เมื่อมีคำสั่งจากหลิวซินหมิน หัวหน้าถงก็นำบรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพุ่งเข้าไปหาจางลี่และคนอื่น ๆ ราวกับเสือที่ดุร้าย จางลี่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนกดลงบนกำแพง รู้สึกเหมือนกับว่าสมองเขากำลังดังขึ้นวิ้ง ๆ คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าทำไมหลิวซินหมินถึงกล้าขนาดนี้ “ผู้อำนวยการหลิว คุณช่างกล้ามาก! น้องเขย นายรีบตำหนิเขาสิ แล้วให้รปภ.พวกนี้ปล่อยฉัน ฉันเจ็บหน้ามาก!” หวังหยงถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งกดที่ด้านหลังศีรษะของเขาและใบหน้าทั้งหน้าของเขาถูกกดเข้ากับผนังอย่างแน่น แก้มที่บวมช้ำที่ถูกหลี่โม่ต่อยก่อนหน้านี้ถูกแนบชิดกับกำแพงอย่างแน่น และมันถูกบีบจนเจ็บปวดมากขึ้น สภาพของหวังหลิงก็ไม่ค่อยดีนัก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนคว้าแขนของหวังหลิงแล้วบิดกลับ เจ็บจนหวังหลิงตะโกนโอ๊ย โอ๊ย “โอ๊ย มันเจ็บนะ พวกคนชั่วนี่รีบปล่อยฉันนะ สามีรีบมาช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วย!” จางลี่จ้องหลิวซินหมินด้วยความโกรธ แล้วตะโกนว่า "หลิวซินหมิน แกนี่มันช่างใจกล้าบ้าบิ่นเกินไปแล้ว ถึงกับกล้าสั่งให้คนลงมือกับฉัน ฉันจะบอกอะไรให้นะ ฉันจะรื้อถอนโรงพยาบาลของแก!" “ประธานจาง ผมพูดกับคุณดี ๆ
ประธานหลี่เหลือบมองจางลี่ราวกับว่าเขามองอากาศธาตุ และไม่ได้สนใจจางลี่เลยสักนิด เมื่อเห็นประธานจางเดินผ่านตัวเองไปโดยไม่แม้แต่จะสนใจเลยสักนิด ในใจของจางลี่ก็จมลงสู่ก้นบึ้ง ประธานหลี่ไม่ได้มาเพื่อตัวเขาเองหรือ? เป็นไปได้ไหมว่ายาจกนี่เรียกประธานหลี่มา? เป็นไปได้ไหมว่า... จางลี่ไม่กล้าคิดเรื่องต่อไปจากนี้แล้ว จางลี่ที่ตื่นตระหนกก็ดิ้นรนเอื้อมมือทั้งสองออกมา แล้วคว้ากางเกงของประธานหลี่ไว้ ประธานหลี่ที่ถูกดึงกางเกงรั้งไว้ก็หยุดฝีเท้า แล้วหันไปมองจางลี่ด้วยสายตาที่มืดมิด “ปล่อย เร็วเข้า!” “ท่านประธานหลี่ ช่วยผมด้วยเถอะครับ จากนี้ไปผมจะร่วมมือทำงานกับท่านอย่างเต็มที่ และจะฟังท่านทุกอย่าง ขอเพียงแค่ท่านช่วยเราด้วย!” จางลี่อ้อนวอนอย่างขมขื่น “แกรนหาที่ตายด้วยตัวเองนี่ อย่ามากวนฉัน แกเป็นแค่รองประธานห่วย ๆ เท่านั้น แกต้องอ่อนน้อม! แกคิดว่าแกเป็นอันดับหนึ่งในเมืองฮั่นงั้นเหรอ? แม้แต่อันดับหนึ่งในเมืองฮั่นก็ลงจากตำแหน่งแล้ว เป็นคนต้องรู้จักถ่อมตน" ประธานหลี่รู้สึกรำคาญจางลี่สุด ๆ ล่วงเกินใครไม่ล่วงเกิน แต่กลับไปล่วงเกินคนที่มีอิทธิพลล้นฟ้าอย่างคุณชายหลี่ “นี่มันเกิดเรื่องอะไรข
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่จับจางลี่อยู่ สายตาทุกคนต่างมองไปยังหลี่โม่ หลี่โม่พยักหน้าเบา ๆ แล้วเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนก็ปล่อยมือทันที จางลี่ที่ถูกปล่อยตัวแต่ไม่ได้ลุกขึ้นยืนทันที เขาใช้เข่าย่างก้าวไปสองก้าว และคุกเข่าต่อหน้าหลี่โม่ “คุณชายหลี่ ผมสำนึกผิดแล้วครับ ล้วนเป็นความผิดของผู้หญิงสุรุ่ยสุร่ายในครอบครัวผม ถ้าไม่ใช่เพราะเธอไม่ตาสว่างหน่อย ผมคงไม่ทำให้คุณชายหลี่ขุ่นเคืองอย่างแน่นอน” “ยังมีหวังหยงด้วย หวังหยงคนโง่นั้นก็เป็นประสาท ถ้าไม่ใช่เพราะหวังหยงขอความช่วยเหลือ ภรรยาของผมก็คงไม่ทำให้คุณชายหลี่ขุ่นเคือง ผมจะสั่งสอนพวกเขาให้คุณชายหลี่ดู” หลี่โม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกรังเกียจกับพฤติกรรมของจางลี่ที่ใส่ร้ายคนอื่นแบบนี้ เมื่อจางลี่เห็นว่าหลี่โม่ไม่ได้พูดอะไร เขาก็ลุกขึ้นทันทีและเดินไปหาหวังหยง “น้องเขย น้องเขยนายจะทำอะไร ฉันก็ทำไปเพราะปกป้องภรรยาของนายนะ! นายใส่ร้ายฉันได้ยังไง!” “แกกับน้องสาวของแกสร้างปัญหาให้ฉันมากแค่ไหน! ถ้าไม่ใช่เพราะฉันช่วยพวกแกแก้ปัญหา ฉันคงไม่โดนแบบนี้!” จางลี่ตะโกนว่าพลางเตะหวังหยงอย่างดุเดือด หวังหยงที่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความ
ซีซีกอดแขนของหลี่โม่แล้วทำตัวอ้อน ๆ หลี่โม่ยิ้มและอุ้มซีซีไว้ในอ้อมแขนของเขา “หวังหลิงไม่พอใจ เลยเรียกสามีเขาเข้ามาสร้างปัญหาอีก ผู้อำนวยการหลิวก็เลยมาช่วยแก้ปัญหา" กู้หยุนหลานพยักหน้า เมื่อนึกถึงสถานการณ์เมื่อครู่นี้ หวังหลิงและครอบครัวต่างก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนำตัวไปแล้ว “แล้วอีกคนล่ะ ฉันว่าคนที่อยู่กับผู้อำนวยการหลิวนั้นการแต่งตัวไม่ธรรมดาเลย” กู้หยุนหลานกล่าว “ดูเหมือนว่าจะเป็นหัวหน้าของสามีหวังหลิง ผู้อำนวยการหลิวโทรเรียกหน่วยงานของสามีเขา แล้วหัวหน้าของพวกเขาก็เข้ามาตรวจสอบสถานการณ์ บอกว่าจะจัดการสามีของหวังหลิงดี ๆ” หลี่โม่พูดโกหกอย่างหน้าตาย รู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างมีศักยภาพในการทำงานอยู่เบื้องหลัง ความสงสัยของกู้หยุนหลานก็ถูกไขจนกระจ่างแจ้ง เมื่อเห็นซีซีที่กำลังนอนหลับอยู่ในอ้อมแขนของหลี่โม่ก็ยิ้มออกมา "เมื่อกี้ซีซีกินเยอะมาก เราควรจะอยู่เป็นเพื่อนลูกให้มากกว่านี้อีกหน่อย" "ถ้าอาการของซีซีดีขึ้นแล้ว เราพาซีซีออกไปเล่นสนุกและชดเชยให้ลูกกันเถอะ" หลี่โม่มองไปยังลูกสาวในอ้อมแขนด้วยสายตาที่หวงแหน “อืม เป็นเพราะช่วงนี้ยุ่งเกินไป เลยไม่ได้แวะมาเยี่ยมซีซี
