แล้วจึงจัดการถอดอันเดอร์แวร์บนตัวออก ตอนนี้เขาจึงล่อนจ้อน ภาพของชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบด้วยรูปร่างหน้าตา ยืนเปลือยอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ก่อนที่ขายาวๆ จะเดินตรงไปยืนใต้ฝักบัวอันใหญ่ เอื้อมมือเปิดน้ำ ไม่นานสายน้ำเย็นๆ ก็รดมาตั้งแต่ศีรษะถึงปลายเท้า
มือหนาลูบเนื้อตัวที่เปียกด้วยน้ำ ล้างหน้าและบีบครีมอาบน้ำใส่ฝ่ามือมาถูจนเป็นฟอง ก่อนจะถูไปตามเนื้อตามตัว เน้นทำความสะอาดเฉพาะจุดกึ่งกลางลำตัวนานหน่อย ซึ่งหากสาวๆ ได้เห็นภาพนี้คงกำเดาพุ่งได้ไม่ยาก แล้วจึงล้างเนื้อล้างตัว ตามด้วยการหยิบผ้าขนหนูมาซับหยดน้ำที่เกาะตามผิว ก่อนจะนุ่งผ้าขนหนูที่ผูกเป็นปมไว้รอบเอว แล้วเดินออกจากห้องน้ำ ตรงไปยังตู้เสื้อผ้า หยิบกางเกงขายาว เสื้อกล้ามขึ้นมาสวม เดินอีกสี่ห้าก้าวไปยังเตียงนอนคิงไซส์ที่ปูด้วยชุดผ้าปูที่นอนสีหม่น แล้วจึงทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอันคุ้นเคยที่หมอนใบข้างๆ ยังคงไร้คนมาหนุน ขณะที่มองเพดานห้องอยู่นั้น ในสมองก็หวนคิดถึงวันเมษาขึ้นมา “ถ้าเราเป็นคู่กัน คงไม่แคล้วที่จะได้เจอกันอีก จริงไหมครับคุณวันเมษา” ธาวินเอ่ยยิ้มๆ ขณะที่บนพื้นมีกระเป๋าเดินทางใบขนาดย่อมวางอยู่ บ่งบอกว่าวันหยุดยาวที่จะมาถึงนี้ ธาวินมีโปรแกรมที่จะไปพักผ่อนเช่นเดียวกัน ซึ่งกว่าจะหาวันหยุดที่ลงตัวได้ ก็นานพอดู แขนยาวๆ คว้าหมอนข้างขึ้นมากอด อาการเพ้อๆ ถึงผู้หญิง เหมือนเด็กหนุ่มที่พึ่งพบกับรักแรก ก็ทำเอาเขาทำตัวไม่ค่อยถูกเหมือนกัน เพราะนานแล้วที่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้ นานแล้วที่ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกหลุมรักใคร กระทั่งได้มาพบคนที่ใช่ คนที่เขาพบเธอครั้งแรกในวันที่เธอถูกบอกเลิกเช้าตรู่ของการเดินทางไปปราณบุรี เฟื่องรัตน์ทำหน้าที่ขับรถ โดยเธอกับเก๋ไก๋มารับวันเมษาที่บ้าน จากนั้นก็เดินทางไปยังเป้าหมายทันที ใช้เวลานั่งรถเพลินๆ กินลม ชมวิวตามทางหน่อย ราวๆ สามชั่วโมงก็ถึงรีสอร์ตที่ถูกออกแบบอย่างสวยงาม ราวกับอยู่บนโมร็อกโก ภาพตรงหน้าที่สวยจนวันเมษาร้องได้คำเดียวว่า
“ว้าว!!!” “รีสอร์ตสวยมากเก๋ไก๋” เฟื่องรัตน์อ้าปากค้างแล้วเอ่ยชมอีกคน เก๋ไก๋ได้แต่ยืนกอดอกอมยิ้มดีใจ ที่วันเมษาและเฟื่องรัตน์ชอบที่นี่ เมื่อเดินผ่านห้องพักและทิวต้นไม้น้อยใหญ่มาได้ ก็คือชายทะเล ที่ปกคลุมไปด้วยผืนทรายขาวละเอียด จนอยากเดินลงไปย่ำ วันเมษาก็ชักจะอดใจไม่ไหว รีบถอดรองเท้าไว้หน้าห้องพัก ก่อนจะย่ำเท้าเปล่าลงไปบนทรายเสียให้หนำใจ สลับวิ่งแกล้งปูลมให้พวกมันหนีลงรูอยู่นานสองนาน “นั่น! สนุกใหญ่เลย ไม่บอกไม่รู้ว่าพึ่งถูกหักอกมาหมาดๆ” เฟื่องรัตน์เอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะหันไปมองเก๋ไก๋แล้วเอ่ยต่อ “ไอ้เราก็ห่วง นึกว่าจะเศร้าหนัก ที่ไหนได้ ร่าเริงกว่าที่คิดเสียอีก” “มันคงเจ็บแหละ แต่ไม่แสดงออก” คำพูดของเก๋ไก๋นั้น เฟื่องรัตน์พยักหน้าเห็นด้วย “ก็ว่าอยู่” ความที่คบหากันมานาน มีหรือที่เฟื่องรัตน์กับเก๋ไก๋จะมองไม่ออกว่าตอนนี้วันเมษากำลังรู้สึกยังไง เพียงแค่เพื่อนเธอคนนี้พยายามที่จะเก็บซ่อนไว้เท่านั้นเอง “ปล่อยนางให้เลียแผลใจไปเงียบๆ ส่วนเราสองก็คอยดูอยู่ห่างๆ” ขณะพูดเก๋ไก๋ก็มองตามแผ่นหลังเล็กๆ ของวันเมษา “โอเค” “ยัยษา รอด้วยสิ” เก๋ไก๋ตะโกนเรียกเพื่อนที่ตอนนี้เดินลงไปในทะเลได้ครึ่งหน้าแข้ง ก่อนที่เธอจะถอดรองเท้า เดินย่ำทรายตรงไปหาวันเมษา ตามด้วยเฟื่องรัตน์ที่รีบก้าวมาติดๆ อีกคน ทั้งหมดคลุกตัวอยู่บนชายหาด โดยไม่ได้สนใจจะเข้าไปดูห้องพักเลยแม้แต่น้อยรถเอสยูวีสีดำ กำลังเลี้ยวเข้าจอดยังลานจอดรถภายในรีสอร์ตชื่อดัง ก่อนที่ประตูฝั่งคนขับจะถูกเปิดออก ปรวีณ์รีบก้าวลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารให้เอวา
“ขอบคุณค่ะพี่วีณ์” น้ำเสียงอ่อนหวานเอ่ยขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มที่ส่งมาให้ก็ทำเอาหัวใจของปรวีณ์เต้นไม่เป็นส่ำ เพราะไม่คิดว่านางแบบสาวสวย ผู้มีหุ่นขยี้ใจชายอย่างเอวา อยู่ๆ ก็เดินมาสารภาพ ว่าได้ตกหลุมรักเขาอยู่และต้องการคบเป็นแฟนด้วย ครั้งแรกที่ได้ยิน ปรวีณ์ถึงกับตกอยู่ในภวังค์ ก่อนจะตอบตกลง ทั้งๆ ที่ตอนนั้นเขากำลังออกเดตอยู่กับวันเมษาได้ไม่นานด้วยซ้ำ แม้จะดูเป็นผู้ชายโลเลแต่ให้ทำไงได้ ในเมื่อผู้หญิงที่ตรงสเปคทุกอย่างมาขอคบเป็นแฟน อารมณ์นั้นเขาก็ไม่อาจตอบปฏิเสธเอวาได้จริงๆ “ครับ” เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยรับ ก่อนที่นางแบบสาวจะเกี่ยวแขนช่างภาพหนุ่มที่เป็นคนรัก เดินเข้าไปยังห้องพักระดับวีไอพีของทางรีสอร์ต ที่อยู่ติดชายหาดด้านซ้าย ท่ามกลางสายตาของแขกที่เข้ามาพักรวมทั้งบรรดาพนักงานของที่นี่ ต่างจับจ้องมายังคนทั้งคู่ แต่ดูจะเน้นไปที่เอวา เพราะเธอแต่งตัวได้เปรี้ยวจี๊ด กางเกงยีนส์เอวสูงขาสั้นจู๋กับเสื้อเกาะอกเปิดไหล่ เน้นให้หน้าอกหน้าใจที่ดูมๆ อยู่แล้วโดดเด่นขึ้นมาอีก ปรวีณ์ดูจะภูมิใจไม่น้อยที่ตนได้คบหากับคนสวยและมีเสน่ห์อย่างเอวา ส่วนเอวานั้นกลับรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกพิเศษกับความรักในครั้งนี้เลยแม้แต่น้อย เหตุผลที่แท้จริง ที่เธอคบกับปรวีณ์นั่นเพราะต้องการเอาชนะวันเมษาก็เท่านั้น พอเธอรู้ว่าคู่อริหมายเลขหนึ่งกำลังคบหากับตากล้องของบริษัท เธอก็รีบเข้าไปแย่งชิงผู้ชายคนนั้นมาทันที แต่จะว่าไปแล้ว บางครั้งเธอก็ติดจะรำคาญความเป็นสุภาพบุรุษจ๋าของปรวีณ์ไม่ได้ ผู้ชายอะไรหน้าตาก็หล่อดีอยู่หรอก แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับจืดชืด ขนาดคบกับเธอมาตั้งหลายวัน ยังทำได้แค่จูบซึ่งเธอเป็นคนเริ่มก่อนเสียด้วย ไหนๆ สองสามวันนี้ก็ได้มาเที่ยวค้างอ้างแรมกันสองต่อสอง รับรองว่าปรวีณ์หนีไม่รอดแน่นอน ต่อให้คบกันเล่นๆ แต่เธอก็โหยหาเพศตรงข้ามเช่นกัน เมื่อเข้ามาในห้องพักที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม มีสระว่ายน้ำส่วนตัว มือเรียวของเอวาก็หยิบโปสการ์ดที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาอ่าน ก่อนจะยิ้มออกมา สงสัยคืนนี้เธอต้องเป็นดาวเด่นของงานปาร์ตี้ริมสระว่ายน้ำเสียหน่อยแล้วธาวินเดินถือกระเป๋าตรงไปยังห้องพัก หลังจากใช้เวลาขับรถสองชั่วโมงนิดๆ ก็มาถึงรีสอร์ต ซึ่งเพื่อนเขาเป็นหุ้นส่วนของที่นี่และชักชวนให้มาพักหลายต่อหลายครั้ง กระทั่งครั้งนี้เขาว่างจึงได้แวะมา ภายในรีสอร์ตดูร่มรื่นด้วยบรรดาต้นไม้น้อยใหญ่ สถาปนิกออกแบบให้ที่นี่โดดเด่นกว่ารีสอร์ตแห่งอื่นด้วยสไตล์โมร็อกโก