“ใช่ครับ คุณชายหลี่เป็นคนเหมาภัตตาคารของเราในคืนนี้ อาหารทุกจานถูกคัดสรรจากวัตถุดิบที่ดีที่สุดและสดใหม่ ใช้เวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงในการเก็บเกี่ยวและทำให้น็อก ไปจนถึงการขนส่ง” คำพูดประโยคหลังที่พนักงานเสิร์ฟพูด กู้ซิ่งเหว่ยไม่ได้ฟังเข้าสมองเลย เขารู้สึกทึ่งที่หลี่โม่ทำการเหมาจองภัตตาคารซินคงไห่อัน “เป็นไปได้ยังไง? นี่มันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นแค่คนไร้ค่า จะไปมีความสามารถเหมาจองภัตตาคารซิงคงไห่อันได้ยังไง นั่นมีค่าใช้จ่ายถึงห้าล้านเชียวนะ! พวกคุณจำผิดคนหรือเปล่า คุณชายหลี่อะไรกัน… มั่วรึเปล่า!” เมื่อเห็นใบหน้าอันน่าหวาดกลัวของกู้ซิ่งเหว่ย เหล่าพนักงานเสิร์ฟต่างก็ถอยกลับไปสองก้าวด้วยความกลัว “คุณผู้ชาย อย่าตื่นเต้นเลย เป็นคุณชายหลี่คนนี้ที่ทำการจองแน่นอน ไม่มีอะไรผิดพลาด” “โธ่เว้ย! เสียสติกันทั้งครอบครัว! เป็นไปได้ยังไง หลี่โม่เป็นแค่คนจนเท่านั้น เป็นคนไร้ประโยชน์ที่เกาะผู้หญิงกินเท่านั้น คุณบอกฉันทีว่าพวกนั้นมันจ่ายเงินห้าล้านได้ยังไง มันเป็นแค่แมงดา คุณรีบตามรปภ.ไปจับมันไว้ ไปจับมันสิ!” พนักงานเสิร์ฟส่ายหัว แล้วหยิบบิลออกมาวางบนโต๊ะ "เงินจ่ายไปแล้ว คุณคิดมากเกินไป" กู้ซิ่งเหว่ย
เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่โม่ คุณชายซู เหอปินและกู้ซิ่งเหว่ยต่างพากันหัวเราะออกมา ไม่มีใครเชื่อคำเตือนของหลี่โม่ ถึงแม้หลี่โม่จะเป็นชายหนุ่มฐานะดีแห่งเมืองฮั่น แต่ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของคุณชายซู อีกอย่างตอนนี้เมืองฮั่นก็เป็นแค่เมืองธรรมดาเมืองหนึ่ง ถึงคนในเมืองฮั่นจะยอดเยี่ยมขนาดไหน เมื่อไปที่เมืองหลวงฉู่โจวก็แค่คนระดับกลางเท่านั้น อีกทั้งตระกูลของคุณชายซูก็เป็นตระกูลฐานะดีแห่งเมืองหลวงฉู่โจว สามารถจัดการคนในเมืองฮั่นได้อย่างแน่นอน “ให้ตายเถอะ! แกนี่มันอวดเก่งจริง ๆ นะหลี่โม่ กล้าทำร้ายฉันยังไม่พอ ยังจะกล้าไม่ให้ความเคารพต่อคุณชายซูอีก แค่คุณชายซูเอ่ยปากก็สามารถทำให้แกตายได้แล้ว!” กู้ซิ่งเหว่ยคอยพูดใส่ไฟอยู่ข้าง ๆ เขาอยากให้คุณชายซูจัดการหลี่โม่จนแทบขาดใจ เขาจะได้มีโอกาสเหยียบย่ำหลี่โม่ด้วย เหอปินเอียงคอมองหลี่โม่ แล้วพูดอย่างดูถูกว่า “ฉันเพิ่งเคยเจอคนที่ไม่กลัวตายอย่างแกเป็นครั้งแรก เจอคุณชายซูแล้วยังกล้าต่อปากต่อคำอีก ถ้าเป็นลูกหลานของคนในเมืองหลวงฉู่โจว คงจะคุกเข่าให้คุณชายซูไปแล้ว” คุณชายซูแสยะยิ้มออกมา เขาไม่สนใจหลี่โม่ สายตาของเขามองไปที่กู้หยุนหลาน สำหรับคุณชายซูแล้ว
