“กะเอาด้วยอะไรครับ สัมผัสหรือสายตา”“เอ่อๆ” วันเมษาอ้ำๆ อึ้งๆ เพราะไม่ว่าจะด้วยสัมผัสหรือสายตา ธาวินก็ต้องเห็นหน้าอกเธออยู่ดี คิดแล้วคนอยากอึ๋มก็แอบกลุ้มใจ“ถ้าคุณยังลังเล ผมว่าไว้คราวหน้า เราค่อยมาคุยกันดีกว่านะครับ” ธาวินเอ่ยตัดบท นั่นทำให้วันเมษารีบแย้งทันที“ไม่ได้ลังเลค่ะ ฉันแค่สงสัย”“นั่นแหละครับ คือความลังเล เดี๋ยวผมจะนัดวันที่ให้คุณวันเมษาเข้ามาพบอีกครั้ง” หมอหนุ่มรวบรัดตัดความชนิดไม่เหลือความเป็นกันเอง ทั้งๆ ที่เมื่อครู่เขายอมรับว่าเผลอเอาความรู้สึกส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องงานเข้าจนได้ก่อนจะหันไปมองปฏิทินเลือกวันนัดหมายให้วันเมษาเสร็จสรรพ ทั้งๆ ที่คำถามของวันเมษาดูจะเป็นคำถามพื้นๆ ที่เขาได้ยินแทบทุกครั้ง แต่มาถึงครั้งนี้ธาวินกลับจับมาเป็นประเด็น เพียงเพราะต้องการยืดเวลาออกไปอีกหน่อย แม้จะรู้ว่านี่คือสิ่งที่ไม่ควร แต่จะให้ทำไงได้ ในเมื่อหัวใจเขาสั่งออกไปแบบนั้น สมองจึงต้องทำตาม“ผมนัดศุกร์ที่จะ
“ก็หัวเราะแกนั่นแหละ จะเก็บริมฝีปากอันอวบอิ่มแสนหวานปานน้ำผึ้ง ไว้มอบให้ชายในดวงใจหรือไงหล่อน ไม่ทันแล้วย่ะ เพราะหมอวินฉกไปแล้ว” ยิ่งได้แซววันเมษาเรื่องนี้เท่าไหร่ เก๋ไก๋ก็ยิ่งมีความสุข เพราะร้อยวันพันปีเพื่อนเธอมีเรื่องให้แซวซะทีไหน เรื่องนี้สงสัยต้องเอามาพูดยันลูกบวช“ยัยเพื่อนบ้า แล้วตอนนั้นทำไมไม่ห้าม หืม” วันเมษามองเก๋ไก๋ตาเขียวปัด“ใครจะห้ามทัน แกจะเป็นจะตายก็ยังไม่รู้ หมอวินช่วยชีวิตแกไว้นะ แกตอบแทนด้วยจูบ ก็สมน้ำสมเนื้อกันดีออก” แม้จะคนละเรื่องเดียวกัน แต่เก๋ไก๋ก็ไม่วายโยงเรื่องให้มันมาเกี่ยวกันจนได้“ยัยเก๋ไก๋”“เอาน่ะๆ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว แกก็จีบจูบแรกอย่างหมอวินเลยสิ ได้ข่าวว่าหมอยังไม่มีแฟนนะ” แทนที่จะหยุดแซว เก๋ไก๋กับเอ่ยคำแนะนำที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลในเวลานี้นัก แต่มีหรือที่เก๋ไก๋จะยอมแพ้ ยุมันทุกวัน เดี๋ยววันเมษาก็เออออเอง“ไม่เอา” วันเมษายังคงปฏิเสธ“ทำไมยะ หมอไม