ภัตตาคารซินคงไห่อันเป็นภัตตาคารฟิวชั่นที่มีชื่อเสียงในเมืองฮั่น มีราคาสูงและสไตล์ย้อนยุคที่ออกแบบมาอย่างดีทำให้ภัตตาคารซินคงไห่อันเป็นหนึ่งในภัตตาคารที่ชื่นชอบของบรรดาเศรษฐีในเมืองฮั่น ณ ขณะนี้ "คุณชายซู คุณชายเหอ ผมบอกพวกคุณเลยว่า ถึงแม้ว่าภัตตาคารซินคงไห่อันแห่งนี้จะไม่ใช่สถานที่ที่มีค่าใช้จ่ายแพงที่สุดแต่ก็มีสภาพแวดล้อมที่คลาสสิก ในนี้มีผู้หญิงสวยมากมาย ถ้าคุณทั้งสองคนปิ๊งเข้ากับผู้หญิงคนไหน กู้ซิ่งเหว่ยจะจัดการให้ทั้งหมด” ใบหน้ากู้ซิ่งเหว่ยปรากฏความเอาใจ และมองดูคุณชายหนุ่มที่ร่ำรวยสองคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม ทั้งคุณชายซูและคุณชายเหอต่างเป็นคุณชายพี่น้องจากเมืองหลวงของฉู่โจว และตระกูลที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาล้วนเป็นตระกูลธุรกิจที่มีชื่อเสียงในฉู่โจว ครั้งนี้กู้ซิ่งเหว่ยพยายามอย่างมากเพื่อต้อนรับคุณชายสองพี่น้องนี้ ก็เพื่อต้องการขยายเครือข่ายและทำธุรกิจบางอย่าง คุณชายซูเหล่มองกู้ซิ่งเหว่ย เขาไม่ได้เห็นกู้ซิ่งเหว่ยอยู่ในสายตาเลย คนแบบกู้ซิ่งเหว่ยที่ต้องการเป็นสุนัขรับใช้ประจบประแจงเขา คุณชายซูพบเจอมามากมายแล้วตั้งแต่เด็ก และกู้ซิ่งเหว่ยก็ไม่ต่าง ยิ่งมีลักษณะท่าทางต่ำมากเท่
“คุณชายซูโปรดรอสักครู่ครับ ผมจะเจรจากับพวกเขาก่อน และจะจัดการให้เรียบร้อยอย่างเร็ว” หลังจากกู้ซิ่งเหว่ยพูดจบก็รีบเดินตรงไปที่ประตู พนักงานต้อนรับต้องการที่จะรั้งกู้ซิ่งเหว่ยไว้ แต่กลับถูกกู้ซิ่งเหว่ยผลักออกไป “เรียกผู้จัดการของพวกคุณออกมา ฉันพาแขกผู้ทรงเกียรติมาที่ภัตตาคารของพวกคุณ แต่ภัตตาคารของพวกคุณกลับทำแบบนี้! มีสิทธิอะไรไม่ให้เราทานอาหารล่ะ วันนี้ฉันจะไม่ยอมพวกคุณแน่!” “คุณผู้ชายครับ คุณช่วยมีเหตุผลด้วยครับ แขกท่านอื่นเหมาจองสถานที่แล้ว พวกเราไม่สามารถต้อนรับคุณได้จริง ๆ ครับ” ผู้จัดการภัตตาคารรีบเดินเข้าและกล่าว “ฉันไม่สน อย่ามาบอกฉันเรื่องเหมาจองสถานที่หรือไม่ ฉันก็สามารถเหมาจองสถานที่ได้เช่นกัน คุณบอกมาเถอะว่า ราคาเหมาจองสถานที่เท่าไหร่!” "ค่าใช้จ่ายเฉพาะเหมาจองสถานที่คือห้าล้านบาทครับ ค่าอาหาร เครื่องดื่ม และค่าบริการพิเศษคิดเพิ่มต่างหาก" ผู้จัดการคนนั้นตอบกล่าว กู้ซิ่งเหว่ยตกตะลึงครู่หนึ่ง ค่าใช้จ่ายเฉพาะเหมาจองสถานที่คือ ห้าล้านบาท นั้นมากเกินไปสำหรับกู้ซิ่งเหว่ย สำหรับเรื่องเหมาจองสถานที่นั้น แม้ว่ากู้ซิ่งเหว่ยจะขายไตของเขาได้แต่ก็ไม่มีปัญญาจะเหมาจองสถานที่ “
