จางลี่รีบไปโรงพยาบาลอย่างร้อนรน เมื่อเห็นรอยตบบนใบหน้าของหวังหลิงและรอยจมูกฟกช้ำและใบหน้าบวมเป่งของพี่ชายเธอ ทันใดนั้นไฟโทสะก็ลุกโชนขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทรออกหมายเลขโทรศัพท์ของหลิวซินหมิน จางลี่ตะโกนว่า "หลิวซินหมิน! นี่แกตาบอดไปแล้วใช่ไหม?" “ประธานจาง คุณหมายความว่าอย่างไร? ผมเหล่าหลิวทำอะไรผิด?” หลิวซินหมินถามด้วยความสงสัย “ให้ตายเถอะ! สุนัขแก่อย่างแกเสแสร้งได้เนียนมาก ภรรยาของฉันคือหวังหลิง พี่ชายใหญ่ของฉันคือหวังหยง และลูกชายของฉันคือจางเหิง! เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา แกไม่รู้เหรอ!” หลิวซินหมินสั่นสะท้านไปทั้งตัว ทันใดนั้นก็ร้องคร่ำครวญในใจอย่างขมขื่น คิดไม่ถึงว่าหวังหยงจะมีความสัมพันธ์เส้นสายที่ใหญ่แบบนี้ แค่ดูจากท่าทีโกรธจัดของจางลี่ เกรงว่าเรื่องคงจะไม่จบดีแล้ว! หลิวซินหมินร้อนรนอย่าสุดขีด ในขณะนั้นก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ด้านหนึ่งคือนายน้อยแห่งแดนมังกร อีกด้านคือรองประธานสหพันธ์การแพทย์ที่ดูแลโรงพยาบาลของพวกเขา ทั้งสองคนต่างเป็นคนที่ไม่สามารถล่วงเกินได้ “ประธานจางใจเย็น ๆ ก่อน มันต้องมีความเข้าใจผิดบางอย่าง...” "เข้าใจผิดบ้านแกสิ! อันธพาลที่รังแก
เมื่อเห็นหลิวซินหมินและหลี่โม่พูดคุยกัน จางลี่ก็แหงนหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “ผู้อำนวยการหลิว แกยังจะพูดไร้สาระอะไรกับมันอีก รีบให้คนมาจับมันไว้ เปลื้องเสื้อผ้ามันออกให้หมดแล้วมัดไว้ แล้วไปตามหาเมียกับลูกสาวมันมาให้ได้” “คนที่กล้าทำให้คนในครอบครัวจางลี่อับอาย ฉันจะทำให้มันไม่สามารถพลิกชีวิตได้อีก ให้พวกเขาแบกรับความอับอายไปตลอดชีวิต ฉันจะถ่ายรูปและบันทึกวิดีโอไว้ ให้พวกมันเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปในวันนี้!” จางลี่กล่าวว่าชั่วร้ายอย่างยิ่ง เมื่อหลิวซินหมินได้ยินอย่างนั้นก็หวาดหลัวทันใด เป็นไปตามที่คาดไว้ ภายในอุตสาหกรรมต่างกล่าวว่า จางลี่เป็นคนที่ไม่สามารถล่วงเกินได้ ผู้ชายคนนี้เลวทรามไม่มีใครเทียบจริง ๆ “คุณดูค่อนข้างเป็นคนสร้างสรรค์ดีนี่ ดูเหมือนว่าอีกเดี๋ยวคุณก็จะได้ลองประสบการณ์ดี ๆ แล้ว” หลี่โม่กล่าวด้วยรอยยิ้ม จางลี่ขมวดคิ้วแน่นและรู้สึกว่าหลี่โม่กำลังเยาะเย้ยตัวเอง “แกยังจะไม่คุกเข่าลงแล้วเปลื้องผ้าตัวเอง อีกเดี๋ยวฉันเรียกคนมา ก็จะไม่สุภาพกับแกแบบนี้แล้ว ฉันจะนับถอยหลังสิบ “สิบ เก้า แปด...” สีหน้าชั่วร้ายของจางลี่กำลังนับเลขถอยหลัง หลี่โม่ยืนขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาจางลี่ ใบหน
