หวังหลิงตะโกนด้วยความโกรธ ทำให้ทุกคนที่มาเกลี้ยกล่อมตกใจกลัว ผู้คนต่างกลับเข้าห้องผู้ป่วยไป ไม่กล้าพูดอะไรอีก พอหันกลับมา หวังหลิงคว้าคอเสื้อของซีซี เขย่าซีซีอย่างแรงแล้วตะโกน “แกมันเด็กดื้อที่มีพ่อแม่ให้กำเนิด แต่ไม่มีพ่อแม่คอยสั่งสอน ลูกชายฉันอุตส่าห์ใจดีเล่นกับแก แต่แกกลับกล้าทำร้ายลูกฉัน วันนี้ฉันจะสั่งสอนแก เหิงเหิงมานี่ มาตีเธอให้หนัก ๆ! ” “จำสิ่งที่แม่สอนนะลูก ครอบครัวเราไม่ว่าจะไปไหนก็ไม่ต้องกลัว หากใครทำร้ายลูก ก็ตีให้มันตายไปเลย มีแม่อยู่ ถึงจะเกิดเรื่องแต่บ้านเราก็จัดการได้ อย่าให้ใครมารังแกเด็ดขาด!” ซีซีร้องไห้และดิ้นรน แต่เธอก็ไม่สามารถหลุดจากแรงดึงของหวังหลิงได้ “ปล่อยหนูนะ หนูมีพ่อแม่คอยสั่งสอนนะ เขาต่างหากที่หกล้มเอง แล้วก่อนหน้านั้นเขาก็ต่อยหนูด้วย หนูไม่ได้ทำอะไรเขาเลย คุณเป็นคนไม่ดี พวกคุณเป็นคนไม่ดี” ซีซีร้องไห้ ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา ช่างน่าสงสารเหลือเกิน “ยัยเด็กขี้โกหก ยังกล้าว่าฉันเป็นคนไม่ดี! แกมันเด็กไม่ได้รับการสั่งสอน วันนี้ฉันจะฉีกปากแก แกจะได้รู้ว่าอะไรคือการสั่งสอน!” หวังหลิงยื่นมือออกมาด้วยความโกรธ หวังจะตบไปที่หน้าซีซี แต่ทันทีที่เธอยกมือข
“พี่ ฉันถูกเจ้ายาจกคนหนึ่งทำร้ายที่โรงพยาบาล ลูกสาวของมันดูเหมือนจะเป็นคนไข้ในแผนกของพวกพี่ พี่รีบมาเลยนะ!” หวังหลิงพูดทั้งน้ำตา “พวกเธออยู่ในพื้นที่ผู้ป่วย? ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” เสียงทุ้มต่ำดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ หวังหลิงวางโทรศัพท์ แล้วชี้ไปที่หลี่โม่และตะโกนว่า “พี่ชายของฉันกำลังมา แก เจ้ายาจกเตรียมรอคุกเข่าให้ฉันได้เลย! พวกแกทั้งครอบครัวต้องคุกเข่าขอโทษฉัน!” กู้หยุนหลานปลอบซีซี และเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้วว่ามีต้นสายปลายเหตุเป็นอย่างไร ในตอนนี้ ได้ยินความหยิ่งผยองของหวังหลิง ในใจก็รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก “คุณนี่มันเปลี่ยนผิดเป็นชอบ ลูกชายของคุณต่างหากที่รังแกลูกสาวฉัน คุณไม่ให้ลูกชายของคุณรับผิดก็ไม่เป็นไร แต่คุณรู้ไหมว่าอะไรคือจริยธรรม มโนธรรม สุจริตธรรมและยางอาย” กู้หยุนหลานด่ากลับ ในใจของเธอ ซีซีคือสมบัติล้ำค่า ไม่ว่าลูกคนไหนก็เป็นดวงใจของแม่ทั้งนั้น หวังหลิงมองไปที่กู้หยุนหลานอย่างดูถูก ถ่มน้ำลายและตะโกนว่า “คนจนที่เข้าเมืองมาทำงานอย่างพวกแก ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องจริยธรรม มโนธรรม สุจริตธรรมและยางอายหรอก พวกแกมันไม่คู่ควร!” “พวกแกทั้งบ้านรีบคุกเข่าขอขม
หวังหยงลูบหลังหวังหลิง ช่วยหวังหลิงระบายอารมณ์ และพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “อย่าตื่นตระหนกไปเลย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉัน ฉันจะให้พวกเขาขอโทษอย่างสาสม” หวังหลิงพยักหน้าและพาลูกชายของเธอถอยหลังไปสองก้าว หวังหยงพูดด้วยใบหน้าเย็นชาว่า “พวกคุณยังต้องการให้ซีซีพบแพทย์ที่นี่ต่อไหม? ถ้ายังต้องการรับการรักษาต่อ ครอบครัวของคุณทั้งหมดจะต้องคุกเข่าลงและขอขมาน้องสาวของผม” “สำหรับเรื่องค่าเสียหาย ดูจากสารรูปพวกคุณก็ดูไม่น่าจะเป็นคนมีเงิน ผมจะไม่พูดถึงมันแล้ว แต่พวกคุณสองสามีภรรยาควรแสดงให้เห็นหน่อยไหมว่า พวกคุณยอมเป็นทาสรับใช้ในบ้านน้องสาวของฉันสักสามถึงห้าเดือน" หวังหยงยื่นข้อเสนอที่น่ารังเกียจมากกว่าเดิม ตามอารมณ์ของหวังหลิงแล้ว ถ้ายอมไปเป็นทาสรับใช้ในบ้านเธอสักสามเดือนก็คาดว่าจะเกิดอาการโรคประสาทแล้ว “สมองคุณคงมีปัญหาใช่ไหม ก่อนพูดจาช่วยใช้สมองคิดหน่อยไม่ได้หรือไง?” หลี่โม่ตอบกลับด้วยใบหน้าเย็นชา “ให้ตาย! นี่คุณยังกล้ายอกย้อนผม! ผมว่าคุณคงไม่อยากให้ลูกสาวรับการรักษาแล้ว เพียงแค่ผมพูดออกไปประโยคเดียว ผมรับประกันเลยว่าไม่มีโรงพยาบาลไหน หรือแพทย์ที่ไหนในเมืองฮั่นที่จะรักษาลูกสาวของคุณ ลูกสาวข
"คนยากจนอย่างแก จะไปเรียกคนแบบไหนมาได้ ประเภทที่คนยากจนรู้จักได้คงจะเป็นคนยากไร้ไม่ก็คนไร้ประโยชน์ แกเรียกมาเลย ฉันจะคอยดูซิว่า แกจะเรียกคนโง่เง่าเต่าตุ่นแบบไหนมากัน" คำพูดของหวังหยงเต็มไปด้วยการดูถูกหลี่โม่ ตามสามัญสำนึกแล้ว คนยาจกไม่มีวันรู้จักกับคนที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน “ฮัลโหล ผู้อำนวยการหลิวซินหมินใช่ไหมครับ? ผมหลี่โม่” หลี่โม่ตอบกลับอย่างเฉยชา “นายน้อย สวัสดีครับ ผมหลิวซินหมิน คุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ? ถ้าหากว่ามีปัญหาเกี่ยวกับการรักษา คุณไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผู้เชี่ยวชาญได้ปรึกษาหารือกันแล้ว และได้กำหนดแผนการวินิจฉัยและการรักษาแล้วครับ” หลิวซินหมินโค้งตัวและกล่าวด้วยความเคารพอย่างมาก หลิวหมินซินนั้นรู้ดีอย่างแจ่มแจ้งชัดเจนในเรื่องตัวตนและเบื้องหลังของหลี่โม่ นั่นคือนักลงทุนที่เป็นเจ้าของโรงพยาบาลเชียวนะ ว่าตามความอาวุโส เขาเป็นระดับปู่เลยแหละ! “หัวหน้าแผนกหวังกับผมมีเรื่องกันนิดหน่อย คุณแวะมาดูหน่อยสิ เราอยู่ตรงประตูห้องพักผู้ป่วยของซีซี” หลี่โม่เลิกคิ้วและเหลือบมองหวังหยงที่อยู่ตรงข้ามและกำลังเผชิญกับเลือดกำเดาไหล “หวังหยงเจ้านั่น! นายน้อยรอสักครู่ครับ ผมจะไ
