แต่เอวากลับไม่ได้ใจเย็นแบบนั้น เมื่อชายหนุ่มไม่ทำตามที่ขอ เอวาจึงผลักปรวีณ์ให้ลงไปนอนราบกับโซฟา ก่อนจะเป็นฝ่ายขึ้นมานั่งคร่อม โน้มตัวไปจูบชายหนุ่มอย่างดูดดื่ม ลิ้นแลกลิ้น ซึ่งปรวีณ์เองก็งัดประสบการณ์เรื่องเซ็กส์ที่เคยมีออกมาวาดลาดลายกับเอวา เพราะไม่อยากให้เธอคิดว่าเขานั้นด้อยกว่า แต่สุดท้ายปรวีณ์ก็เหมือนจะพ่ายแพ้“อ่า…เอวาครับ” สีหน้าของปรวีณ์ตอนนี้เหยเกกว่าเอวาเสียอีก ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมาสบตาเธอ ก่อนที่จะหลับตาพริ้มรอรับสัมผัสด้วยใจที่เต้นแรง เพราะตอนนี้เอวากำลังนั่งคุกเข่า ใบหน้าของเธอนั้นอยู่ตรงกลางลำตัวเขา มือของเธอก็กำลังบีบคลึงกล่องดวงใจที่กำลังตื่นตัวเต็มที่เอวายิ้มหวานให้ ก่อนที่เธอจะค่อยๆ รั้งกางเกงว่ายน้ำให้ออกจากตัวปรวีณ์ นั่นทำให้บางสิ่งบางอย่างผงาดท้าทายแรงโน้มถ่วงของโลก เอวาลอบกลืนน้ำลายเพราะขนาดของปรวีณ์นั้นออกจะใหญ่โตกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก แต่แทนที่จะกลัวเธอกลับชอบและอยากให้มันเข้ามาอยู่ในร่างกายเร็วๆจากสัมผัสด้วยมือ เอวาก็ค่อยๆ เปลี่ยนมาเป็นริมฝีปากและลิ้น ทุกสัมผัสที่เธอมอบให้ ทำเ
บทที่ 17ศิวะยิ้มออก เมื่อรู้จากพนักงานว่าเช้านี้ วันเมษาและเพื่อนอีกสองคนยังไม่ได้เช็กเอาท์แต่อย่างใด แถมยังบอกว่าจะค้างที่นี่ต่อ ศิวะจึงสั่งให้ลูกน้องเตรียมงานปาร์ตี้อีกหนึ่งคืน โดยหวังว่าคืนนี้จะไม่มีเรื่องวุ่นๆ เกิดขึ้นอีก ซึ่งก็เข้าทางวันเมษาพอดีส่วนธาวินที่วันนี้ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ ออกไปเดินเล่นดูพระอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นขอบทะเล รับอากาศสดชื่นยามเช้าให้ชุ่มปอดเสียหน่อย ขณะที่สายตาก็สอดส่ายมองหาคนที่อยากเห็นในเช้านี้ แต่กลับไม่เห็นเธอออกมาเดินเล่นอย่างที่คิด หรือเพราะยังคงอายกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนพอคิดเรื่องนี้ รอยยิ้มกลับผุดขึ้นบนใบหน้า เพราะในสมองกำลังหวนคิดถึงรอยจูบจากริมฝีปากอิ่ม ที่ทำเอาเขาแทบจะนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะหลับตาลงทีไร ภาพริมฝีปากของวันเมษาก็ตามมาตอกย้ำ แม้จะรู้ว่านั่นคือจูบเพื่อผายปอดเธอก็ตามธาวินหัวเราะให้ตัวเอง ที่ยังคงคิดเพ้อเจ้อกับเรื่องนี้อยู่ ก่อนจะเดินกลับเข้ารีสอร์ต แต่เท้าเจ้ากรรมกลับมาหยุดอยู่หน้าห้องที่วันเมษาพัก สองจิตสองใจว่าจะเข้าไปข้า
