแหน่งมาหลังจากกดดูสถานที่ สีหน้าของหลงเทาก็เปลี่ยนเป็นแย่มาก “พี่ พี่ใหญ่ พวกเขาอยู่ค่อนข้างไกล ผมเกรงว่ายี่สิบนาทีจะยังขับรถไปไม่ถึง”หลี่โม่หยิบมือถือขึ้นมาดู ตำแหน่งที่แสดงบนจอมือถืออยู่ห่างออกไปเกือบ 70 กิโลเมตร หากเขาต้องการไปถึงภายในยี่สิบนาที เขารักษาความเร็วไว้ให้มากกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตลอดการเ
พอเห็นรถเมอร์เซเดสเบนซ์ที่แซงตัวเองไปแล้วจู่ ๆ ก็เบียดเข้ามา คนรวยรุ่นสองก็ตื่นตระหนกรีบหมุนพวงมาลัยหลบทันทีแต่เขาหักพวงมาลัยเร็วเกินไป รถเฟอร์รารีสูญเสียการควบคุมไปในทันทีและกระแทกเข้าข้างถนนในแนวทแยงโครม!รถเฟอร์รารีพุ่งชนขอบถนนทำให้หน้ารถบุบเป็นขนาดใหญ่ถุงลมนิรภัยทำงาน แรงกระแทกของถุงลมนิรภัยเกือบจะทำให้คนรวยรุ่นสองหมดสติไปคนรวยรุ่นสองเอนตัวลงบนเบาะอย่างปวกเปียก รู้สึกว่าเป้ากางเกงของเขาเย็นเล็กน้อย ในความตื่นตระหนกที่มากเกินไปเมื่อกี้ ไม่ต้องสงสัยเลย เขาฉี่ราดนั่นเอง“แม่งเอ๊ย! กล้ามาเบียดฉัน ฉันจะฆ่าแก!”คนรวยรุ่นสองตะโกนอย่างอ่อนแรง หาอินเตอร์คอมสื่อสารที่อยู่ในรถแล้วเริ่มขอความช่วยเหลือ“พี่คัง! ฉันเอ้อร์เล่อนะ เมื่อกี้ฉันถูกรถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเบียดออกมา ตอนนี้รถเฟอร์รารีของฉันชนขอบถนน ถูกทิ้งไว้ พวกพี่ต้องล้างแค้นให้ผมนะ”อินเตอร์คอมสื่อสารปลายทางเงียบไปสักพัก ตามด้วยเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งคนรวยรุ่นสองคนอื่น ๆ ที่ขับรถมาด้วยกันต่างหัวเราะออกมาอย่างดังกับคำพูดของเอ้อร์เล่อ“เอ้อร์เล่อ นายเปลี่ยนชื่อเป็นเอ้อร์ตั้น (ไอ้โง่) แล้วล่ะ ในคลับรถสปอร์ตของเราจะมีขยะแบบ
พี่คังขับรถบูกัตติเวย์รอน สีหน้าดูหนักอึ้ง “ดูให้ชัดเจนว่ามันคือเบนซ์รุ่นไหน”“น่าจะเป็นเบนซ์รุ่น G65 ครับ!”หลี่เทียนซินบอกรุ่นรถเบนซ์ออฟโรดไปปากสั่นเทา“นายไม่ได้ดูผิดใช่ไหม? G65 มันขับได้เร็วสุดแค่ 220 เท่านั้นเอง! เขาทำให้มาตรวัดระเบิดได้เลยนะนั่น?”“เขาเคยเอาไปแต่งมาแล้วหรือเปล่า ความเร็วของเขายังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เลย ความเร็วฉัน 240 นี่เขาจะแซงฉันแล้วนะ!”หลี่เทียนซินพูดแล้วหมุนพวงมาลัยช้า ๆ หลีกทางถนนให้ คนที่สามารถขับจนความเร็วทะลุมาตรวัดได้นั้น ถ้าไม่ใช่คนบ้าก็ปีศาจแล้ว หลี่เทียนซินไม่อยากเป็นเหมือนเอ้อร์เล่อฟิ้ว!รถเมอร์เซเดสเบนซ์ออฟโรดแซงหน้าแลมโบกินีไปราวกับลูกธนูแหลม ความกดอากาศที่รุนแรงทำให้แลมโบกินีลอยไปด้านข้างราวกับกลายเป็นใบไม้ที่ลอยอยู่ในสายลม“เขาแซงฉันไปแล้ว! ความเร็วมากกว่า 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแน่นอน ผมสงสัยว่าความเร็วของเขาจะมากกว่า 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนะ!” หลี่เทียนซินตะโกนอย่างหวาดกลัวความเร็ว 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับหลี่เทียนซินแล้วไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ต้องพูดถึงความเร็วของรถฟอร์มูลาวันที่เขาไปดู แค่รถบูกัตติเวย์รอนของพี่คัง ก็สามารถวิ่งได้
หลงเทาที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับหน้าซีด มือของเขาจับเข็มขัดนิรภัยไว้แน่น หลี่โม่ขับรถอย่างดุเดือดไปตลอดทาง ทำให้หลงเทาก็ตกใจมากจนแทบจะอาเจียนออกมา“พี่ใหญ่ มันเร็วเกินไปแล้ว! ยี่สิบนาทีเพียงพอแล้วครับ ไม่ต้องขับเร็วไปกว่านี้แล้ว! รถผมมันหนักมาก ถ้ามีอะไรอยู่ข้างหน้า คงเบรกไม่ทันแน่นอน”หลงเทาพูดด้วยน้ำเสียงเครือ เขาไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าตัวเองจะมีวันที่เกือบจะร้องไห้เพราะแค่นั่งรถหลี่โม่พูดเรียบ ๆ “ไม่มีอะไรหรอก แค่แข่งรถ รถบูกัตติเวย์รอนข้างหน้ากำลังยั่วยุฉันอยู่ ยังไงก็ต้องทำให้เขาได้เห็นบ้าง”“พี่ใหญ่ นั่นมันรถบูกัตติเวย์รอนนะ! เครื่องยนต์ 8.0T ความเร็วสูงสุดเกิน 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง! รถเมอร์เซเดสเบนซ์ของผมเครื่องยนต์ 4.0T แล้วน้ำหนักก็มากกว่ารถบูกัตติเวย์รอนตั้งหลายเท่า พวกแรงต้านลมอะไรพวกนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย”หลงเทาก็เป็นผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์เช่นกัน นับว่าเขามีความเข้าใจชัดเจนเกี่ยวกับพวกเทคนิคของรถบูกัตติเวย์รอนถ้าไม่คำนึงถึงน้ำหนักของรถตัวเอง ความต้านลมอะไรพวกนั้น กำลังเครื่องยนต์ที่แท้จริงของรถบูกัตติเวย์รอนนั้นมากกว่ารถเมอร์เซเดสเบนซ์ G65 ถึงสองเท่าเมื่อคำนึงถึง