ซึ่งเน้นโทนสีเขียว ขาว รวมทั้งได้ผสมผสานความเป็นไทยลงไปอย่างลงตัวและมีเสน่ห์ ที่นี่มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางซึ่งติดกับชายหาด ไหนจะมีห้องพักแบบพูลวิลล่าให้เลือก สำหรับแขกที่ต้องการความเป็นส่วนตัว“วิน ทางนี้เพื่อน” ศิวะยืนตะโกนเรียกแล้วโบกมือให้ธาวิน หมอหนุ่มเห็นเพื่อนจึงเดินเข้าไปหาใกล้ๆ “ที่นี่สวยดีนี่หว่า”“เออน่ะสิ ก่อนหน้านี้ชวนมาตั้งกี่ครั้งไม่เคยจะสนใจนัก”“งานมันยุ่ง แต่เอาน่ะ ไหนๆ ข้าก็มาแล้ว อย่าบ่นมาก” คำพูดของธาวินทำเอาคนฟังส่ายหน้าให้ เพราะเห็นว่าธาวินทำงานหนัก แทบไม่ได้พัก ศิวะจึงชวนเพื่อนคนนี้ให้มาพักผ่อนที่รีสอร์ตเขาบ้าง เอ่ยชวนหลายต่อหลายครั้ง แต่กลับได้คำตอบจากธาวินว่ายังไม่ว่างมาตลอด กระทั่งเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน ธาวิน ก็บอกว่าช่วงวันหยุดยาวจะมาพักสมองที่นี่ “นี่กุญแ
“หวังว่าเธอคงจะใส่บิกินี่มานะษา ไม่ใช่ปอดแหกใส่ชุดว่ายน้ำรุ่นป้ามาร่วมงาน” “บิกินี่ก็บิกินี่สิ ไม่เห็นเป็นไร” “ก็ดี…แล้วเจอกันนะยะ ยัยอกแบนแฟนทิ้ง” พูดกระแนะกระแหนจบเอวาก็เดินยิ้มออกไปอย่างสะใจ ปรวีณ์อยากถามว่าเธอเข้าไปคุยอะไรกับวันเมษาบ้าง แต่ก็เลือกที่จะไม่ถาม เพราะกลัวเอวานั้นเข้าใจผิด คิดว่าเขายังคงสนใจวันเมษาอยู่ “หึ๋ย! ยัยนมโต ยัยหุ่นดี ยัยหน้าสวยด้วยโบท็อกซ์ ยัย…” วันเมษาไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาเอ่ยดี แต่คนฟังอย่างเฟื่องรัตน์และเก๋ไก๋ได้แต่ส่ายหน้าให้ ก่อนที่เฟื่องรัตน์จะเอ่ยขึ้น “นั่นมันคำด่าที่เจ็บแสบเท่าที่แกคิดออกแล้วใช่ไหมษา”“อื้อ…ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่ายัยนี่ดีน่ะสิ” แม้เอวาจะสวยด้วยการปรุงแต่ง ผ่านการเติมนั่นนิดนี่หน่อยจากสถาบันความงามหรือที่ไหนๆ แต่สมัยนี้ไม่ค่อยถือสาเรื่องศัลยกรรมกันแล้วนี่นา เธอจะเอามาเป็นประเด็นทำไม “ถ้าคิดคำด่าไม่ออกก็ไม่ต้องคิด มาคิดดีกว่าว่าคืนนี้แกจะเอาตัวรอดยังไง” คำพูดของเก๋ไก๋ทำเอาวันเมษาคอตก “นั่นสิ ปาร์ตี้ดั๊นมาเน้นบิกินี่ แค่คิดฉันก็ปวดตับแล้ว”“แล้วทำไมไม่คิดให้ดีๆ ก่อนจะตอบตกลง หา…ยัยบ๊อง” เฟื่องรัตน์แยกเขี้ยวให้วันเมษา ที่ตอนนี้ทำหน้า
“ไม่ต้องเลย เดี๋ยวก็หายไปเอาทิชชูยัดมาอีกหรอก” “สรุป นี่แกจะเอาแบบนี้จริงใช่ไหม” เก๋ไก๋เอ่ยถามอีกครั้ง “เอาจริงสิ เสียเวลายัดอยู่ตั้งนานสองนาน ทิชชูหมดไปตั้งหลายม้วน”วันเมษาส่งยิ้มหวานให้เก๋ไก๋ ก่อนจะจับหน้าอกเพื่อขยับทิชชูที่ยัดไว้ให้เข้าที่เข้าทางอีกครั้ง “จะว่าไปพอแกมีนม มันก็ดูมีอะไรๆ ขึ้นนะ” เฟื่องรัตน์ยืนกอดอกมองรูปร่างของวันเมษา ถ้าเพื่อนเธอมีหน้าอกที่ได้ขนาดเท่ากับทิชชูที่ยัดอยู่ตอนนี้ ก็คงเซ็กซี่ไปอีกแบบ “จริงเหรอเฟื่อง เพื่อนรักพูดได้ดีนะเนี่ย” คนถูกชมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “จริง…ดูเป็นผู้หญิงขึ้นมา อืม…หน่อยนึงไรงี้” แต่คำว่าหน่อยนึงของเฟื่องรัตน์ ก็ทำเอารอยยิ้มที่มีอยู่ก่อนนี้ของวันเมษาหุบลงทันที “แค่หน่อยเดียว” “เอาน่ะ ยังดีกว่าไม่มีเลยนะแก”“นี่ลงทุนยืนเมื่อยยัดทิชชูอยู่ตั้งนาน สรุปมีแค่หน่อยเดียว” วันเมษาเอ่ยอย่างเซ็งๆ มองหน้าเฟื่องรัตน์ที่ยังคงยิ้มให้ ก่อนที่เก๋ไก๋จะเอ่ยขัดคอสองสาวขึ้น “เอาน่ะๆ ไม่ต้องเถียงกันแล้ว เดี๋ยวงานเลิกกันพอดี คราวนี้ยัยเอวาได้ฉีกยิ้มปากถึงใบหู เพราะคิดว่าแกปอดแหกไม่กล้าไปงาน” เฟื่องรัตน์พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย “ใช่จริงด้วย”“ก่อนไป ฉันขอเข