“จะมากไปแล้วนะ”“อย่าทรงกริ้วสิเพคะพระพันปี เดี๋ยวตีนกาขึ้น จะไม่งาม” ยิ่งล้อเอวามากเท่าไหร่ เฟื่องรัตน์ก็ยิ่งสนุกมากเท่านั้น แต่คนถูกล้อชักจะอดทนไม่ไหว หน้ายิ้มๆ ตอนนี้กลายมาเป็นบึ้งตึง“นี่หล่อน อยากเจอดีใช่ไหม” เอวาเงื้อมือขึ้นสูง หวังตบเฟื่องรัตน์ให้สักฉาด แต่กลับถูกวันเมษาเอ่ยดักเสียก่อน“จะโมโหไปทำไม ไหนๆ เธอก็แต่งชุดมาซะเต็มขนาดนี้แล้ว เอ้านี่ฉันให้” พูดจบวันเมษาก็ยื่นบางสิ่งบางอย่างให้เอวา“อะไร” เจ้าตัวเอ่ยถาม ทั้งๆ ที่ยังไม่รับสิ่งนั้น“แค่สายสะพายสวยๆ เหมาะกับคนสวยๆ อย่างเธอนะเอวา” เก๋ไก๋เอ่ยขึ้นบ้าง ก่อนจะจัดแจงสวมสายสะพายที่เธอลงทุนทำเองกับมือให้พระพันปีเอวาทันที“สายสะพาย คุณนายเสล่อ” ข้อความที่ปรากฏอยู่บนสายสะพาย ก็ทำให้เอวาส่งเสียงกรี๊ดออกมา จนใครต่อใครหันมาจับจ้องอีกครั้ง แขกส่วนใหญ่คือแขกกลุ่มเดิมของเมื่อคืน น่าแปลกที่พวกเขาไม่ได้รู้สึกสงสารเอวา กลับสะใจอยู่ลึกๆ ที่
“เฮ้ย…ยัยษา แกคิดดีๆ นะ คิดให้ถี่ถ้วน นั่งคิดนอนคิด อย่าเอาอารมณ์ชั่ววูบมาตัดสินแทนหน้าอกแบนๆ น้อยๆ ของแกนะ มันไม่ยุติธรรม” คำพูดของเก๋ไก๋ทำเอาเฟื่องรัตน์ส่ายหน้าให้ ก่อนจะผลักให้หลีกไปอีกทาง“ปลอบได้ดีมากแกยัยเก๋ไก๋ หลีกไป” เมื่อผลักเก๋ไก๋เสร็จ เฟื่องรัตน์ก็จับวันเมษาให้หันมามองหน้าเธอตรงๆ“ษา…คิดใหม่ คิดให้ดีๆ ทำนมเลยนะแก ถ้าพูดผิดฉันให้โอกาสพูดใหม่”“ฉันคิดดีแล้วจริงๆ ฉันจะไปทำนม ลบปมด้อยออกไปจากชีวิตตัวเองเสียที”“ทำไมต้องลบปมด้อยด้วย ถ้าเพราะยัยเอวา แกไม่ต้องห่วง ฉันว่าป่านนี้คงกลัวแกจนขี้ขึ้นสมอง ไม่มากวนใจอีกหรอก” เก๋ไก๋ถามจริงจัง เพราะไม่อยากให้วันเมษาทำแบบนี้เพื่อเอาชนะเอวา“แกสองคนฟังฉันนะ ตั้งแต่ถูกพี่วีณ์บอกเลิกด้วยเหตุผลสุดห่วย ไหนจะถูกยัยเอวาตอกย้ำเรื่องหน้าอก สร้างเรื่องให้ฉันอายคนไปทั่ว ฉันจะเอาคืนทั้งสองคนให้มากกว่านี้ เพราะหลังจากผ่าตัดเสริมหน้าอก ฉันจะทำให้พี่วีณ์เขี่ยยัยเอวาลงกระป๋อ
หยุดยาวสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว พอกลับมาทำงานก็เรียกได้ว่าหัวฟูกันเลยทีเดียว ตั้งแต่เช้ากระทั่งใกล้จะเที่ยง วันเมษาแทบไม่ได้ลุกไปไหน เธอนั่งเคลียงาน จ้องจอคอมพิวเตอร์จนตาล้า คอแทบจะเคล็ดก่อนจะสะดุ้งเมื่อมีกล่องหน้าตาคุ้นๆ ถูกส่งมาให้ แถมคนที่ส่งมาให้หน้าตายังคุ้นกว่า เพราะคือพี่อุษา รุ่นพี่ในแผนกนั่นเอง“อย่าเขย่าอีกล่ะ เดี๋ยวข้างในเละเสียหมด” คนส่งพัสดุชั่วคราวเอ่ยแซว เพราะบังเอิญเดินผ่านประชาสัมพันธ์เข้า เจ้าหน้าที่จึงฝากของมาให้วันเมษาด้วยเสียเลย“ขอบคุณค่ะพี่” วันเมษาส่งยิ้มแห้งๆ ให้ แล้วยื่นมือไปรับกล่องที่ว่ามาถือไว้ ก่อนจะค่อยๆ เปิดออกดู ก็เห็นคัพเค้กหน้าตาน่าทานอยู่สี่ชิ้น ส่วนคนอื่นๆ ในแผนกที่ชะเง้อมองคอยาวก็พลอยรู้ด้วยว่าในกล่องคืออะไร“หนุ่มที่ไหน ส่งขนมมาให้ษาอีกแล้วนะ”“อันนี้ษาก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ” เจ้าของคัพเค้กส่งยิ้มให้คนถามและคนที่ไม่ได้ถามแต่รอฟังคำตอบ ก่อนจะวางกล่องสีหวานไว้ข้างๆ คราวนี้เธอยุ่งจนไม่มีเวลามานั่งถ่ายรูป
“ต๊าย! บอกแล้วเหรอ แล้วได้บอกไหม ว่าผู้ชายคนนั้นจูบเธอไปตั้งหลายครั้ง คิดแล้วก็ อี้” เอวาแสดงสีหน้ารังเกียจได้อย่างสมจริงจนน่าหมั่นไส้สำหรับเธอ การแต่งตัวผิดธีม หรือแม้จะเปลือยอกต่อหน้าใครๆ มันก็สร้างความอับอายให้น้อยกว่าเรื่องของวันเมษาแน่นอน นั่นเพราะด้วยอาชีพของเธอต้องโชว์รูปร่างอยู่แล้ว จึงชินกับการถูกมอง ไม่เหมือนวันเมษาแน่ แม้ปากจะบอกว่าไม่รู้สึกอะไร แต่เธอไม่เชื่อหรอกว่าใจจะไม่รู้สึกอย่างที่ปากบอก“จูบ!!” วันเมษาเผลอตัวเอ่ยคำต้องห้ามออกมา ซึ่งก็เข้าทางเอวา“เอ้…ไม่สิ เรียกว่าจูบมันคงไม่ใช่ เขาเรียกผายปอดให้เสียยกใหญ่ กว่าเธอจะรู้สึกตัว ผู้ชายคนนั้นคงได้กำไรไปมากโข”“เอวา! พอเถอะ” ปรวีณ์ที่ยืนฟังอยู่นาน อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปรามคนรักสาวขึ้น แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล“พออะไรคะพี่วีณ์ เอวาแค่พูดความจริงก็เท่านั้นเอง ใช่ไหมจ๊ะษา” แววตาที่แสดงออกว่าตนเป็นผู้ชนะ ถูกส่งมายังวันเมษาที่กำลังอึ้งกับสิ่งที่ได้รู้ เพราะเข้าใจม
