หม่าเจียเฉิงย่อมไม่มีทางสยบแน่นอน พวกคุณชายเศรษฐีทั้งกลุ่มถูกไล่ออกจากปราสาท เรื่องนี้ทำให้พวกเขารู้สึกอับอายจนแทบระเบิดออกมา ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้พวกลูกเศรษฐีไม่เคยอับอายขายหน้าเหมือนกับวันนี้มาก่อน เมื่อออกจากประตูปราสาทมาแล้ว พวกเขาก็เริ่มด่าทอต่อว่าขึ้นมา “ไอ้ขยะนั่นมันก็เฮงซวยพอ ๆ กับไอ้คนไร้ประโยชน์นั่น ควรจะจัดการพวกมันให้ราบคาบจริง ๆ ” “ถ้าจับพวกมันได้ต้องเหยียบให้จมดิน ไม่สิ ต้องฆ่าพวกมันทิ้งไปเลย พี่หม่า ผมจะติดต่อกับกลุ่มโจรพวกนั้นเดี๋ยวนี้ ดูว่าพวกเขาถึงไหนแล้ว” คุณชายเศรษฐีคนหนึ่งหยิบโทรศัพท์ออกมาโทร หลังจากพูดคุยไม่กี่ประโยคก็พลันเผยสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมา “พี่หม่า ทางนั้นมาถึงแล้ว พวกเขาอยู่ที่โกดังร้างห่างจากที่นี่ 20 กิโล พวกเราต้องไปเจอกับพวกเขาสักหน่อยไหม?” “ไปสิ ต้องไปเจออยู่แล้ว! ทุกคนขึ้นรถ พวกเราจะไปกันเดี๋ยวนี้” หม่าเจียเฉิงนั้นทนรอเจอกับจางเฉียงไม่ไหวแล้ว เขาอยากจะพากลุ่มโจรพวกนั้นของจางเฉียงกลับมาแล้วทำให้ทุกคนเห็นความน่าเกรงขามของตนเองจะแย่ ฉันเป็นถึงหนึ่งในสี่คุณชายแห่งเมืองหลวงนะโว้ย! ไม่ใช่หมาแมวที่ใครจะมาทำลายศักดิ์ศรีกันได้ตามอำเภอใจ!
เมื่อจางเฉียงหัวเราะ รอยแผลเป็นที่น่ากลัวบนใบหน้าของเขาก็เหมือนจะมีชีวิตขึ้นมา ราวกับว่าเป็นตะขาบที่ดุร้ายซึ่งทำให้หม่าเจียเฉิงรู้สึกหวาดกลัวในใจนายน้อยผู้มีอำนาจหายไปแล้ว และหม่าเจียเฉิงมองไปที่จางเฉียงอย่างประหม่า เหมือนเด็กดีที่ถูกเด็กนิสัยไม่ดีรังแก"คือฉัน คือฉันอยากจะ..."“คุณต้องให้พวกเราไปในปราสาท และช่วยคุณกวาดล้างคนที่ทำให้คุณเสียหน้าใช่ไหม”จางเฉียงดูเหมือนจะมองเห็นเจตนาของหม่าเจียเฉิงหม่าเจียเฉียนิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นพยักหน้าอย่างแรง "ใช่ ๆ แบบนั้นแหละ ครัฟต์ หลี่โม่ กู้หยุนหลาน ฉันต้องจัดการกับพวกมันอย่างสาสม"“เข้าใจแล้ว ยังไม่พอผมต้องบอกก่อน คนของผมเรื่องยิงไม่ค่อยซีเรียสมากนัก แต่ถ้าผมบังเอิญฆ่าทั้งสามคนที่คุณพูดถึงได้โดยไม่ได้ตั้งใจ ผมจะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น”จางเฉียงไม่อยากให้ใครสักคนรอดไปได้เลย การปล่อยให้ใครสักคนรอดไปนั้นจะเป็นปัญหามากที่สุด ดังนั้นการที่จางเฉียงได้รับงานนี้ เป้าหมายของเขาคือฆ่าทุกคนหม่าเจียเฉิงลังเลอยู่สักพัก จากนั้นก็พยักหน้า หม่าเจียเฉิงเข้าใจเหตุผลว่ากระสุนนั้นอย่างไรก็ไม่มีตา“เอาล่ะ พวกนายพยายามไว้ชีวิตให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ประตูปราสาทถูกปิด และงานเลี้ยงอาหารค่ำในปราสาทได้เริ่มขึ้นแล้ว ภายใต้แสงสี เสียงดนตรี การร้องเพลงและการเต้นรำ ผู้คนในปราสาทกำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศของงานเลี้ยงอาหารค่ำ และไม่คิดว่าโศกนาฏกรรมกำลังใกล้เข้ามาหลังประตูปราสาท รปภ.