“พี่ ฉันถูกเจ้ายาจกคนหนึ่งทำร้ายที่โรงพยาบาล ลูกสาวของมันดูเหมือนจะเป็นคนไข้ในแผนกของพวกพี่ พี่รีบมาเลยนะ!” หวังหลิงพูดทั้งน้ำตา “พวกเธออยู่ในพื้นที่ผู้ป่วย? ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” เสียงทุ้มต่ำดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ หวังหลิงวางโทรศัพท์ แล้วชี้ไปที่หลี่โม่และตะโกนว่า “พี่ชายของฉันกำลังมา แก เจ้ายาจกเตรียมรอคุกเข่าให้ฉันได้เลย! พวกแกทั้งครอบครัวต้องคุกเข่าขอโทษฉัน!” กู้หยุนหลานปลอบซีซี และเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้วว่ามีต้นสายปลายเหตุเป็นอย่างไร ในตอนนี้ ได้ยินความหยิ่งผยองของหวังหลิง ในใจก็รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก “คุณนี่มันเปลี่ยนผิดเป็นชอบ ลูกชายของคุณต่างหากที่รังแกลูกสาวฉัน คุณไม่ให้ลูกชายของคุณรับผิดก็ไม่เป็นไร แต่คุณรู้ไหมว่าอะไรคือจริยธรรม มโนธรรม สุจริตธรรมและยางอาย” กู้หยุนหลานด่ากลับ ในใจของเธอ ซีซีคือสมบัติล้ำค่า ไม่ว่าลูกคนไหนก็เป็นดวงใจของแม่ทั้งนั้น หวังหลิงมองไปที่กู้หยุนหลานอย่างดูถูก ถ่มน้ำลายและตะโกนว่า “คนจนที่เข้าเมืองมาทำงานอย่างพวกแก ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องจริยธรรม มโนธรรม สุจริตธรรมและยางอายหรอก พวกแกมันไม่คู่ควร!” “พวกแกทั้งบ้านรีบคุกเข่าขอขม
หวังหยงลูบหลังหวังหลิง ช่วยหวังหลิงระบายอารมณ์ และพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “อย่าตื่นตระหนกไปเลย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉัน ฉันจะให้พวกเขาขอโทษอย่างสาสม” หวังหลิงพยักหน้าและพาลูกชายของเธอถอยหลังไปสองก้าว หวังหยงพูดด้วยใบหน้าเย็นชาว่า “พวกคุณยังต้องการให้ซีซีพบแพทย์ที่นี่ต่อไหม? ถ้ายังต้องการรับการรักษาต่อ ครอบครัวของคุณทั้งหมดจะต้องคุกเข่าลงและขอขมาน้องสาวของผม” “สำหรับเรื่องค่าเสียหาย ดูจากสารรูปพวกคุณก็ดูไม่น่าจะเป็นคนมีเงิน ผมจะไม่พูดถึงมันแล้ว แต่พวกคุณสองสามีภรรยาควรแสดงให้เห็นหน่อยไหมว่า พวกคุณยอมเป็นทาสรับใช้ในบ้านน้องสาวของฉันสักสามถึงห้าเดือน" หวังหยงยื่นข้อเสนอที่น่ารังเกียจมากกว่าเดิม ตามอารมณ์ของหวังหลิงแล้ว ถ้ายอมไปเป็นทาสรับใช้ในบ้านเธอสักสามเดือนก็คาดว่าจะเกิดอาการโรคประสาทแล้ว “สมองคุณคงมีปัญหาใช่ไหม ก่อนพูดจาช่วยใช้สมองคิดหน่อยไม่ได้หรือไง?” หลี่โม่ตอบกลับด้วยใบหน้าเย็นชา “ให้ตาย! นี่คุณยังกล้ายอกย้อนผม! ผมว่าคุณคงไม่อยากให้ลูกสาวรับการรักษาแล้ว เพียงแค่ผมพูดออกไปประโยคเดียว ผมรับประกันเลยว่าไม่มีโรงพยาบาลไหน หรือแพทย์ที่ไหนในเมืองฮั่นที่จะรักษาลูกสาวของคุณ ลูกสาวข