ระหว่างที่นั่งรออยู่นั้น วันเมษาก็มองสำรวจรอบๆ คนที่มาใช้บริการที่นี่มีทั้งชาย หญิง หรือชายไม่จริงหญิงไม่แท้ก็หลายคน พนักงานแต่ละคนก็สวยน่าดู มองไปทางไหนก็เพลินสายตาดี ซึ่งก็ไม่วายมองหาธาวินอีกจนได้ กระทั่งเห็นเก๋ไก๋เปิดประตูเข้ามา“โทษทีๆ รถติดมาก กระดืบๆ มากว่าจะถึง คันเร่งแทบไม่ได้แตะ” พอมาถึงเก๋ไก๋ก็บ่นยาว ก่อนจะรับน้ำเย็นๆ จากพนักงานมาดื่มแก้กระหาย แล้วเอ่ยขอบคุณเสียงหวานกลับไป มากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ที่นี่ก็ยังคงบริการดีเยี่ยม แล้วหันมาถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ตอนนี้“แล้วนี่แกกรอกข้อมูลอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”“อื้อ…เสร็จหมดแล้ว” วันเมษาเอ่ยรับ พอเห็นหน้าเก๋ไก๋ ความสงสัยกับเรื่องที่เอวาพูดก็เกิดขึ้น ซึ่งนั่นคอยวนเวียนกวนใจเธอ จนต้องเอ่ยถาม“เออ…นี่เก๋ไก๋ ฉันถามอะไรหน่อยสิ”“อะไร”“แกรู้จัก คนที่ช่วยฉันขึ้นจากน้ำใช่ไหม ว่าแต่เขาชื่ออะไร ทำงานที่ไหน ยังไงนะ” เพราะสงสัยทำให้วั
“กะเอาด้วยอะไรครับ สัมผัสหรือสายตา”“เอ่อๆ” วันเมษาอ้ำๆ อึ้งๆ เพราะไม่ว่าจะด้วยสัมผัสหรือสายตา ธาวินก็ต้องเห็นหน้าอกเธออยู่ดี คิดแล้วคนอยากอึ๋มก็แอบกลุ้มใจ“ถ้าคุณยังลังเล ผมว่าไว้คราวหน้า เราค่อยมาคุยกันดีกว่านะครับ” ธาวินเอ่ยตัดบท นั่นทำให้วันเมษารีบแย้งทันที“ไม่ได้ลังเลค่ะ ฉันแค่สงสัย”“นั่นแหละครับ คือความลังเล เดี๋ยวผมจะนัดวันที่ให้คุณวันเมษาเข้ามาพบอีกครั้ง” หมอหนุ่มรวบรัดตัดความชนิดไม่เหลือความเป็นกันเอง ทั้งๆ ที่เมื่อครู่เขายอมรับว่าเผลอเอาความรู้สึกส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องงานเข้าจนได้ก่อนจะหันไปมองปฏิทินเลือกวันนัดหมายให้วันเมษาเสร็จสรรพ ทั้งๆ ที่คำถามของวันเมษาดูจะเป็นคำถามพื้นๆ ที่เขาได้ยินแทบทุกครั้ง แต่มาถึงครั้งนี้ธาวินกลับจับมาเป็นประเด็น เพียงเพราะต้องการยืดเวลาออกไปอีกหน่อย แม้จะรู้ว่านี่คือสิ่งที่ไม่ควร แต่จะให้ทำไงได้ ในเมื่อหัวใจเขาสั่งออกไปแบบนั้น สมองจึงต้องทำตาม“ผมนัดศุกร์ที่จะ
“ครับ” เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยรับ ก่อนจะเดินตามแม่เลี้ยงดุจดาวเข้าไปภายในบ้านส่วนพ่อเลี้ยงกำธรนั้นก็ยังคงนั่งนิ่ง ไม่ยอมสนทนากับธาวินสักเท่าไหร่นัก หนำซ้ำบางครั้งยังหันมาจ้องราวกับจับผิด“คบหากันตั้งแต่เมื่อไหร่”“ประมาณครึ่งปีครับ”“ทำงานอะไร หน้าอ่อนๆ แบบนี้คงยังเรียนหนังสืออยู่มั้ง” ขณะถาม