หวังหยงเหล่มองหลี่โม่ เมื่อเห็นท่าทีที่สงบของหลี่โม่ ก็ทำให้ในใจของหวังหยงกระตุก เป็นไปได้ไหมว่าผู้อำนวยการหลิวถูกคนยาจกนี่เรียกมา? หวังหลิงที่ยืนอยู่ข้างหวังหยงก็พูดเสียงเบา ๆ ว่า “พี่คะ มันเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน” “ฉันจะไปรู้ได้ยังไง บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ คอยดูสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยว่ากัน” หวังหยงหันกลับแล้วเดินไปหาหลิวซินหมิน พูดด้วยใบหน้าที่ร้องไห้คร่ำครวญว่า "ผู้อำนวยการหลิวมาทันเวลาพอดีเลยครับคุณมองดูหน้าผมซิครับ ผมถูกอันธพาลนี่ต่อย คุณต้องขอความเป็นธรรมให้ผมด้วยนะครับ" หลิวซินหมินมองดูใบหน้าของหวังหยง แล้วพูดอย่างโหดร้ายว่า "สมควรแล้ว!" "อะไรนะครับ?" หวังหยงมองหลิวซินหมินอย่างเหม่อลอย คิดไม่ถึงเลยว่าหลิวซินหมินจะพูดคำแบบนี้ออกมา “ผู้อำนวยการหลิว นี่คุณหมายความว่าอย่างไรครับ? ผมหวังหยงไม่มีคุณงามความดีแต่ก็ทำงานหนักมาตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ผมถูกคนจนนี้ทุบต่อย แต่คุณกลับบอกว่าสมควร?” “หรือไม่สมควรล่ะ! แกลองคิดดูว่าแกทำอะไรลงไป แกได้ตรวจสอบความจริงแล้วหรือยัง? พวกเขาไม่ได้โกรธสุดขีด ลงมือทุบต่อยแก? แกทบทวนถึงสิ่งที่แกทำลงไป!” หลิวซินหมินดุเสียงดัง หวังหยงห
“หวังหยง นี่คือทัศนคติของคุณในการขอขมา? ตามกฏระเบียบของโรงพยาบาล สิ่งที่คุณทำลงไปทั้งหมดในตอนนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะถูกไล่ออก หากคำขอโทษของคุณไม่ทำให้คุณชายหลี่พอใจ ถ้าอย่างนั้นคุณก็เตรียมเก็บของแล้วไสหัวไปได้เลย” หลิวซินหมินไม่กล้าปกป้องหวังหยง หากหลี่โม่เข้าใจผิด หลิวซินหมินก็จะถูกเด้งจากตำแหน่งผู้อำนวยการในไม่กี่นาที ในใจหวังหยงตกใจมาก คิดไม่ถึงว่าหลิวซินหมินถึงกับช่วยหลี่โม่พูดแบบนี้ เมื่อคิดไตร่ตรองถึงตำแหน่งหัวหน้าแผนก นึกถึงค่าคอมมิชชันยา นึกถึงทุกอย่างที่เภสัชยาเต็มใจอุทิศให้ หวังหยงก็ตัดสินใจกัดฟันและก้มหน้าลง “ผมตระหนักถึงความผิดของตัวเองอย่างสุดซึ้ง ผมไม่ควรปกป้องญาติโดยไม่คำนึงถึงครอบครัว ผมหุนหันพลันแล่นและทำผิดพลาดครั้งใหญ่ ทำให้ภาพลักษณ์ของโรงพยาบาลของเราเสื่อมเสีย ต่อไปนี้ผมจะชดใช้ให้อย่างแน่นอน ขอให้คุณชายหลี่ยกโทษให้ผมด้วย ให้โอกาสผมได้ปรับปรุงตัวใหม่ด้วยครับ” หลังจากที่หวังหยงพูดจบเขาก็มองไปที่หวังหลิงและในแววตาของเขาก็ปรากฏความวิงวอน หากหวังหลิงยังคงสร้างปัญหาต่อไป หวังหยงย่อมไม่มีผลดีอย่างแน่นอน หวังหลิงรู้สึกกลัวเล็กน้อย สาเหตุหลักมาจากการที่ผู้อำนวยกา
