หัวหน้าบอดี้การ์ดเอ่ยอย่างเคร่งขรึม พวกของหม่าเฉิงเจียถูกทุบตีจนร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด จิตใจได้พังทลายลงไปนานแล้ว เดิมทีพวกเขาไม่อาจทนต่อการทุบตีอย่างรุนแรงเช่นนี้ได้เลย “ฉัน ฉันขอโทษ หยุดตีได้แล้ว ฉันขอโทษให้พวกเขาแล้ว หลี่โม่ กู้หยุนหลาน ฉันผิดไปแล้ว รีบบอกให้พวกเขาหยุดตีฉันที” คุณชายเศรษฐีคนหนึ่งทนความเจ็บปวดไม่ไหวจนเอ่ยปากร้องขอความเมตตา ราวกับผลักโดมิโนตัวแรกล้มลง คุณชายเศรษฐีหลายคนต่างร้องอ้อนวอนขึ้นมาตาม ๆ กัน สุดท้ายจิตใต้สำนึกของหม่าเจียเฉิงเองก็แตกสลาย เขากัดฟันเอ่ยค้ำอ้อนวอนออกมา “ผมผิดไปแล้ว ผมขออภัย หลี่... คุณหลี่ คุณหนูกู้ ผมขออภัยสำหรับท่าทีของผมเมื่อครู่นี้ ผมหยาบคายเกินไป ต้องขอโทษพวกคุณด้วยนะครับ” เมื่อเห็นสภาพอันน่าสมเพชของพวกหม่าเจียเฉิงแล้ว หวงจื่อซวนก็แอบนึกดีใจขึ้นมา รู้สึกว่าที่ตนไม่ได้แข็งข้อกับหลี่โม่เมื่อครู่ ช่างเป็นโชคดีในความโชคร้ายจริง ๆ ไม่อย่างนั้นตอนนี้ตนเองก็คงมีสภาพน่าอนาถไม่ต่างจากหม่าเจียเฉิง เหล่าเซเลบสาวต่างประหลาดใจอย่างมาก หลังจากผ่านความประหลาดใจไปแล้วสายตาที่มองไปยังหลี่โม่ก็ต่างออกไป พวกหล่อนล้วนมองหลี่โม่ด้วยสายตาที่ประหนึ
หม่าเจียเฉิงย่อมไม่มีทางสยบแน่นอน พวกคุณชายเศรษฐีทั้งกลุ่มถูกไล่ออกจากปราสาท เรื่องนี้ทำให้พวกเขารู้สึกอับอายจนแทบระเบิดออกมา ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้พวกลูกเศรษฐีไม่เคยอับอายขายหน้าเหมือนกับวันนี้มาก่อน เมื่อออกจากประตูปราสาทมาแล้ว พวกเขาก็เริ่มด่าทอต่อว่าขึ้นมา “ไอ้ขยะนั่นมันก็เฮงซวยพอ ๆ กับไอ้คนไร้ประโยชน์นั่น ควรจะจัดการพวกมันให้ราบคาบจริง ๆ ” “ถ้าจับพวกมันได้ต้องเหยียบให้จมดิน ไม่สิ ต้องฆ่าพวกมันทิ้งไปเลย พี่หม่า ผมจะติดต่อกับกลุ่มโจรพวกนั้นเดี๋ยวนี้ ดูว่าพวกเขาถึงไหนแล้ว” คุณชายเศรษฐีคนหนึ่งหยิบโทรศัพท์ออกมาโทร หลังจากพูดคุยไม่กี่ประโยคก็พลันเผยสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมา “พี่หม่า ทางนั้นมาถึงแล้ว พวกเขาอยู่ที่โกดังร้างห่างจากที่นี่ 20 กิโล พวกเราต้องไปเจอกับพวกเขาสักหน่อยไหม?” “ไปสิ ต้องไปเจออยู่แล้ว! ทุกคนขึ้นรถ พวกเราจะไปกันเดี๋ยวนี้” หม่าเจียเฉิงนั้นทนรอเจอกับจางเฉียงไม่ไหวแล้ว เขาอยากจะพากลุ่มโจรพวกนั้นของจางเฉียงกลับมาแล้วทำให้ทุกคนเห็นความน่าเกรงขามของตนเองจะแย่ ฉันเป็นถึงหนึ่งในสี่คุณชายแห่งเมืองหลวงนะโว้ย! ไม่ใช่หมาแมวที่ใครจะมาทำลายศักดิ์ศรีกันได้ตามอำเภอใจ!