สองคนยืนสูบบุหรี่อย่างขี้เกียจ เวลานี้ไม่มีใครเข้าใครออกจึงเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาทำงานอย่างสบายใจที่สุดรปภ.สองคนรู้สึกสถานการณ์ของงานเลี้ยงดูไม่ชอบมาพากล แต่พวกเขาไม่สามารถออกไปไหนได้ ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่พูดคุยกันด้วยเสียงกระซิบเสียงคำรามของยานพาหนะดังเข้ามาในประตู รปภ.ทั้งสองต่างก็มองหน้ากันด้วยความสงสัย“ฟังดูเหมือนเสียงรถสปอร์ต แต่งานเลี้ยงอาหารค่ำได้เริ่มขึ้นแล้ว ทำไมยังมีคนมาอีก”“คงติดธุระเลยมาช้าไปหน่อยมั้ง แต่มีคำสั่งมาว่า ไม่อนุญาตให้คนเข้าแล้ว เราแค่แกล้งทำเป็นว่าไม่ได้ยินเสียงเรียกที่หน้าประตูก็แล้วกัน”รปภ.ทั้งสองคนยืนพิงที่ประตูโดยไม่ได้สนใจที่สถานการณ์ข้างนอกที่นอกประตู คนของจางเฉียงได้ลงมาจากรถ แล้วถืออุปกรณ์ต่าง ๆ และมองไปที่ประตูปราสาทที่ปิดอยู่“ทำไมไอ้สารเลวพวกนี้ถึงปิดประตู!”หม่าเจียเฉิงรู้สึกหงุดหงิดจนอยากจะกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
พวกอันธพาลส่งเสียงเอะอะโวยวาย แต่ยังคงวางมาดการต่อสู้ที่เข้มงวดจางเฉียงยืนอยู่กับหม่าเจียเฉิง โดยเอามือไพล่หลังไว้ "เข้าไปข้างในกันเถอะ เข้าไปชื่นชมผลแห่งชัยชนะกัน""ดี เข้าไปฉีกหน้าไอ้ขยะผู้น่าสงสารและไอ้ฝรั่งขี้นกนั่นกัน!"หม่าเจียเฉิงพูดด้วยความโกรธและเดินตามจางเฉียงเข้าไปในปราสาท……ในห้องตรวจการณ์ของปราสาท เมื่อพวกเขาเห็นฉากที่ประตูถูกเปิดออก รปภ.ในห้องตรวจการณ์ต่างพากันตกใจมากจนอ้าปากค้างหลังจากมึนงงอยู่ครู่หนึ่งก็เห็นกลุ่มอันธพาลบุกเข้ามาในปราสาท รปภ.ในห้องตรวจตราก็ตะโกนผ่านวิทยุสื่อสารว่า "มี กลุ่มคนอันธพาลถือปืนบุกเข้ามา พวกมันได้เข้าไปในปราสาทแล้ว!"เมื่อได้ยินเสียงคำรามจากเครื่องรับส่งวิทยุ หัวหน้ารปภ.ก็รู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดี "แกตาฝาดไปใช่ไหม จะมีพวกอันธพาลที่ไหนถือปืนเข้ามา"“พวกมันพังประตูเข้ามาแล้ว และหลายคนก็บุกเข้ามาพร้อมกับปืนในมือ!”หัวหน้ารปภ.ส่ายหัว คิดว่าคนในห้องตรวจสอบกำลังเป็นโรคประสาท "พวกแกอยู่ที่นี่เพิ่มกำลังในการรักษาความปลอดภัย อย่าทำให้แขก VIP ข้างในตกใจ ฉันจะไปดูที่ห้องตรวจสอบเอง"หัวหน้ารปภ.ที่เพิ่งออกไปจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นเป็นช