คุณชายซูรู้สึกเจ็บเหมือนกระดูกหักไปทั่วทั้งตัว “ฉันไม่เคยเจอเรื่องน่าอับอายอย่างนี้มาก่อน กล้าทำร้ายฉันแบบนี้ ฉันจะฆ่ามันทั้งครอบครัว!” แอ๊ด ประตูห้องอาหารถูกเปิดออก ผู้จัดการและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามาดู เพราะได้ยินเสียงดังโหวกเหวก ผู้จัดการเห็นสภาพที่น่าเวทนาของคุณชายซู ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจกลัว “คุณหลี่ พวกคุณไม่ได้ถูกรบกวนอะไรใช่ไหมครับ?” ผู้จัดการมองไปที่หลี่โม่ แล้วโค้งตัวสอบถามด้วยความนอบน้อม “ผมถูกรบกวนแล้ว ช่วยโยนพวกเขาออกไปด้วย” หลี่โม่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ได้ครับคุณหลี่” ผู้จัดการไม่รีรอ เขากวักมือเรียกรปภ.กลุ่มหนึ่ง ให้เข้ามาจับทั้งสามคนเอาไว้ “บ้าเอ๊ย นี่แกไม่อยากเป็นผู้จัดการแล้วใช่ไหม แกรู้ไหมว่าพวกเราเป็นใคร เมื่อกี้คุณชายซูแห่งเมืองหลวงฉู่โจวโดนหลี่โม่ทำร้าย พวกแกควรจะไปจับหลี่โม่นู่น!” กู้ซิ่งเหว่ยตะโกนเสียงดัง “คุณชายซู คุณชายหลิวอะไรกัน พวกเราไม่รู้จักหรอก พวกเรารู้แค่ว่าคุณหลี่เป็นลูกค้าของเรา พวกเราต้องบริการเขาอย่างเต็มที่ จับพวกเขาโยนออกไป อย่าให้เข้ามาเหยียบในร้านอีก!” รปภ.รีบลากตัวทั้งสามคนออกไป คุณชายซูเจ็บจนหน้าแดงก่ำ เ
ด้านนอกภัตตาคารซินคงไห่อัน กู้ซิ่งเหว่ยและเหอปินลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ทั้งสองช่วยกันประคองคนที่เจ็บจนแทบจะยืนไม่ไหวอย่างคุณชายซู เพราะความเจ็บปวดทำให้คุณชายซูไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ตัวของเขาอ่อนปวกเปียกไปหมด กู้ซิ่งเหว่ยกับเหอปินออกแรงอย่างมาก กว่าที่จะประคองคุณชายซูเข้ามาในรถได้ คุณชายซูนอนเอนตัวอยู่บนเบาะหลัง เขาหายใจรวยริน สภาพดูไม่ค่อยดีนัก “คุณชายซูเป็นยังไงบ้างครับ ส่งคุณไปตรวจที่โรงพยาบาลดีไหมครับ ดูเหมือนเมื่อครู่หลี่โม่เตะคุณค่อนข้างแรง” กู้ซิ่งเหว่ยถามด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้กู้ซิ่งเหว่ยปฏิบัติกับคุณชายซูเหมือนพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง ถ้าสามารถเกาะแข้งเกาะขาของคุณชายซูได้ กู้ซิ่งเหว่ยก็ยินยอมที่จะเรียกคุณชายซูว่าพ่อจริง ๆ “ไปโรงพยาบาลทำไม แค่นี้ฉันทนได้ หาที่ให้ฉันพักสักหน่อย เดี๋ยวฉันจะโทรเรียกคนมาฆ่าเจ้าหมอนั่นเอง!” กู้ซิ่งเหว่ยหันมองเหอปิน การที่คุณชายซูไม่ยอมไปโรงพยาบาลทำให้กู้ซิ่งเหว่ยเป็นกังวลเล็กน้อย เหอปินพยักหน้าเบา ๆ “ทำตามที่คุณชายซูพูดเถอะ หาที่ที่ไม่ค่อยมีคน สภาพของคุณชายซูในตอนนี้ ใครมาเห็นเข้าจะดูไม่ดี” กู้ซิ่งเหว่ยรู้ทันทีว่าทำไมคุณชายซูถึงไม่ยอมไปโรงพยาบา