“พี่วีณ์ไม่ตามเอวาคนรักไปเหรอคะ” “ไม่ละครับ” “เธอดูสนุกเนอะ เวลาได้แต่งตัวสวยๆ ได้อยู่ต่อหน้าผู้คนมากหน้าหลายตา โดยเฉพาะอยู่ต่อหน้าผู้ชาย” เก๋ไก๋เอ่ยนิ่งๆ วันเมษาจึงหันมาปราม “เก๋ไก๋” พูดจบก็ส่ายหน้าให้เพื่อนสนิท ตอนนี้วันเมษานั้นพอจะเดาความคิดของปรวีณ์ออก ที่มาทำดี เอาคอกเทลมาให้แบบนี้ คงเพราะต้องการเอาคืนเอวาเป็นแน่ “ษาสบายดีใช่ไหม”“ค่ะ” “แต่งตัวแบบนี้ ษาก็ดูเซ็กซี่เหมือนกันนะ” น่าแปลกที่คำชมของปรวีณ์กลับไม่ได้ทำให้วันเมษารู้สึกดีอย่างที่คิด เธอทำเพียงส่งยิ้มจางๆ ให้เท่านั้นแต่ภาพระหว่างปรวีณ์และวันเมษากลับตกอยู่ในสายตาของเอวา ต่อให้เธอไม่ได้พิศวาสปรวีณ์มาก แต่ก็ใช่ว่าคนอื่นๆ โดยเฉพาะวันเมษาจะเข้ามาเจ๊าะแจ๊ะได้ ผู้ชายของเธอต่อให้เธอไม่ต้องการ เขาก็ไปเป็นของคนอื่นไม่ได้ นั่นทำให้เอวาเดินปรี่เข้ามาหาทั้งสี่คนทันที“คุยอะไรกันอยู่คะเนี่ย เอวาขอร่วมวงอีกสักคนจะได้ไหม” “ก็ไม่ได้คุยอะไรเป็นพิเศษ” น้ำเสียงตึงๆ ของเฟื่องรัตน์เอ่ยตอบ แต่เอวาก็เลือกที่จะไม่ให้ความสำคัญกับเสียงที่เธอคิดว่าเป็นเสียงนกเสียงกา“ตายจริง! พึ่งสังเกต ษาทำไมนมเธอเบี้ยวๆ หรือว่าไปทำหน้าอกมา บอกแล้วไงว่าให้เลือ
เมื่อเดินกันจนครบรอบ วันเมษาและเอวาก็กลับมายืนยังจุดเดิม เพื่อฟังผลการตัดสิน ตอนนี้วันเมษาไม่ได้คิดถึงผลแพ้ชนะหรือของรางวัล เพราะในสมองคิดอยู่อย่างเดียว ว่าขอให้การประกวดนี้จบเสียทีเถอะ กระทั่งเสียงประกาศดังขึ้น“ผู้ชนะของเราในคืนนี้คือ คือ…คุณษาครับ” คำตัดสินที่ได้ยิน ทำเอาวันเมษาถึงกับอึ้งเพราะตกใจ ส่วนเอวานั้นยืนกำหมัดแน่น เพราะพ่ายแพ้ให้วันเมษาอีกครั้ง “เย้ๆ ยัยษาชนะจริงๆ ด้วย” เฟื่องรัตน์ยิ้มกว้างดีใจ ก่อนที่เก๋ไก๋จะเอ่ยขึ้น “ซ้ำแผลเก่ายัยเอวาชัดๆ”“สมน้ำหน้า” พูดจบเฟื่องรัตน์ก็หันไปเบ้ปากใส่เอวาอย่างสะใจ ก่อนจะมองไปยังวันเมษา ซึ่งตอนนี้สีหน้าของผู้ชนะนั้นดูจะงุนงงจนบอกไม่ถูก หน้าจะยิ้มก็ไม่เชิง ดูแหยๆ แปลกๆ วันเมษาส่งยิ้มแห้งๆ ให้ทุกคน อารมณ์เธอเหมือนหลายปีก่อน ตอนที่รุ่นพี่ประกาศว่าเธอคือดาวคณะไม่มีผิด พอหันไปมองเอวาก็เห็นจ้องมองเธอตาเขียว ถ้ากระโจนเข้ามาฉีกเนื้อเธอได้ เอวาคงทำไปแล้ว เอวาอยากฟังเหตุผลว่าเพราะอะไรเธอถึงแพ้วันเมษา แต่กลับไม่มีใครให้คำตอบได้ ก่อนจะมีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้น ว่าที่พวกเขาเลือกวันเมษาเพราะเธอดูสดใส เหมาะกับชุดบิกินี่แบบที่เธอเลือกสวมมาวันนี้ แต่เอวากล
“คุณษา คุณษา!” ธาวินตบใบหน้าของวันเมษาเบาๆ หลังจากพาเธอขึ้นจากน้ำเพื่อเรียกสติ เมื่อครู่นี้ จังหวะที่เขากำลังก้าวเข้ามาในงานปาร์ตี้ที่ยากจะเลี่ยง ก็เห็นว่าวันเมษากำลังหล่นลงไปในสระว่ายน้ำเข้า จากนั้นเขาก็กระโดดลงสระเพื่อช่วยเธออย่างไม่ลังเล“คุณษา” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกอีกครั้ง แต่เมื่อเธอไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ ธาวินจึงจำต้องผายปอดให้ภาพที่เกิดขึ้นขณะนี้ ทำให้เก๋ไก๋และเฟื่องรัตน์มองหน้ากันปริบๆ แม้นี่จะเป็นการผายปอดเพื่อช่วยชีวิต แต่ลึกๆ มันก็อดที่จะรู้สึกเขินแทนเพื่อนรักที่ตอนนี้ยังไม่ได้สติ ถ้าตื่นมาแล้วรู้ตัวว่ามีชายนิรนาม ขี่ม้าขาวแล้วกระโดดน้ำดังตูมลงไปช่วย พร้อมทั้งทำการผายปอดให้อีก วันเมษาจะรู้สึกยังไง ก็ยากจะเดาใจได้ธาวินผายปอดวันเมษาอยู่สักครู่ เธอก็สำลักน้ำออกมาอย่างน่าสงสาร ก่อนจะตามมาด้วยเสียงไอติดต่อกันหลายครั้ง หน้าตาแดงก่ำไปหมด เก๋ไก๋กับเฟื่องรัตน์จึงรีบพยุงวันเมษาขึ้นนั่ง โดยที่เก๋ไก๋นั้นเอาตัวให้เพื่อนได้พิง“ษา…ษา เป็นยังไงบ้างแก” เก๋ไก๋ปัดหยดน้ำที่เกาะพรา
“ก็ได้ค่ะ งั้นษาจะกลับพรุ่งนี้เช้า”“ขอบคุณมากครับคุณษา”“ไม่เป็นไรค่ะ” วันเมษาเอ่ยรับ แม้จะรู้สึกเฟลกับงานปาร์ตี้ แต่อย่างน้อยๆ การแสดงความรับผิดชอบของศิวะ ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้เป็นคนก่อเรื่อง ก็ทำให้เธอรู้สึกดีกับการต้องอยู่ต่อที่นี่ส่วนเจ้าชายขี่ม้าขาว ที่หายหน้าไปตั้งแต่วันเมษารู้สึกตัวเพราะกลัวทำให้เธออาย ตอนนี้ก็ชะเง้อมองข้ามกำแพงห้องพักของตัวเองมายังห้องพักของ วันเมษาและเพื่อนๆ กระทั่งเห็นศิวะเดินกลับออกมาจึงรีบสลายตัว ทั้งๆ ที่ใจนั้นห่วงวันเมษามาก แต่ธาวินก็เลือกที่จะขอห่วงแบบห่างๆข้าวของที่เฟื่องรัตน์ขนไปไว้ที่หน้าล็อบบี้ ตอนนี้ถูกขนกลับมาที่ห้องพักโดยพนักงานของทางรีสอร์ต ตามด้วยบรรดาอาหารทั้งของคาวและของหวาน ไหนจะเครื่องดื่มครบเซ็ตที่ศิวะสั่งมาให้เป็นกรณีพิเศษแต่แทนที่จะกินหรือดื่มของอภินันทนาการ วันเมษากลับกำลังนั่งเคาะนิ้วกับโต๊ะท่าทางครุ่นคิด ไม่กลับตอนนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะไม่อย่างนั้นเอวาคงได้ใจกว่าเดิม ที่ทำให้เธอ
แต่เอวากลับไม่ได้ใจเย็นแบบนั้น เมื่อชายหนุ่มไม่ทำตามที่ขอ เอวาจึงผลักปรวีณ์ให้ลงไปนอนราบกับโซฟา ก่อนจะเป็นฝ่ายขึ้นมานั่งคร่อม โน้มตัวไปจูบชายหนุ่มอย่างดูดดื่ม ลิ้นแลกลิ้น ซึ่งปรวีณ์เองก็งัดประสบการณ์เรื่องเซ็กส์ที่เคยมีออกมาวาดลาดลายกับเอวา เพราะไม่อยากให้เธอคิดว่าเขานั้นด้อยกว่า แต่สุดท้ายปรวีณ์ก็เหมือนจะพ่ายแพ้“อ่า…เอวาครับ” สีหน้าของปรวีณ์ตอนนี้เหยเกกว่าเอวาเสียอีก ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมาสบตาเธอ ก่อนที่จะหลับตาพริ้มรอรับสัมผัสด้วยใจที่เต้นแรง เพราะตอนนี้เอวากำลังนั่งคุกเข่า ใบหน้าของเธอนั้นอยู่ตรงกลางลำตัวเขา มือของเธอก็กำลังบีบคลึงกล่องดวงใจที่กำลังตื่นตัวเต็มที่เอวายิ้มหวานให้ ก่อนที่เธอจะค่อยๆ รั้งกางเกงว่ายน้ำให้ออกจากตัวปรวีณ์ นั่นทำให้บางสิ่งบางอย่างผงาดท้าทายแรงโน้มถ่วงของโลก เอวาลอบกลืนน้ำลายเพราะขนาดของปรวีณ์นั้นออกจะใหญ่โตกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก แต่แทนที่จะกลัวเธอกลับชอบและอยากให้มันเข้ามาอยู่ในร่างกายเร็วๆจากสัมผัสด้วยมือ เอวาก็ค่อยๆ เปลี่ยนมาเป็นริมฝีปากและลิ้น ทุกสัมผัสที่เธอมอบให้ ทำเ