พ่อเลี้ยงกำธรก็สบตาธาวินมาตรงๆ ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่ได้หลบสายตาแต่อย่างใด“ผมเป็นหมอครับ ปีนี้อายุยี่สิบเก้า” คำตอบที่ได้ยิน ทำให้คนฟังพอใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็จะติก็แค่เรื่องอายุของธาวินที่น้อยกว่าวันเมษาบุตรสาวอยู่หลายปี“แต่ลูกสาวฉันปีนี้สามสิบสาม อายุห่างกันแบบนี้ไม่กลัวคนอื่นนินทา ว่าคบผู้หญิงแก่หรือไง” ประโยคนี้ดังไปถึงหูคนที่อายุสามสิบสามเข้าอย่างจังวันเมษาหน้ายู่ พ่อนะพ่อ เผาเธอซะได้“ไม่กลัวครับ”“อืม…แล้วนี่พ่อแม่ล่ะทำอะไร เป็นหมอเหมือนกันไหม”“ท่านสองคนเสียไปแล้วครับ”“มีพี่น้องกี่คน” คนถามยังคงยิงคำ
“บุกยังไงเพื่อน ขืนสุ่มสี่สุ่มห้า ให้ยัยจิ้งเข้าไปหาตอนนี้ มีหวังเขาได้ตอกหน้าหงายกลับมาน่ะสิ แถมนี่กำลังจะแต่งงานด้วย ขืนโผล่หน้าไปสารภาพรัก มีหวังได้หัวเราะเยาะเอา ดีไม่ดีว่าที่ภรรยาเขาได้จ้างคนมาตบ โทษฐานไปสร้างความรำคาญกับว่าที่สามีสุดหล่อ” คำพูดของพระแพงที่พอจะเดาความคิดของแฝดผู้พี่ออกนั้น ทำเอาคนฟังถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่“คิดแล้วก็กลับไปซดน้ำใบบัวบกแก้ช้ำในแป๊บ” นาราชาคอตก รู้สึกเศร้าใจกับความรักที่ไม่อาจสมหวังได้ของตน“อย่าพึ่งถอยสิแก” พระเพื่อนตบบ่าเล็กๆ ของนาราชาเบาๆ“ไม่ถอยได้ยังไง มองมุมไหน ฉันก็คงไม่สมหวังหรอก อกหักรักคุดต่อไปยัยจิ้งเอ๊ย”“เอาน่ะ ถ้าเป็นฉันนะ จะใช้เวลาที่เหลือก่อนที่คุณธามจะแต่งงานให้คุ้มค่าที่สุด เก็บเกี่ยวความสุขไว้ เพื่อรักษาแผลใจตอนเขาไม่โสดแล้ว” ฟังแบบนี้ใจของนาราชาก็ชื้นขึ้นมาได้หน่อย ก่อนจะดีดนิ้วราวกับคิดแผนอะไรดีๆ ออก“แกคิดแผนอะไรดีๆ ออกแล้วงั้นเหรอจิ้ง”“ต
วันเมษายื่นเรื่องขอลาออก พอเอาเข้าจริงเธอก็แอบใจหายอยู่ไม่น้อยที่ต้องกลับไปช่วยงานครอบครัวเช่นนี้ยังดีที่คนรักหนุ่มเข้าใจ ซึ่งก่อนที่ธาวินจะขึ้นไปเชียงใหม่เพื่อพาวันเมษาไปพบกับย่า ญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ รวมทั้งวันเมษาเองก็จะพาเขาไปพบครอบครัวของเธอด้วยเช่นเดียวกันนั้นแต่ก่อนอื่น เธอก็นัดหมายให้ธาวินได้พบกับเก๋ไก๋และเฟื่องรัตน์อย่างเป็นทางการ เพื่อแนะนำชายหนุ่มให้เพื่อนสนิททั้งสองได้รู้จักในฐานะคนรู้ใจ เพราะก่อนหน้านี้ ธาวินเองก็ได้พาเธอไปเปิดตัวกลับกลุ่มเพื่อนสนิทของเขามาแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือธาม คนที่เคยไปหาธาวินที่บ้านยามที่วันเมษาและธาวินพูดคุยกันนั้น สรรพนามที่พวกเขาเอ่ยเรียกอีกฝ่ายที่แสนจะน่ารัก ก็ทำเอาหนึ่งสาวแท้และหนึ่งสาวเทียมแอบอิจฉาแรง“พอมานั่งแนะนำตัวแบบนี้ ก็เขินเหมือนกันนะครับ” เสียงทุ้มของธาวินเอ่ยขึ้น เมื่อวันเมษาเอ่ยแนะนำเขาต่อหน้าเก๋ไก๋และเฟื่องรัตน์ว่าแฟน“เขินแล้วคุณหมอน่ารักออก รู้งี้จีบซะก็ดี” เก๋ไก๋เท้าคางเอ่ยขึ้น ขณะที่จงใจส่งสายตาโลมเลียม
เมื่อซื้อของเสร็จ ปรวีณ์ก็ตรงกลับบ้านทันที เสียงรถที่ได้ยิน ทำให้เอวารีบวางแก้วนมที่ดื่มไปได้เพียงครึ่งแก้วลงกับโต๊ะ ตรงหน้าคืออาการเช้าที่เธอฝืนกินไปได้เกือบหมด ก่อนจะลนลานหาทางทำลายหลักฐาน เพราะไม่อยากให้ปรวีณ์ได้ใจ หากรู้ว่าเธอดื่มนมและกินอาหารที่เขาเตรียมไว้ให้จังหวะที่เขาก้าวเข้ามาในห้องครัว เอวาก็จงใจเทนมลงในอ่างล้างจาน อาหารที่เหลือก็เทใส่ถังขยะ แล้วแสร้งทำท่าทางใช้กำปั้นทุบหน้าท้องตัวเอง“ทำอะไรน่ะเอวา” ปรวีณ์รีบเข้ามาห้ามเอวาทันที“รำคาญ เบื่อ ทำอะไรก็ไม่ได้ กินอะไรก็ไม่ได้ หรือต่อให้กินได้ก็อ้วกออกมาหมด เอวาไม่ชอบที่ต้องท้อง ไม่อยากท้อง ไม่อยากมีลูกเข้าใจไหม” ใช่ว่าเอวาอยากหงุดหงิดแบบนี้ แต่เพราะอะไรๆ หลายอย่างกำลังเปลี่ยน ไหนจะเรื่องงานที่คงต้องหยุดยาว ไหนจะรูปร่างที่คงต้องอ้วนกว่าที่เป็นอยู่ เธอจึงยังตั้งรับไม่ทัน“แต่เราทำให้เขาเกิดมาแล้ว” ชายหนุ่มพยายามข่มความไม่พอใจเอาไว้“เกิดแล้วไง เอวาไม่อยากได้ คลอดเมื่อไหร่ เราต่างคนต่างอยู่
“อื้อ” รับปากเสร็จก็ดีดตัวลงจากเตียงนอนอย่างว่องไว ก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อล้างหน้าแปรงฟันเมื่อครู่ธาวินมาซะใกล้ ไม่รู้ได้กลิ่นปากเธอหรือเปล่า ว่าแล้วก็หยิบน้ำยาล้างปากขึ้นมากลั้วปากเพื่อเพิ่มความสดชื่นหลังแปรงฟันเสียหน่อย ก่อนจะแง้มประตูห้องน้ำ ก็สบตาเข้ากับธาวินที่นั่งหล่ออยู่บนเตียงนอนพอดีมองมุมไหนธาวินก็ดูดี ไม่รู้มาตกถึงท้องเธอได้ยังไง สงสัยเพราะพรหมลิขิต มั้ง!