เก๋ไก๋และเฟื่องรัตน์ก็พลอยลุ้นตัวโก่งไปอีกคน ว่าผลลัพธ์จะออกมาหัวหรือก้อยกันแน่ ขืนรู้ว่าน้องสาวคิดจะไปเสริมหน้าอกโดยไม่มีเหตุผลที่เพียงพอ งานนี้วันเมษาอาจได้ยุบโครงการ พับเสื่อกลับได้เลย“อีกสองชั่วโมง เราไปเจอกันที่บ้าน” พูดจบก็เดินจากไป แต่คนใกล้ชิดจะรู้ว่านี่คือการวางระเบิดเวลา เฟื่องรัตน์ถึงกับหันขวับมามองหน้าวันเมษา“ซวยแล้วแก”“ซวยมากถึงมากที่สุด” วันเมษาหน้าเบ้ขึ้นมาทันที“แกเตรียมเหตุผลไปคุยกับพี่วาให้ดีๆ เลยนะ ไม่งั้นอย่าหวังจะได้เสริมอึ๋ม” คำพูดของเก๋ไก๋ทำเอาคนฟังถอนหายใจออกมายาวๆ“อ๋อย…แค่คิดก็เสียวสันหลังแล้ว งานนี้ฉันจะได้อึ๋มไหมเนี่ย” คำพูดของวันเมษาทำเอาสองคนที่ได้ยินยิ้มออกมา“เอาน่ะแก มาถึงขั้นนี้แล้ว สู้ๆ เพื่อความอึ๋ม”“ย่ะ” วันเมษาย่นจมูกให้เฟื่องรัตน์ ก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกครั้งงานนี้เป็นไงเป็นกัน เพราะเธอเองก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจแน่นอน
ร่างสวยบิดส่ายไปมาอย่างทรมาน ชุดนอนซีทรูของเธอถูกปรวีณ์ปลดเปลื้องออก จนตอนนี้เอวาเปลือยเปล่า ขาทั้งสองข้างถูกจับแยกให้ห่างออกจากกันยิ่งขึ้น ก่อนที่ปรวีณ์จะแทรกตัวเข้าหาพร้อมท่อนเนื้อที่ตื่นตัวเต็มที่ ซึ่งตอนนี้กำลังแหวกผ่านกลีบกุหลาบเข้าไปภายในร่างกายของเอวา ปรวีณ์ไม่รั้งรอเขาส่งตัวเองเข้าหาเธอแบบรวดเดียวจนลึกสุด ก่อนจะขยับเข้าออกช้าๆ เนิบๆ อยู่นาน ก็เปลี่ยนมาเป็นจังหวะที่ถี่กระชั้นมากขึ้น มากขึ้น เอวาครางไม่ได้สรรพอยู่นาน“เร็วอีกค่ะ เร็วอีก” เอวาขบเม้มริมฝีปากบอก ปรวีณ์จึงเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นเพื่อจะได้ส่งเธอให้ถึงฝั่งที่ต้องการ แต่เอวากลับไม่ยอมให้สวรรค์ครั้งนี้จบลงเร็วเกินไปนัก“พะ…พอก่อนค่ะพี่วีณ์” น้ำเสียงของเอวานั้นฟังดูกระท่อนกระแท่น ใบหน้าก็เหยเก แต่มาถึงขั้นนี้ปรวีณ์ไม่อาจคุมตัวเองได้อีก บวกกับต้องการให้เซ็กส์ครั้งนี้จบลงเร็วๆ เขาจึงเร่งจังหวะให้ยิ่งถี่กระชั้นมากขึ้น จนหน้าอกอวบๆ ของเอวานั้นไหวโยกไปตามแรงที่ชายหนุ่มส่งตัวเองเข้าหาเธอ“พี่วีณ์ เอวาไม่ไหวแล้ว” ใช่ว่าเอวาค
“งื้อ…พี่ใจร้าย” แม้จะบอกว่าใจร้าย แต่แววตาของวันเมษายามมองมายังพี่ชายนั้นเต็มไปด้วยความรัก เช่นเดียวกับที่วันธันวารู้สึก เขารักและเอ็นดูน้องสาวมาก แม้จะดุแต่ก็ตามใจในเรื่องที่พอจะตามใจได้ นั่นเพราะเขาเป็นพี่ ต้องคอยดูแลน้องตามที่พ่อและแม่ได้บอกไว้“แล้วนี่พี่วาจะอยู่กรุงเทพฯ กี่วันคะ”“สองวัน”“รับทราบ” วันเมษายืนตัวตรง