หม่าเจียเฉิงภูมิใจในตัวเองมาก เขารู้สึกว่าเขากลายเป็นพระเจ้าที่ควบคุมทุกสิ่งในทันที อย่างน้อยในปราสาทแห่งนี้เขาก็สามารถควบคุมชีวิตของทุกคนได้ ดังนั้นเขาจึงโห่ร้องและกู้หน้าที่เสียไปจางเฉียงยิ้มและชี้ไปที่ลูกน้องของเขา และกลุ่มลูกน้องก็รีบเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงเหมือนหมาป่าและเสือ จับแขกผู้มีเกียรติและผู้หญิงทั้งหมดรวมเข้าด้วยกันเสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแขกผู้มีเกียรติบางคนก็ถูกพวกอันธพาลรังแก แต่ไม่มีใครสนใจเสียงกรีดร้องของพวกเขา เพราะทุกคนมัวแต่ห่วงชีวิตของตัวเองหวงจื่อฉวนและพวกเศรษฐีรวมทั้งพวกคนหนุ่มสาวทายาทเศรษฐีในกรุงโซลต่างตกตะลึง พวกเขาไม่คิดว่าสงครามโลกจะมาเร็วและรุนแรงขนาดนี้เพียงแค่พริบตาเดียว หม่าเจียเฉิงก็กลับมาพร้อมกับกลุ่มอันธพาลติดอาวุธมากมายเมื่อกี้ได้ทำอะไรผิดไปหรือเปล่า?คงจะเป็นเมื่อกี้ที่หม่าเจียเฉิงถูกทำร้ายจนเสียหน้าใช่ไหม หรือหม่าเจียเฉิงมีความแค้นอะไรอยู่แล้วหรือเปล่ายิ่งหวงจื่อซวนคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งสนุกมากขึ้นเท่านั้นนายน้อยฝูคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะยืนขึ้นและตะโกนใส่หม่าเจียเฉิง "พี่หม่า พี่ปล่อยพวกเราไปได้ไหม เมื่อกี้พวกเราก
หัวหน้ารปภ.พูดด้วยสีหน้าที่ดูไม่ได้ "โทรศัพท์มือถือไม่มีสัญญาณ ผมสงสัยว่าพวกมันจะตัดสัญญาณเพื่อปิดกั้นการสื่อสารของพวกเราครับ""บัดซบ! ถ้ารู้แบบนี้ตั้งแต่แรกคงไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแน่นอน" ครัฟต์กล่าวอย่างเสียใจสถานการณ์นี้ทำให้ครัฟต์เป็นทุกข์มาก จากที่ต้องการได้รับความไว้วางใจจากหลี่โม่ กลอุบายที่เขาสร้างขึ้นกลับกลายเป็นทำร้ายตัวเอง ทำให้ตอนนี้ชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตราย ครัฟต์รู้สึกว่าเขาอาจจะตายที่นี่ในวันนี้ก็ได้หากพระเจ้าให้โอกาสคลัฟต์เพื่อแก้ไขใหม่ คลัฟต์จะไม่ทำร้ายตระกูลหม่าแบบนั้นอย่างแน่นอน กลับกันจะยอมรับและให้เกียรติตระกูลหม่าราวกับว่าเขาเป็นบรรพบุรุษของตัวเองแต่ไม่มีโอกาสเริ่มต้นใหม่ในชีวิตแล้ว ครัฟต์ได้แต่หดตัวอยู่หลังมุมโต๊ะพลางตัวสั่นด้วยความกลัว“พวกแกต้องคุ้มกันฉัน พวกแกต้องปกป้องความปลอดภัยให้ฉัน แล้วฉันจะให้โบนัสกับพวกแก!” ครัฟต์พูดอย่างเป็นกังวัล"เราจะทำให้ดีที่สุดอย่างแน่นอน"หัวหน้ารปภ.มองไปที่หลี่โม่และกู้หยุนหลานหลังจากพูดจบ และรู้สึกแปลกใจกับความนิ่งเฉยของหลี่โม่หลี่โม่นั่งบนโซฟาอย่างใจเย็น มองดูสถานการณ์ภายนอกราวกับดูหนัง“คุณชายหลี่ ท่านไม่กล