คุณชายซูตื่นเต้นมาก จินตนาการไปถึงฉากที่กู้หยุนหลานถูกเขานอนคร่อมอยู่ กู้ซิ่งเหว่ยได้ยินก็แอบรู้สึกหวาดกลัว คิดในใจว่ายังดีที่ประจบสอพลอคุณชายซู เพราะหากล่วงเกินคุณชายซูเข้าล่ะก็ เกรงว่าคงถูกทำลายครอบครัวจนย่อยยับและต้องเจ็บปวดไปชั่วชีวิต หลังจากคุณชายซูวางสาย เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย มีซูเหวินปินคอยหนุนหลัง ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว “หึ กล้าเป็นศัตรูกับฉัน จุดจบมีเพียงอย่างเดียวก็คือตายทั้งเป็น!” “คุณชายซูสุดยอดมากครับ ครั้งนี้เจ้าโง่หลี่โม่ต้องคิดไม่ถึงแน่ ๆ อย่าไปสนใจที่มันทำอวดเก่งเมื่อครู่ ขอแค่คุณชายซูลงมือ ก็สามารถจัดการกับมันได้ทันที” กู้ซิ่งเหว่ยพูดเยินยอ “ยัยตัวดีกู้หยุนหลาน ฉันก็จะไม่ปล่อยให้เธอสบายเหมือนกัน ก่อนหน้านี้นายบอกว่าเธอร่วมมือกับหรงคังกรุ๊ปใช่ไหม?” คุณชายซูหันหน้าไปถาม “ใช่ครับ ยัยตัวดีนั่นใช้การหลับนอนแลกกับการเซ็นสัญญากับหรงคังกรุ๊ป เธอไม่บริสุทธิ์อีกแล้ว ยังมาทำเสแสร้งต่อหน้าคุณชายซูอีก ช่างหน้าไม่อายจริง ๆ” คุณชายซูพยักหน้าเบา ๆ แล้วแสยะยิ้มออกมา “หลับนอนเพื่อแลกกับสัญญาอย่างนั้นเหรอ ฉันจะให้พวกเขายุติสัญญา ต่อไป ถ้ายัยตัวดีกู้หยุนหลานอยากได
กู้หยุนหลานค่อย ๆ ขับรถเข้ามาจอดยังที่จอดรถ จากนั้นมือถือของหลี่โม่ก็สั่นขึ้นมา เมื่อเห็นหน้าจอมือถือ หลี่โม่จึงกดรับสายแล้วพูดว่า “เหล่าชู มีเรื่องอะไรหรือ?” “ถ้าไม่มีอะไร ผมคงไม่กล้าโทรมากวนคุณหรอกครับ ครั้งนี้เป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากทีเดียว ถ้าคุณว่าง รีบมาที่คลับอิมพีเรียลคอร์ทหน่อยนะครับ” น้ำเสียงของชูจงเทียนเป็นกังวล พอจะดูออกว่าเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น หลี่โม่หันมองกู้หยุนหลาน กู้หยุนหลานยิ้มแล้วพูดว่า “มีธุระก็รีบไปเถอะ กลับมาให้เร็วหน่อยก็พอแล้ว” “เพื่อนมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ เดี๋ยวผมไปส่งคุณก่อน แล้วค่อยแวะไปดูสักหน่อย” เมื่อหลี่โม่มาส่งกู้หยุนหลานที่บ้าน เขาบอกลากู้หยุนหลานที่หน้าประตู จากนั้นจึงขับรถไปที่คลับอิมพีเรียลคอร์ท ลูกน้องของชูจงเทียนรีบเดินนำหลี่โม่เข้ามาในห้องของชูจงเทียน ชูจงเทียนที่กำลังนวดขมับอยู่ รีบลุกขึ้นมา “มาแล้วเหรอคร้บ คุณดูบัตรเชิญนี่ก่อนครับ” ชูจงเทียนหยิบบัตรเชิญที่วางอยู่บนโต๊ะยื่นให้หลี่โม่ หลี่มองรับบัตรเชิญมาดู บนบัตรเชิญที่สวยงามไม่ได้เขียนรายละเอียดไว้มากนัก เขียนเพียงว่าการประลองของราชา พร้อมทั้งเวลาและสถานที่ “นี่มันหมายความว