ตะเบ๊ะท่าราวกับนายตำรวจหรือทหาร“นู้น…ของฝาก เห็นว่าม๊าทำขนมจีนน้ำเงี้ยวมาให้ด้วย อิ่มหรือยังล่ะ”วันธันวามองไปยังข้าวของที่วางอยู่บนโต๊ะกับข้าวภายในห้องครัว ซึ่งทุกอย่างล้วนแต่เป็นของฝากของวันเมษาทั้งนั้น ซึ่งคนที่เตรียมของพวกนี้มาให้ก็ไม่ใช่ใครอื่น แม่ของพวกเขานั่นเอง“อิ่ม…แต่ตอนนี้หิวอีกแล้ว งั้นเค้าขอไปหม่ำหนมจีนฝีมือม๊าก่อนดีกว่า”“ยัยอ้วน เตี้ย”“เค้าไม่ได้อ้วน ไม่ได้เตี้ยซะหน่อย ชิ” วันเมษาย่นจมูกให้พี่ชาย ก่อนจะ
“ส่วนขนาด ผมต้องดูเนื้อนมกับช่วงไหล่คุณวันเมษาก่อน ว่าจะทำได้ที่กี่ซีซี รบกวนคุณวันเมษาเปลี่ยนชุด แล้วผมจะดูให้” คำว่าดูเนื้อนมที่ได้ยิน ทำเอาวันเมษาหน้าแดงก่ำ สรุปนี่เธอต้องเปิดอกให้หมอธาวินดูหน้าอกใช่ไหม โอ๊ย…คิดแล้วก็อาย“ค่ะ” หญิงสาวเอ่ยรับ ก่อนจะลุกออกไปจากห้องทำงานของธาวิน ก่อนจะมายืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกภายในห้องเปลี่ยนชุดสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ เพื่อรวบรวมความกล้าอย่างวิถีคนอยากดูมๆ ไล่มาตั้งแต่ตาตุ่มกันเลยทีเดียว มาถึงขั้นนี้แล้วเธอจะถอยได้ยังไง เป็นไงเป็นกัน เมื่อยืนรวบรวมความกล้าจนพอใจ เธอจึงกลับมานั่งนิ่งอยู่หน้าหมอธาวิน ด้วยอาการใจสั่นตึกๆ ตักๆ หายใจก็ไม่ค่อยจะทั่วท้อง“ผมขออนุญาตครับ” เสียงทุ้มเอ่ยบอก ก่อนจะค่อยๆ ยื่นมือมาเปิดสาบเสื้อสีชมพูตัวที่วันเมษาสวมอยู่ให้แยกห่างออกจากกันช้าๆ การกระทำของธาวินส่งผลทำให้เธอหลับตาปี๋ กำหมัดแน่น ใจเต้นโครมคราม โครมคราม นับหนึ่งให้ถึงร้อย ความใกล้ที่เกิดขึ้น ทำให้วันเมษาได้กลิ่นโคโลญจน์ลอยมาจากตัวชายหนุ่ม นั่นยิ่งทำให้เธอใจคอไ
ไฟในศูนย์ความงามปิดหมดแล้ว แต่ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงหมอธาวินกลับยังไม่ลงมา นั่นทำให้วันเมษาตัดสินใจกลับเข้าไปในศูนย์ความงามอีกครั้ง แสงไฟจากห้องทำงานเขายังคงสว่างอยู่ แต่พอชะเง้อมองเข้าไปผ่านช่องประตูเล็กๆ ที่แง้มอยู่ กลับไม่เห็นเขา ก่อนที่เธอจะสะดุ้งตกใจ เมื่ออยู่ๆ ก็รู้สึกได้ว่ามีคนโอบมาจากด้านหลัง เธอถูกปิดปากด้วยมืออีกข้าง จะร้องก็ร้องไม่ได้ ก่อนที่ร่างบางจะลอยขึ้นจากพื้น“อื้อ” วันเมษาตกใจสุดขีด พยายามตะเกียกตะกายเอาตัวรอด แต่กลับไม่ได้ผล กระทั่งแผ่นหลังสัมผัสเข้ากับความเย็นของโซฟา