"คนยากจนอย่างแก จะไปเรียกคนแบบไหนมาได้ ประเภทที่คนยากจนรู้จักได้คงจะเป็นคนยากไร้ไม่ก็คนไร้ประโยชน์ แกเรียกมาเลย ฉันจะคอยดูซิว่า แกจะเรียกคนโง่เง่าเต่าตุ่นแบบไหนมากัน" คำพูดของหวังหยงเต็มไปด้วยการดูถูกหลี่โม่ ตามสามัญสำนึกแล้ว คนยาจกไม่มีวันรู้จักกับคนที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน “ฮัลโหล ผู้อำนวยการหลิวซินหมินใช่ไหมครับ? ผมหลี่โม่” หลี่โม่ตอบกลับอย่างเฉยชา “นายน้อย สวัสดีครับ ผมหลิวซินหมิน คุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ? ถ้าหากว่ามีปัญหาเกี่ยวกับการรักษา คุณไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผู้เชี่ยวชาญได้ปรึกษาหารือกันแล้ว และได้กำหนดแผนการวินิจฉัยและการรักษาแล้วครับ” หลิวซินหมินโค้งตัวและกล่าวด้วยความเคารพอย่างมาก หลิวหมินซินนั้นรู้ดีอย่างแจ่มแจ้งชัดเจนในเรื่องตัวตนและเบื้องหลังของหลี่โม่ นั่นคือนักลงทุนที่เป็นเจ้าของโรงพยาบาลเชียวนะ ว่าตามความอาวุโส เขาเป็นระดับปู่เลยแหละ! “หัวหน้าแผนกหวังกับผมมีเรื่องกันนิดหน่อย คุณแวะมาดูหน่อยสิ เราอยู่ตรงประตูห้องพักผู้ป่วยของซีซี” หลี่โม่เลิกคิ้วและเหลือบมองหวังหยงที่อยู่ตรงข้ามและกำลังเผชิญกับเลือดกำเดาไหล “หวังหยงเจ้านั่น! นายน้อยรอสักครู่ครับ ผมจะไ
หวังหยงเหล่มองหลี่โม่ เมื่อเห็นท่าทีที่สงบของหลี่โม่ ก็ทำให้ในใจของหวังหยงกระตุก เป็นไปได้ไหมว่าผู้อำนวยการหลิวถูกคนยาจกนี่เรียกมา? หวังหลิงที่ยืนอยู่ข้างหวังหยงก็พูดเสียงเบา ๆ ว่า “พี่คะ มันเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน” “ฉันจะไปรู้ได้ยังไง บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ คอยดูสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยว่ากัน” หวังหยงหันกลับแล้วเดินไปหาหลิวซินหมิน พูดด้วยใบหน้าที่ร้องไห้คร่ำครวญว่า "ผู้อำนวยการหลิวมาทันเวลาพอดีเลยครับคุณมองดูหน้าผมซิครับ ผมถูกอันธพาลนี่ต่อย คุณต้องขอความเป็นธรรมให้ผมด้วยนะครับ" หลิวซินหมินมองดูใบหน้าของหวังหยง แล้วพูดอย่างโหดร้ายว่า "สมควรแล้ว!" "อะไรนะครับ?" หวังหยงมองหลิวซินหมินอย่างเหม่อลอย คิดไม่ถึงเลยว่าหลิวซินหมินจะพูดคำแบบนี้ออกมา “ผู้อำนวยการหลิว นี่คุณหมายความว่าอย่างไรครับ? ผมหวังหยงไม่มีคุณงามความดีแต่ก็ทำงานหนักมาตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ผมถูกคนจนนี้ทุบต่อย แต่คุณกลับบอกว่าสมควร?” “หรือไม่สมควรล่ะ! แกลองคิดดูว่าแกทำอะไรลงไป แกได้ตรวจสอบความจริงแล้วหรือยัง? พวกเขาไม่ได้โกรธสุดขีด ลงมือทุบต่อยแก? แกทบทวนถึงสิ่งที่แกทำลงไป!” หลิวซินหมินดุเสียงดัง หวังหยงห