“ต๊าย! บอกแล้วเหรอ แล้วได้บอกไหม ว่าผู้ชายคนนั้นจูบเธอไปตั้งหลายครั้ง คิดแล้วก็ อี้” เอวาแสดงสีหน้ารังเกียจได้อย่างสมจริงจนน่าหมั่นไส้สำหรับเธอ การแต่งตัวผิดธีม หรือแม้จะเปลือยอกต่อหน้าใครๆ มันก็สร้างความอับอายให้น้อยกว่าเรื่องของวันเมษาแน่นอน นั่นเพราะด้วยอาชีพของเธอต้องโชว์รูปร่างอยู่แล้ว จึงชินกับการถูกมอง ไม่เหมือนวันเมษาแน่ แม้ปากจะบอกว่าไม่รู้สึกอะไร แต่เธอไม่เชื่อหรอกว่าใจจะไม่รู้สึกอย่างที่ปากบอก“จูบ!!” วันเมษาเผลอตัวเอ่ยคำต้องห้ามออกมา ซึ่งก็เข้าทางเอวา“เอ้…ไม่สิ เรียกว่าจูบมันคงไม่ใช่ เขาเรียกผายปอดให้เสียยกใหญ่ กว่าเธอจะรู้สึกตัว ผู้ชายคนนั้นคงได้กำไรไปมากโข”“เอวา! พอเถอะ” ปรวีณ์ที่ยืนฟังอยู่นาน อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปรามคนรักสาวขึ้น แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล“พออะไรคะพี่วีณ์ เอวาแค่พูดความจริงก็เท่านั้นเอง ใช่ไหมจ๊ะษา” แววตาที่แสดงออกว่าตนเป็นผู้ชนะ ถูกส่งมายังวันเมษาที่กำลังอึ้งกับสิ่งที่ได้รู้ เพราะเข้าใจม
หยุดยาวสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว พอกลับมาทำงานก็เรียกได้ว่าหัวฟูกันเลยทีเดียว ตั้งแต่เช้ากระทั่งใกล้จะเที่ยง วันเมษาแทบไม่ได้ลุกไปไหน เธอนั่งเคลียงาน จ้องจอคอมพิวเตอร์จนตาล้า คอแทบจะเคล็ดก่อนจะสะดุ้งเมื่อมีกล่องหน้าตาคุ้นๆ ถูกส่งมาให้ แถมคนที่ส่งมาให้หน้าตายังคุ้นกว่า เพราะคือพี่อุษา รุ่นพี่ในแผนกนั่นเอง“อย่าเขย่าอีกล่ะ เดี๋ยวข้างในเละเสียหมด” คนส่งพัสดุชั่วคราวเอ่ยแซว เพราะบังเอิญเดินผ่านประชาสัมพันธ์เข้า เจ้าหน้าที่จึงฝากของมาให้วันเมษาด้วยเสียเลย“ขอบคุณค่ะพี่” วันเมษาส่งยิ้มแห้งๆ ให้ แล้วยื่นมือไปรับกล่องที่ว่ามาถือไว้ ก่อนจะค่อยๆ เปิดออกดู ก็เห็นคัพเค้กหน้าตาน่าทานอยู่สี่ชิ้น ส่วนคนอื่นๆ ในแผนกที่ชะเง้อมองคอยาวก็พลอยรู้ด้วยว่าในกล่องคืออะไร“หนุ่มที่ไหน ส่งขนมมาให้ษาอีกแล้วนะ”“อันนี้ษาก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ” เจ้าของคัพเค้กส่งยิ้มให้คนถามและคนที่ไม่ได้ถามแต่รอฟังคำตอบ ก่อนจะวางกล่องสีหวานไว้ข้างๆ คราวนี้เธอยุ่งจนไม่มีเวลามานั่งถ่ายรูป
“เฮ้ย…ยัยษา แกคิดดีๆ นะ คิดให้ถี่ถ้วน นั่งคิดนอนคิด อย่าเอาอารมณ์ชั่ววูบมาตัดสินแทนหน้าอกแบนๆ น้อยๆ ของแกนะ มันไม่ยุติธรรม” คำพูดของเก๋ไก๋ทำเอาเฟื่องรัตน์ส่ายหน้าให้ ก่อนจะผลักให้หลีกไปอีกทาง“ปลอบได้ดีมากแกยัยเก๋ไก๋ หลีกไป” เมื่อผลักเก๋ไก๋เสร็จ เฟื่องรัตน์ก็จับวันเมษาให้หันมามองหน้าเธอตรงๆ“ษา…คิดใหม่ คิดให้ดีๆ ทำนมเลยนะแก ถ้าพูดผิดฉันให้โอกาสพูดใหม่”“ฉันคิดดีแล้วจริงๆ ฉันจะไปทำนม ลบปมด้อยออกไปจากชีวิตตัวเองเสียที”“ทำไมต้องลบปมด้อยด้วย ถ้าเพราะยัยเอวา แกไม่ต้องห่วง ฉันว่าป่านนี้คงกลัวแกจนขี้ขึ้นสมอง ไม่มากวนใจอีกหรอก” เก๋ไก๋ถามจริงจัง เพราะไม่อยากให้วันเมษาทำแบบนี้เพื่อเอาชนะเอวา“แกสองคนฟังฉันนะ ตั้งแต่ถูกพี่วีณ์บอกเลิกด้วยเหตุผลสุดห่วย ไหนจะถูกยัยเอวาตอกย้ำเรื่องหน้าอก สร้างเรื่องให้ฉันอายคนไปทั่ว ฉันจะเอาคืนทั้งสองคนให้มากกว่านี้ เพราะหลังจากผ่าตัดเสริมหน้าอก ฉันจะทำให้พี่วีณ์เขี่ยยัยเอวาลงกระป๋อ
