...... กู้เจี้ยนหมินและหวังฟางมาตรวจอาการที่โรงพยาบาล เพียงแค่ตื่นตระหนกมากไปหน่อยเท่านั้น ไม่ได้มีอาการอย่างอื่น หลังจากชูจงเทียนส่งหลี่โม่และครอบครัวกลับบ้านแล้วเขาก็จากไป กู้เจี้ยนหมินและหวังฟางนั่งลงบนโซฟาอย่างหมดแรง มองไปยังหลี่โม่ด้วยสายตาสับสน การแสดงออกของหลี่โม่เมื่อครู่ทำให้ทั้งสองคนรู้สึกประหลาดใจ ทว่าเพราะมือปราบบุกเข้ามาแล้วบอกว่ามาเพื่อช่วยซีเหมินจือเผิง จึงไม่ได้ให้ทั้งสองตกละลึงไปกว่านั้น “หลี่โม่ เรื่องวันนี้มันเกิดอะไรขึ้น แกไปยั่วโมโหจางจงหยางคนนั้นมางั้นเหรอ?” กู้เจี้ยนหมินถามด้วยเสียงแหบแห้ง “พ่อ ก็เป็นเรื่องที่จินไห่ครั้งนั้นนั่นแหละ จางจงหยางจะช่วยเฝิงจื่อไฉจับตัวหนู ชูจงเทียนช่วงหลี่โม่ขัดขวางพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงกลายเป็นศัตรูกัน” กู้หยุนหลานช่วยพูดแทนหลี่โม่ กู้เจี้ยนหมินขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาถอนหายใจแล้วเอ่ย “ช่างสร้างปัญหาเก่งจริง ๆ สรุปแล้วเรื่องที่จินไห่มันจบแล้วหรือยัง เจ้าขยะนี่ยังไปหาเรื่องใครมาอีกไหม?!” กู้หยุนหลานตะลึงไปเล็กน้อย เธอครุ่นคิดอยู่ในใจ คิดว่าทั้งพวกจางจงหยางและเฝิงจื่อไฉพ่ายแพ้ย่อยยับไปแล้ว เรื่องราวก็คงจะจบลงแล้วล่ะ แต
สองวันต่อมา ในห้องประชุม กู้ซิ่งเหว่ยมองเอกสารในมืออย่างภาคภูมิใจ นี่คือเอกสารความร่วมมือที่ซีเหมินจือเผิงให้คนมาส่งให้หลังจากที่ให้ลูกน้องมาติดต่อกับกู้ซิ่งเหว่ยแล้ว หลังจากที่ซีเหมินจือเผิงออกจากโรงพยาบาลก็ไตร่ตรองอยู่นาน รู้สึกว่าการที่จะกู้หน้ากลับมา เขาต้องลงมือจากภายในตระกูลกู้ ต้องให้คนตระกูลกู้ทั้งหมดมายืนอยู่ข้างตน ถึงตอนนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์คนใกล้ชิดตีตัวออกห่าง กู้หยุนหลานต้องเลือกที่จะทอดทิ้งหลี่โม่แน่ หากต้องการทำให้คนในตระกูลทั้งหมดมาอยู่ข้างเดียวกับตน การใช้ความร่วมมือทางผลประโยชน์ ย่อมรวดเร็วและสะดวกที่สุดอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้จึงเกิดฉากที่กู้ซิ่งเหว่ยกำลังภูมิอกภูมิใจเช่นในปัจจุบัน กู้เจี้ยนกั๋วกระแอมไอเล็กน้อย สายตากวาดมองตั้งแต่ใบหน้าของกู้เจี้ยนเจียง กู้หยุนหลานและกู้ชิงหลินแสดงถึงอำนาจและตำแหน่งสถานะของตนอย่างเด่นชัด “ความก้าวหน้าของบริษัทในช่วงนี้ค่อนข้างไม่เป็นที่น่าพอใจสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะในเรื่องสัญญาสั่งซื้อรอบใหม่ ไม่เพียงไม่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่ยังพบว่าลดลงด้วย หยุนหลาน นี่เธอจัดการยังไงของเธอ!” กู้เจี้ยนกั๋วพูดพร้อมกับตบโต