“มองผมแบบนี้ มีอะไรหรือเปล่าครับพี่ษา” ขณะเอ่ยถามก็เดินตรงมาหาคนตัวเล็ก วันนี้เป็นวันหยุด เธอจึงสวมแค่เสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้น ทำให้ธาวินได้เห็นอีกมุมของวันเมษา“แค่สงสัยว่าเรารักกันได้ยังไง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้า เราแทบไม่รู้จักกันเลย”“ต้องยกความดีให้คัพเล็กๆ ตรงนี้” ธาวินชี้นิ้วมายังหน้าอกของวันเมษา เธอจึงแยกเขี้ยวกลับไปให้“หมอทะลึ่ง”“หืมม์…เอ่ยคำต้องห้ามนะครับ”“ตั้งใจพูด เพร
เริ่มจากเสื้อตัวบนของเธอ ตอนนี้ถูกธาวินถอดออกไปแล้ว ตามด้วยกางเกงยีนส์สีเข้มที่เขาร่นลงไปกองไว้ตรงข้อเท้า ทำให้ตอนนี้บนตัวของวันเมษาเหลือแค่ชุดชั้นในสีขาว เข้าชุดกันเพียงสองชิ้นเท่านั้นธาวินไล้จูบคนรักสาวตั้งแต่ใบหน้า ลากสัมผัสกึ่งจมูกกึ่งปากร้อนๆ มาตามผิวขาวลออตาและหอมกรุ่นจนถึงลำคอ เนินอกคู่สวยที่ยังคงถูกปกป้องจากบราเซียร์ตัวจิ๋ว วันเมษาหายใจสะท้านยามที่ธาวินสัมผัสร่างกาย ก่อนจะอายเป็นทวีคูณเมื่อมองเห็นตัวเองผ่านกระจก แต่ไม่นานสติก็หลุดลอยจากสัมผัสของชายหนุ่มอีกครั้ง“พี่ษาของผม หอมไปทั่วตัว” คำชมของธาวินช่างแผ่วเบา แต่ทว่ากลับทำให้ร่างกายของวันเมษาตื่นตัว ก่อนจะสะดุ้งเมื่อรับรู้ว่าตอนนี้ธาวินกำลังใช้มืออีกข้างสัมผัสจุดกึ่งกลางลำตัวของเธอ“พี่วิน” วันเมษาเอ่ยเรียกชายหนุ่มเสียงแหบพร่า อารมณ์ปรารถนาเธอถูกปลุกปั่นจนลุกโชน ทำให้ทรมานเพราะต้องการให้เขาช่วยปลดปล่อย“ครับ” ขณะขานรับ ใบหน้าของธาวินอยู่ห่างจากหน้าอกของวันเมษาเพียงนิดเดียว ก่อนจะเอื้อมมือไปปลดตะขอ นั่นทำให้บราเซ
ใกล้จะถึงเที่ยงคืน ธาวินก็ขับรถไปส่งวันเมษาถึงที่บ้าน เจ้าบ้านกล่าวคำล่ำลาแบบเขินๆ เพราะในใจยังไม่อยากให้คนรักหนุ่มกลับไปตอนนี้ แต่ก็อายที่จะเอ่ยชวนให้เขาค้างกับเธอธาวินเองก็อึกๆ อักๆ เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด กระทั่งตัดสินใจกล่าวลาแล้วขับรถออกไปวันเมษายืนมองรถของคนรักหนุ่ม กระทั่งเขาเลี้ยวออกจากซอยไป จึงก้มหน้าก้มตาเดินเข้าบ้าน“ทำไมไม่ชวนให้เขาค้างที่นี่ หืม” วันเมษาเอ่ยถามตัวเอง ถึงจะเคยแนบชิดกับธาวินมาหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็เกิดนอกบ้านเธอทั้งสิ้นนี่นา ใครจะกล้าชวนให้เขานอนด้วย ทั้งๆ ที่ใจอยากทำแต่ปากกลับไม่กล้านี่สิ“ไม่ต้องมโน เลิกคิดได้แล้วยัยษาเอ๊ย ยัยหื่น” คนแอบหื่นเอ่ยว่าตัวเอง ก่อนจะสะดุ้งกับเสียงที่ได้ยิน“บ่นคิดถึงผมอยู่หรือครับพี่ษา”“อุ๊ย! หมอ มาได้ไงคะเนี่ย” วันเมษาตาโตเพราะไม่คิดว่าจะเป็นธาวิน“ขับรถกลับมาครับ พอดีคิดถึงคนแถวนี้ ยังไม่อยากกลับ” คราวนี้หมอหนุ่มเอ
“ครับ…คืนนั้นผมเห็นใครก็ไม่รู้ถูกบอกเลิกที่นี่ เธอดูน่าสงสาร เอ๋อๆ งงๆ จนเข้าห้องน้ำผิด”“หงะ…จะดีใจหรือสงสารตัวเองดี”“ไปที่ที่สองกัน” พูดจบก็จูงมือพาวันเมษาออกไปจากร้านอาหาร สรุปเขาแค่พาเธอแวะมาดูอย่างที่บอกจริงๆ พอเห็นโต๊ะ เห็นห้องน้ำก็พาเธอกลับออกไปแต่สถานที่ที่สองก็ทำเอาวันเมษายิ่งงงเข้าไปใหญ่ เพราะมันคือร้านแมคโดนัลด์ในปั๊มน้ำมันก่อนถึงบ้านนั่นเอง ถ้าจำไม่ผิดเธอถอยรถมาชนรถของธาวินเข้า และนั่นคือครั้งแรกที่เธอได้พบกับเขาธาวินหันมามองเธอยิ้มๆ ก่อนจะพาวันเมษาเข้าไปนั่งภายในร้านแมคโดนัลด์ สั่งชุดอาหารมาหนึ่งชุด แล้วเดินไปนั่งยังโต๊ะตัวเดิมที่เคยนั่งกับเธอ ซึ่งโชคดีที่ยังว่าง เมื่อหย่อนตัวลงนั่ง ทั้งคู่หันมาสบตากันก่อนจะหัวเราะออกมา“ที่นี่คือที่ที่ผมได้พบกับผู้หญิงคนเดิม เธอถอยรถมาชนผมจนกันชนยุบ ไฟหน้าแตก แต่รถอีโก้คาร์ของเธอกลับไม่เป็นอะไรสักนิด”“รถเบนซ์เซินเจิ้น” แค่เอ่ยคำๆ นี้ วันเมษาก็หัวเราะออกม
“ไข่เจียวกุ้งสับค่ะ”“เป็นไข่เจียวที่หอมและน่ากินที่สุดในโลก”“ปากหวาน ระวังษาจะทอดไข่เจียวให้กินทุกวัน อย่ามาบ่นว่าเบื่อแล้วกัน เพราะนอกจากเมนูไข่ ษานี่แทบทำอะไรไม่เป็น” วันเมษาออกตัวไว้ก่อน แม้จะทำกับข้าวเป็นแต่ก็แค่เมนูพื้นๆ เท่านั้น ไม่ได้เริดหรูระดับเชฟ กระทะเหล็ก“ผมเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย ชอบอะไรก็จะกินอยู่แบบนั้น ไม่เบื่อหรอก” แววตาของธาวินดูกรุ้มกริ่มทำเอาวันเมษามือไม้สั่น พานคิดเองเออเองว่านี่เขาหมายถึงอาหารหรือเธอกันแน่“หึ…ไปนั่งก่อนสิคะ เดี๋ยวษาตักข้าวให้”“ครับ” ธาวินเอ่ยรับ น้ำเสียงและสีหน้านั้นเต็มไปด้วยความสุขที่ไม่อาจปกปิดได้ เมื่อเดินมาที่โต๊ะก็เห็นน้ำพริกกับผักนานาชนิดจัดวางอยู่บนจานอย่างสวยงาม ข้างๆ คือแกงจืด นี่หรือที่วันเมษาบอกทำกับข้าวไม่เป็น เขาชักจะไม่อยากเชื่อเสียแล้วสิวันเมษานำจานไข่เจียวกุ้งสับมาวาง แล้วกลับไปตักข้าวสวยร้อนๆ ใส่จานนำมาเสิร์ฟให้ธาวิน โดยมีของเธอ