เธอรีบยกแขนขึ้นมากั้นอย่างอัตโนมัติพร้อมทั้งออกแรงผลักคนที่บังอาจทำแบบนี้กับเธอให้ออกห่าง แม้จะตกใจแต่วันเมษาก็มีสติพอที่จะคิดหาทางรอด ในเมื่อมือทำอะไรไม่ได้ ทางเดียวก็คงต้องใช้ปาก“โอ๊ย!” เสียงร้องโอดโอยของธาวินดังลั่นศูนย์ความงาม เมื่อวันเมษากัดชายหนุ่มตรงหัวไหล่เสียจมเขี้ยว นั่นทำให้เขาจำต้องปล่อยคนตัวเล็กในอ้อมกอดให้เป็นอิสระทันที วันเมษาได้ทีรีบดีดตัวออกห่าง จนหลังชนเข้ากับผนังห้องและตรงนั้นบังเอิญว่าเป็นจุดเปิดปิดของสวิตช์ไฟ เพียงครู่ไ
ริมฝีปากหยักที่อุ่นจัดครอบครองริมฝีปากอิ่มแสนหวานปานน้ำผึ้ง ก่อนจะค่อยๆ ละเล็มชิมรสชาติอย่างช้าๆ เพราะตกใจทำให้วันเมษาเม้มปากเข้าหากันแน่น แต่ก็ใช่ว่าจะเกินความสามารถของธาวินที่จะทำให้เธอเปิดปากออกจากกัน ชายหนุ่มจงใจเอื้อมมือมาสัมผัสหน้าอกของเธอ เพียงแค่นี้วันเมษาก็ร้องประท้วง“อื้อ” เมื่อริมฝีปากเผยอออกจากกัน ธาวินก็ส่งลิ้นร้อนๆ เข้าไปภายในโพรงปากของเธอได้สำเร็จ ก่อนจะดูดความหวานมาครอง ใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะนัก ส่งผลให้สารอะดรีนาลีนในตัวทำงาน เลือดสูบฉีดไปทั่วตั้งแต่ศีรษะยันปลายเท้า ส่งผลให้ร่างกายตื่นตัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแต่สัมผัสจากธาวินกลับทำให้วันเมษาแทบเป็นลมล้มพับ ความดันของเธอเพิ่มขึ้นๆ ลงๆ นั่นส่งผลทำให้ร่างกายเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว รู้สึกหวิวๆ ในช่องท้องแปลกๆ เรี่ยวแรงที่มีก็ขุดมาเพื่อผลักชายหนุ่มให้ออกห่าง แต่ยิ่งผลักเขายิ่งแนบชิดมากขึ้น สมองเธอมึนงงจนแทบทำอะไรไม่ถูก รู้แต่เพียงว่าตอนนี้เธอกำลังถูกธาวินปล้นจูบไปอีกครั้ง ยิ่งคิดวันเมษาก็ยิ่งตกอยู่ในภวังค์ ตอนนี้เธอเข่าอ่อนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ด้วยซ้ำ
“หยุดทำไมครับพี่ษา” วันเมษาไม่ตอบอะไร แต่กลับวกขึ้นมาจูบธาวินใหม่อีกครั้ง พร้อมกับใช้มือเล็กๆ รั้งกางเกงบ็อกเซอร์ให้ออกไปจากร่างกายชายหนุ่ม โดยที่ธาวินนั้นคอยยกสะโพกขึ้นสูงช่วยอีกแรงเมื่อวันเมษาถอนจูบออก เธอก็ไล้กึ่งปากกึ่งจมูกลงต่ำไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงจุดที่ทำเอาธาวินแทบจะกลั้นหายใจ ก่อนที่เขาจะสะดุ้งวาบเมื่อรับรู้ได้ว่าตอนนี้วันเมษากำลังสัมผัสแกนกายเขาด้วยริมฝีปากอุ่นใบหน้าของธาวินเหยเก ทรมานอย่างถึงที่สุด แต่เป็นความทรมานที่เขาแสนจะชื่นชอบและรอคอย สำหรับวันเมษาแม้จะเธอจะเป็นมือใหม่หัดดูดไอศกรีม แต่สัมผัสจากเธอก็ไม่ทำให้ธาวินผิดหวัง ยิ่งเธอเร่งจังหวะก็ยิ่งทำให้เขาทรมานจนต้องบอกให้หยุดก่อน“ขืนทำแบบนี้ เดี๋ยวผมก็ถึงหรอกครับพี่ษา” ทั้งคู่สบตากันและกัน แววตาที่เต็มไปด้วยความเสน่หาก่อนที่ธาวินจะกลับมาเป็นฝ่ายคุมเกม เขาจัดการถอดบิกินี่ตัวน้อยให้ออกไปจากร่างกายของคนรัก แล้วแทรกตัวเข้าหา บดเบียดความแข็งขืนที่ตื่นตัวเต็มที่เข้ากับกุหลาบดอกงามที่ตรงกึ่งกลางนั้นเต็มไปด้วยหยาดน้ำหวาน ไม่ว่า
วันเมษานั่งอยู่บนเตียง ตรงหน้าเธอคือคนรักหนุ่มที่มีท่าทีอายๆ อยู่เล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเปิดเพลงช่วยธาวินบิวต์อารมณ์อีกแรง เมื่อจังหวะเพลงขึ้น ธาวินก็เริ่มขยับร่างกาย พร้อมกับค่อยๆ ปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากตัว เริ่มจากเสื้อเชิ้ตก่อนแค่ได้เห็นหน้าอกขาวๆ ซิกซ์แพ็กลอนสวยๆ ของเขาทำเอาวันเมษาแทบกำเดาพุ่ง แต่ก็ยังคงเก็บอาการไว้ ทั้งๆ ที่ใจนั้นเต้นไม่เป็นส่ำ สั่งตัวเองให้ยุบหนอ พองหนอ อดใจไว้หนอ ก่อนจะตาลุกวาวเมื่อเห็นว่าตอนนี้ธาวินกำลังปลดเข็มขัดและรั้งกางเกงลงไปกองไว้ที่ข้อเท้า“กำเดาจ๋า อย่าพึ่งไหลออกมาตอนนี้นะ อย่าพึ่ง” วันเมษาเอ่ยสั่งตัวเอง เพราะแม้จะเคยมีอะไรๆ กับธาวินแล้ว แต่เธอไม่เคยเห็นเขาในลักษณะยั่วยวนมากขนาดนี้ พึ่งรู้ว่าผู้ชายก็ยั่วเป็น ดูๆ สะโพกกลมๆ เนื้อแน่นๆ ที่หันมาหาน่าตบจริง“โอ๊ย! ยุบหนอ พองหนอ ใจเย็นไว้หนอ ไม่ปล้ำหนอ” นี่คือบทที่วันเมษาท่องอยู่ในใจ แต่ท่าทางของเธอก็ยิ่งทำให้ธาวินยิ้ม ก่อนจะเต้นยั่วเธออย่างจงใจ ตอนนี้บนตัวเขามีเพียงกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวและอีกไม่กี่อึดใจเขาจะถอดมันออก แต่พอเห
“ใช่ครับ ผมสาบานได้เลยนะว่าไม่ได้เป็นเกย์ ถ้าเป็นขอให้น้องชายเหี่ยว ใช้งานไม่ได้ไปตลอดชีวิตเลยเอา” คำสาบานของธาวินทำเอาคนฟังสะดุ้งเล็กๆ แต่ก็ยังไม่แสดงออกอะไรมาก“หรือถ้าไม่เชื่อ ผมต่อสายให้พี่ษาคุยกับแอดดี้ตอนนี้เลยยังได้” ยังไม่ทันที่ธาวินจะได้หยิบโทรศัพท์มาต่อสายหาแอดดี้ เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน คนที่โทรเข้ามาคือเจ้าของปาร์ตี้สละโสดคืนนี้ธาวินหยิบโทรศัพท์มากดรับสาย ก่อนจะยื่นให้วันเมษาได้คุย เธอดูลังเลแต่ก็ยอมรับสาย ก่อนที่แอดดี้จะอธิบายให้ฟังว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น ก่อนที่แอดดี้จะวางสายไปเมื่อได้ฟัง วันเมษาก็คิดตาม สรุปนี่เธอเชื่อความฝันจนทะเลาะกับธาวินเสียใหญ่โต บ้านแทบแตก เธอนี่งี่เง่า ไร้เหตุผล หวังว่าธาวินจะไม่โกรธเธอหรอกนะ“แล้วทำไมถึงไม่ยอมบอกษา ว่าไปปาร์ตี้ที่บาร์เกย์ด้วย” น้ำเสียงที่เอ่ยถามนั้น ไม่ได้ฟังดูห้วนอย่างครั้งแรก พลอยทำให้ธาวินใจชื้นขึ้นมาได้มากโข“ผมเองก็พึ่งรู้ตอนไปถึงว่าที่นั่นเป็นบาร์เฉพาะชาวสีม่วง” สี
“ครับ…ผมจะรีบเข้าไปเดี๋ยวนี้” เอ่ยจบก็รีบวางสายแล้วรีบขับรถไปที่บ้านเฟื่องรัตน์ทันทีแต่ขณะนั้นสายของธาวินก็ต้องสะดุ้ง เมื่อวันเมษาเข้ามาได้ยินบทสนทนาเข้า เธอจ้องมองเพื่อนทั้งสองคนเขม็ง“อย่ามองแบบนั้นสิษา น่ากลัว” เฟื่องรัตน์ส่งยิ้มแห้งๆ มายังวันเมษา แต่คนตรงหน้ากลับมีแต่ความบึ้งตึง“ไหนแกสองคนสัญญากับฉันแล้วไง ว่าจะไม่บอกอีตาพี่วิน”“ก็ฉันไม่อยากให้แกเข้าใจหมอผิด หมอไม่ได้เป็นเกย์นะแก” เก๋ไก๋เอ่ยขึ้น“แกรู้ได้ไง”“ก็ตอนที่แกวิ่งปรู๊ดออกมาเรียกแท็กซี่น่ะ ฉันกับเฟื่องเข้าไปถามคนในห้องมาว่าอะไรยังไง”“ฉันไม่เชื่อ คนพวกนั้นก็คงรวมหัวกันหลอก สนุกมากสินะที่หลอกให้ฉันรักได้แบบนี้ ป่านนี้คงเอาไปคุยจนสนุกปากว่าฉันใจง่าย”“แกก็คิดมากไปษา คนที่น่าจะรู้ว่าหมอวินใช่เกย์ไหม น่าจะคือแกนะ” เฟื่องรัตน์เอ่ยสีหน้าซีเรียส“ไม่รู้ ตอนนี้ฉั
“สแกนมาดีแล้วพลาด หมายความว่ายังไงแก สรุปหมอวินเป็นเสือไบจริงๆ น่ะเหรอ” วันเมษาอ้าปากค้าง สรุปฝันเธอมันกลายมาเป็นเรื่องจริงใช่ไหม“เป็นไม่เป็น เดี๋ยวเห็นแกก็รู้”“ไป ลุย” เฟื่องรัตน์เอ่ยเสียงดัง ราวกับต้องการปลุกใจ แต่วันเมษากลับยกมือขึ้นมาเบรก เพื่อขอเวลานอก“เดี๋ยวๆ ฉันขอทำใจแป๊บนึง” ว่าแล้วก็หยิบกระปุกยาดมอันใหญ่ยักษ์จากกระเป๋าออกมาเปิดฝาก่อนจะสูดดมไปเสียเต็มปอดอยู่หลายครั้ง ก่อนจะพยักหน้าให้สองคนตรงหน้า ว่าเธอพร้อมแล้วทั้งสามจึงก้าวเข้าไปยังบาร์ตรงหน้า แม้ที่นี่จะเปิดให้บริการหนุ่มๆ ที่มีรสนิยมชอบไม้ป่าเดียวกันหรือได้ทั้งรุกและรับ แต่ก็ไม่รังเกียจหากชายแท้หรือสาวแท้จะเข้ามาใช้บริการ เพราะมีการแยกโซนไว้อย่างชัดเจนสายตาสามคู่สอดส่องมองหาเป้าหมาย แต่กลับไม่พบธาวิน เมื่อโต๊ะด้านนอกไม่เห็น ก็คงต้องตามหากันตามห้องวีไอพีแทน ไล่มาตั้งแต่วีไอพีหนึ่งถึงสิบ แต่ก็ยังหาตัวชายหนุ่มไม่พบ“แกไน่ใจนะเฟื่อง ว่าหมอวินมาที่นี่” เก๋ไก๋ยืนพ
