“ก็หัวเราะแกนั่นแหละ จะเก็บริมฝีปากอันอวบอิ่มแสนหวานปานน้ำผึ้ง ไว้มอบให้ชายในดวงใจหรือไงหล่อน ไม่ทันแล้วย่ะ เพราะหมอวินฉกไปแล้ว” ยิ่งได้แซววันเมษาเรื่องนี้เท่าไหร่ เก๋ไก๋ก็ยิ่งมีความสุข เพราะร้อยวันพันปีเพื่อนเธอมีเรื่องให้แซวซะทีไหน เรื่องนี้สงสัยต้องเอามาพูดยันลูกบวช“ยัยเพื่อนบ้า แล้วตอนนั้นทำไมไม่ห้าม หืม” วันเมษามองเก๋ไก๋ตาเขียวปัด“ใครจะห้ามทัน แกจะเป็นจะตายก็ยังไม่รู้ หมอวินช่วยชีวิตแกไว้นะ แกตอบแทนด้วยจูบ ก็สมน้ำสมเนื้อกันดีออก” แม้จะคนละเรื่องเดียวกัน แต่เก๋ไก๋ก็ไม่วายโยงเรื่องให้มันมาเกี่ยวกันจนได้“ยัยเก๋ไก๋”“เอาน่ะๆ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว แกก็จีบจูบแรกอย่างหมอวินเลยสิ ได้ข่าวว่าหมอยังไม่มีแฟนนะ” แทนที่จะหยุดแซว เก๋ไก๋กับเอ่ยคำแนะนำที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลในเวลานี้นัก แต่มีหรือที่เก๋ไก๋จะยอมแพ้ ยุมันทุกวัน เดี๋ยววันเมษาก็เออออเอง“ไม่เอา” วันเมษายังคงปฏิเสธ“ทำไมยะ หมอไม
เก๋ไก๋และเฟื่องรัตน์ก็พลอยลุ้นตัวโก่งไปอีกคน ว่าผลลัพธ์จะออกมาหัวหรือก้อยกันแน่ ขืนรู้ว่าน้องสาวคิดจะไปเสริมหน้าอกโดยไม่มีเหตุผลที่เพียงพอ งานนี้วันเมษาอาจได้ยุบโครงการ พับเสื่อกลับได้เลย“อีกสองชั่วโมง เราไปเจอกันที่บ้าน” พูดจบก็เดินจากไป แต่คนใกล้ชิดจะรู้ว่านี่คือการวางระเบิดเวลา เฟื่องรัตน์ถึงกับหันขวับมามองหน้าวันเมษา“ซวยแล้วแก”“ซวยมากถึงมากที่สุด” วันเมษาหน้าเบ้ขึ้นมาทันที“แกเตรียมเหตุผลไปคุยกับพี่วาให้ดีๆ เลยนะ ไม่งั้นอย่าหวังจะได้เสริมอึ๋ม” คำพูดของเก๋ไก๋ทำเอาคนฟังถอนหายใจออกมายาวๆ“อ๋อย…แค่คิดก็เสียวสันหลังแล้ว งานนี้ฉันจะได้อึ๋มไหมเนี่ย” คำพูดของวันเมษาทำเอาสองคนที่ได้ยินยิ้มออกมา“เอาน่ะแก มาถึงขั้นนี้แล้ว สู้ๆ เพื่อความอึ๋ม”“ย่ะ” วันเมษาย่นจมูกให้เฟื่องรัตน์ ก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกครั้งงานนี้เป็นไงเป็นกัน เพราะเธอเองก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจแน่นอน
ร่างสวยบิดส่ายไปมาอย่างทรมาน ชุดนอนซีทรูของเธอถูกปรวีณ์ปลดเปลื้องออก จนตอนนี้เอวาเปลือยเปล่า ขาทั้งสองข้างถูกจับแยกให้ห่างออกจากกันยิ่งขึ้น ก่อนที่ปรวีณ์จะแทรกตัวเข้าหาพร้อมท่อนเนื้อที่ตื่นตัวเต็มที่ ซึ่งตอนนี้กำลังแหวกผ่านกลีบกุหลาบเข้าไปภายในร่างกายของเอวา ปรวีณ์ไม่รั้งรอเขาส่งตัวเองเข้าหาเธอแบบรวดเดียวจนลึกสุด ก่อนจะขยับเข้าออกช้าๆ เนิบๆ อยู่นาน ก็เปลี่ยนมาเป็นจังหวะที่ถี่กระชั้นมากขึ้น มากขึ้น เอวาครางไม่ได้สรรพอยู่นาน“เร็วอีกค่ะ เร็วอีก” เอวาขบเม้มริมฝีปากบอก ปรวีณ์จึงเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นเพื่อจะได้ส่งเธอให้ถึงฝั่งที่ต้องการ แต่เอวากลับไม่ยอมให้สวรรค์ครั้งนี้จบลงเร็วเกินไปนัก“พะ…พอก่อนค่ะพี่วีณ์” น้ำเสียงของเอวานั้นฟังดูกระท่อนกระแท่น ใบหน้าก็เหยเก แต่มาถึงขั้นนี้ปรวีณ์ไม่อาจคุมตัวเองได้อีก บวกกับต้องการให้เซ็กส์ครั้งนี้จบลงเร็วๆ เขาจึงเร่งจังหวะให้ยิ่งถี่กระชั้นมากขึ้น จนหน้าอกอวบๆ ของเอวานั้นไหวโยกไปตามแรงที่ชายหนุ่มส่งตัวเองเข้าหาเธอ“พี่วีณ์ เอวาไม่ไหวแล้ว” ใช่ว่าเอวาค
“งื้อ…พี่ใจร้าย” แม้จะบอกว่าใจร้าย แต่แววตาของวันเมษายามมองมายังพี่ชายนั้นเต็มไปด้วยความรัก เช่นเดียวกับที่วันธันวารู้สึก เขารักและเอ็นดูน้องสาวมาก แม้จะดุแต่ก็ตามใจในเรื่องที่พอจะตามใจได้ นั่นเพราะเขาเป็นพี่ ต้องคอยดูแลน้องตามที่พ่อและแม่ได้บอกไว้“แล้วนี่พี่วาจะอยู่กรุงเทพฯ กี่วันคะ”“สองวัน”“รับทราบ” วันเมษายืนตัวตรง ตะเบ๊ะท่าราวกับนายตำรวจหรือทหาร“นู้น…ของฝาก เห็นว่าม๊าทำขนมจีนน้ำเงี้ยวมาให้ด้วย อิ่มหรือยังล่ะ”วันธันวามองไปยังข้าวของที่วางอยู่บนโต๊ะกับข้าวภายในห้องครัว ซึ่งทุกอย่างล้วนแต่เป็นของฝากของวันเมษาทั้งนั้น ซึ่งคนที่เตรียมของพวกนี้มาให้ก็ไม่ใช่ใครอื่น แม่ของพวกเขานั่นเอง“อิ่ม…แต่ตอนนี้หิวอีกแล้ว งั้นเค้าขอไปหม่ำหนมจีนฝีมือม๊าก่อนดีกว่า”“ยัยอ้วน เตี้ย”“เค้าไม่ได้อ้วน ไม่ได้เตี้ยซะหน่อย ชิ” วันเมษาย่นจมูกให้พี่ชาย ก่อนจะ
“ส่วนขนาด ผมต้องดูเนื้อนมกับช่วงไหล่คุณวันเมษาก่อน ว่าจะทำได้ที่กี่ซีซี รบกวนคุณวันเมษาเปลี่ยนชุด แล้วผมจะดูให้” คำว่าดูเนื้อนมที่ได้ยิน ทำเอาวันเมษาหน้าแดงก่ำ สรุปนี่เธอต้องเปิดอกให้หมอธาวินดูหน้าอกใช่ไหม โอ๊ย…คิดแล้วก็อาย“ค่ะ” หญิงสาวเอ่ยรับ ก่อนจะลุกออกไปจากห้องทำงานของธาวิน ก่อนจะมายืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกภายในห้องเปลี่ยนชุดสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ เพื่อรวบรวมความกล้าอย่างวิถีคนอยากดูมๆ ไล่มาตั้งแต่ตาตุ่มกันเลยทีเดียว มาถึงขั้นนี้แล้วเธอจะถอยได้ยังไง เป็นไงเป็นกัน เมื่อยืนรวบรวมความกล้าจนพอใจ เธอจึงกลับมานั่งนิ่งอยู่หน้าหมอธาวิน ด้วยอาการใจสั่นตึกๆ ตักๆ หายใจก็ไม่ค่อยจะทั่วท้อง“ผมขออนุญาตครับ” เสียงทุ้มเอ่ยบอก ก่อนจะค่อยๆ ยื่นมือมาเปิดสาบเสื้อสีชมพูตัวที่วันเมษาสวมอยู่ให้แยกห่างออกจากกันช้าๆ การกระทำของธาวินส่งผลทำให้เธอหลับตาปี๋ กำหมัดแน่น ใจเต้นโครมคราม โครมคราม นับหนึ่งให้ถึงร้อย ความใกล้ที่เกิดขึ้น ทำให้วันเมษาได้กลิ่นโคโลญจน์ลอยมาจากตัวชายหนุ่ม นั่นยิ่งทำให้เธอใจคอไ
ไฟในศูนย์ความงามปิดหมดแล้ว แต่ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงหมอธาวินกลับยังไม่ลงมา นั่นทำให้วันเมษาตัดสินใจกลับเข้าไปในศูนย์ความงามอีกครั้ง แสงไฟจากห้องทำงานเขายังคงสว่างอยู่ แต่พอชะเง้อมองเข้าไปผ่านช่องประตูเล็กๆ ที่แง้มอยู่ กลับไม่เห็นเขา ก่อนที่เธอจะสะดุ้งตกใจ เมื่ออยู่ๆ ก็รู้สึกได้ว่ามีคนโอบมาจากด้านหลัง เธอถูกปิดปากด้วยมืออีกข้าง จะร้องก็ร้องไม่ได้ ก่อนที่ร่างบางจะลอยขึ้นจากพื้น“อื้อ” วันเมษาตกใจสุดขีด พยายามตะเกียกตะกายเอาตัวรอด แต่กลับไม่ได้ผล กระทั่งแผ่นหลังสัมผัสเข้ากับความเย็นของโซฟา เธอรีบยกแขนขึ้นมากั้นอย่างอัตโนมัติพร้อมทั้งออกแรงผลักคนที่บังอาจทำแบบนี้กับเธอให้ออกห่าง แม้จะตกใจแต่วันเมษาก็มีสติพอที่จะคิดหาทางรอด ในเมื่อมือทำอะไรไม่ได้ ทางเดียวก็คงต้องใช้ปาก“โอ๊ย!” เสียงร้องโอดโอยของธาวินดังลั่นศูนย์ความงาม เมื่อวันเมษากัดชายหนุ่มตรงหัวไหล่เสียจมเขี้ยว นั่นทำให้เขาจำต้องปล่อยคนตัวเล็กในอ้อมกอดให้เป็นอิสระทันที วันเมษาได้ทีรีบดีดตัวออกห่าง จนหลังชนเข้ากับผนังห้องและตรงนั้นบังเอิญว่าเป็นจุดเปิดปิดของสวิตช์ไฟ เพียงครู่ไ
ริมฝีปากหยักที่อุ่นจัดครอบครองริมฝีปากอิ่มแสนหวานปานน้ำผึ้ง ก่อนจะค่อยๆ ละเล็มชิมรสชาติอย่างช้าๆ เพราะตกใจทำให้วันเมษาเม้มปากเข้าหากันแน่น แต่ก็ใช่ว่าจะเกินความสามารถของธาวินที่จะทำให้เธอเปิดปากออกจากกัน ชายหนุ่มจงใจเอื้อมมือมาสัมผัสหน้าอกของเธอ เพียงแค่นี้วันเมษาก็ร้องประท้วง“อื้อ” เมื่อริมฝีปากเผยอออกจากกัน ธาวินก็ส่งลิ้นร้อนๆ เข้าไปภายในโพรงปากของเธอได้สำเร็จ ก่อนจะดูดความหวานมาครอง ใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะนัก ส่งผลให้สารอะดรีนาลีนในตัวทำงาน เลือดสูบฉีดไปทั่วตั้งแต่ศีรษะยันปลายเท้า ส่งผลให้ร่างกายตื่นตัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแต่สัมผัสจากธาวินกลับทำให้วันเมษาแทบเป็นลมล้มพับ ความดันของเธอเพิ่มขึ้นๆ ลงๆ นั่นส่งผลทำให้ร่างกายเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว รู้สึกหวิวๆ ในช่องท้องแปลกๆ เรี่ยวแรงที่มีก็ขุดมาเพื่อผลักชายหนุ่มให้ออกห่าง แต่ยิ่งผลักเขายิ่งแนบชิดมากขึ้น สมองเธอมึนงงจนแทบทำอะไรไม่ถูก รู้แต่เพียงว่าตอนนี้เธอกำลังถูกธาวินปล้นจูบไปอีกครั้ง ยิ่งคิดวันเมษาก็ยิ่งตกอยู่ในภวังค์ ตอนนี้เธอเข่าอ่อนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ด้วยซ้ำ
ธาวินรีบเดินจ้ำกลับมาที่รถตัวเองบ้าง ก่อนจะขับตามวันเมษาไปติดๆ แล้วขึ้นแซงเธอ เพื่อตรงไปโรงพยาบาล เพราะที่นั่นมีคนไข้สำคัญรอหมออย่างเขาอยู่เมื่อกลับเข้าบ้าน วันเมษาก็หมกตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำนานเกือบชั่วโมง จนน้ำอุ่นตอนนี้ชักจะกลายเป็นน้ำเย็น ร่องรอยที่ธาวินประทับไว้ยังคงมีให้เห็นบนร่างกาย แม้จะพยายามลบออกไปมากแค่ไหน ความรู้สึกกลับยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำ จนร้อนๆ หนาวๆ ทั่วทั้งตัวไปหมด ประสบการณ์วาบหวามเกิดขึ้นครั้งแรกและไม่รู้จะรู้สึกแบบนี้ไปอีกกี่วัน คิดแล้วก็อายฟ้าอายดิน“โอ๊ย! จะบ้าตาย” วันเมษาบ่นกับตัวเอง ก่อนจะเลื่อนตัวลงไปใต้ผิวน้ำ นอนนิ่งกระทั่งอากาศใกล้จะหมดจึงลุกพรวดขึ้นจากน้ำ แล้วลุกขึ้นมายืนมองร่างเปลือยของตัวเองที่หน้ากระจกบานใหญ่ ปล่อยให้หยดน้ำเกาะพราวตามร่างกาย ตั้งแต่เกิดมาจนอายุปูนนี้ เธอไม่เคยรู้สึกเขินยามมองตัวเองเท่าครั้งนี้มาก่อน เพราะตอนนี้เหมือนร่างกายของเธอจะไม่ใช่ของเธออีกต่อไปแล้วรอยจูบแดงๆ ที่เกิดขึ้นตรงเนินอก คือสิ่งที่ธาวินฝากไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมเธอไม่รู้ตัว รอยนี่มันเหมือนกา
“ครับ” เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยรับ ก่อนจะเดินตามแม่เลี้ยงดุจดาวเข้าไปภายในบ้านส่วนพ่อเลี้ยงกำธรนั้นก็ยังคงนั่งนิ่ง ไม่ยอมสนทนากับธาวินสักเท่าไหร่นัก หนำซ้ำบางครั้งยังหันมาจ้องราวกับจับผิด“คบหากันตั้งแต่เมื่อไหร่”“ประมาณครึ่งปีครับ”“ทำงานอะไร หน้าอ่อนๆ แบบนี้คงยังเรียนหนังสืออยู่มั้ง” ขณะถาม พ่อเลี้ยงกำธรก็สบตาธาวินมาตรงๆ ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่ได้หลบสายตาแต่อย่างใด“ผมเป็นหมอครับ ปีนี้อายุยี่สิบเก้า” คำตอบที่ได้ยิน ทำให้คนฟังพอใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็จะติก็แค่เรื่องอายุของธาวินที่น้อยกว่าวันเมษาบุตรสาวอยู่หลายปี“แต่ลูกสาวฉันปีนี้สามสิบสาม อายุห่างกันแบบนี้ไม่กลัวคนอื่นนินทา ว่าคบผู้หญิงแก่หรือไง” ประโยคนี้ดังไปถึงหูคนที่อายุสามสิบสามเข้าอย่างจังวันเมษาหน้ายู่ พ่อนะพ่อ เผาเธอซะได้“ไม่กลัวครับ”“อืม…แล้วนี่พ่อแม่ล่ะทำอะไร เป็นหมอเหมือนกันไหม”“ท่านสองคนเสียไปแล้วครับ”“มีพี่น้องกี่คน” คนถามยังคงยิงคำ
“บุกยังไงเพื่อน ขืนสุ่มสี่สุ่มห้า ให้ยัยจิ้งเข้าไปหาตอนนี้ มีหวังเขาได้ตอกหน้าหงายกลับมาน่ะสิ แถมนี่กำลังจะแต่งงานด้วย ขืนโผล่หน้าไปสารภาพรัก มีหวังได้หัวเราะเยาะเอา ดีไม่ดีว่าที่ภรรยาเขาได้จ้างคนมาตบ โทษฐานไปสร้างความรำคาญกับว่าที่สามีสุดหล่อ” คำพูดของพระแพงที่พอจะเดาความคิดของแฝดผู้พี่ออกนั้น ทำเอาคนฟังถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่“คิดแล้วก็กลับไปซดน้ำใบบัวบกแก้ช้ำในแป๊บ” นาราชาคอตก รู้สึกเศร้าใจกับความรักที่ไม่อาจสมหวังได้ของตน“อย่าพึ่งถอยสิแก” พระเพื่อนตบบ่าเล็กๆ ของนาราชาเบาๆ“ไม่ถอยได้ยังไง มองมุมไหน ฉันก็คงไม่สมหวังหรอก อกหักรักคุดต่อไปยัยจิ้งเอ๊ย”“เอาน่ะ ถ้าเป็นฉันนะ จะใช้เวลาที่เหลือก่อนที่คุณธามจะแต่งงานให้คุ้มค่าที่สุด เก็บเกี่ยวความสุขไว้ เพื่อรักษาแผลใจตอนเขาไม่โสดแล้ว” ฟังแบบนี้ใจของนาราชาก็ชื้นขึ้นมาได้หน่อย ก่อนจะดีดนิ้วราวกับคิดแผนอะไรดีๆ ออก“แกคิดแผนอะไรดีๆ ออกแล้วงั้นเหรอจิ้ง”“ต
วันเมษายื่นเรื่องขอลาออก พอเอาเข้าจริงเธอก็แอบใจหายอยู่ไม่น้อยที่ต้องกลับไปช่วยงานครอบครัวเช่นนี้ยังดีที่คนรักหนุ่มเข้าใจ ซึ่งก่อนที่ธาวินจะขึ้นไปเชียงใหม่เพื่อพาวันเมษาไปพบกับย่า ญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ รวมทั้งวันเมษาเองก็จะพาเขาไปพบครอบครัวของเธอด้วยเช่นเดียวกันนั้นแต่ก่อนอื่น เธอก็นัดหมายให้ธาวินได้พบกับเก๋ไก๋และเฟื่องรัตน์อย่างเป็นทางการ เพื่อแนะนำชายหนุ่มให้เพื่อนสนิททั้งสองได้รู้จักในฐานะคนรู้ใจ เพราะก่อนหน้านี้ ธาวินเองก็ได้พาเธอไปเปิดตัวกลับกลุ่มเพื่อนสนิทของเขามาแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือธาม คนที่เคยไปหาธาวินที่บ้านยามที่วันเมษาและธาวินพูดคุยกันนั้น สรรพนามที่พวกเขาเอ่ยเรียกอีกฝ่ายที่แสนจะน่ารัก ก็ทำเอาหนึ่งสาวแท้และหนึ่งสาวเทียมแอบอิจฉาแรง“พอมานั่งแนะนำตัวแบบนี้ ก็เขินเหมือนกันนะครับ” เสียงทุ้มของธาวินเอ่ยขึ้น เมื่อวันเมษาเอ่ยแนะนำเขาต่อหน้าเก๋ไก๋และเฟื่องรัตน์ว่าแฟน“เขินแล้วคุณหมอน่ารักออก รู้งี้จีบซะก็ดี” เก๋ไก๋เท้าคางเอ่ยขึ้น ขณะที่จงใจส่งสายตาโลมเลียม
เมื่อซื้อของเสร็จ ปรวีณ์ก็ตรงกลับบ้านทันที เสียงรถที่ได้ยิน ทำให้เอวารีบวางแก้วนมที่ดื่มไปได้เพียงครึ่งแก้วลงกับโต๊ะ ตรงหน้าคืออาการเช้าที่เธอฝืนกินไปได้เกือบหมด ก่อนจะลนลานหาทางทำลายหลักฐาน เพราะไม่อยากให้ปรวีณ์ได้ใจ หากรู้ว่าเธอดื่มนมและกินอาหารที่เขาเตรียมไว้ให้จังหวะที่เขาก้าวเข้ามาในห้องครัว เอวาก็จงใจเทนมลงในอ่างล้างจาน อาหารที่เหลือก็เทใส่ถังขยะ แล้วแสร้งทำท่าทางใช้กำปั้นทุบหน้าท้องตัวเอง“ทำอะไรน่ะเอวา” ปรวีณ์รีบเข้ามาห้ามเอวาทันที“รำคาญ เบื่อ ทำอะไรก็ไม่ได้ กินอะไรก็ไม่ได้ หรือต่อให้กินได้ก็อ้วกออกมาหมด เอวาไม่ชอบที่ต้องท้อง ไม่อยากท้อง ไม่อยากมีลูกเข้าใจไหม” ใช่ว่าเอวาอยากหงุดหงิดแบบนี้ แต่เพราะอะไรๆ หลายอย่างกำลังเปลี่ยน ไหนจะเรื่องงานที่คงต้องหยุดยาว ไหนจะรูปร่างที่คงต้องอ้วนกว่าที่เป็นอยู่ เธอจึงยังตั้งรับไม่ทัน“แต่เราทำให้เขาเกิดมาแล้ว” ชายหนุ่มพยายามข่มความไม่พอใจเอาไว้“เกิดแล้วไง เอวาไม่อยากได้ คลอดเมื่อไหร่ เราต่างคนต่างอยู่
“อื้อ” รับปากเสร็จก็ดีดตัวลงจากเตียงนอนอย่างว่องไว ก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อล้างหน้าแปรงฟันเมื่อครู่ธาวินมาซะใกล้ ไม่รู้ได้กลิ่นปากเธอหรือเปล่า ว่าแล้วก็หยิบน้ำยาล้างปากขึ้นมากลั้วปากเพื่อเพิ่มความสดชื่นหลังแปรงฟันเสียหน่อย ก่อนจะแง้มประตูห้องน้ำ ก็สบตาเข้ากับธาวินที่นั่งหล่ออยู่บนเตียงนอนพอดีมองมุมไหนธาวินก็ดูดี ไม่รู้มาตกถึงท้องเธอได้ยังไง สงสัยเพราะพรหมลิขิต มั้ง!“มองผมแบบนี้ มีอะไรหรือเปล่าครับพี่ษา” ขณะเอ่ยถามก็เดินตรงมาหาคนตัวเล็ก วันนี้เป็นวันหยุด เธอจึงสวมแค่เสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้น ทำให้ธาวินได้เห็นอีกมุมของวันเมษา“แค่สงสัยว่าเรารักกันได้ยังไง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้า เราแทบไม่รู้จักกันเลย”“ต้องยกความดีให้คัพเล็กๆ ตรงนี้” ธาวินชี้นิ้วมายังหน้าอกของวันเมษา เธอจึงแยกเขี้ยวกลับไปให้“หมอทะลึ่ง”“หืมม์…เอ่ยคำต้องห้ามนะครับ”“ตั้งใจพูด เพร
เริ่มจากเสื้อตัวบนของเธอ ตอนนี้ถูกธาวินถอดออกไปแล้ว ตามด้วยกางเกงยีนส์สีเข้มที่เขาร่นลงไปกองไว้ตรงข้อเท้า ทำให้ตอนนี้บนตัวของวันเมษาเหลือแค่ชุดชั้นในสีขาว เข้าชุดกันเพียงสองชิ้นเท่านั้นธาวินไล้จูบคนรักสาวตั้งแต่ใบหน้า ลากสัมผัสกึ่งจมูกกึ่งปากร้อนๆ มาตามผิวขาวลออตาและหอมกรุ่นจนถึงลำคอ เนินอกคู่สวยที่ยังคงถูกปกป้องจากบราเซียร์ตัวจิ๋ว วันเมษาหายใจสะท้านยามที่ธาวินสัมผัสร่างกาย ก่อนจะอายเป็นทวีคูณเมื่อมองเห็นตัวเองผ่านกระจก แต่ไม่นานสติก็หลุดลอยจากสัมผัสของชายหนุ่มอีกครั้ง“พี่ษาของผม หอมไปทั่วตัว” คำชมของธาวินช่างแผ่วเบา แต่ทว่ากลับทำให้ร่างกายของวันเมษาตื่นตัว ก่อนจะสะดุ้งเมื่อรับรู้ว่าตอนนี้ธาวินกำลังใช้มืออีกข้างสัมผัสจุดกึ่งกลางลำตัวของเธอ“พี่วิน” วันเมษาเอ่ยเรียกชายหนุ่มเสียงแหบพร่า อารมณ์ปรารถนาเธอถูกปลุกปั่นจนลุกโชน ทำให้ทรมานเพราะต้องการให้เขาช่วยปลดปล่อย“ครับ” ขณะขานรับ ใบหน้าของธาวินอยู่ห่างจากหน้าอกของวันเมษาเพียงนิดเดียว ก่อนจะเอื้อมมือไปปลดตะขอ นั่นทำให้บราเซ
ใกล้จะถึงเที่ยงคืน ธาวินก็ขับรถไปส่งวันเมษาถึงที่บ้าน เจ้าบ้านกล่าวคำล่ำลาแบบเขินๆ เพราะในใจยังไม่อยากให้คนรักหนุ่มกลับไปตอนนี้ แต่ก็อายที่จะเอ่ยชวนให้เขาค้างกับเธอธาวินเองก็อึกๆ อักๆ เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด กระทั่งตัดสินใจกล่าวลาแล้วขับรถออกไปวันเมษายืนมองรถของคนรักหนุ่ม กระทั่งเขาเลี้ยวออกจากซอยไป จึงก้มหน้าก้มตาเดินเข้าบ้าน“ทำไมไม่ชวนให้เขาค้างที่นี่ หืม” วันเมษาเอ่ยถามตัวเอง ถึงจะเคยแนบชิดกับธาวินมาหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็เกิดนอกบ้านเธอทั้งสิ้นนี่นา ใครจะกล้าชวนให้เขานอนด้วย ทั้งๆ ที่ใจอยากทำแต่ปากกลับไม่กล้านี่สิ“ไม่ต้องมโน เลิกคิดได้แล้วยัยษาเอ๊ย ยัยหื่น” คนแอบหื่นเอ่ยว่าตัวเอง ก่อนจะสะดุ้งกับเสียงที่ได้ยิน“บ่นคิดถึงผมอยู่หรือครับพี่ษา”“อุ๊ย! หมอ มาได้ไงคะเนี่ย” วันเมษาตาโตเพราะไม่คิดว่าจะเป็นธาวิน“ขับรถกลับมาครับ พอดีคิดถึงคนแถวนี้ ยังไม่อยากกลับ” คราวนี้หมอหนุ่มเอ
“ครับ…คืนนั้นผมเห็นใครก็ไม่รู้ถูกบอกเลิกที่นี่ เธอดูน่าสงสาร เอ๋อๆ งงๆ จนเข้าห้องน้ำผิด”“หงะ…จะดีใจหรือสงสารตัวเองดี”“ไปที่ที่สองกัน” พูดจบก็จูงมือพาวันเมษาออกไปจากร้านอาหาร สรุปเขาแค่พาเธอแวะมาดูอย่างที่บอกจริงๆ พอเห็นโต๊ะ เห็นห้องน้ำก็พาเธอกลับออกไปแต่สถานที่ที่สองก็ทำเอาวันเมษายิ่งงงเข้าไปใหญ่ เพราะมันคือร้านแมคโดนัลด์ในปั๊มน้ำมันก่อนถึงบ้านนั่นเอง ถ้าจำไม่ผิดเธอถอยรถมาชนรถของธาวินเข้า และนั่นคือครั้งแรกที่เธอได้พบกับเขาธาวินหันมามองเธอยิ้มๆ ก่อนจะพาวันเมษาเข้าไปนั่งภายในร้านแมคโดนัลด์ สั่งชุดอาหารมาหนึ่งชุด แล้วเดินไปนั่งยังโต๊ะตัวเดิมที่เคยนั่งกับเธอ ซึ่งโชคดีที่ยังว่าง เมื่อหย่อนตัวลงนั่ง ทั้งคู่หันมาสบตากันก่อนจะหัวเราะออกมา“ที่นี่คือที่ที่ผมได้พบกับผู้หญิงคนเดิม เธอถอยรถมาชนผมจนกันชนยุบ ไฟหน้าแตก แต่รถอีโก้คาร์ของเธอกลับไม่เป็นอะไรสักนิด”“รถเบนซ์เซินเจิ้น” แค่เอ่ยคำๆ นี้ วันเมษาก็หัวเราะออกม
“ไข่เจียวกุ้งสับค่ะ”“เป็นไข่เจียวที่หอมและน่ากินที่สุดในโลก”“ปากหวาน ระวังษาจะทอดไข่เจียวให้กินทุกวัน อย่ามาบ่นว่าเบื่อแล้วกัน เพราะนอกจากเมนูไข่ ษานี่แทบทำอะไรไม่เป็น” วันเมษาออกตัวไว้ก่อน แม้จะทำกับข้าวเป็นแต่ก็แค่เมนูพื้นๆ เท่านั้น ไม่ได้เริดหรูระดับเชฟ กระทะเหล็ก“ผมเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย ชอบอะไรก็จะกินอยู่แบบนั้น ไม่เบื่อหรอก” แววตาของธาวินดูกรุ้มกริ่มทำเอาวันเมษามือไม้สั่น พานคิดเองเออเองว่านี่เขาหมายถึงอาหารหรือเธอกันแน่“หึ…ไปนั่งก่อนสิคะ เดี๋ยวษาตักข้าวให้”“ครับ” ธาวินเอ่ยรับ น้ำเสียงและสีหน้านั้นเต็มไปด้วยความสุขที่ไม่อาจปกปิดได้ เมื่อเดินมาที่โต๊ะก็เห็นน้ำพริกกับผักนานาชนิดจัดวางอยู่บนจานอย่างสวยงาม ข้างๆ คือแกงจืด นี่หรือที่วันเมษาบอกทำกับข้าวไม่เป็น เขาชักจะไม่อยากเชื่อเสียแล้วสิวันเมษานำจานไข่เจียวกุ้งสับมาวาง แล้วกลับไปตักข้าวสวยร้อนๆ ใส่จานนำมาเสิร์ฟให้ธาวิน โดยมีของเธอ