“หวังหยง นี่คือทัศนคติของคุณในการขอขมา? ตามกฏระเบียบของโรงพยาบาล สิ่งที่คุณทำลงไปทั้งหมดในตอนนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะถูกไล่ออก หากคำขอโทษของคุณไม่ทำให้คุณชายหลี่พอใจ ถ้าอย่างนั้นคุณก็เตรียมเก็บของแล้วไสหัวไปได้เลย” หลิวซินหมินไม่กล้าปกป้องหวังหยง หากหลี่โม่เข้าใจผิด หลิวซินหมินก็จะถูกเด้งจากตำแหน่งผู้อำนวยการในไม่กี่นาที ในใจหวังหยงตกใจมาก คิดไม่ถึงว่าหลิวซินหมินถึงกับช่วยหลี่โม่พูดแบบนี้ เมื่อคิดไตร่ตรองถึงตำแหน่งหัวหน้าแผนก นึกถึงค่าคอมมิชชันยา นึกถึงทุกอย่างที่เภสัชยาเต็มใจอุทิศให้ หวังหยงก็ตัดสินใจกัดฟันและก้มหน้าลง “ผมตระหนักถึงความผิดของตัวเองอย่างสุดซึ้ง ผมไม่ควรปกป้องญาติโดยไม่คำนึงถึงครอบครัว ผมหุนหันพลันแล่นและทำผิดพลาดครั้งใหญ่ ทำให้ภาพลักษณ์ของโรงพยาบาลของเราเสื่อมเสีย ต่อไปนี้ผมจะชดใช้ให้อย่างแน่นอน ขอให้คุณชายหลี่ยกโทษให้ผมด้วย ให้โอกาสผมได้ปรับปรุงตัวใหม่ด้วยครับ” หลังจากที่หวังหยงพูดจบเขาก็มองไปที่หวังหลิงและในแววตาของเขาก็ปรากฏความวิงวอน หากหวังหลิงยังคงสร้างปัญหาต่อไป หวังหยงย่อมไม่มีผลดีอย่างแน่นอน หวังหลิงรู้สึกกลัวเล็กน้อย สาเหตุหลักมาจากการที่ผู้อำนวยกา
กู้หยุนหลานมองไปที่หลี่โม่และซีซีอย่างเงียบ ๆ จากนั้นใบหน้าเธอก็ปรากฏรอยยิ้มอย่างมีความสุข กู้หยุนหลานซึ่งอยู่ในอารมณ์ที่ผ่อนคลาย รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ผ่อนคลายและมีความสุขอย่างนี้มานานแล้ว หลี่โม่อุ้มซีซีแล้วเดินไปข้างกู้หยุนหลาน "ซีซี หนูดูซิคุณแม่สวยไหม?" “คุณแม่สวย คนที่สวยที่สุดในโลกก็คือคุณแม่ เดี๋ยวหนูโตแล้วจะสวยเหมือนคุณแม่” ซีซีพิงบนไหล่ของกู้หยุนหลาน แขนทั้งสองข้างของเธอโอบไว้รอบคอของกู้หยุนหลาน และมองกู้หยุนหลานอย่างร่าเริง กู้หยุนหลานแตะจมูกของซีซีเล็กน้อย "ลูกนี่ฉลาดเจ้าเล่ห์จริง ๆ เลย ช่างรู้จักพูดจา" “คุณแม่คะ หนูอยากกินของอร่อย อยากกินไอศกรีมค่ะ” ซีซีพูดอ้อน กู้หยุนหลานหัวเราะแล้วยื่นมือออกมา จากนั้นก็อุ้มซีซีจากอ้อมแขนของหลี่โม่ "ไปกันเถอะ แม่จะพาลูกไปกินของอร่อย ๆ นะ" “ถ้าอย่างนั้นพวกคุณไปก่อนเลย ผมจะไปพบผู้อำนวยการหลิวเพื่อจัดการเรื่องการรักษาของแพทย์ประจำตัวคนใหม่ เจรจาสักครู่หนึ่ง” “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ คุณต้องสุภาพกับคุณหมอหน่อยนะคะ” กู้หยุนหลานเตือนสติ ตอนแรกเธออยากถามว่าเรื่องเมื่อสักครู่นี้เป็นอย่างนั้นได้อย่างไร แต่ถูกหลี่โม่ขัดจังหวะและลืมไ