“ผมขอโทษนะครับ ที่ไม่สามารถพาพี่ษาไปที่ที่มันโรแมนติกกว่าชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาล”“ไม่เป็นไรค่ะ ที่ไหนก็ไม่สำคัญถ้าไม่มีพี่วินอยู่ด้วย”“ไว้ผมจะชดเชยให้ทีหลังนะครับ”“ค่ะ” วันเมษายิ้มเขินนาฬิกาจอยักษ์ของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง โชว์เวลาอยู่ไกลๆ เสียงนับถอยหลังดังผ่านลำโพงขนาดใหญ่ให้ได้ยินแว่วๆ แต่ก็พอจะจับใจความได้ กระทั่งเสียงห้า สี่ สาม สองและหนึ่งดังขึ้น ตามด้วยเสียงพลุที่พร้อมใจกันจุดขึ้นบนท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างสวยงามตระการตาแต่วันเมษามีเวลาได้ชื่นชมความสวยงามของพลุ ได้เพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น เพราะตอนนี้เธอกำลังหลับตาพริ้มรับจูบที่แสนอ่อนหวานจากธาวิน ในที่สุดจูบที่เธอปรารถนาในคืนเคาท์ดาวน์ก็เป็นจริง“สวัสดีปีใหม่ครับพี่ษา”“สวัสดีปีใหม่ค่ะพี่วิน” ทั้งคู่ยิ้มให้กัน ก่อนที่ธาวินจะโน้มตัวลงมาจูบวันเมษาอีกครั้งซึ่งเธอก็เขย่งปลายเท้าจูบเขากลับไปเช่นเดียวกัน จูบจากความรักจึงแสนหอมหวานแล
วันเมษาบอกพี่ชายว่าเธอจะกลับมาช่วยงานที่โรงแรม ซึ่งวันธันวาก็ไม่ได้คัดค้าน ดีเสียอีกหลังจากนี้เขาจะได้แบกเป้ขึ้นหลัง ออกเที่ยวรอบโลก ทำตามความฝันดูสักตั้งเพราะชายอันเป็นที่รัก อยู่ใกล้แค่รั้วกั้น ทำให้นาราชาแทบกินไม่ได้ นอนไม่หลับ วันๆ ได้แต่ตามส่องธาม หลบตามเสาบ้าง หลบตามผ้าม่านบ้าง พฤติกรรมชวนหลอนของเธอพลอยทำให้ธามรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ แต่ใช่ว่าธามเท่านั้นที่รู้สึก สองสาวฝาแฝดเองก็รู้สึกไม่น้อย“แกจะหลบตามมุม ตามหลืบในบ้านฉันอีกนานไหมยัยจิ้ง” พระเพื่อนเอ่ยถามขึ้น“ถ้าไม่หลบ คุณธามก็ต้องเห็นฉันน่ะสิ”“เห็นก็เห็นไปสิ ไม่เห็นแปลกเลย” พระแพงมาเป็นลูกคู่ให้แฝดผู้พี่“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวเขารู้ว่าฉันแอบชอบเขาอยู่” ขณะพูดก็ยังไม่วายชะเง้อคอยาวออกไปยังบ้านหลังที่อยู่ติดกัน“โอ๊ย! ถ้ารู้นะ ป่านนี้รู้ไปตั้งนานแล้ว แกไม่ใช่จะพึ่งชอบเขาเสียหน่อย ชอบมาเป็นปีๆ ไม่สิ นี่เข้าปีที่สามแล้วนะ”“ใช่” คราวนี้พระเพื่อนเปลี่ยนมาเป็นลูกคู่ให้น้องสาวบ้าง“แอบช