เมื่อเห็นกู้หยุนหลานขมวดคิ้วด้วยความลำบากใจ กู้ซิ่งเหว่ยก็ยิ่งยิ้มหน้าระรื่นขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าดอกเบญจมาศบานอยู่บนใบหน้าของเขา “ฉันขอแนะนำให้นายระมัดระวังกับการร่วมธุรกิจครั้งนี้ ซีเหมินจือเผิงเขา......” กู้หยุนหลานเกิดความลังเลไม่ได้พูดต่อ หากเธอยังคงพูดต่อไปอีก มันจะโยงไปไปถึงเรื่องของซีเหมินจือเผิงกับหลี่โม่ ถ้าหากให้คนตระกูลกู้ได้ยินเข้าล่ะก็ จะต้องเกิดข่าวซุบซิบนินทากันอีกแน่ “เฮอะ!” กู้ซิ่งเหว่ยแค่นเสียงอย่างเย็นชา แล้วเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ระมัดระวัง? สัญญาที่เป็นประโยชน์ต่อพวกเราขนาดนี้ยังต้องระวังอะไรอีก เธอคงไม่ได้อิจฉากัน ก็เลยอยากขัดขวางข้อตกลงระหว่างฉันกับซีเหมินจือเผิงหรอกนะ เธอฝันไปเถอะ!” “หึหึ คนบางคนก็แค่พวกชอบเสแสร้ง ซิ่งเหว่ย นายต้องเข้าใจหน่อย หยุนหลานจะเลียแข้งเลียขาใครข้างนอกก็ได้ทั้งนั้น แต่เห็นพวกเราเลียแข้งเลียขาบ้างเป็นไม่ได้ ใช่ไหมจ๊ะ หยุนหลาน” กู้ชิงหลินมองไปที่กู้หยุนหลานด้วยความเหยียดหยาม กู้หยุนหลานเม้มปากแน่นด้วยความโมโห และเอนตัวพิงกับพนักเก้าอี้อย่างอ่อนแรง “ไม่จำเป็นต้องสนใจความเห็นของหยุนหลานหรอกน่า นี่เป็นเรื่องดีที่จะเป็นประโยชน์ต่อต
กู้หยุนหลานเย็บวาบขึ้นมาในใจ เธอเข้าใจเจตนาของซีเหมินจือเผิงแล้ว เขาจะใช้การเจรจาความร่วมมือนี้เป็นเครื่องมือเพื่อทำให้หลี่โม่อับอายต่อหน้าทุกคน “วันนี้หลี่โม่ไม่สบาย ต้องพักฟื้นอยู่ที่บ้าน มาไม่ได้หรอก” กู้หยุนหลานหาข้ออ้างมาพูด “ไอ้ขยะของเธอเป็นผู้ดีขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ถึงกับต้องพักฟื้นอยู่บ้าน ฉันไม่มีเวลาจะพักด้วยซ้ำ แล้วมันจะพักฟื้นบ้าบออะไร!” “ไอ้ขยะของเธอต่อให้คลานก็ต้องคลานมาให้ได้ ถ้าทำให้การเจรจากับคุณซีเหมินต้องหยุดชะงัก พวกแกทั้งครอบครัวก็ไม่มีปัญญารับผิดชอบไหว!” “เธอจะเรียกไม่เรียก ถ้าเธอไม่เรียกไอ้ขยะของพวกเธอมา พวกเราจะโทรไปเรียกมันเอง เชื่อสิ ถ้าไอ้ขยะของเธอได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเธอ มันจะต้องรีบวิ่งมาเร็วยิ่งกว่าหมาแน่” สมาชิกตระกูลกู้ต่างพูดอย่างถากถางดูถูก โดยไม่ไว้หน้ากู้หยุนหลานเลยแม้แต่น้อย กู้หยุนหลานรู้ว่ากำลังแขนไม่อาจบิดงอต้นขา ต่อให้ตนไม่โทรหาหลี่โม่ คนอื่น ๆ ก็คงหาข้ออ้างหลอกให้หลี่โม่มาหาอยู่ดี กู้หยุนหลานหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างไม่มีทางเลี่ยง เธอต่อสายหาหลี่โม่ “ซีเหมินจือเผิงจะมาเจรจราความร่วมมือที่บริษัท และชี้เจาะจงให้เรียกคุณมา
"อำนาจในมือของคุณชายหลี่นั้นทรงพลังมาก ฉันเดาว่าครั้งนี้เป็นการทดสอบความจริงใจของพวกเราในการที่จะขอโทษ พวกเราต้องทำทุกอย่างให้ออกสวยงามที่สุด พวกเราต้องหาบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเวชภัณฑ์ระดับนานาชาติมาร่วมมือกับตระกูลกู้"นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในจินไห่พูดคุยกัน และพวกเขามีแผนในเบื้องต้นกันแล้วเหอลี่หัวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นมองไปที่ลู่เจี้ยนปิน "ท่านลู่ ผมรู้ว่าท่านมีเครือข่ายกว้างขวาง เมื่อก่อนลูกหลานของเราเคยดูถูกท่าน เพียงแค่ต้องการให้ท่านอดทน ครั้งนี้เรามีปัญหา ท่านต้องช่วยเราเอาชนะให้ได้ ต่อไปร้อยละ 10 ของหุ้นบริษัทของเราจะมอบให้ท่าน”10% ของส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้ไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย แม้ว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้ล้วนเป็นองค์กรท้องถิ่นในจินไห่ แต่สินทรัพย์ของแต่ละบริษัทคาดว่าจะมีมูลค่าหลายพันล้าน"ผมไม่ต้องการส่วนได้ส่วนเสีย เว้นแต่พวกคุณขอโทษคุณชายหลี่ด้วยความจริงใจ หากผมยอมรับส่วนแบ่งจากพวกคุณ คุณชายหลี่จะเข้าใจผมผิดได้"ลู่เจี้ยนปินพูดด้วยรอยยิ้มเหอลี่หัวและคนอื่น ๆ ตกตะลึงไปชั่วขณะ พวกเขาไม่คาดคิดว่าลู่เจี้ยนปินจะไม่ต้องการ ต่อให้จะส่งส่
ซีเหมินจือเผิงเดินเข้าไปในห้องประชุมของบริษัทพร้อมด้วยการคุ้มกันของบอดี้การ์ด กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ ยืนอยู่ที่ประตูห้องประชุมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าเพื่อทักทายเขา"ยินดีต้อนรับการมาเยือนของท่านประธานซีเหมินครับ" กู้เจี้ยนกั๋วพูดด้วยสีหน้าประจบสอพลอซีเหมินจือเผิงไม่สนใจกู้เจี้ยนกั๋ว แต่มองหากู้หยุนหลานและหลี่โม่ท่ามกลางสมาชิกในตระกูลกู้เมื่อเห็นกู้หยุนหลานและหลี่โม่ยืนอยู่ที่ปลายแถว ซีเหมินจือเผิงก็แสดงรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา“เข้าไปคุยเรื่องงานให้เป็นเรื่องเป็นราวเถอะ” ซีเหมินจือเผิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชากู้เจี้ยนกั๋วไม่กล้าที่จะประมาท และยินดีต้อนรับซีเหมินจือเผิงเข้ามาในห้องประชุมจากนั้นพูดกับกู้หยุนหลานว่า "หยุนหลานรีบรินชาให้ประธานซีเหมินสิ"กู้เจี้ยนกั๋วซึ่งคาดเดาความตั้งใจของซีเหมินจือเผิงได้จึงผลักกู้หยุนหลานออกไปโดยไม่ลังเลแม้ว่ากู้หยุนหลานจะไม่เต็มใจ แต่เธอก็ทนได้ เธอเดินไปยังตู้ที่มุมห้องประชุม จัดชุดน้ำชาออกมาและเริ่มชงซีเหมินจือเผิงและกู้เจี้ยนกั๋วนั่งหันหน้าเข้าหากัน ทุกคนในตระกูลกู้และลูกน้องของซีเหมินจือเผิงก็นั่งลงเช่นกัน ส่วนหลี่โม่ก็นั่งอยู่ตรงมุมห้องกู้หยุ
กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ มองหน้ากันแล้วมองไปที่หลี่โม่พร้อมกัน“ไอ้ขยะ แกไม่ได้ยินที่ท่านประธานซีเหมินพูดเหรอ รีบคุกเข่าลงต่อหน้าท่านประธานซีเหมินซะ!” กู้ซิ่งเหว่ยตะโกนใส่หลี่โม่"หลี่โม่ เพื่อความอยู่รอดของตระกูล แกเพียงแค่ทำตามคำสั่งของท่านประธานซีเหมิน ต้องทำให้ท่านประธานซีเหมินพอใจสิ" กู้เจี้ยนเจียงกล่าวอย่างเฉยเมยกู้หยุนหลานจ้องมองที่ซีเหมินจือเผิง และพูดด้วยเสียงที่ต่ำว่า "นี่คุณจะมากเกินไปแล้วนะ ที่ใช้วิธีที่น่ารังเกียจแบบนี้"“ไม่ใช่ว่าผมใจร้าย ผมแค่อยากให้คุณเห็นธาตุแท้ของไอ้ขยะนี่ หยุดหลอกตัวเองและคนอื่น ๆ ได้แล้ว กู้หยุนหลาน สามีของคุณเป็นแค่ไอ้ขยะจริง ๆ” ซีเหมินจือเผิงยิ้มอย่างร้ายกาจเมื่อเห็นว่าหลี่โม่ไม่ขยับ กู้ชิงหลินจึงยืนขึ้นและพูดว่า "ทำไมแกยังนั่งนิ่งอยู่อีก ไอ้สารเลว? แกอยากตายใช่ไหม ถ้าแกไม่คุกเข่าต่อหน้าท่านประธานซีเหมิน พวกเราจะไม่เกรงใจแกแล้วนะ”หลี่โม่ยิ้มจาง ๆ ส่ายหัวและพูดว่า "เขาไม่คู่ควรให้ฉันต้องคุกเข่า แต่เขาสมควรจะคุกเข่าให้ฉันมากกว่า" ปึง!กู้เจี้ยนกั๋วตบโต๊ะด้วยความโกรธ จ้องมองที่หลี่โม่และตะโกนว่า "แกกำลังพูดถึงเรื่องบ้าอะไร! กล้าทำตัวไม่สุ
ห้องประชุมเงียบลงทันทีและซีเหมินจือเผิงขมวดคิ้วแน่น โดยไม่คาดคิดว่าศัตรูเก่าของเขาจะตามเขามาถึงที่นี่ แถมยังต้องการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือกับตระกูลกู้การปรากฏตัวของศัตรูเก่าทำให้ซีเหมินจือเผิงได้กลิ่นทะแม่ง ๆ และดูเหมือนว่าปัญหาใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นกู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ ตกตะลึงอย่างพูดไม่ออก พวกเขากำลังพูดคุยกับซีเหมินจือเผิงที่นี่ จะมีบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติอีกแห่งเพื่อมาหารือความร่วมมืออีกได้อย่างไร เป็นไปได้ไหมว่าพระเจ้าจะประทานความสำเร็จให้กับเหล่าตระกูลกู้?กู้เจี้ยนกั๋วซึ่งมีความฝันอันแสนหวานอยู่ในใจเกือบจะยิ้มออกหน้าออกตา"นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายคนจากจินไห่มาพร้อมกัน โดยบอกว่าพวกเขาต้องการขอโทษคุณชายหลี่"ประโยคนี้ของเลขาทำให้ความฝันของกู้เจี้ยนกั๋งพังทลายเมื่อได้ยินคำว่าขอโทษต่อคุณชายหลี่ เงามัจจุราชก็ปรากฏขึ้นในใจของกู้เจี้ยนกั๋วไม่นานมานี้ นายใหญ่แห่งตระกูลซูในเมืองหลวงของจังหวัดก็มาขอโทษไอ้หลี่โม่ และความคิดนี้ก็ปรากฏขึ้นในหัวของกู้เจี้ยนกั๋วจะมีคนมาขอโทษไอ้หลี่โม่อีกได้อย่างไรกัน คนไม่เอาไหนอย่างไอ้หลี่โม่จะมีคนมาคำนับได้อย่างไร เรื่องนี้แบบนี้