“จะมากไปแล้วนะ”“อย่าทรงกริ้วสิเพคะพระพันปี เดี๋ยวตีนกาขึ้น จะไม่งาม” ยิ่งล้อเอวามากเท่าไหร่ เฟื่องรัตน์ก็ยิ่งสนุกมากเท่านั้น แต่คนถูกล้อชักจะอดทนไม่ไหว หน้ายิ้มๆ ตอนนี้กลายมาเป็นบึ้งตึง“นี่หล่อน อยากเจอดีใช่ไหม” เอวาเงื้อมือขึ้นสูง หวังตบเฟื่องรัตน์ให้สักฉาด แต่กลับถูกวันเมษาเอ่ยดักเสียก่อน“จะโมโหไปทำไม ไหนๆ เธอก็แต่งชุดมาซะเต็มขนาดนี้แล้ว เอ้านี่ฉันให้” พูดจบวันเมษาก็ยื่นบางสิ่งบางอย่างให้เอวา“อะไร” เจ้าตัวเอ่ยถาม ทั้งๆ ที่ยังไม่รับสิ่งนั้น“แค่สายสะพายสวยๆ เหมาะกับคนสวยๆ อย่างเธอนะเอวา” เก๋ไก๋เอ่ยขึ้นบ้าง ก่อนจะจัดแจงสวมสายสะพายที่เธอลงทุนทำเองกับมือให้พระพันปีเอวาทันที“สายสะพาย คุณนายเสล่อ” ข้อความที่ปรากฏอยู่บนสายสะพาย ก็ทำให้เอวาส่งเสียงกรี๊ดออกมา จนใครต่อใครหันมาจับจ้องอีกครั้ง แขกส่วนใหญ่คือแขกกลุ่มเดิมของเมื่อคืน น่าแปลกที่พวกเขาไม่ได้รู้สึกสงสารเอวา กลับสะใจอยู่ลึกๆ ที่
บทที่ 17ศิวะยิ้มออก เมื่อรู้จากพนักงานว่าเช้านี้ วันเมษาและเพื่อนอีกสองคนยังไม่ได้เช็กเอาท์แต่อย่างใด แถมยังบอกว่าจะค้างที่นี่ต่อ ศิวะจึงสั่งให้ลูกน้องเตรียมงานปาร์ตี้อีกหนึ่งคืน โดยหวังว่าคืนนี้จะไม่มีเรื่องวุ่นๆ เกิดขึ้นอีก ซึ่งก็เข้าทางวันเมษาพอดีส่วนธาวินที่วันนี้ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ ออกไปเดินเล่นดูพระอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นขอบทะเล รับอากาศสดชื่นยามเช้าให้ชุ่มปอดเสียหน่อย ขณะที่สายตาก็สอดส่ายมองหาคนที่อยากเห็นในเช้านี้ แต่กลับไม่เห็นเธอออกมาเดินเล่นอย่างที่คิด หรือเพราะยังคงอายกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนพอคิดเรื่องนี้ รอยยิ้มกลับผุดขึ้นบนใบหน้า เพราะในสมองกำลังหวนคิดถึงรอยจูบจากริมฝีปากอิ่ม ที่ทำเอาเขาแทบจะนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะหลับตาลงทีไร ภาพริมฝีปากของวันเมษาก็ตามมาตอกย้ำ แม้จะรู้ว่านั่นคือจูบเพื่อผายปอดเธอก็ตามธาวินหัวเราะให้ตัวเอง ที่ยังคงคิดเพ้อเจ้อกับเรื่องนี้อยู่ ก่อนจะเดินกลับเข้ารีสอร์ต แต่เท้าเจ้ากรรมกลับมาหยุดอยู่หน้าห้องที่วันเมษาพัก สองจิตสองใจว่าจะเข้าไปข้า
แต่เอวากลับไม่ได้ใจเย็นแบบนั้น เมื่อชายหนุ่มไม่ทำตามที่ขอ เอวาจึงผลักปรวีณ์ให้ลงไปนอนราบกับโซฟา ก่อนจะเป็นฝ่ายขึ้นมานั่งคร่อม โน้มตัวไปจูบชายหนุ่มอย่างดูดดื่ม ลิ้นแลกลิ้น ซึ่งปรวีณ์เองก็งัดประสบการณ์เรื่องเซ็กส์ที่เคยมีออกมาวาดลาดลายกับเอวา เพราะไม่อยากให้เธอคิดว่าเขานั้นด้อยกว่า แต่สุดท้ายปรวีณ์ก็เหมือนจะพ่ายแพ้“อ่า…เอวาครับ” สีหน้าของปรวีณ์ตอนนี้เหยเกกว่าเอวาเสียอีก ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมาสบตาเธอ ก่อนที่จะหลับตาพริ้มรอรับสัมผัสด้วยใจที่เต้นแรง เพราะตอนนี้เอวากำลังนั่งคุกเข่า ใบหน้าของเธอนั้นอยู่ตรงกลางลำตัวเขา มือของเธอก็กำลังบีบคลึงกล่องดวงใจที่กำลังตื่นตัวเต็มที่เอวายิ้มหวานให้ ก่อนที่เธอจะค่อยๆ รั้งกางเกงว่ายน้ำให้ออกจากตัวปรวีณ์ นั่นทำให้บางสิ่งบางอย่างผงาดท้าทายแรงโน้มถ่วงของโลก เอวาลอบกลืนน้ำลายเพราะขนาดของปรวีณ์นั้นออกจะใหญ่โตกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก แต่แทนที่จะกลัวเธอกลับชอบและอยากให้มันเข้ามาอยู่ในร่างกายเร็วๆจากสัมผัสด้วยมือ เอวาก็ค่อยๆ เปลี่ยนมาเป็นริมฝีปากและลิ้น ทุกสัมผัสที่เธอมอบให้ ทำเ
“ก็ได้ค่ะ งั้นษาจะกลับพรุ่งนี้เช้า”“ขอบคุณมากครับคุณษา”“ไม่เป็นไรค่ะ” วันเมษาเอ่ยรับ แม้จะรู้สึกเฟลกับงานปาร์ตี้ แต่อย่างน้อยๆ การแสดงความรับผิดชอบของศิวะ ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้เป็นคนก่อเรื่อง ก็ทำให้เธอรู้สึกดีกับการต้องอยู่ต่อที่นี่ส่วนเจ้าชายขี่ม้าขาว ที่หายหน้าไปตั้งแต่วันเมษารู้สึกตัวเพราะกลัวทำให้เธออาย ตอนนี้ก็ชะเง้อมองข้ามกำแพงห้องพักของตัวเองมายังห้องพักของ วันเมษาและเพื่อนๆ กระทั่งเห็นศิวะเดินกลับออกมาจึงรีบสลายตัว ทั้งๆ ที่ใจนั้นห่วงวันเมษามาก แต่ธาวินก็เลือกที่จะขอห่วงแบบห่างๆข้าวของที่เฟื่องรัตน์ขนไปไว้ที่หน้าล็อบบี้ ตอนนี้ถูกขนกลับมาที่ห้องพักโดยพนักงานของทางรีสอร์ต ตามด้วยบรรดาอาหารทั้งของคาวและของหวาน ไหนจะเครื่องดื่มครบเซ็ตที่ศิวะสั่งมาให้เป็นกรณีพิเศษแต่แทนที่จะกินหรือดื่มของอภินันทนาการ วันเมษากลับกำลังนั่งเคาะนิ้วกับโต๊ะท่าทางครุ่นคิด ไม่กลับตอนนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะไม่อย่างนั้นเอวาคงได้ใจกว่าเดิม ที่ทำให้เธอ
“คุณษา คุณษา!” ธาวินตบใบหน้าของวันเมษาเบาๆ หลังจากพาเธอขึ้นจากน้ำเพื่อเรียกสติ เมื่อครู่นี้ จังหวะที่เขากำลังก้าวเข้ามาในงานปาร์ตี้ที่ยากจะเลี่ยง ก็เห็นว่าวันเมษากำลังหล่นลงไปในสระว่ายน้ำเข้า จากนั้นเขาก็กระโดดลงสระเพื่อช่วยเธออย่างไม่ลังเล“คุณษา” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกอีกครั้ง แต่เมื่อเธอไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ ธาวินจึงจำต้องผายปอดให้ภาพที่เกิดขึ้นขณะนี้ ทำให้เก๋ไก๋และเฟื่องรัตน์มองหน้ากันปริบๆ แม้นี่จะเป็นการผายปอดเพื่อช่วยชีวิต แต่ลึกๆ มันก็อดที่จะรู้สึกเขินแทนเพื่อนรักที่ตอนนี้ยังไม่ได้สติ ถ้าตื่นมาแล้วรู้ตัวว่ามีชายนิรนาม ขี่ม้าขาวแล้วกระโดดน้ำดังตูมลงไปช่วย พร้อมทั้งทำการผายปอดให้อีก วันเมษาจะรู้สึกยังไง ก็ยากจะเดาใจได้ธาวินผายปอดวันเมษาอยู่สักครู่ เธอก็สำลักน้ำออกมาอย่างน่าสงสาร ก่อนจะตามมาด้วยเสียงไอติดต่อกันหลายครั้ง หน้าตาแดงก่ำไปหมด เก๋ไก๋กับเฟื่องรัตน์จึงรีบพยุงวันเมษาขึ้นนั่ง โดยที่เก๋ไก๋นั้นเอาตัวให้เพื่อนได้พิง“ษา…ษา เป็นยังไงบ้างแก” เก๋ไก๋ปัดหยดน้ำที่เกาะพรา
เมื่อเดินกันจนครบรอบ วันเมษาและเอวาก็กลับมายืนยังจุดเดิม เพื่อฟังผลการตัดสิน ตอนนี้วันเมษาไม่ได้คิดถึงผลแพ้ชนะหรือของรางวัล เพราะในสมองคิดอยู่อย่างเดียว ว่าขอให้การประกวดนี้จบเสียทีเถอะ กระทั่งเสียงประกาศดังขึ้น“ผู้ชนะของเราในคืนนี้คือ คือ…คุณษาครับ” คำตัดสินที่ได้ยิน ทำเอาวันเมษาถึงกับอึ้งเพราะตกใจ ส่วนเอวานั้นยืนกำหมัดแน่น เพราะพ่ายแพ้ให้วันเมษาอีกครั้ง “เย้ๆ ยัยษาชนะจริงๆ ด้วย” เฟื่องรัตน์ยิ้มกว้างดีใจ ก่อนที่เก๋ไก๋จะเอ่ยขึ้น “ซ้ำแผลเก่ายัยเอวาชัดๆ”“สมน้ำหน้า” พูดจบเฟื่องรัตน์ก็หันไปเบ้ปากใส่เอวาอย่างสะใจ ก่อนจะมองไปยังวันเมษา ซึ่งตอนนี้สีหน้าของผู้ชนะนั้นดูจะงุนงงจนบอกไม่ถูก หน้าจะยิ้มก็ไม่เชิง ดูแหยๆ แปลกๆ วันเมษาส่งยิ้มแห้งๆ ให้ทุกคน อารมณ์เธอเหมือนหลายปีก่อน ตอนที่รุ่นพี่ประกาศว่าเธอคือดาวคณะไม่มีผิด พอหันไปมองเอวาก็เห็นจ้องมองเธอตาเขียว ถ้ากระโจนเข้ามาฉีกเนื้อเธอได้ เอวาคงทำไปแล้ว เอวาอยากฟังเหตุผลว่าเพราะอะไรเธอถึงแพ้วันเมษา แต่กลับไม่มีใครให้คำตอบได้ ก่อนจะมีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้น ว่าที่พวกเขาเลือกวันเมษาเพราะเธอดูสดใส เหมาะกับชุดบิกินี่แบบที่เธอเลือกสวมมาวันนี้ แต่เอวากล