“ครับ” เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยรับ ก่อนจะเดินตามแม่เลี้ยงดุจดาวเข้าไปภายในบ้านส่วนพ่อเลี้ยงกำธรนั้นก็ยังคงนั่งนิ่ง ไม่ยอมสนทนากับธาวินสักเท่าไหร่นัก หนำซ้ำบางครั้งยังหันมาจ้องราวกับจับผิด“คบหากันตั้งแต่เมื่อไหร่”“ประมาณครึ่งปีครับ”“ทำงานอะไร หน้าอ่อนๆ แบบนี้คงยังเรียนหนังสืออยู่มั้ง” ขณะถาม พ่อเลี้ยงกำธรก็สบตาธาวินมาตรงๆ ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่ได้หลบสายตาแต่อย่างใด“ผมเป็นหมอครับ ปีนี้อายุยี่สิบเก้า” คำตอบที่ได้ยิน ทำให้คนฟังพอใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็จะติก็แค่เรื่องอายุของธาวินที่น้อยกว่าวันเมษาบุตรสาวอยู่หลายปี“แต่ลูกสาวฉันปีนี้สามสิบสาม อายุห่างกันแบบนี้ไม่กลัวคนอื่นนินทา ว่าคบผู้หญิงแก่หรือไง” ประโยคนี้ดังไปถึงหูคนที่อายุสามสิบสามเข้าอย่างจังวันเมษาหน้ายู่ พ่อนะพ่อ เผาเธอซะได้“ไม่กลัวครับ”“อืม…แล้วนี่พ่อแม่ล่ะทำอะไร เป็นหมอเหมือนกันไหม”“ท่านสองคนเสียไปแล้วครับ”“มีพี่น้องกี่คน” คนถามยังคงยิงคำ
“บุกยังไงเพื่อน ขืนสุ่มสี่สุ่มห้า ให้ยัยจิ้งเข้าไปหาตอนนี้ มีหวังเขาได้ตอกหน้าหงายกลับมาน่ะสิ แถมนี่กำลังจะแต่งงานด้วย ขืนโผล่หน้าไปสารภาพรัก มีหวังได้หัวเราะเยาะเอา ดีไม่ดีว่าที่ภรรยาเขาได้จ้างคนมาตบ โทษฐานไปสร้างความรำคาญกับว่าที่สามีสุดหล่อ” คำพูดของพระแพงที่พอจะเดาความคิดของแฝดผู้พี่ออกนั้น ทำเอาคนฟังถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่“คิดแล้วก็กลับไปซดน้ำใบบัวบกแก้ช้ำในแป๊บ” นาราชาคอตก รู้สึกเศร้าใจกับความรักที่ไม่อาจสมหวังได้ของตน“อย่าพึ่งถอยสิแก” พระเพื่อนตบบ่าเล็กๆ ของนาราชาเบาๆ“ไม่ถอยได้ยังไง มองมุมไหน ฉันก็คงไม่สมหวังหรอก อกหักรักคุดต่อไปยัยจิ้งเอ๊ย”“เอาน่ะ ถ้าเป็นฉันนะ จะใช้เวลาที่เหลือก่อนที่คุณธามจะแต่งงานให้คุ้มค่าที่สุด เก็บเกี่ยวความสุขไว้ เพื่อรักษาแผลใจตอนเขาไม่โสดแล้ว” ฟังแบบนี้ใจของนาราชาก็ชื้นขึ้นมาได้หน่อย ก่อนจะดีดนิ้วราวกับคิดแผนอะไรดีๆ ออก“แกคิดแผนอะไรดีๆ ออกแล้วงั้นเหรอจิ้ง”“ต