เมื่อจางเฉียงหัวเราะ รอยแผลเป็นที่น่ากลัวบนใบหน้าของเขาก็เหมือนจะมีชีวิตขึ้นมา ราวกับว่าเป็นตะขาบที่ดุร้ายซึ่งทำให้หม่าเจียเฉิงรู้สึกหวาดกลัวในใจนายน้อยผู้มีอำนาจหายไปแล้ว และหม่าเจียเฉิงมองไปที่จางเฉียงอย่างประหม่า เหมือนเด็กดีที่ถูกเด็กนิสัยไม่ดีรังแก"คือฉัน คือฉันอยากจะ..."“คุณต้องให้พวกเราไปในปราสาท และช่วยคุณกวาดล้างคนที่ทำให้คุณเสียหน้าใช่ไหม”จางเฉียงดูเหมือนจะมองเห็นเจตนาของหม่าเจียเฉิงหม่าเจียเฉียนิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นพยักหน้าอย่างแรง "ใช่ ๆ แบบนั้นแหละ ครัฟต์ หลี่โม่ กู้หยุนหลาน ฉันต้องจัดการกับพวกมันอย่างสาสม"“เข้าใจแล้ว ยังไม่พอผมต้องบอกก่อน คนของผมเรื่องยิงไม่ค่อยซีเรียสมากนัก แต่ถ้าผมบังเอิญฆ่าทั้งสามคนที่คุณพูดถึงได้โดยไม่ได้ตั้งใจ ผมจะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น”จางเฉียงไม่อยากให้ใครสักคนรอดไปได้เลย การปล่อยให้ใครสักคนรอดไปนั้นจะเป็นปัญหามากที่สุด ดังนั้นการที่จางเฉียงได้รับงานนี้ เป้าหมายของเขาคือฆ่าทุกคนหม่าเจียเฉิงลังเลอยู่สักพัก จากนั้นก็พยักหน้า หม่าเจียเฉิงเข้าใจเหตุผลว่ากระสุนนั้นอย่างไรก็ไม่มีตา“เอาล่ะ พวกนายพยายามไว้ชีวิตให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ประตูปราสาทถูกปิด และงานเลี้ยงอาหารค่ำในปราสาทได้เริ่มขึ้นแล้ว ภายใต้แสงสี เสียงดนตรี การร้องเพลงและการเต้นรำ ผู้คนในปราสาทกำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศของงานเลี้ยงอาหารค่ำ และไม่คิดว่าโศกนาฏกรรมกำลังใกล้เข้ามาหลังประตูปราสาท รปภ.สองคนยืนสูบบุหรี่อย่างขี้เกียจ เวลานี้ไม่มีใครเข้าใครออกจึงเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาทำงานอย่างสบายใจที่สุดรปภ.สองคนรู้สึกสถานการณ์ของงานเลี้ยงดูไม่ชอบมาพากล แต่พวกเขาไม่สามารถออกไปไหนได้ ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่พูดคุยกันด้วยเสียงกระซิบเสียงคำรามของยานพาหนะดังเข้ามาในประตู รปภ.ทั้งสองต่างก็มองหน้ากันด้วยความสงสัย“ฟังดูเหมือนเสียงรถสปอร์ต แต่งานเลี้ยงอาหารค่ำได้เริ่มขึ้นแล้ว ทำไมยังมีคนมาอีก”“คงติดธุระเลยมาช้าไปหน่อยมั้ง แต่มีคำสั่งมาว่า ไม่อนุญาตให้คนเข้าแล้ว เราแค่แกล้งทำเป็นว่าไม่ได้ยินเสียงเรียกที่หน้าประตูก็แล้วกัน”รปภ.ทั้งสองคนยืนพิงที่ประตูโดยไม่ได้สนใจที่สถานการณ์ข้างนอกที่นอกประตู คนของจางเฉียงได้ลงมาจากรถ แล้วถืออุปกรณ์ต่าง ๆ และมองไปที่ประตูปราสาทที่ปิดอยู่“ทำไมไอ้สารเลวพวกนี้ถึงปิดประตู!”หม่าเจียเฉิงรู้สึกหงุดหงิดจนอยากจะกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
พวกอันธพาลส่งเสียงเอะอะโวยวาย แต่ยังคงวางมาดการต่อสู้ที่เข้มงวดจางเฉียงยืนอยู่กับหม่าเจียเฉิง โดยเอามือไพล่หลังไว้ "เข้าไปข้างในกันเถอะ เข้าไปชื่นชมผลแห่งชัยชนะกัน""ดี เข้าไปฉีกหน้าไอ้ขยะผู้น่าสงสารและไอ้ฝรั่งขี้นกนั่นกัน!"หม่าเจียเฉิงพูดด้วยความโกรธและเดินตามจางเฉียงเข้าไปในปราสาท……ในห้องตรวจการณ์ของปราสาท เมื่อพวกเขาเห็นฉากที่ประตูถูกเปิดออก รปภ.ในห้องตรวจการณ์ต่างพากันตกใจมากจนอ้าปากค้างหลังจากมึนงงอยู่ครู่หนึ่งก็เห็นกลุ่มอันธพาลบุกเข้ามาในปราสาท รปภ.ในห้องตรวจตราก็ตะโกนผ่านวิทยุสื่อสารว่า "มี กลุ่มคนอันธพาลถือปืนบุกเข้ามา พวกมันได้เข้าไปในปราสาทแล้ว!"เมื่อได้ยินเสียงคำรามจากเครื่องรับส่งวิทยุ หัวหน้ารปภ.ก็รู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดี "แกตาฝาดไปใช่ไหม จะมีพวกอันธพาลที่ไหนถือปืนเข้ามา"“พวกมันพังประตูเข้ามาแล้ว และหลายคนก็บุกเข้ามาพร้อมกับปืนในมือ!”หัวหน้ารปภ.ส่ายหัว คิดว่าคนในห้องตรวจสอบกำลังเป็นโรคประสาท "พวกแกอยู่ที่นี่เพิ่มกำลังในการรักษาความปลอดภัย อย่าทำให้แขก VIP ข้างในตกใจ ฉันจะไปดูที่ห้องตรวจสอบเอง"หัวหน้ารปภ.ที่เพิ่งออกไปจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นเป็นช
หม่าเจียเฉิงภูมิใจในตัวเองมาก เขารู้สึกว่าเขากลายเป็นพระเจ้าที่ควบคุมทุกสิ่งในทันที อย่างน้อยในปราสาทแห่งนี้เขาก็สามารถควบคุมชีวิตของทุกคนได้ ดังนั้นเขาจึงโห่ร้องและกู้หน้าที่เสียไปจางเฉียงยิ้มและชี้ไปที่ลูกน้องของเขา และกลุ่มลูกน้องก็รีบเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงเหมือนหมาป่าและเสือ จับแขกผู้มีเกียรติและผู้หญิงทั้งหมดรวมเข้าด้วยกันเสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแขกผู้มีเกียรติบางคนก็ถูกพวกอันธพาลรังแก แต่ไม่มีใครสนใจเสียงกรีดร้องของพวกเขา เพราะทุกคนมัวแต่ห่วงชีวิตของตัวเองหวงจื่อฉวนและพวกเศรษฐีรวมทั้งพวกคนหนุ่มสาวทายาทเศรษฐีในกรุงโซลต่างตกตะลึง พวกเขาไม่คิดว่าสงครามโลกจะมาเร็วและรุนแรงขนาดนี้เพียงแค่พริบตาเดียว หม่าเจียเฉิงก็กลับมาพร้อมกับกลุ่มอันธพาลติดอาวุธมากมายเมื่อกี้ได้ทำอะไรผิดไปหรือเปล่า?คงจะเป็นเมื่อกี้ที่หม่าเจียเฉิงถูกทำร้ายจนเสียหน้าใช่ไหม หรือหม่าเจียเฉิงมีความแค้นอะไรอยู่แล้วหรือเปล่ายิ่งหวงจื่อซวนคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งสนุกมากขึ้นเท่านั้นนายน้อยฝูคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะยืนขึ้นและตะโกนใส่หม่าเจียเฉิง "พี่หม่า พี่ปล่อยพวกเราไปได้ไหม เมื่อกี้พวกเราก
หัวหน้ารปภ.พูดด้วยสีหน้าที่ดูไม่ได้ "โทรศัพท์มือถือไม่มีสัญญาณ ผมสงสัยว่าพวกมันจะตัดสัญญาณเพื่อปิดกั้นการสื่อสารของพวกเราครับ""บัดซบ! ถ้ารู้แบบนี้ตั้งแต่แรกคงไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแน่นอน" ครัฟต์กล่าวอย่างเสียใจสถานการณ์นี้ทำให้ครัฟต์เป็นทุกข์มาก จากที่ต้องการได้รับความไว้วางใจจากหลี่โม่ กลอุบายที่เขาสร้างขึ้นกลับกลายเป็นทำร้ายตัวเอง ทำให้ตอนนี้ชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตราย ครัฟต์รู้สึกว่าเขาอาจจะตายที่นี่ในวันนี้ก็ได้หากพระเจ้าให้โอกาสคลัฟต์เพื่อแก้ไขใหม่ คลัฟต์จะไม่ทำร้ายตระกูลหม่าแบบนั้นอย่างแน่นอน กลับกันจะยอมรับและให้เกียรติตระกูลหม่าราวกับว่าเขาเป็นบรรพบุรุษของตัวเองแต่ไม่มีโอกาสเริ่มต้นใหม่ในชีวิตแล้ว ครัฟต์ได้แต่หดตัวอยู่หลังมุมโต๊ะพลางตัวสั่นด้วยความกลัว“พวกแกต้องคุ้มกันฉัน พวกแกต้องปกป้องความปลอดภัยให้ฉัน แล้วฉันจะให้โบนัสกับพวกแก!” ครัฟต์พูดอย่างเป็นกังวัล"เราจะทำให้ดีที่สุดอย่างแน่นอน"หัวหน้ารปภ.มองไปที่หลี่โม่และกู้หยุนหลานหลังจากพูดจบ และรู้สึกแปลกใจกับความนิ่งเฉยของหลี่โม่หลี่โม่นั่งบนโซฟาอย่างใจเย็น มองดูสถานการณ์ภายนอกราวกับดูหนัง“คุณชายหลี่ ท่านไม่กล
หัวหน้ารปภ.คอยสังเกตการณ์ข้างนอกเมื่อเห็นพวกอันธพาลตั้งท่าจะโจมตีและนำบาซูก้าออกมาสองกระบอก รปภ.ก็อุทานว่า "คุณพระช่วย! พวกมันเอาบาซูก้าออกมาแล้ว ผมขอแนะนำให้พวกคุณออกไปยอมจำนนด้วยการเอามือวางไว้บนหัวดีกว่านะครับ!"เมื่อเผชิญกับการคุกคามจากอำนาจอาวุธที่หนักหน่วง รปภ.ต่างหมดหวังอย่างสิ้นเชิงและรู้สึกว่าเกินกว่ากำลังของมนุษย์จะต้านทานได้คลัฟต์เอามือกุมศีรษะและพยายามขดตัวเป็นลูกบอล วิธีนี้ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยขึ้นเล็กน้อย"แม่งเอ๊ย ฉันจะไม่ยอมแพ้ ถ้าฉันออกไป ฉันก็ตายน่ะสิ พวกแกต้องคุ้มกันฉัน!”เสียงของคลัฟต์เปลี่ยนเป็นเสียงร้องไห้หวงจื่อซวนและคนอื่น ๆ มองไปที่บาซูก้าและรู้สึกหวาดกลัวมากกว่าเดิมอีก หลาย ๆ คนก็เริ่มร้องไห้คร่ำครวญ“หมดกัน ทำไมฉันต้องมาร่วมงานเลี้ยงที่น่ากลัวแบบนี้ด้วยวะเนี่ย ฉันไม่น่ามาเลย”“เมื่อกี้เราไม่ควรยืนดูพวกมันดูถูกคุณชายหม่าเลย ตอนนี้คุณชายหม่าเลยโกรธ กลัวว่าพวกเราทุกคนจะถูกฝังไปกับพวกมันด้วยน่ะสิ”"ใครจะมาช่วยพวกเราได้บ้าง ไม่รู้ว่าการคำนับคุณชายหม่าจะทำให้เขาหม่าปล่อยเราไปไหม"พวกอันธพาลแสดงสายตาด้วยความรังเกียจ ในสายตาของพวกเขาแขกผู้มีเกียรติเหล่านี
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา