หยุดยาวสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว พอกลับมาทำงานก็เรียกได้ว่าหัวฟูกันเลยทีเดียว ตั้งแต่เช้ากระทั่งใกล้จะเที่ยง วันเมษาแทบไม่ได้ลุกไปไหน เธอนั่งเคลียงาน จ้องจอคอมพิวเตอร์จนตาล้า คอแทบจะเคล็ดก่อนจะสะดุ้งเมื่อมีกล่องหน้าตาคุ้นๆ ถูกส่งมาให้ แถมคนที่ส่งมาให้หน้าตายังคุ้นกว่า เพราะคือพี่อุษา รุ่นพี่ในแผนกนั่นเอง“อย่าเขย่าอีกล่ะ เดี๋ยวข้างในเละเสียหมด” คนส่งพัสดุชั่วคราวเอ่ยแซว เพราะบังเอิญเดินผ่านประชาสัมพันธ์เข้า เจ้าหน้าที่จึงฝากของมาให้วันเมษาด้วยเสียเลย“ขอบคุณค่ะพี่” วันเมษาส่งยิ้มแห้งๆ ให้ แล้วยื่นมือไปรับกล่องที่ว่ามาถือไว้ ก่อนจะค่อยๆ เปิดออกดู ก็เห็นคัพเค้กหน้าตาน่าทานอยู่สี่ชิ้น ส่วนคนอื่นๆ ในแผนกที่ชะเง้อมองคอยาวก็พลอยรู้ด้วยว่าในกล่องคืออะไร“หนุ่มที่ไหน ส่งขนมมาให้ษาอีกแล้วนะ”“อันนี้ษาก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ” เจ้าของคัพเค้กส่งยิ้มให้คนถามและคนที่ไม่ได้ถามแต่รอฟังคำตอบ ก่อนจะวางกล่องสีหวานไว้ข้างๆ คราวนี้เธอยุ่งจนไม่มีเวลามานั่งถ่ายรูป
“ต๊าย! บอกแล้วเหรอ แล้วได้บอกไหม ว่าผู้ชายคนนั้นจูบเธอไปตั้งหลายครั้ง คิดแล้วก็ อี้” เอวาแสดงสีหน้ารังเกียจได้อย่างสมจริงจนน่าหมั่นไส้สำหรับเธอ การแต่งตัวผิดธีม หรือแม้จะเปลือยอกต่อหน้าใครๆ มันก็สร้างความอับอายให้น้อยกว่าเรื่องของวันเมษาแน่นอน นั่นเพราะด้วยอาชีพของเธอต้องโชว์รูปร่างอยู่แล้ว จึงชินกับการถูกมอง ไม่เหมือนวันเมษาแน่ แม้ปากจะบอกว่าไม่รู้สึกอะไร แต่เธอไม่เชื่อหรอกว่าใจจะไม่รู้สึกอย่างที่ปากบอก“จูบ!!” วันเมษาเผลอตัวเอ่ยคำต้องห้ามออกมา ซึ่งก็เข้าทางเอวา“เอ้…ไม่สิ เรียกว่าจูบมันคงไม่ใช่ เขาเรียกผายปอดให้เสียยกใหญ่ กว่าเธอจะรู้สึกตัว ผู้ชายคนนั้นคงได้กำไรไปมากโข”“เอวา! พอเถอะ” ปรวีณ์ที่ยืนฟังอยู่นาน อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปรามคนรักสาวขึ้น แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล“พออะไรคะพี่วีณ์ เอวาแค่พูดความจริงก็เท่านั้นเอง ใช่ไหมจ๊ะษา” แววตาที่แสดงออกว่าตนเป็นผู้ชนะ ถูกส่งมายังวันเมษาที่กำลังอึ้งกับสิ่งที่ได้รู้ เพราะเข้าใจม
ตึก ตัก ตึกๆ ตักๆ ตึกๆๆ ตักๆๆๆ!!! เสียงเต้นของหัวใจที่ดังถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้เจ้าของหัวใจที่ตอนนี้อยู่ในชุดเดรสยีนส์คอปกแบบแขนกุด เพิ่มความหวานของชุดด้วยการตัดต่อผ้าชีฟองสีขาวเป็นกระโปรง มีเข็มขัดเล็กๆ คาดตรงเอวที่หัวเข็มขัดออกแบบคล้ายกับกระดุมหน้าของตัวเสื้อ ส่งให้คนสวมใส่ยิ่งดูเอวบางขึ้นไปอีกแต่เพราะอุณหภูมิในร้านอาหารที่เย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศหรือเพราะจากชายหนุ่มที่นั่งหล่ออยู่ตรงหน้ากันแน่ ถึงทำให้เธอเริ่มจะนั่งไม่ติดที่ มือที่กุมกันอยู่ตอนนี้เย็นเฉียบ คอเริ่มแห้งแต่ก็ไม่กล้าที่จะเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบดับกระหาย“หนาวหรือครับน้องษา” เสียงทุ้มน่าฟังของชายที่เอ่ยเรียกชื่อเล่นของวันเมษา ดังขึ้น เจ้าของชื่อจึงเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะที่เอาแต่มอง เพื่อสบตาเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ แม้จะมีแว่นสายตาของชายหนุ่มเป็นเกราะกำบังอีกชั้นก็ตามที “นิดหน่อยน่ะค่ะ” ได้ยินเช่นนี้ ปรวีณ์ จึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวที่นั่งอยู่ ก่อนจะถอดเสื้อสูทออกมาคลุมไหล่มนของวันเมษาอย่างอ่อนโยน การกระทำของเขายิ่งทำให้หัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะมากยิ่งขึ้นไปอีก ก่อนที่วันเมษาจะมองใบหน้าของปรวีณ์ด้วยสายตาของ
ชายหนุ่มคนดังกล่าวไม่ได้เอ่ยอะไร เขาหยุดนิ่งๆ เพื่อให้วันเมษาขยับตัวก่อน จะได้เลี่ยงไปคนละทางกับเธอ “ขอบคุณ” คนที่พึ่งอกหักเอ่ยขอบคุณทั้งๆ ที่ยังคงก้มหน้าอยู่ ก่อนจะก้าวไปยังประตูห้องน้ำตรงหน้า และความที่ชุลมุนกันอยู่นานสองนาน ทำให้วันเมษาไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองป้ายห้องน้ำให้ดี“คุณ! เดี๋ยว” เสียงของชายหนุ่มคนดังกล่าวเอ่ยทักขึ้น แต่ไม่ทันเสียแล้ว เพราะว่าตอนนี้วันเมษามายืนซึมกะทือ ก้มหน้าก้มตามองอ่างล้างมืออยู่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้องน้ำชายที่เธอเข้าใจผิดคิดว่าเป็นห้องน้ำหญิงเรียบร้อย ส่วนผู้ชายที่กำลังยืนปัสสาวะอยู่ด้านหลัง ด้านข้างก็ต่างพากันยืนสงบนิ่ง ราวกับกำลังยืนเคารพธงชาติก็ไม่ปาน นั่นเพราะตอนนี้มีสุภาพสตรีผู้ไม่ได้รับเชิญยืนอยู่นั่นเอง ธาวิน คือคนที่เอ่ยเรียกวันเมษาเมื่อครู่ แทนที่ชายหนุ่มจะเข้าไปตามเธอให้ออกมาจากห้องน้ำชาย แต่กลับยืนอมยิ้ม กอดอกรออยู่หน้าห้องน้ำเสียเฉยๆ ซะอย่างนั้น รู้สึกสนุกที่ได้แกล้งเธอเล่น รวมทั้งอยากเห็นหน้าของเธอเมื่อรู้ว่าเข้าห้องน้ำผิด จะเป็นยังไง ตอนนี้ภายในห้องน้ำชายดูจะเงียบผิดปรกติ กระทั่งเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น เพราะเขาทนยืนนิ่งๆ ต่อไปไม่ไหวแล้ว
หลังจากถูกบอกเลิกตั้งแต่ดินเนอร์ครั้งแรก อาหารอร่อยๆ ที่กินลงไปดูจะแสลงท้อง พะอืดพะอมจนวันเมษาต้องเลี้ยวรถเข้าปั๊มน้ำมัน พอจอดรถได้เท่านั้นแหละ เธอก็รีบเปิดประตูแล้ววิ่งแจ้นไปยังห้องน้ำ โก่งคออาเจียนออกมาจนหมดท้อง ก่อนจะกวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นเสียหน่อย“เอ้านี่นังหนู ดมยาดมหน่อย แพ้ท้องหนักแบบนี้ผัวเอ็งไปไหนเสียล่ะ”“หืม…ป้าจ๊ะคือว่า…”“ดึกๆ ดื่นๆ แทนที่จะให้คนท้องพักผ่อน นี่กระไร”“เอ่อ…คือหนูไม่ได้…”“ยาดมนั่นเอาไปเถอะ ป้าให้” พูดจบป้าใจดีที่พูดเองเออเองก็เดินกลับออกไปจากห้องน้ำ “เออเนอะ แค่อ้วกแตกเพราะอาหารไม่ย่อย คนอื่นดันคิดว่าเราท้องซะนี่” บ่นจบก็เดินออกไปจากห้องน้ำเช่นเดียวกัน “เฮ้อ! เอาไงดีล่ะทีนี้” วันเมษาที่ตอนนี้กลับมานั่งในรถแล้วกำลังขบคิด ใจหนึ่งก็ยังไม่อยากกลับบ้านตอนนี้ เมื่อคิดไม่ออกจึงนั่งฟังเพลงลูกทุ่งอยู่ในรถเสียเลย ‘เอาผัวไปเทิน เอาผัวไปเทิน’ เสียงเพลงที่ได้ยินทำเอาเจ้าตัวถึงกับหัวเราะออกมา เพราะนึกตลกเนื้อเพลงที่กำลังฟัง “ยังไม่มีผัว แล้วจะเอาอะไรไปเทิน โฮ้! แต่งเพลงอะไร ไม่สงสารคนไม่มีคู่บ้างเลย หึ๋ย!” คิดแล้วก็หัวเราะอีกครั้ง ตั้งแต่โตมาจนอายุเล
ที่มาของเสียงโครมใหญ่เมื่อครู่ คือรถสองคันเกิดชนกันขึ้น ก่อนที่ผู้เสียหายจะเปิดประตูรถลงมามองหน้ารถตัวเองที่ตอนนี้ไฟหน้าแตกเป็นที่เรียบร้อย ไหนจะรอยบุ๋มขนาดใหญ่อีกหนึ่งรอยที่ฝากไว้เป็นที่ระลึกบนรถยุโรปคันสวย ส่วนผู้ก่อเหตุที่ขับรถอีโก้คาร์คันเล็กสีเขียวตอง ตอนนี้ก็กำลังก้าวลงมาดูเช่นเดียวกัน น่าแปลกที่รถเธอนั้นแทบไม่มีร่องรอยของความเสียหายเลยแม้แต่น้อย “ขอโทษนะคะ พอดีตะกี้ฉันมองไม่เห็นรถของคุณ ก็เลยชนเข้าไป”วันเมษาส่งยิ้มแห้งๆ ทักทายไปก่อน แต่เพียงแค่ได้เห็นหน้าเธอ ธาวินถึงกับลอบยิ้มให้กับคำว่าโลกกลม“เรียกประกันมาเคลมสิคุณ”“อ้อค่ะๆ” เพราะตนเป็นคนผิดที่ถอยรถมาชนรถของชายหนุ่มเข้าวันเมษาจึงต้องเรียกเจ้าหน้าที่ประกันให้มาดูแล แต่ที่ไม่ชอบใจคือประโยคคำสั่งของผู้เสียหายนี่แหละ ดูวางอำนาจชอบกล แต่ก็ช่างเถอะ เรียกประกันจะได้จบๆ วันเมษาหายไปหยิบโทรศัพท์ในรถ ก่อนจะโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ประกันภัยให้มาดูแล เมื่อแจ้งข้อมูลเสร็จเธอก็กลับมาหาผู้เสียหาย ที่ยืนกอดอกมองรถตัวเองตาละห้อย “นี่รถยุโรปเซินเจิ้นหรือเปล่า ทำไมไฟแตก กันชนยุบได้ง่ายแท้” คำพูดของวันเมษาทำเอาคนฟังกลั้นเสียงหัวเราะไว้ เธอคิดได้ยั
“ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะคุณ”“เอาเถอะๆ ยังไงฉันก็อายุมากกว่าคุณก็แล้วกัน ที่สำคัญคุณเดาผิด ไปซื้อเฟรนซ์ฟรายส์มาเลย”“ครับๆ” ธาวินยิ้มรับ แล้วลุกขึ้นไปซื้อเฟรนซ์ฟรายส์ร้อนๆ มาเสิร์ฟให้วันเมษา ขณะรอเฟรนซ์ฟรายส์ที่สั่งไป ชายหนุ่มก็อดที่จะหันกลับมามองคนตัวเล็กๆ ที่นั่งอยู่ด้านนอกไม่ได้ ก่อนที่ประโยคหนึ่งจะดังก้องอยู่ในความคิด ’อายุเป็นเพียงตัวเลข’เมื่อได้เฟรนซ์ฟรายส์ ธาวินก็กลับมาที่โต๊ะ ก่อนที่ทั้งคู่จะนั่งทานด้วยกัน น่าแปลกที่เวลาช่างผ่านไปเร็วมาก มากเสียจนแปลกใจ เพราะคนที่ธาวินจะนั่งพูดคุยจนลืมเวลาก่อนหน้านี้ดูจะมีแค่มารดาเขาคนเดียวเท่านั้น กระทั่งเขาได้พบกับวันเมษา ผู้หญิงชื่อแปลก เมื่อเห็นว่าดึกมากแล้ว และไม่มีเหตุผลให้ต้องนั่งต่อ วันเมษาจึงเอ่ยขอตัว แม้อยากจะรั้งเธอไว้ให้อยู่คุยกับเขาอีกหน่อย แต่ธาวินก็ไม่ได้เอ่ยประโยคนั้นออกมา “ขับรถกลับบ้านดีๆ นะคุณ อย่าไปเสยรถใครเขาอีกล่ะ” คำว่าเสยรถใครที่ได้ยิน ทำให้วันเมษาหวนคิดถึงคำพูดของเฟื่องรัตน์ ว่าขอให้เธอเสยเนื้อคู่ นั่นทำให้เธอยิ้ม “บ้า!” วันเมษาส่ายหน้าแรงๆ เพื่อไล่ความคิดบ้าๆ นี่ให้ออกจากหัว แต่ท่าทางของเธอกลับทำให้อีกคนที่มอ
“มื้อนี้แกเลี้ยงเลยนะยัยเฟื่อง โทษฐานทำให้คนสวยอย่างฉันตกใจ” จังหวะที่กำลังหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ เก๋ไก๋ก็เอ่ยขึ้น แต่คนที่พึ่งอกหักรักคุดมาเมื่อคืนกลับเออออตาม “ฉันด้วย ฉันก็ตกใจ” “แหม…ที่อย่างนี้รวมหัวกันมาเลยนะ” เฟื่องรัตน์แยกเขี้ยวให้ทั้งสองคน “จะเลี้ยงฉันดีๆ ไหมยะ”“เลี้ยงก็เลี้ยงอ่ะ” “เออ…นี่แกโอเคใช่ไหมษา” แต่ก่อนที่จะได้กินอะไร เก๋ไก๋ก็หันมาถามวันเมษาเสียหน่อย “อื้อ…ไม่ได้เป็นอะไรนี่ หรือท่าทางฉันเป็น”“ท่าทางน่ะไม่มี แต่ยิ่งแกไม่แสดงออก พวกฉันก็ยิ่งห่วง” “ใช่ๆ แกเปิดประเด็นมาตรงใจฉันมากเก๋ไก๋ เอ้านี่รางวัล” เฟื่องรัตน์ตักส้มตำปูปลาร้ารสจัดใส่จานให้เก๋ไก๋เต็มช้อน เพื่อเป็นรางวัลที่พูดได้ตรงกับใจเธอ “จะว่าไปก็เป็นอยู่นะ มันยังจี๊ดๆ ยังโหวงๆ ในอกแปลกๆ”“เวลาจะทำให้แกดีขึ้นเอง” คำพูดของเก๋ไก๋ วันเมษาได้แต่เอ่ยรับ น่าแปลกแม้เธอจะเสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่กลับไม่มีน้ำตาสักหยด “อื้อ…คงต้องแบบนั้นแหละ จะทำไงได้เนอะ ฉันไม่ใช่คนที่พี่เขาเลือกนี่นา”“แกนี่แกร่งกว่าที่ฉันคิดไว้อีกษา ขืนเป็นฉันนะ เจอสถานการณ์แบบนี้ คงง่อยแดก ไปไม่เป็นแน่ๆ เมื่อคืนถูกบอกเลิก เช้ามาย
“ต๊าย! บอกแล้วเหรอ แล้วได้บอกไหม ว่าผู้ชายคนนั้นจูบเธอไปตั้งหลายครั้ง คิดแล้วก็ อี้” เอวาแสดงสีหน้ารังเกียจได้อย่างสมจริงจนน่าหมั่นไส้สำหรับเธอ การแต่งตัวผิดธีม หรือแม้จะเปลือยอกต่อหน้าใครๆ มันก็สร้างความอับอายให้น้อยกว่าเรื่องของวันเมษาแน่นอน นั่นเพราะด้วยอาชีพของเธอต้องโชว์รูปร่างอยู่แล้ว จึงชินกับการถูกมอง ไม่เหมือนวันเมษาแน่ แม้ปากจะบอกว่าไม่รู้สึกอะไร แต่เธอไม่เชื่อหรอกว่าใจจะไม่รู้สึกอย่างที่ปากบอก“จูบ!!” วันเมษาเผลอตัวเอ่ยคำต้องห้ามออกมา ซึ่งก็เข้าทางเอวา“เอ้…ไม่สิ เรียกว่าจูบมันคงไม่ใช่ เขาเรียกผายปอดให้เสียยกใหญ่ กว่าเธอจะรู้สึกตัว ผู้ชายคนนั้นคงได้กำไรไปมากโข”“เอวา! พอเถอะ” ปรวีณ์ที่ยืนฟังอยู่นาน อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปรามคนรักสาวขึ้น แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล“พออะไรคะพี่วีณ์ เอวาแค่พูดความจริงก็เท่านั้นเอง ใช่ไหมจ๊ะษา” แววตาที่แสดงออกว่าตนเป็นผู้ชนะ ถูกส่งมายังวันเมษาที่กำลังอึ้งกับสิ่งที่ได้รู้ เพราะเข้าใจม
หยุดยาวสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว พอกลับมาทำงานก็เรียกได้ว่าหัวฟูกันเลยทีเดียว ตั้งแต่เช้ากระทั่งใกล้จะเที่ยง วันเมษาแทบไม่ได้ลุกไปไหน เธอนั่งเคลียงาน จ้องจอคอมพิวเตอร์จนตาล้า คอแทบจะเคล็ดก่อนจะสะดุ้งเมื่อมีกล่องหน้าตาคุ้นๆ ถูกส่งมาให้ แถมคนที่ส่งมาให้หน้าตายังคุ้นกว่า เพราะคือพี่อุษา รุ่นพี่ในแผนกนั่นเอง“อย่าเขย่าอีกล่ะ เดี๋ยวข้างในเละเสียหมด” คนส่งพัสดุชั่วคราวเอ่ยแซว เพราะบังเอิญเดินผ่านประชาสัมพันธ์เข้า เจ้าหน้าที่จึงฝากของมาให้วันเมษาด้วยเสียเลย“ขอบคุณค่ะพี่” วันเมษาส่งยิ้มแห้งๆ ให้ แล้วยื่นมือไปรับกล่องที่ว่ามาถือไว้ ก่อนจะค่อยๆ เปิดออกดู ก็เห็นคัพเค้กหน้าตาน่าทานอยู่สี่ชิ้น ส่วนคนอื่นๆ ในแผนกที่ชะเง้อมองคอยาวก็พลอยรู้ด้วยว่าในกล่องคืออะไร“หนุ่มที่ไหน ส่งขนมมาให้ษาอีกแล้วนะ”“อันนี้ษาก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ” เจ้าของคัพเค้กส่งยิ้มให้คนถามและคนที่ไม่ได้ถามแต่รอฟังคำตอบ ก่อนจะวางกล่องสีหวานไว้ข้างๆ คราวนี้เธอยุ่งจนไม่มีเวลามานั่งถ่ายรูป
“เฮ้ย…ยัยษา แกคิดดีๆ นะ คิดให้ถี่ถ้วน นั่งคิดนอนคิด อย่าเอาอารมณ์ชั่ววูบมาตัดสินแทนหน้าอกแบนๆ น้อยๆ ของแกนะ มันไม่ยุติธรรม” คำพูดของเก๋ไก๋ทำเอาเฟื่องรัตน์ส่ายหน้าให้ ก่อนจะผลักให้หลีกไปอีกทาง“ปลอบได้ดีมากแกยัยเก๋ไก๋ หลีกไป” เมื่อผลักเก๋ไก๋เสร็จ เฟื่องรัตน์ก็จับวันเมษาให้หันมามองหน้าเธอตรงๆ“ษา…คิดใหม่ คิดให้ดีๆ ทำนมเลยนะแก ถ้าพูดผิดฉันให้โอกาสพูดใหม่”“ฉันคิดดีแล้วจริงๆ ฉันจะไปทำนม ลบปมด้อยออกไปจากชีวิตตัวเองเสียที”“ทำไมต้องลบปมด้อยด้วย ถ้าเพราะยัยเอวา แกไม่ต้องห่วง ฉันว่าป่านนี้คงกลัวแกจนขี้ขึ้นสมอง ไม่มากวนใจอีกหรอก” เก๋ไก๋ถามจริงจัง เพราะไม่อยากให้วันเมษาทำแบบนี้เพื่อเอาชนะเอวา“แกสองคนฟังฉันนะ ตั้งแต่ถูกพี่วีณ์บอกเลิกด้วยเหตุผลสุดห่วย ไหนจะถูกยัยเอวาตอกย้ำเรื่องหน้าอก สร้างเรื่องให้ฉันอายคนไปทั่ว ฉันจะเอาคืนทั้งสองคนให้มากกว่านี้ เพราะหลังจากผ่าตัดเสริมหน้าอก ฉันจะทำให้พี่วีณ์เขี่ยยัยเอวาลงกระป๋อ
“จะมากไปแล้วนะ”“อย่าทรงกริ้วสิเพคะพระพันปี เดี๋ยวตีนกาขึ้น จะไม่งาม” ยิ่งล้อเอวามากเท่าไหร่ เฟื่องรัตน์ก็ยิ่งสนุกมากเท่านั้น แต่คนถูกล้อชักจะอดทนไม่ไหว หน้ายิ้มๆ ตอนนี้กลายมาเป็นบึ้งตึง“นี่หล่อน อยากเจอดีใช่ไหม” เอวาเงื้อมือขึ้นสูง หวังตบเฟื่องรัตน์ให้สักฉาด แต่กลับถูกวันเมษาเอ่ยดักเสียก่อน“จะโมโหไปทำไม ไหนๆ เธอก็แต่งชุดมาซะเต็มขนาดนี้แล้ว เอ้านี่ฉันให้” พูดจบวันเมษาก็ยื่นบางสิ่งบางอย่างให้เอวา“อะไร” เจ้าตัวเอ่ยถาม ทั้งๆ ที่ยังไม่รับสิ่งนั้น“แค่สายสะพายสวยๆ เหมาะกับคนสวยๆ อย่างเธอนะเอวา” เก๋ไก๋เอ่ยขึ้นบ้าง ก่อนจะจัดแจงสวมสายสะพายที่เธอลงทุนทำเองกับมือให้พระพันปีเอวาทันที“สายสะพาย คุณนายเสล่อ” ข้อความที่ปรากฏอยู่บนสายสะพาย ก็ทำให้เอวาส่งเสียงกรี๊ดออกมา จนใครต่อใครหันมาจับจ้องอีกครั้ง แขกส่วนใหญ่คือแขกกลุ่มเดิมของเมื่อคืน น่าแปลกที่พวกเขาไม่ได้รู้สึกสงสารเอวา กลับสะใจอยู่ลึกๆ ที่
บทที่ 17ศิวะยิ้มออก เมื่อรู้จากพนักงานว่าเช้านี้ วันเมษาและเพื่อนอีกสองคนยังไม่ได้เช็กเอาท์แต่อย่างใด แถมยังบอกว่าจะค้างที่นี่ต่อ ศิวะจึงสั่งให้ลูกน้องเตรียมงานปาร์ตี้อีกหนึ่งคืน โดยหวังว่าคืนนี้จะไม่มีเรื่องวุ่นๆ เกิดขึ้นอีก ซึ่งก็เข้าทางวันเมษาพอดีส่วนธาวินที่วันนี้ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ ออกไปเดินเล่นดูพระอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นขอบทะเล รับอากาศสดชื่นยามเช้าให้ชุ่มปอดเสียหน่อย ขณะที่สายตาก็สอดส่ายมองหาคนที่อยากเห็นในเช้านี้ แต่กลับไม่เห็นเธอออกมาเดินเล่นอย่างที่คิด หรือเพราะยังคงอายกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนพอคิดเรื่องนี้ รอยยิ้มกลับผุดขึ้นบนใบหน้า เพราะในสมองกำลังหวนคิดถึงรอยจูบจากริมฝีปากอิ่ม ที่ทำเอาเขาแทบจะนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะหลับตาลงทีไร ภาพริมฝีปากของวันเมษาก็ตามมาตอกย้ำ แม้จะรู้ว่านั่นคือจูบเพื่อผายปอดเธอก็ตามธาวินหัวเราะให้ตัวเอง ที่ยังคงคิดเพ้อเจ้อกับเรื่องนี้อยู่ ก่อนจะเดินกลับเข้ารีสอร์ต แต่เท้าเจ้ากรรมกลับมาหยุดอยู่หน้าห้องที่วันเมษาพัก สองจิตสองใจว่าจะเข้าไปข้า
แต่เอวากลับไม่ได้ใจเย็นแบบนั้น เมื่อชายหนุ่มไม่ทำตามที่ขอ เอวาจึงผลักปรวีณ์ให้ลงไปนอนราบกับโซฟา ก่อนจะเป็นฝ่ายขึ้นมานั่งคร่อม โน้มตัวไปจูบชายหนุ่มอย่างดูดดื่ม ลิ้นแลกลิ้น ซึ่งปรวีณ์เองก็งัดประสบการณ์เรื่องเซ็กส์ที่เคยมีออกมาวาดลาดลายกับเอวา เพราะไม่อยากให้เธอคิดว่าเขานั้นด้อยกว่า แต่สุดท้ายปรวีณ์ก็เหมือนจะพ่ายแพ้“อ่า…เอวาครับ” สีหน้าของปรวีณ์ตอนนี้เหยเกกว่าเอวาเสียอีก ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมาสบตาเธอ ก่อนที่จะหลับตาพริ้มรอรับสัมผัสด้วยใจที่เต้นแรง เพราะตอนนี้เอวากำลังนั่งคุกเข่า ใบหน้าของเธอนั้นอยู่ตรงกลางลำตัวเขา มือของเธอก็กำลังบีบคลึงกล่องดวงใจที่กำลังตื่นตัวเต็มที่เอวายิ้มหวานให้ ก่อนที่เธอจะค่อยๆ รั้งกางเกงว่ายน้ำให้ออกจากตัวปรวีณ์ นั่นทำให้บางสิ่งบางอย่างผงาดท้าทายแรงโน้มถ่วงของโลก เอวาลอบกลืนน้ำลายเพราะขนาดของปรวีณ์นั้นออกจะใหญ่โตกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก แต่แทนที่จะกลัวเธอกลับชอบและอยากให้มันเข้ามาอยู่ในร่างกายเร็วๆจากสัมผัสด้วยมือ เอวาก็ค่อยๆ เปลี่ยนมาเป็นริมฝีปากและลิ้น ทุกสัมผัสที่เธอมอบให้ ทำเ
“ก็ได้ค่ะ งั้นษาจะกลับพรุ่งนี้เช้า”“ขอบคุณมากครับคุณษา”“ไม่เป็นไรค่ะ” วันเมษาเอ่ยรับ แม้จะรู้สึกเฟลกับงานปาร์ตี้ แต่อย่างน้อยๆ การแสดงความรับผิดชอบของศิวะ ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้เป็นคนก่อเรื่อง ก็ทำให้เธอรู้สึกดีกับการต้องอยู่ต่อที่นี่ส่วนเจ้าชายขี่ม้าขาว ที่หายหน้าไปตั้งแต่วันเมษารู้สึกตัวเพราะกลัวทำให้เธออาย ตอนนี้ก็ชะเง้อมองข้ามกำแพงห้องพักของตัวเองมายังห้องพักของ วันเมษาและเพื่อนๆ กระทั่งเห็นศิวะเดินกลับออกมาจึงรีบสลายตัว ทั้งๆ ที่ใจนั้นห่วงวันเมษามาก แต่ธาวินก็เลือกที่จะขอห่วงแบบห่างๆข้าวของที่เฟื่องรัตน์ขนไปไว้ที่หน้าล็อบบี้ ตอนนี้ถูกขนกลับมาที่ห้องพักโดยพนักงานของทางรีสอร์ต ตามด้วยบรรดาอาหารทั้งของคาวและของหวาน ไหนจะเครื่องดื่มครบเซ็ตที่ศิวะสั่งมาให้เป็นกรณีพิเศษแต่แทนที่จะกินหรือดื่มของอภินันทนาการ วันเมษากลับกำลังนั่งเคาะนิ้วกับโต๊ะท่าทางครุ่นคิด ไม่กลับตอนนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะไม่อย่างนั้นเอวาคงได้ใจกว่าเดิม ที่ทำให้เธอ
“คุณษา คุณษา!” ธาวินตบใบหน้าของวันเมษาเบาๆ หลังจากพาเธอขึ้นจากน้ำเพื่อเรียกสติ เมื่อครู่นี้ จังหวะที่เขากำลังก้าวเข้ามาในงานปาร์ตี้ที่ยากจะเลี่ยง ก็เห็นว่าวันเมษากำลังหล่นลงไปในสระว่ายน้ำเข้า จากนั้นเขาก็กระโดดลงสระเพื่อช่วยเธออย่างไม่ลังเล“คุณษา” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกอีกครั้ง แต่เมื่อเธอไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ ธาวินจึงจำต้องผายปอดให้ภาพที่เกิดขึ้นขณะนี้ ทำให้เก๋ไก๋และเฟื่องรัตน์มองหน้ากันปริบๆ แม้นี่จะเป็นการผายปอดเพื่อช่วยชีวิต แต่ลึกๆ มันก็อดที่จะรู้สึกเขินแทนเพื่อนรักที่ตอนนี้ยังไม่ได้สติ ถ้าตื่นมาแล้วรู้ตัวว่ามีชายนิรนาม ขี่ม้าขาวแล้วกระโดดน้ำดังตูมลงไปช่วย พร้อมทั้งทำการผายปอดให้อีก วันเมษาจะรู้สึกยังไง ก็ยากจะเดาใจได้ธาวินผายปอดวันเมษาอยู่สักครู่ เธอก็สำลักน้ำออกมาอย่างน่าสงสาร ก่อนจะตามมาด้วยเสียงไอติดต่อกันหลายครั้ง หน้าตาแดงก่ำไปหมด เก๋ไก๋กับเฟื่องรัตน์จึงรีบพยุงวันเมษาขึ้นนั่ง โดยที่เก๋ไก๋นั้นเอาตัวให้เพื่อนได้พิง“ษา…ษา เป็นยังไงบ้างแก” เก๋ไก๋ปัดหยดน้ำที่เกาะพรา
เมื่อเดินกันจนครบรอบ วันเมษาและเอวาก็กลับมายืนยังจุดเดิม เพื่อฟังผลการตัดสิน ตอนนี้วันเมษาไม่ได้คิดถึงผลแพ้ชนะหรือของรางวัล เพราะในสมองคิดอยู่อย่างเดียว ว่าขอให้การประกวดนี้จบเสียทีเถอะ กระทั่งเสียงประกาศดังขึ้น“ผู้ชนะของเราในคืนนี้คือ คือ…คุณษาครับ” คำตัดสินที่ได้ยิน ทำเอาวันเมษาถึงกับอึ้งเพราะตกใจ ส่วนเอวานั้นยืนกำหมัดแน่น เพราะพ่ายแพ้ให้วันเมษาอีกครั้ง “เย้ๆ ยัยษาชนะจริงๆ ด้วย” เฟื่องรัตน์ยิ้มกว้างดีใจ ก่อนที่เก๋ไก๋จะเอ่ยขึ้น “ซ้ำแผลเก่ายัยเอวาชัดๆ”“สมน้ำหน้า” พูดจบเฟื่องรัตน์ก็หันไปเบ้ปากใส่เอวาอย่างสะใจ ก่อนจะมองไปยังวันเมษา ซึ่งตอนนี้สีหน้าของผู้ชนะนั้นดูจะงุนงงจนบอกไม่ถูก หน้าจะยิ้มก็ไม่เชิง ดูแหยๆ แปลกๆ วันเมษาส่งยิ้มแห้งๆ ให้ทุกคน อารมณ์เธอเหมือนหลายปีก่อน ตอนที่รุ่นพี่ประกาศว่าเธอคือดาวคณะไม่มีผิด พอหันไปมองเอวาก็เห็นจ้องมองเธอตาเขียว ถ้ากระโจนเข้ามาฉีกเนื้อเธอได้ เอวาคงทำไปแล้ว เอวาอยากฟังเหตุผลว่าเพราะอะไรเธอถึงแพ้วันเมษา แต่กลับไม่มีใครให้คำตอบได้ ก่อนจะมีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้น ว่าที่พวกเขาเลือกวันเมษาเพราะเธอดูสดใส เหมาะกับชุดบิกินี่แบบที่เธอเลือกสวมมาวันนี้ แต่เอวากล