เมื่อมีคำสั่งจากหลิวซินหมิน หัวหน้าถงก็นำบรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพุ่งเข้าไปหาจางลี่และคนอื่น ๆ ราวกับเสือที่ดุร้าย จางลี่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนกดลงบนกำแพง รู้สึกเหมือนกับว่าสมองเขากำลังดังขึ้นวิ้ง ๆ คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าทำไมหลิวซินหมินถึงกล้าขนาดนี้ “ผู้อำนวยการหลิว คุณช่างกล้ามาก! น้องเขย นายรีบตำหนิเขาสิ แล้วให้รปภ.พวกนี้ปล่อยฉัน ฉันเจ็บหน้ามาก!” หวังหยงถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งกดที่ด้านหลังศีรษะของเขาและใบหน้าทั้งหน้าของเขาถูกกดเข้ากับผนังอย่างแน่น แก้มที่บวมช้ำที่ถูกหลี่โม่ต่อยก่อนหน้านี้ถูกแนบชิดกับกำแพงอย่างแน่น และมันถูกบีบจนเจ็บปวดมากขึ้น สภาพของหวังหลิงก็ไม่ค่อยดีนัก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนคว้าแขนของหวังหลิงแล้วบิดกลับ เจ็บจนหวังหลิงตะโกนโอ๊ย โอ๊ย “โอ๊ย มันเจ็บนะ พวกคนชั่วนี่รีบปล่อยฉันนะ สามีรีบมาช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วย!” จางลี่จ้องหลิวซินหมินด้วยความโกรธ แล้วตะโกนว่า "หลิวซินหมิน แกนี่มันช่างใจกล้าบ้าบิ่นเกินไปแล้ว ถึงกับกล้าสั่งให้คนลงมือกับฉัน ฉันจะบอกอะไรให้นะ ฉันจะรื้อถอนโรงพยาบาลของแก!" “ประธานจาง ผมพูดกับคุณดี ๆ
ประธานหลี่เหลือบมองจางลี่ราวกับว่าเขามองอากาศธาตุ และไม่ได้สนใจจางลี่เลยสักนิด เมื่อเห็นประธานจางเดินผ่านตัวเองไปโดยไม่แม้แต่จะสนใจเลยสักนิด ในใจของจางลี่ก็จมลงสู่ก้นบึ้ง ประธานหลี่ไม่ได้มาเพื่อตัวเขาเองหรือ? เป็นไปได้ไหมว่ายาจกนี่เรียกประธานหลี่มา? เป็นไปได้ไหมว่า... จางลี่ไม่กล้าคิดเรื่องต่อไปจากนี้แล้ว จางลี่ที่ตื่นตระหนกก็ดิ้นรนเอื้อมมือทั้งสองออกมา แล้วคว้ากางเกงของประธานหลี่ไว้ ประธานหลี่ที่ถูกดึงกางเกงรั้งไว้ก็หยุดฝีเท้า แล้วหันไปมองจางลี่ด้วยสายตาที่มืดมิด “ปล่อย เร็วเข้า!” “ท่านประธานหลี่ ช่วยผมด้วยเถอะครับ จากนี้ไปผมจะร่วมมือทำงานกับท่านอย่างเต็มที่ และจะฟังท่านทุกอย่าง ขอเพียงแค่ท่านช่วยเราด้วย!” จางลี่อ้อนวอนอย่างขมขื่น “แกรนหาที่ตายด้วยตัวเองนี่ อย่ามากวนฉัน แกเป็นแค่รองประธานห่วย ๆ เท่านั้น แกต้องอ่อนน้อม! แกคิดว่าแกเป็นอันดับหนึ่งในเมืองฮั่นงั้นเหรอ? แม้แต่อันดับหนึ่งในเมืองฮั่นก็ลงจากตำแหน่งแล้ว เป็นคนต้องรู้จักถ่อมตน" ประธานหลี่รู้สึกรำคาญจางลี่สุด ๆ ล่วงเกินใครไม่ล่วงเกิน แต่กลับไปล่วงเกินคนที่มีอิทธิพลล้นฟ้าอย่างคุณชายหลี่ “นี่มันเกิดเรื่องอะไรข