“ไม่ต้องทำให้ยุ่งยากหรอก คุณส่งคนไปหนึ่งคนก็พอ ส่วนอีกคนผมจะไปเอง” หลี่โม่พูดอย่างด้วยความโมโห ชูจงเทียนอึ้งไป เขาเอาแต่มองหลี่โม่โดยไม่พูดอะไร นายน้อยจะไปประลองอย่างนั้นหรือ? ถ้านายน้อยเป็นอะไรไปจะทำอย่างไร? ชูจงเทียนคิดถึงฉากที่จะเกิดเรื่องขึ้นกับหลี่โม่ตอนประลอง ก็เหงื่อแตกไปทั่วทั้งหน้าผาก “นายน้อย ร่างกายของคุณมีค่าขนาดนี้ จะปล่อยให้ไปประลองได้ยังไงกันครับ ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาดครับ” ชูจงเทียนส่ายหัวอย่างแรง “ได้หรือไม่ได้ก็ไม่เกี่ยวกับคุณหรอก ผมตัดสินใจแล้ว” หลี่โม่พูดขึ้น ชูจงเทียนเห็นท่าทีที่แน่วแน่ของหลี่โม่ จึงพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “อย่างนั้นคุณต้องระมัดระวังด้วย ผมจะอยู่รอ จะได้เข้าไปช่วยคุณได้ทุกเมื่อ” ในตอนนั้นเอง ชูจงเทียนปฏิญาณกับตนเองแล้วว่า ต่อให้ต้องเสียหน้า ก็จะต้องปกป้องหลี่โม่ให้ปลอดภัยให้ได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหลี่โม่ เขาคงไม่มีทางชดใช้ได้อย่างแน่นอน “อย่ากังวลไปเลย ก็แค่พวกนักเลงข้างถนน แค่สองหมัดก็เอาอยู่แล้ว ผมเห็นเวลาเขียนเอาไว้ว่าคืนนี้ใช่ไหม? เราควรต้องเตรียมตัวไปกันได้แล้วใช่ไหมล่ะ?” หลี่โม่ถามขึ้น “ใช่ครับ เริ่มเวลาสี่ทุ่มครึ่ง สถานที่คื
หลี่โม่แสยะยิ้มแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เดี๋ยวแกก็รู้ว่าใครจะตาย” “ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ชายรูปร่างกำยำหัวเราะพรวดออกมา “แกนี่มันตลกจริง ๆ แกคิดว่าตัวเองเก่งแค่ไหนกันเชียว ไม่ต้องพูดถึงพวกคนที่ขึ้นไปประลองบนเวที แค่ฉัน แกยังสู้ไม่ได้เลย ฉันขอเตือนแกว่า อย่าเข้าไปรนหาที่ตายเลยดีกว่า แม้กระทั่งภาษาคนยังฟังไม่รู้เรื่องเลย” ชูจงเทียนเป็นกังวลขึ้นมาทันที เขากลัวว่าหลี่โม่จะสติแตกแล้วทำร้ายอีกฝ่าย จึงพูดเบา ๆ ว่า “เข้าไปข้างในก่อนเถอะครับ” หลี่โม่พยักหน้าเล็กน้อย แล้วเดินตามชูจงเทียนกับหยวนเหมิ่งเข้าไปในสนามประลอง “ถุย!” ชายรูปร่างกำยำถ่มน้ำลายลงพื้น เขาเอามือเท้าเอวแล้วเดินเข้าไปในสนามประลอง จากนั้นจึงพึมพำออกมาว่า “ฉันจะรอดูว่าแกจะตายยังไง หึหึ” หลี่โม่เดินเข้ามาในสนามประลอง ไฟในสนามส่องมายังพวกเขาทั้งสามคนจนต้องหรี่ตา และยกมือขึ้นบังแสงที่ส่องเข้ามา “อะไรกันเนี่ย ชูจงเทียน คุณกล้ามาที่นี่จริง ๆ หรือ ฉันนึกว่าคุณจะกลัวจนฉี่ราด ไม่กล้ามาซะอีก” ซูเหวินปินคาบบุหรี่เอาไว้ และนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา เขามองชูจงเทียนอย่างไม่สบอารมณ์ “เดี๋ยวฉันจะแนะนำให้รู้จัก คนหัวล้านที่อยู่ด้