หัวหน้ารปภ.คอยสังเกตการณ์ข้างนอกเมื่อเห็นพวกอันธพาลตั้งท่าจะโจมตีและนำบาซูก้าออกมาสองกระบอก รปภ.ก็อุทานว่า "คุณพระช่วย! พวกมันเอาบาซูก้าออกมาแล้ว ผมขอแนะนำให้พวกคุณออกไปยอมจำนนด้วยการเอามือวางไว้บนหัวดีกว่านะครับ!"เมื่อเผชิญกับการคุกคามจากอำนาจอาวุธที่หนักหน่วง รปภ.ต่างหมดหวังอย่างสิ้นเชิงและรู้สึกว่าเกินกว่ากำลังของมนุษย์จะต้านทานได้คลัฟต์เอามือกุมศีรษะและพยายามขดตัวเป็นลูกบอล วิธีนี้ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยขึ้นเล็กน้อย"แม่งเอ๊ย ฉันจะไม่ยอมแพ้ ถ้าฉันออกไป ฉันก็ตายน่ะสิ พวกแกต้องคุ้มกันฉัน!”เสียงของคลัฟต์เปลี่ยนเป็นเสียงร้องไห้หวงจื่อซวนและคนอื่น ๆ มองไปที่บาซูก้าและรู้สึกหวาดกลัวมากกว่าเดิมอีก หลาย ๆ คนก็เริ่มร้องไห้คร่ำครวญ“หมดกัน ทำไมฉันต้องมาร่วมงานเลี้ยงที่น่ากลัวแบบนี้ด้วยวะเนี่ย ฉันไม่น่ามาเลย”“เมื่อกี้เราไม่ควรยืนดูพวกมันดูถูกคุณชายหม่าเลย ตอนนี้คุณชายหม่าเลยโกรธ กลัวว่าพวกเราทุกคนจะถูกฝังไปกับพวกมันด้วยน่ะสิ”"ใครจะมาช่วยพวกเราได้บ้าง ไม่รู้ว่าการคำนับคุณชายหม่าจะทำให้เขาหม่าปล่อยเราไปไหม"พวกอันธพาลแสดงสายตาด้วยความรังเกียจ ในสายตาของพวกเขาแขกผู้มีเกียรติเหล่านี
พวกอันธพาลทั้งด้านซ้ายและขวาหันปืนของพวกเขา แต่หลิวจื่อและคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ข้างหลังจางเฉียงยังคงเล็งปืนไปที่หลี่โม่“คุกเข่าลง! แกได้ยินที่ฉันสั่งไหม!” หม่าเจียเฉิงตะโกนใส่หลี่โม่ด้วยปืน“คุกเข่างั้นเหรอ มันเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะคุกเข่า แต่ถ้านายอยากจะคุกเข่าต่อฉัน ฉันก็อาจให้มีทางออกแก่นาย” หลี่โม่ยิ้มอย่างเบา ๆ“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่แกจะมาเล่นตลกอะไรแถวนี้ แกคิดว่าฉันจะปล่อยแกไป เพียงแค่ที่แกทำให้ฉันหัวเราะงั้นเหรอ?!”หม่าเจียเฉิงก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและจ่อปืนเข้าที่หัวของหลี่โม่อย่างแน่น“แกอยากลองดี คิดว่าฉันไม่กล้ายิงสินะ ฉันจะเอาชีวิตแก!”หม่าเจียเฉิงโกรธจนเสียสติไปแล้วและกำลังจะเหนี่ยวไกด้วยนิ้วมีแสงประกายวาบในดวงตาของหลี่โม่ และมือของเขาก็ขยับเหมือนสายฟ้า คว้ามือของหม่าเจียเฉิงที่ถือปืนก่อนที่หม่าเจียเฉิงจะเหนี่ยวไก หลี่โม่ก็คว้าข้อมือของหม่าเจียเฉิงไว้หลังจากบิดข้อมือของหม่าเจียเฉิงอย่างแรง ก็เกิดเสียงแตกหัก ฝ่ามือของเขาก็งอเป็นวงโค้งแปลก ๆ และปืนพกก็ตกอยู่ในมือของหลี่โม่ตอนนั้นเองที่จางเฉียงรู้ว่าว่าเกิดอะไรขึ้น และเมื่อเขากำลังรีบยกปืนขึ้น หลี่โม่ก็ลั่นไกปืนแล้วปัง ปั