กู้หยุนหลานมองไปที่หลี่โม่และซีซีอย่างเงียบ ๆ จากนั้นใบหน้าเธอก็ปรากฏรอยยิ้มอย่างมีความสุข กู้หยุนหลานซึ่งอยู่ในอารมณ์ที่ผ่อนคลาย รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ผ่อนคลายและมีความสุขอย่างนี้มานานแล้ว หลี่โม่อุ้มซีซีแล้วเดินไปข้างกู้หยุนหลาน "ซีซี หนูดูซิคุณแม่สวยไหม?" “คุณแม่สวย คนที่สวยที่สุดในโลกก็คือคุณแม่ เดี๋ยวหนูโตแล้วจะสวยเหมือนคุณแม่” ซีซีพิงบนไหล่ของกู้หยุนหลาน แขนทั้งสองข้างของเธอโอบไว้รอบคอของกู้หยุนหลาน และมองกู้หยุนหลานอย่างร่าเริง กู้หยุนหลานแตะจมูกของซีซีเล็กน้อย "ลูกนี่ฉลาดเจ้าเล่ห์จริง ๆ เลย ช่างรู้จักพูดจา" “คุณแม่คะ หนูอยากกินของอร่อย อยากกินไอศกรีมค่ะ” ซีซีพูดอ้อน กู้หยุนหลานหัวเราะแล้วยื่นมือออกมา จากนั้นก็อุ้มซีซีจากอ้อมแขนของหลี่โม่ "ไปกันเถอะ แม่จะพาลูกไปกินของอร่อย ๆ นะ" “ถ้าอย่างนั้นพวกคุณไปก่อนเลย ผมจะไปพบผู้อำนวยการหลิวเพื่อจัดการเรื่องการรักษาของแพทย์ประจำตัวคนใหม่ เจรจาสักครู่หนึ่ง” “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ คุณต้องสุภาพกับคุณหมอหน่อยนะคะ” กู้หยุนหลานเตือนสติ ตอนแรกเธออยากถามว่าเรื่องเมื่อสักครู่นี้เป็นอย่างนั้นได้อย่างไร แต่ถูกหลี่โม่ขัดจังหวะและลืมไ
จางลี่รีบไปโรงพยาบาลอย่างร้อนรน เมื่อเห็นรอยตบบนใบหน้าของหวังหลิงและรอยจมูกฟกช้ำและใบหน้าบวมเป่งของพี่ชายเธอ ทันใดนั้นไฟโทสะก็ลุกโชนขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทรออกหมายเลขโทรศัพท์ของหลิวซินหมิน จางลี่ตะโกนว่า "หลิวซินหมิน! นี่แกตาบอดไปแล้วใช่ไหม?" “ประธานจาง คุณหมายความว่าอย่างไร? ผมเหล่าหลิวทำอะไรผิด?” หลิวซินหมินถามด้วยความสงสัย “ให้ตายเถอะ! สุนัขแก่อย่างแกเสแสร้งได้เนียนมาก ภรรยาของฉันคือหวังหลิง พี่ชายใหญ่ของฉันคือหวังหยง และลูกชายของฉันคือจางเหิง! เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา แกไม่รู้เหรอ!” หลิวซินหมินสั่นสะท้านไปทั้งตัว ทันใดนั้นก็ร้องคร่ำครวญในใจอย่างขมขื่น คิดไม่ถึงว่าหวังหยงจะมีความสัมพันธ์เส้นสายที่ใหญ่แบบนี้ แค่ดูจากท่าทีโกรธจัดของจางลี่ เกรงว่าเรื่องคงจะไม่จบดีแล้ว! หลิวซินหมินร้อนรนอย่าสุดขีด ในขณะนั้นก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ด้านหนึ่งคือนายน้อยแห่งแดนมังกร อีกด้านคือรองประธานสหพันธ์การแพทย์ที่ดูแลโรงพยาบาลของพวกเขา ทั้งสองคนต่างเป็นคนที่ไม่สามารถล่วงเกินได้ “ประธานจางใจเย็น ๆ ก่อน มันต้องมีความเข้าใจผิดบางอย่าง...” "เข้าใจผิดบ้านแกสิ! อันธพาลที่รังแก