จางลี่รีบไปโรงพยาบาลอย่างร้อนรน เมื่อเห็นรอยตบบนใบหน้าของหวังหลิงและรอยจมูกฟกช้ำและใบหน้าบวมเป่งของพี่ชายเธอ ทันใดนั้นไฟโทสะก็ลุกโชนขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทรออกหมายเลขโทรศัพท์ของหลิวซินหมิน จางลี่ตะโกนว่า "หลิวซินหมิน! นี่แกตาบอดไปแล้วใช่ไหม?" “ประธานจาง คุณหมายความว่าอย่างไร? ผมเหล่าหลิวทำอะไรผิด?” หลิวซินหมินถามด้วยความสงสัย “ให้ตายเถอะ! สุนัขแก่อย่างแกเสแสร้งได้เนียนมาก ภรรยาของฉันคือหวังหลิง พี่ชายใหญ่ของฉันคือหวังหยง และลูกชายของฉันคือจางเหิง! เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา แกไม่รู้เหรอ!” หลิวซินหมินสั่นสะท้านไปทั้งตัว ทันใดนั้นก็ร้องคร่ำครวญในใจอย่างขมขื่น คิดไม่ถึงว่าหวังหยงจะมีความสัมพันธ์เส้นสายที่ใหญ่แบบนี้ แค่ดูจากท่าทีโกรธจัดของจางลี่ เกรงว่าเรื่องคงจะไม่จบดีแล้ว! หลิวซินหมินร้อนรนอย่าสุดขีด ในขณะนั้นก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ด้านหนึ่งคือนายน้อยแห่งแดนมังกร อีกด้านคือรองประธานสหพันธ์การแพทย์ที่ดูแลโรงพยาบาลของพวกเขา ทั้งสองคนต่างเป็นคนที่ไม่สามารถล่วงเกินได้ “ประธานจางใจเย็น ๆ ก่อน มันต้องมีความเข้าใจผิดบางอย่าง...” "เข้าใจผิดบ้านแกสิ! อันธพาลที่รังแก
เมื่อเห็นหลิวซินหมินและหลี่โม่พูดคุยกัน จางลี่ก็แหงนหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “ผู้อำนวยการหลิว แกยังจะพูดไร้สาระอะไรกับมันอีก รีบให้คนมาจับมันไว้ เปลื้องเสื้อผ้ามันออกให้หมดแล้วมัดไว้ แล้วไปตามหาเมียกับลูกสาวมันมาให้ได้” “คนที่กล้าทำให้คนในครอบครัวจางลี่อับอาย ฉันจะทำให้มันไม่สามารถพลิกชีวิตได้อีก ให้พวกเขาแบกรับความอับอายไปตลอดชีวิต ฉันจะถ่ายรูปและบันทึกวิดีโอไว้ ให้พวกมันเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปในวันนี้!” จางลี่กล่าวว่าชั่วร้ายอย่างยิ่ง เมื่อหลิวซินหมินได้ยินอย่างนั้นก็หวาดหลัวทันใด เป็นไปตามที่คาดไว้ ภายในอุตสาหกรรมต่างกล่าวว่า จางลี่เป็นคนที่ไม่สามารถล่วงเกินได้ ผู้ชายคนนี้เลวทรามไม่มีใครเทียบจริง ๆ “คุณดูค่อนข้างเป็นคนสร้างสรรค์ดีนี่ ดูเหมือนว่าอีกเดี๋ยวคุณก็จะได้ลองประสบการณ์ดี ๆ แล้ว” หลี่โม่กล่าวด้วยรอยยิ้ม จางลี่ขมวดคิ้วแน่นและรู้สึกว่าหลี่โม่กำลังเยาะเย้ยตัวเอง “แกยังจะไม่คุกเข่าลงแล้วเปลื้องผ้าตัวเอง อีกเดี๋ยวฉันเรียกคนมา ก็จะไม่สุภาพกับแกแบบนี้แล้ว ฉันจะนับถอยหลังสิบ “สิบ เก้า แปด...” สีหน้าชั่วร้ายของจางลี่กำลังนับเลขถอยหลัง หลี่โม่ยืนขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาจางลี่ ใบหน