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่จับจางลี่อยู่ สายตาทุกคนต่างมองไปยังหลี่โม่ หลี่โม่พยักหน้าเบา ๆ แล้วเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนก็ปล่อยมือทันที จางลี่ที่ถูกปล่อยตัวแต่ไม่ได้ลุกขึ้นยืนทันที เขาใช้เข่าย่างก้าวไปสองก้าว และคุกเข่าต่อหน้าหลี่โม่ “คุณชายหลี่ ผมสำนึกผิดแล้วครับ ล้วนเป็นความผิดของผู้หญิงสุรุ่ยสุร่ายในครอบครัวผม ถ้าไม่ใช่เพราะเธอไม่ตาสว่างหน่อย ผมคงไม่ทำให้คุณชายหลี่ขุ่นเคืองอย่างแน่นอน” “ยังมีหวังหยงด้วย หวังหยงคนโง่นั้นก็เป็นประสาท ถ้าไม่ใช่เพราะหวังหยงขอความช่วยเหลือ ภรรยาของผมก็คงไม่ทำให้คุณชายหลี่ขุ่นเคือง ผมจะสั่งสอนพวกเขาให้คุณชายหลี่ดู” หลี่โม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกรังเกียจกับพฤติกรรมของจางลี่ที่ใส่ร้ายคนอื่นแบบนี้ เมื่อจางลี่เห็นว่าหลี่โม่ไม่ได้พูดอะไร เขาก็ลุกขึ้นทันทีและเดินไปหาหวังหยง “น้องเขย น้องเขยนายจะทำอะไร ฉันก็ทำไปเพราะปกป้องภรรยาของนายนะ! นายใส่ร้ายฉันได้ยังไง!” “แกกับน้องสาวของแกสร้างปัญหาให้ฉันมากแค่ไหน! ถ้าไม่ใช่เพราะฉันช่วยพวกแกแก้ปัญหา ฉันคงไม่โดนแบบนี้!” จางลี่ตะโกนว่าพลางเตะหวังหยงอย่างดุเดือด หวังหยงที่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความ
ซีซีกอดแขนของหลี่โม่แล้วทำตัวอ้อน ๆ หลี่โม่ยิ้มและอุ้มซีซีไว้ในอ้อมแขนของเขา “หวังหลิงไม่พอใจ เลยเรียกสามีเขาเข้ามาสร้างปัญหาอีก ผู้อำนวยการหลิวก็เลยมาช่วยแก้ปัญหา" กู้หยุนหลานพยักหน้า เมื่อนึกถึงสถานการณ์เมื่อครู่นี้ หวังหลิงและครอบครัวต่างก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนำตัวไปแล้ว “แล้วอีกคนล่ะ ฉันว่าคนที่อยู่กับผู้อำนวยการหลิวนั้นการแต่งตัวไม่ธรรมดาเลย” กู้หยุนหลานกล่าว “ดูเหมือนว่าจะเป็นหัวหน้าของสามีหวังหลิง ผู้อำนวยการหลิวโทรเรียกหน่วยงานของสามีเขา แล้วหัวหน้าของพวกเขาก็เข้ามาตรวจสอบสถานการณ์ บอกว่าจะจัดการสามีของหวังหลิงดี ๆ” หลี่โม่พูดโกหกอย่างหน้าตาย รู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างมีศักยภาพในการทำงานอยู่เบื้องหลัง ความสงสัยของกู้หยุนหลานก็ถูกไขจนกระจ่างแจ้ง เมื่อเห็นซีซีที่กำลังนอนหลับอยู่ในอ้อมแขนของหลี่โม่ก็ยิ้มออกมา "เมื่อกี้ซีซีกินเยอะมาก เราควรจะอยู่เป็นเพื่อนลูกให้มากกว่านี้อีกหน่อย" "ถ้าอาการของซีซีดีขึ้นแล้ว เราพาซีซีออกไปเล่นสนุกและชดเชยให้ลูกกันเถอะ" หลี่โม่มองไปยังลูกสาวในอ้อมแขนด้วยสายตาที่หวงแหน “อืม เป็นเพราะช่วงนี้ยุ่งเกินไป เลยไม่ได้แวะมาเยี่ยมซีซี