กู้ซิ่งเหว่ยสามารถทนยอมรับต่อการเสียหน้าต่อหน้าคุณชายซูและเหอปินได้ เพราะอย่างไรพวกเขาก็เป็นคนที่กู้ซิ่งเหว่ยเลียแข้งเลียขา แต่หากว่าหลี่โม่ได้เห็นสภาพที่เขาเสียหน้าเข้า นั่นยอมไม่ได้ หลี่โม่เดินจับมือกู้หยุนหลานเข้ามา กู้หยุนหลานเหลือบมองกู้ซิ่งเหว่ยด้วยความสงสัยบางอย่าง แล้วมองไปที่คุณชายซูและเหอปินที่อยู่ด้านข้าง ทั้งคุณชายและเหอปินต่างจ้องมองที่กู้หยุนหลาน ทั้งคู่ต่างถูกความสวยของกู้หยุนหลานดึงดูดให้หลงใหล อย่างไรก็ตาม เหอปินก็เรียกสติคืนอย่างรวดเร็ว หลังจากสังเกตการแสดงออกของคุณชายซูแล้ว เหอปินก็ละสายตาอย่างรวดเร็ว เหอปินรู้ดีว่า คุณชายซูสนใจกู้หยุนหลานเข้าแล้ว ดังนั้นจึงรีบระงับความรู้สึกจากกู้หยุนหลานทันที หลี่โม่เหลือบมองคุณชายซูที่กำลังหลงใหลกู้หยุนหลานอยู่ เขาก็เดินตรงไปยังด้านข้างของกู้ซิ่งเหว่ยด้วยใบหน้าเย็นชา กู้ซิ่งเหว่ยตัวตรงแล้วปิดกั้นทางเดินของหลี่โม่ไว้ “คนไร้ประโยชน์อย่างแก ก็ช่างไม่ดูเลยว่านี่มันเป็นสถานที่แบบไหน! ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่แมงดาเกาะผู้หญิงกินอย่างแกจะมาได้!” "ถอยไป" หลี่โม่พูดอย่างเฉยชา “ถอยบ้านแกสิ ดูสารรูปคนไร้ค่าอย่างแกเถอะ ที่นี่
“ใช่ครับ คุณชายหลี่เป็นคนเหมาภัตตาคารของเราในคืนนี้ อาหารทุกจานถูกคัดสรรจากวัตถุดิบที่ดีที่สุดและสดใหม่ ใช้เวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงในการเก็บเกี่ยวและทำให้น็อก ไปจนถึงการขนส่ง” คำพูดประโยคหลังที่พนักงานเสิร์ฟพูด กู้ซิ่งเหว่ยไม่ได้ฟังเข้าสมองเลย เขารู้สึกทึ่งที่หลี่โม่ทำการเหมาจองภัตตาคารซินคงไห่อัน “เป็นไปได้ยังไง? นี่มันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นแค่คนไร้ค่า จะไปมีความสามารถเหมาจองภัตตาคารซิงคงไห่อันได้ยังไง นั่นมีค่าใช้จ่ายถึงห้าล้านเชียวนะ! พวกคุณจำผิดคนหรือเปล่า คุณชายหลี่อะไรกัน… มั่วรึเปล่า!” เมื่อเห็นใบหน้าอันน่าหวาดกลัวของกู้ซิ่งเหว่ย เหล่าพนักงานเสิร์ฟต่างก็ถอยกลับไปสองก้าวด้วยความกลัว “คุณผู้ชาย อย่าตื่นเต้นเลย เป็นคุณชายหลี่คนนี้ที่ทำการจองแน่นอน ไม่มีอะไรผิดพลาด” “โธ่เว้ย! เสียสติกันทั้งครอบครัว! เป็นไปได้ยังไง หลี่โม่เป็นแค่คนจนเท่านั้น เป็นคนไร้ประโยชน์ที่เกาะผู้หญิงกินเท่านั้น คุณบอกฉันทีว่าพวกนั้นมันจ่ายเงินห้าล้านได้ยังไง มันเป็นแค่แมงดา คุณรีบตามรปภ.ไปจับมันไว้ ไปจับมันสิ!” พนักงานเสิร์ฟส่ายหัว แล้วหยิบบิลออกมาวางบนโต๊ะ "เงินจ่ายไปแล้ว คุณคิดมากเกินไป" กู้ซิ่งเหว่ย
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา