“ครับ” เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยรับ ก่อนจะเดินตามแม่เลี้ยงดุจดาวเข้าไปภายในบ้าน
ส่วนพ่อเลี้ยงกำธรนั้นก็ยังคงนั่งนิ่ง ไม่ยอมสนทนากับธาวินสักเท่าไหร่นัก หนำซ้ำบางครั้งยังหันมาจ้องราวกับจับผิด“คบหากันตั้งแต่เมื่อไหร่” “ประมาณครึ่งปีครับ”“ทำงานอะไร หน้าอ่อนๆ แบบนี้คงยังเรียนหนังสืออยู่มั้ง” ขณะถาม พ่อเลี้ยงกำธรก็สบตาธาวินมาตรงๆ ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่ได้หลบสายตาแต่อย่างใด “ผมเป็นหมอครับ ปีนี้อายุยี่สิบเก้า” คำตอบที่ได้ยิน ทำให้คนฟังพอใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็จะติก็แค่เรื่องอายุของธาวินที่น้อยกว่าวันเมษาบุตรสาวอยู่หลายปี“แต่ลูกสาวฉันปีนี้สามสิบสาม อายุห่างกันแบบนี้ไม่กลัวคนอื่นนินทา ว่าคบผู้หญิงแก่หรือไง” ประโยคนี้ดังไปถึงหูคนที่อายุสามสิบสามเข้าอย่างจังวันเมษาหน้ายู่ พ่อนะพ่อ เผาเธอซะได้“ไม่กลัวครับ” “อืม…แล้วนี่พ่อแม่ล่ะทำอะไร เป็นหมอเหมือนกันไหม”“ท่านสองคนเสียไปแล้วครับ”“มีพี่น้องกี่คน” คนถามยังคงยิงคำตึก ตัก ตึกๆ ตักๆ ตึกๆๆ ตักๆๆๆ!!! เสียงเต้นของหัวใจที่ดังถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้เจ้าของหัวใจที่ตอนนี้อยู่ในชุดเดรสยีนส์คอปกแบบแขนกุด เพิ่มความหวานของชุดด้วยการตัดต่อผ้าชีฟองสีขาวเป็นกระโปรง มีเข็มขัดเล็กๆ คาดตรงเอวที่หัวเข็มขัดออกแบบคล้ายกับกระดุมหน้าของตัวเสื้อ ส่งให้คนสวมใส่ยิ่งดูเอวบางขึ้นไปอีกแต่เพราะอุณหภูมิในร้านอาหารที่เย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศหรือเพราะจากชายหนุ่มที่นั่งหล่ออยู่ตรงหน้ากันแน่ ถึงทำให้เธอเริ่มจะนั่งไม่ติดที่ มือที่กุมกันอยู่ตอนนี้เย็นเฉียบ คอเริ่มแห้งแต่ก็ไม่กล้าที่จะเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบดับกระหาย“หนาวหรือครับน้องษา” เสียงทุ้มน่าฟังของชายที่เอ่ยเรียกชื่อเล่นของวันเมษา ดังขึ้น เจ้าของชื่อจึงเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะที่เอาแต่มอง เพื่อสบตาเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ แม้จะมีแว่นสายตาของชายหนุ่มเป็นเกราะกำบังอีกชั้นก็ตามที “นิดหน่อยน่ะค่ะ” ได้ยินเช่นนี้ ปรวีณ์ จึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวที่นั่งอยู่ ก่อนจะถอดเสื้อสูทออกมาคลุมไหล่มนของวันเมษาอย่างอ่อนโยน การกระทำของเขายิ่งทำให้หัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะมากยิ่งขึ้นไปอีก ก่อนที่วันเมษาจะมองใบหน้าของปรวีณ์ด้วยสายตาของ
ชายหนุ่มคนดังกล่าวไม่ได้เอ่ยอะไร เขาหยุดนิ่งๆ เพื่อให้วันเมษาขยับตัวก่อน จะได้เลี่ยงไปคนละทางกับเธอ “ขอบคุณ” คนที่พึ่งอกหักเอ่ยขอบคุณทั้งๆ ที่ยังคงก้มหน้าอยู่ ก่อนจะก้าวไปยังประตูห้องน้ำตรงหน้า และความที่ชุลมุนกันอยู่นานสองนาน ทำให้วันเมษาไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองป้ายห้องน้ำให้ดี“คุณ! เดี๋ยว” เสียงของชายหนุ่มคนดังกล่าวเอ่ยทักขึ้น แต่ไม่ทันเสียแล้ว เพราะว่าตอนนี้วันเมษามายืนซึมกะทือ ก้มหน้าก้มตามองอ่างล้างมืออยู่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้องน้ำชายที่เธอเข้าใจผิดคิดว่าเป็นห้องน้ำหญิงเรียบร้อย ส่วนผู้ชายที่กำลังยืนปัสสาวะอยู่ด้านหลัง ด้านข้างก็ต่างพากันยืนสงบนิ่ง ราวกับกำลังยืนเคารพธงชาติก็ไม่ปาน นั่นเพราะตอนนี้มีสุภาพสตรีผู้ไม่ได้รับเชิญยืนอยู่นั่นเอง ธาวิน คือคนที่เอ่ยเรียกวันเมษาเมื่อครู่ แทนที่ชายหนุ่มจะเข้าไปตามเธอให้ออกมาจากห้องน้ำชาย แต่กลับยืนอมยิ้ม กอดอกรออยู่หน้าห้องน้ำเสียเฉยๆ ซะอย่างนั้น รู้สึกสนุกที่ได้แกล้งเธอเล่น รวมทั้งอยากเห็นหน้าของเธอเมื่อรู้ว่าเข้าห้องน้ำผิด จะเป็นยังไง ตอนนี้ภายในห้องน้ำชายดูจะเงียบผิดปรกติ กระทั่งเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น เพราะเขาทนยืนนิ่งๆ ต่อไปไม่ไหวแล้ว
หลังจากถูกบอกเลิกตั้งแต่ดินเนอร์ครั้งแรก อาหารอร่อยๆ ที่กินลงไปดูจะแสลงท้อง พะอืดพะอมจนวันเมษาต้องเลี้ยวรถเข้าปั๊มน้ำมัน พอจอดรถได้เท่านั้นแหละ เธอก็รีบเปิดประตูแล้ววิ่งแจ้นไปยังห้องน้ำ โก่งคออาเจียนออกมาจนหมดท้อง ก่อนจะกวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นเสียหน่อย“เอ้านี่นังหนู ดมยาดมหน่อย แพ้ท้องหนักแบบนี้ผัวเอ็งไปไหนเสียล่ะ”“หืม…ป้าจ๊ะคือว่า…”“ดึกๆ ดื่นๆ แทนที่จะให้คนท้องพักผ่อน นี่กระไร”“เอ่อ…คือหนูไม่ได้…”“ยาดมนั่นเอาไปเถอะ ป้าให้” พูดจบป้าใจดีที่พูดเองเออเองก็เดินกลับออกไปจากห้องน้ำ “เออเนอะ แค่อ้วกแตกเพราะอาหารไม่ย่อย คนอื่นดันคิดว่าเราท้องซะนี่” บ่นจบก็เดินออกไปจากห้องน้ำเช่นเดียวกัน “เฮ้อ! เอาไงดีล่ะทีนี้” วันเมษาที่ตอนนี้กลับมานั่งในรถแล้วกำลังขบคิด ใจหนึ่งก็ยังไม่อยากกลับบ้านตอนนี้ เมื่อคิดไม่ออกจึงนั่งฟังเพลงลูกทุ่งอยู่ในรถเสียเลย ‘เอาผัวไปเทิน เอาผัวไปเทิน’ เสียงเพลงที่ได้ยินทำเอาเจ้าตัวถึงกับหัวเราะออกมา เพราะนึกตลกเนื้อเพลงที่กำลังฟัง “ยังไม่มีผัว แล้วจะเอาอะไรไปเทิน โฮ้! แต่งเพลงอะไร ไม่สงสารคนไม่มีคู่บ้างเลย หึ๋ย!” คิดแล้วก็หัวเราะอีกครั้ง ตั้งแต่โตมาจนอายุเล
ที่มาของเสียงโครมใหญ่เมื่อครู่ คือรถสองคันเกิดชนกันขึ้น ก่อนที่ผู้เสียหายจะเปิดประตูรถลงมามองหน้ารถตัวเองที่ตอนนี้ไฟหน้าแตกเป็นที่เรียบร้อย ไหนจะรอยบุ๋มขนาดใหญ่อีกหนึ่งรอยที่ฝากไว้เป็นที่ระลึกบนรถยุโรปคันสวย ส่วนผู้ก่อเหตุที่ขับรถอีโก้คาร์คันเล็กสีเขียวตอง ตอนนี้ก็กำลังก้าวลงมาดูเช่นเดียวกัน น่าแปลกที่รถเธอนั้นแทบไม่มีร่องรอยของความเสียหายเลยแม้แต่น้อย “ขอโทษนะคะ พอดีตะกี้ฉันมองไม่เห็นรถของคุณ ก็เลยชนเข้าไป”วันเมษาส่งยิ้มแห้งๆ ทักทายไปก่อน แต่เพียงแค่ได้เห็นหน้าเธอ ธาวินถึงกับลอบยิ้มให้กับคำว่าโลกกลม“เรียกประกันมาเคลมสิคุณ”“อ้อค่ะๆ” เพราะตนเป็นคนผิดที่ถอยรถมาชนรถของชายหนุ่มเข้าวันเมษาจึงต้องเรียกเจ้าหน้าที่ประกันให้มาดูแล แต่ที่ไม่ชอบใจคือประโยคคำสั่งของผู้เสียหายนี่แหละ ดูวางอำนาจชอบกล แต่ก็ช่างเถอะ เรียกประกันจะได้จบๆ วันเมษาหายไปหยิบโทรศัพท์ในรถ ก่อนจะโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ประกันภัยให้มาดูแล เมื่อแจ้งข้อมูลเสร็จเธอก็กลับมาหาผู้เสียหาย ที่ยืนกอดอกมองรถตัวเองตาละห้อย “นี่รถยุโรปเซินเจิ้นหรือเปล่า ทำไมไฟแตก กันชนยุบได้ง่ายแท้” คำพูดของวันเมษาทำเอาคนฟังกลั้นเสียงหัวเราะไว้ เธอคิดได้ยั
“ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะคุณ”“เอาเถอะๆ ยังไงฉันก็อายุมากกว่าคุณก็แล้วกัน ที่สำคัญคุณเดาผิด ไปซื้อเฟรนซ์ฟรายส์มาเลย”“ครับๆ” ธาวินยิ้มรับ แล้วลุกขึ้นไปซื้อเฟรนซ์ฟรายส์ร้อนๆ มาเสิร์ฟให้วันเมษา ขณะรอเฟรนซ์ฟรายส์ที่สั่งไป ชายหนุ่มก็อดที่จะหันกลับมามองคนตัวเล็กๆ ที่นั่งอยู่ด้านนอกไม่ได้ ก่อนที่ประโยคหนึ่งจะดังก้องอยู่ในความคิด ’อายุเป็นเพียงตัวเลข’เมื่อได้เฟรนซ์ฟรายส์ ธาวินก็กลับมาที่โต๊ะ ก่อนที่ทั้งคู่จะนั่งทานด้วยกัน น่าแปลกที่เวลาช่างผ่านไปเร็วมาก มากเสียจนแปลกใจ เพราะคนที่ธาวินจะนั่งพูดคุยจนลืมเวลาก่อนหน้านี้ดูจะมีแค่มารดาเขาคนเดียวเท่านั้น กระทั่งเขาได้พบกับวันเมษา ผู้หญิงชื่อแปลก เมื่อเห็นว่าดึกมากแล้ว และไม่มีเหตุผลให้ต้องนั่งต่อ วันเมษาจึงเอ่ยขอตัว แม้อยากจะรั้งเธอไว้ให้อยู่คุยกับเขาอีกหน่อย แต่ธาวินก็ไม่ได้เอ่ยประโยคนั้นออกมา “ขับรถกลับบ้านดีๆ นะคุณ อย่าไปเสยรถใครเขาอีกล่ะ” คำว่าเสยรถใครที่ได้ยิน ทำให้วันเมษาหวนคิดถึงคำพูดของเฟื่องรัตน์ ว่าขอให้เธอเสยเนื้อคู่ นั่นทำให้เธอยิ้ม “บ้า!” วันเมษาส่ายหน้าแรงๆ เพื่อไล่ความคิดบ้าๆ นี่ให้ออกจากหัว แต่ท่าทางของเธอกลับทำให้อีกคนที่มอ
“มื้อนี้แกเลี้ยงเลยนะยัยเฟื่อง โทษฐานทำให้คนสวยอย่างฉันตกใจ” จังหวะที่กำลังหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ เก๋ไก๋ก็เอ่ยขึ้น แต่คนที่พึ่งอกหักรักคุดมาเมื่อคืนกลับเออออตาม “ฉันด้วย ฉันก็ตกใจ” “แหม…ที่อย่างนี้รวมหัวกันมาเลยนะ” เฟื่องรัตน์แยกเขี้ยวให้ทั้งสองคน “จะเลี้ยงฉันดีๆ ไหมยะ”“เลี้ยงก็เลี้ยงอ่ะ” “เออ…นี่แกโอเคใช่ไหมษา” แต่ก่อนที่จะได้กินอะไร เก๋ไก๋ก็หันมาถามวันเมษาเสียหน่อย “อื้อ…ไม่ได้เป็นอะไรนี่ หรือท่าทางฉันเป็น”“ท่าทางน่ะไม่มี แต่ยิ่งแกไม่แสดงออก พวกฉันก็ยิ่งห่วง” “ใช่ๆ แกเปิดประเด็นมาตรงใจฉันมากเก๋ไก๋ เอ้านี่รางวัล” เฟื่องรัตน์ตักส้มตำปูปลาร้ารสจัดใส่จานให้เก๋ไก๋เต็มช้อน เพื่อเป็นรางวัลที่พูดได้ตรงกับใจเธอ “จะว่าไปก็เป็นอยู่นะ มันยังจี๊ดๆ ยังโหวงๆ ในอกแปลกๆ”“เวลาจะทำให้แกดีขึ้นเอง” คำพูดของเก๋ไก๋ วันเมษาได้แต่เอ่ยรับ น่าแปลกแม้เธอจะเสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่กลับไม่มีน้ำตาสักหยด “อื้อ…คงต้องแบบนั้นแหละ จะทำไงได้เนอะ ฉันไม่ใช่คนที่พี่เขาเลือกนี่นา”“แกนี่แกร่งกว่าที่ฉันคิดไว้อีกษา ขืนเป็นฉันนะ เจอสถานการณ์แบบนี้ คงง่อยแดก ไปไม่เป็นแน่ๆ เมื่อคืนถูกบอกเลิก เช้ามาย
หลังจากประชุมยาวสองชั่งโมงติด วันเมษาก็เดินสะเงาะสะแงะออกจากห้องประชุมประหนึ่งวิญญาณได้หลุดจากร่าง เพราะมีโปรเจกต์ใหญ่ที่เธอต้องรับผิดชอบและต้องนำเสนอภายในอาทิตย์หน้า แต่เมื่อกลับมาถึงโต๊ะทำงานก็ต้องแปลกใจกับกล่องสี่เหลี่ยมสีหวาน ที่มาพร้อมโปสการ์ดซึ่งระบุข้อความว่า ‘ถึง คุณวันเมษา’ “วิ้วๆ กามเทพที่ไหนส่งรักมาให้จ๊ะษา” รุ่นพี่ในแผนกเอ่ยแซว นั่นพลอยทำให้คนอื่นๆ หันมามองวันเมษาด้วยแววตากรุ้มกริ่ม“แฮะๆ ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” วันเมษาส่งยิ้มแห้งๆ กลับไปให้ เพราะไม่คิดว่าจะมีใครส่งอะไรมาให้แบบนี้เหมือนกัน แล้วหันมาพินิจพิเคราะห์กล่องตรงหน้า ว่ามันคืออะไรกันแน่ ก่อนจะโน้มตัวลงไปใกล้แล้วเอาหูแนบกับกล่องเพื่อฟังเสียง ท่าทางประหนึ่งนักสืบ “ฟังแล้วก็ไม่มีเสียง ติ๊ก ต่อก ติ๊ก ต่อก นี่นา” สีหน้าดูงุนงง ก่อนจะค่อยๆ หยิบกล่องขึ้นมาเขย่าสามสี่ครั้ง แล้ววางลงที่เดิมอย่างระวัง“เขย่าอยู่แบบนั้น จะรู้ไหมษาว่าข้างในมีอะไร” เสียงของรุ่นพี่คนเดิมเอ่ยขึ้น ก่อนที่อีกคนจะเอ่ยเสริม “คงไม่ใช่ระเบิดหรอกมั้ง” “งั้นเปิดเลยนะคะ ถ้าระเบิดจริงๆ ก็ตัวใครตัวมันเน้อ ษาไม่เกี่ยว” คำพูดของวันเมษาทำเอาคนฟังหัวเราะ มือเล็
แล้วจึงจัดการถอดอันเดอร์แวร์บนตัวออก ตอนนี้เขาจึงล่อนจ้อน ภาพของชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบด้วยรูปร่างหน้าตา ยืนเปลือยอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ก่อนที่ขายาวๆ จะเดินตรงไปยืนใต้ฝักบัวอันใหญ่ เอื้อมมือเปิดน้ำ ไม่นานสายน้ำเย็นๆ ก็รดมาตั้งแต่ศีรษะถึงปลายเท้ามือหนาลูบเนื้อตัวที่เปียกด้วยน้ำ ล้างหน้าและบีบครีมอาบน้ำใส่ฝ่ามือมาถูจนเป็นฟอง ก่อนจะถูไปตามเนื้อตามตัว เน้นทำความสะอาดเฉพาะจุดกึ่งกลางลำตัวนานหน่อย ซึ่งหากสาวๆ ได้เห็นภาพนี้คงกำเดาพุ่งได้ไม่ยาก แล้วจึงล้างเนื้อล้างตัว ตามด้วยการหยิบผ้าขนหนูมาซับหยดน้ำที่เกาะตามผิว ก่อนจะนุ่งผ้าขนหนูที่ผูกเป็นปมไว้รอบเอว แล้วเดินออกจากห้องน้ำ ตรงไปยังตู้เสื้อผ้า หยิบกางเกงขายาว เสื้อกล้ามขึ้นมาสวม เดินอีกสี่ห้าก้าวไปยังเตียงนอนคิงไซส์ที่ปูด้วยชุดผ้าปูที่นอนสีหม่น แล้วจึงทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอันคุ้นเคยที่หมอนใบข้างๆ ยังคงไร้คนมาหนุน ขณะที่มองเพดานห้องอยู่นั้น ในสมองก็หวนคิดถึงวันเมษาขึ้นมา “ถ้าเราเป็นคู่กัน คงไม่แคล้วที่จะได้เจอกันอีก จริงไหมครับคุณวันเมษา” ธาวินเอ่ยยิ้มๆ ขณะที่บนพื้นมีกระเป๋าเดินทางใบขนาดย่อมวางอยู่ บ่งบอกว่าวันหยุดยาวที่จะมาถึงนี้ ธาวินมีโปรแกร
“ครับ” เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยรับ ก่อนจะเดินตามแม่เลี้ยงดุจดาวเข้าไปภายในบ้านส่วนพ่อเลี้ยงกำธรนั้นก็ยังคงนั่งนิ่ง ไม่ยอมสนทนากับธาวินสักเท่าไหร่นัก หนำซ้ำบางครั้งยังหันมาจ้องราวกับจับผิด“คบหากันตั้งแต่เมื่อไหร่”“ประมาณครึ่งปีครับ”“ทำงานอะไร หน้าอ่อนๆ แบบนี้คงยังเรียนหนังสืออยู่มั้ง” ขณะถาม พ่อเลี้ยงกำธรก็สบตาธาวินมาตรงๆ ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่ได้หลบสายตาแต่อย่างใด“ผมเป็นหมอครับ ปีนี้อายุยี่สิบเก้า” คำตอบที่ได้ยิน ทำให้คนฟังพอใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็จะติก็แค่เรื่องอายุของธาวินที่น้อยกว่าวันเมษาบุตรสาวอยู่หลายปี“แต่ลูกสาวฉันปีนี้สามสิบสาม อายุห่างกันแบบนี้ไม่กลัวคนอื่นนินทา ว่าคบผู้หญิงแก่หรือไง” ประโยคนี้ดังไปถึงหูคนที่อายุสามสิบสามเข้าอย่างจังวันเมษาหน้ายู่ พ่อนะพ่อ เผาเธอซะได้“ไม่กลัวครับ”“อืม…แล้วนี่พ่อแม่ล่ะทำอะไร เป็นหมอเหมือนกันไหม”“ท่านสองคนเสียไปแล้วครับ”“มีพี่น้องกี่คน” คนถามยังคงยิงคำ
“บุกยังไงเพื่อน ขืนสุ่มสี่สุ่มห้า ให้ยัยจิ้งเข้าไปหาตอนนี้ มีหวังเขาได้ตอกหน้าหงายกลับมาน่ะสิ แถมนี่กำลังจะแต่งงานด้วย ขืนโผล่หน้าไปสารภาพรัก มีหวังได้หัวเราะเยาะเอา ดีไม่ดีว่าที่ภรรยาเขาได้จ้างคนมาตบ โทษฐานไปสร้างความรำคาญกับว่าที่สามีสุดหล่อ” คำพูดของพระแพงที่พอจะเดาความคิดของแฝดผู้พี่ออกนั้น ทำเอาคนฟังถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่“คิดแล้วก็กลับไปซดน้ำใบบัวบกแก้ช้ำในแป๊บ” นาราชาคอตก รู้สึกเศร้าใจกับความรักที่ไม่อาจสมหวังได้ของตน“อย่าพึ่งถอยสิแก” พระเพื่อนตบบ่าเล็กๆ ของนาราชาเบาๆ“ไม่ถอยได้ยังไง มองมุมไหน ฉันก็คงไม่สมหวังหรอก อกหักรักคุดต่อไปยัยจิ้งเอ๊ย”“เอาน่ะ ถ้าเป็นฉันนะ จะใช้เวลาที่เหลือก่อนที่คุณธามจะแต่งงานให้คุ้มค่าที่สุด เก็บเกี่ยวความสุขไว้ เพื่อรักษาแผลใจตอนเขาไม่โสดแล้ว” ฟังแบบนี้ใจของนาราชาก็ชื้นขึ้นมาได้หน่อย ก่อนจะดีดนิ้วราวกับคิดแผนอะไรดีๆ ออก“แกคิดแผนอะไรดีๆ ออกแล้วงั้นเหรอจิ้ง”“ต
วันเมษายื่นเรื่องขอลาออก พอเอาเข้าจริงเธอก็แอบใจหายอยู่ไม่น้อยที่ต้องกลับไปช่วยงานครอบครัวเช่นนี้ยังดีที่คนรักหนุ่มเข้าใจ ซึ่งก่อนที่ธาวินจะขึ้นไปเชียงใหม่เพื่อพาวันเมษาไปพบกับย่า ญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ รวมทั้งวันเมษาเองก็จะพาเขาไปพบครอบครัวของเธอด้วยเช่นเดียวกันนั้นแต่ก่อนอื่น เธอก็นัดหมายให้ธาวินได้พบกับเก๋ไก๋และเฟื่องรัตน์อย่างเป็นทางการ เพื่อแนะนำชายหนุ่มให้เพื่อนสนิททั้งสองได้รู้จักในฐานะคนรู้ใจ เพราะก่อนหน้านี้ ธาวินเองก็ได้พาเธอไปเปิดตัวกลับกลุ่มเพื่อนสนิทของเขามาแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือธาม คนที่เคยไปหาธาวินที่บ้านยามที่วันเมษาและธาวินพูดคุยกันนั้น สรรพนามที่พวกเขาเอ่ยเรียกอีกฝ่ายที่แสนจะน่ารัก ก็ทำเอาหนึ่งสาวแท้และหนึ่งสาวเทียมแอบอิจฉาแรง“พอมานั่งแนะนำตัวแบบนี้ ก็เขินเหมือนกันนะครับ” เสียงทุ้มของธาวินเอ่ยขึ้น เมื่อวันเมษาเอ่ยแนะนำเขาต่อหน้าเก๋ไก๋และเฟื่องรัตน์ว่าแฟน“เขินแล้วคุณหมอน่ารักออก รู้งี้จีบซะก็ดี” เก๋ไก๋เท้าคางเอ่ยขึ้น ขณะที่จงใจส่งสายตาโลมเลียม
เมื่อซื้อของเสร็จ ปรวีณ์ก็ตรงกลับบ้านทันที เสียงรถที่ได้ยิน ทำให้เอวารีบวางแก้วนมที่ดื่มไปได้เพียงครึ่งแก้วลงกับโต๊ะ ตรงหน้าคืออาการเช้าที่เธอฝืนกินไปได้เกือบหมด ก่อนจะลนลานหาทางทำลายหลักฐาน เพราะไม่อยากให้ปรวีณ์ได้ใจ หากรู้ว่าเธอดื่มนมและกินอาหารที่เขาเตรียมไว้ให้จังหวะที่เขาก้าวเข้ามาในห้องครัว เอวาก็จงใจเทนมลงในอ่างล้างจาน อาหารที่เหลือก็เทใส่ถังขยะ แล้วแสร้งทำท่าทางใช้กำปั้นทุบหน้าท้องตัวเอง“ทำอะไรน่ะเอวา” ปรวีณ์รีบเข้ามาห้ามเอวาทันที“รำคาญ เบื่อ ทำอะไรก็ไม่ได้ กินอะไรก็ไม่ได้ หรือต่อให้กินได้ก็อ้วกออกมาหมด เอวาไม่ชอบที่ต้องท้อง ไม่อยากท้อง ไม่อยากมีลูกเข้าใจไหม” ใช่ว่าเอวาอยากหงุดหงิดแบบนี้ แต่เพราะอะไรๆ หลายอย่างกำลังเปลี่ยน ไหนจะเรื่องงานที่คงต้องหยุดยาว ไหนจะรูปร่างที่คงต้องอ้วนกว่าที่เป็นอยู่ เธอจึงยังตั้งรับไม่ทัน“แต่เราทำให้เขาเกิดมาแล้ว” ชายหนุ่มพยายามข่มความไม่พอใจเอาไว้“เกิดแล้วไง เอวาไม่อยากได้ คลอดเมื่อไหร่ เราต่างคนต่างอยู่
“อื้อ” รับปากเสร็จก็ดีดตัวลงจากเตียงนอนอย่างว่องไว ก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อล้างหน้าแปรงฟันเมื่อครู่ธาวินมาซะใกล้ ไม่รู้ได้กลิ่นปากเธอหรือเปล่า ว่าแล้วก็หยิบน้ำยาล้างปากขึ้นมากลั้วปากเพื่อเพิ่มความสดชื่นหลังแปรงฟันเสียหน่อย ก่อนจะแง้มประตูห้องน้ำ ก็สบตาเข้ากับธาวินที่นั่งหล่ออยู่บนเตียงนอนพอดีมองมุมไหนธาวินก็ดูดี ไม่รู้มาตกถึงท้องเธอได้ยังไง สงสัยเพราะพรหมลิขิต มั้ง!“มองผมแบบนี้ มีอะไรหรือเปล่าครับพี่ษา” ขณะเอ่ยถามก็เดินตรงมาหาคนตัวเล็ก วันนี้เป็นวันหยุด เธอจึงสวมแค่เสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้น ทำให้ธาวินได้เห็นอีกมุมของวันเมษา“แค่สงสัยว่าเรารักกันได้ยังไง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้า เราแทบไม่รู้จักกันเลย”“ต้องยกความดีให้คัพเล็กๆ ตรงนี้” ธาวินชี้นิ้วมายังหน้าอกของวันเมษา เธอจึงแยกเขี้ยวกลับไปให้“หมอทะลึ่ง”“หืมม์…เอ่ยคำต้องห้ามนะครับ”“ตั้งใจพูด เพร
เริ่มจากเสื้อตัวบนของเธอ ตอนนี้ถูกธาวินถอดออกไปแล้ว ตามด้วยกางเกงยีนส์สีเข้มที่เขาร่นลงไปกองไว้ตรงข้อเท้า ทำให้ตอนนี้บนตัวของวันเมษาเหลือแค่ชุดชั้นในสีขาว เข้าชุดกันเพียงสองชิ้นเท่านั้นธาวินไล้จูบคนรักสาวตั้งแต่ใบหน้า ลากสัมผัสกึ่งจมูกกึ่งปากร้อนๆ มาตามผิวขาวลออตาและหอมกรุ่นจนถึงลำคอ เนินอกคู่สวยที่ยังคงถูกปกป้องจากบราเซียร์ตัวจิ๋ว วันเมษาหายใจสะท้านยามที่ธาวินสัมผัสร่างกาย ก่อนจะอายเป็นทวีคูณเมื่อมองเห็นตัวเองผ่านกระจก แต่ไม่นานสติก็หลุดลอยจากสัมผัสของชายหนุ่มอีกครั้ง“พี่ษาของผม หอมไปทั่วตัว” คำชมของธาวินช่างแผ่วเบา แต่ทว่ากลับทำให้ร่างกายของวันเมษาตื่นตัว ก่อนจะสะดุ้งเมื่อรับรู้ว่าตอนนี้ธาวินกำลังใช้มืออีกข้างสัมผัสจุดกึ่งกลางลำตัวของเธอ“พี่วิน” วันเมษาเอ่ยเรียกชายหนุ่มเสียงแหบพร่า อารมณ์ปรารถนาเธอถูกปลุกปั่นจนลุกโชน ทำให้ทรมานเพราะต้องการให้เขาช่วยปลดปล่อย“ครับ” ขณะขานรับ ใบหน้าของธาวินอยู่ห่างจากหน้าอกของวันเมษาเพียงนิดเดียว ก่อนจะเอื้อมมือไปปลดตะขอ นั่นทำให้บราเซ
ใกล้จะถึงเที่ยงคืน ธาวินก็ขับรถไปส่งวันเมษาถึงที่บ้าน เจ้าบ้านกล่าวคำล่ำลาแบบเขินๆ เพราะในใจยังไม่อยากให้คนรักหนุ่มกลับไปตอนนี้ แต่ก็อายที่จะเอ่ยชวนให้เขาค้างกับเธอธาวินเองก็อึกๆ อักๆ เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด กระทั่งตัดสินใจกล่าวลาแล้วขับรถออกไปวันเมษายืนมองรถของคนรักหนุ่ม กระทั่งเขาเลี้ยวออกจากซอยไป จึงก้มหน้าก้มตาเดินเข้าบ้าน“ทำไมไม่ชวนให้เขาค้างที่นี่ หืม” วันเมษาเอ่ยถามตัวเอง ถึงจะเคยแนบชิดกับธาวินมาหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็เกิดนอกบ้านเธอทั้งสิ้นนี่นา ใครจะกล้าชวนให้เขานอนด้วย ทั้งๆ ที่ใจอยากทำแต่ปากกลับไม่กล้านี่สิ“ไม่ต้องมโน เลิกคิดได้แล้วยัยษาเอ๊ย ยัยหื่น” คนแอบหื่นเอ่ยว่าตัวเอง ก่อนจะสะดุ้งกับเสียงที่ได้ยิน“บ่นคิดถึงผมอยู่หรือครับพี่ษา”“อุ๊ย! หมอ มาได้ไงคะเนี่ย” วันเมษาตาโตเพราะไม่คิดว่าจะเป็นธาวิน“ขับรถกลับมาครับ พอดีคิดถึงคนแถวนี้ ยังไม่อยากกลับ” คราวนี้หมอหนุ่มเอ
“ครับ…คืนนั้นผมเห็นใครก็ไม่รู้ถูกบอกเลิกที่นี่ เธอดูน่าสงสาร เอ๋อๆ งงๆ จนเข้าห้องน้ำผิด”“หงะ…จะดีใจหรือสงสารตัวเองดี”“ไปที่ที่สองกัน” พูดจบก็จูงมือพาวันเมษาออกไปจากร้านอาหาร สรุปเขาแค่พาเธอแวะมาดูอย่างที่บอกจริงๆ พอเห็นโต๊ะ เห็นห้องน้ำก็พาเธอกลับออกไปแต่สถานที่ที่สองก็ทำเอาวันเมษายิ่งงงเข้าไปใหญ่ เพราะมันคือร้านแมคโดนัลด์ในปั๊มน้ำมันก่อนถึงบ้านนั่นเอง ถ้าจำไม่ผิดเธอถอยรถมาชนรถของธาวินเข้า และนั่นคือครั้งแรกที่เธอได้พบกับเขาธาวินหันมามองเธอยิ้มๆ ก่อนจะพาวันเมษาเข้าไปนั่งภายในร้านแมคโดนัลด์ สั่งชุดอาหารมาหนึ่งชุด แล้วเดินไปนั่งยังโต๊ะตัวเดิมที่เคยนั่งกับเธอ ซึ่งโชคดีที่ยังว่าง เมื่อหย่อนตัวลงนั่ง ทั้งคู่หันมาสบตากันก่อนจะหัวเราะออกมา“ที่นี่คือที่ที่ผมได้พบกับผู้หญิงคนเดิม เธอถอยรถมาชนผมจนกันชนยุบ ไฟหน้าแตก แต่รถอีโก้คาร์ของเธอกลับไม่เป็นอะไรสักนิด”“รถเบนซ์เซินเจิ้น” แค่เอ่ยคำๆ นี้ วันเมษาก็หัวเราะออกม
“ไข่เจียวกุ้งสับค่ะ”“เป็นไข่เจียวที่หอมและน่ากินที่สุดในโลก”“ปากหวาน ระวังษาจะทอดไข่เจียวให้กินทุกวัน อย่ามาบ่นว่าเบื่อแล้วกัน เพราะนอกจากเมนูไข่ ษานี่แทบทำอะไรไม่เป็น” วันเมษาออกตัวไว้ก่อน แม้จะทำกับข้าวเป็นแต่ก็แค่เมนูพื้นๆ เท่านั้น ไม่ได้เริดหรูระดับเชฟ กระทะเหล็ก“ผมเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย ชอบอะไรก็จะกินอยู่แบบนั้น ไม่เบื่อหรอก” แววตาของธาวินดูกรุ้มกริ่มทำเอาวันเมษามือไม้สั่น พานคิดเองเออเองว่านี่เขาหมายถึงอาหารหรือเธอกันแน่“หึ…ไปนั่งก่อนสิคะ เดี๋ยวษาตักข้าวให้”“ครับ” ธาวินเอ่ยรับ น้ำเสียงและสีหน้านั้นเต็มไปด้วยความสุขที่ไม่อาจปกปิดได้ เมื่อเดินมาที่โต๊ะก็เห็นน้ำพริกกับผักนานาชนิดจัดวางอยู่บนจานอย่างสวยงาม ข้างๆ คือแกงจืด นี่หรือที่วันเมษาบอกทำกับข้าวไม่เป็น เขาชักจะไม่อยากเชื่อเสียแล้วสิวันเมษานำจานไข่เจียวกุ้งสับมาวาง แล้วกลับไปตักข้าวสวยร้อนๆ ใส่จานนำมาเสิร์ฟให้ธาวิน โดยมีของเธอ