ภัตตาคารซินคงไห่อันเป็นภัตตาคารฟิวชั่นที่มีชื่อเสียงในเมืองฮั่น มีราคาสูงและสไตล์ย้อนยุคที่ออกแบบมาอย่างดีทำให้ภัตตาคารซินคงไห่อันเป็นหนึ่งในภัตตาคารที่ชื่นชอบของบรรดาเศรษฐีในเมืองฮั่น ณ ขณะนี้ "คุณชายซู คุณชายเหอ ผมบอกพวกคุณเลยว่า ถึงแม้ว่าภัตตาคารซินคงไห่อันแห่งนี้จะไม่ใช่สถานที่ที่มีค่าใช้จ่ายแพงที่สุดแต่ก็มีสภาพแวดล้อมที่คลาสสิก ในนี้มีผู้หญิงสวยมากมาย ถ้าคุณทั้งสองคนปิ๊งเข้ากับผู้หญิงคนไหน กู้ซิ่งเหว่ยจะจัดการให้ทั้งหมด” ใบหน้ากู้ซิ่งเหว่ยปรากฏความเอาใจ และมองดูคุณชายหนุ่มที่ร่ำรวยสองคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม ทั้งคุณชายซูและคุณชายเหอต่างเป็นคุณชายพี่น้องจากเมืองหลวงของฉู่โจว และตระกูลที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาล้วนเป็นตระกูลธุรกิจที่มีชื่อเสียงในฉู่โจว ครั้งนี้กู้ซิ่งเหว่ยพยายามอย่างมากเพื่อต้อนรับคุณชายสองพี่น้องนี้ ก็เพื่อต้องการขยายเครือข่ายและทำธุรกิจบางอย่าง คุณชายซูเหล่มองกู้ซิ่งเหว่ย เขาไม่ได้เห็นกู้ซิ่งเหว่ยอยู่ในสายตาเลย คนแบบกู้ซิ่งเหว่ยที่ต้องการเป็นสุนัขรับใช้ประจบประแจงเขา คุณชายซูพบเจอมามากมายแล้วตั้งแต่เด็ก และกู้ซิ่งเหว่ยก็ไม่ต่าง ยิ่งมีลักษณะท่าทางต่ำมากเท่
“คุณชายซูโปรดรอสักครู่ครับ ผมจะเจรจากับพวกเขาก่อน และจะจัดการให้เรียบร้อยอย่างเร็ว” หลังจากกู้ซิ่งเหว่ยพูดจบก็รีบเดินตรงไปที่ประตู พนักงานต้อนรับต้องการที่จะรั้งกู้ซิ่งเหว่ยไว้ แต่กลับถูกกู้ซิ่งเหว่ยผลักออกไป “เรียกผู้จัดการของพวกคุณออกมา ฉันพาแขกผู้ทรงเกียรติมาที่ภัตตาคารของพวกคุณ แต่ภัตตาคารของพวกคุณกลับทำแบบนี้! มีสิทธิอะไรไม่ให้เราทานอาหารล่ะ วันนี้ฉันจะไม่ยอมพวกคุณแน่!” “คุณผู้ชายครับ คุณช่วยมีเหตุผลด้วยครับ แขกท่านอื่นเหมาจองสถานที่แล้ว พวกเราไม่สามารถต้อนรับคุณได้จริง ๆ ครับ” ผู้จัดการภัตตาคารรีบเดินเข้าและกล่าว “ฉันไม่สน อย่ามาบอกฉันเรื่องเหมาจองสถานที่หรือไม่ ฉันก็สามารถเหมาจองสถานที่ได้เช่นกัน คุณบอกมาเถอะว่า ราคาเหมาจองสถานที่เท่าไหร่!” "ค่าใช้จ่ายเฉพาะเหมาจองสถานที่คือห้าล้านบาทครับ ค่าอาหาร เครื่องดื่ม และค่าบริการพิเศษคิดเพิ่มต่างหาก" ผู้จัดการคนนั้นตอบกล่าว กู้ซิ่งเหว่ยตกตะลึงครู่หนึ่ง ค่าใช้จ่ายเฉพาะเหมาจองสถานที่คือ ห้าล้านบาท นั้นมากเกินไปสำหรับกู้ซิ่งเหว่ย สำหรับเรื่องเหมาจองสถานที่นั้น แม้ว่ากู้ซิ่งเหว่ยจะขายไตของเขาได้แต่ก็ไม่มีปัญญาจะเหมาจองสถานที่ “