หลังจากประชุมยาวสองชั่งโมงติด วันเมษาก็เดินสะเงาะสะแงะออกจากห้องประชุมประหนึ่งวิญญาณได้หลุดจากร่าง เพราะมีโปรเจกต์ใหญ่ที่เธอต้องรับผิดชอบและต้องนำเสนอภายในอาทิตย์หน้า แต่เมื่อกลับมาถึงโต๊ะทำงานก็ต้องแปลกใจกับกล่องสี่เหลี่ยมสีหวาน ที่มาพร้อมโปสการ์ดซึ่งระบุข้อความว่า ‘ถึง คุณวันเมษา’ “วิ้วๆ กามเทพที่ไหนส่งรักมาให้จ๊ะษา” รุ่นพี่ในแผนกเอ่ยแซว นั่นพลอยทำให้คนอื่นๆ หันมามองวันเมษาด้วยแววตากรุ้มกริ่ม“แฮะๆ ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” วันเมษาส่งยิ้มแห้งๆ กลับไปให้ เพราะไม่คิดว่าจะมีใครส่งอะไรมาให้แบบนี้เหมือนกัน แล้วหันมาพินิจพิเคราะห์กล่องตรงหน้า ว่ามันคืออะไรกันแน่ ก่อนจะโน้มตัวลงไปใกล้แล้วเอาหูแนบกับกล่องเพื่อฟังเสียง ท่าทางประหนึ่งนักสืบ “ฟังแล้วก็ไม่มีเสียง ติ๊ก ต่อก ติ๊ก ต่อก นี่นา” สีหน้าดูงุนงง ก่อนจะค่อยๆ หยิบกล่องขึ้นมาเขย่าสามสี่ครั้ง แล้ววางลงที่เดิมอย่างระวัง“เขย่าอยู่แบบนั้น จะรู้ไหมษาว่าข้างในมีอะไร” เสียงของรุ่นพี่คนเดิมเอ่ยขึ้น ก่อนที่อีกคนจะเอ่ยเสริม “คงไม่ใช่ระเบิดหรอกมั้ง” “งั้นเปิดเลยนะคะ ถ้าระเบิดจริงๆ ก็ตัวใครตัวมันเน้อ ษาไม่เกี่ยว” คำพูดของวันเมษาทำเอาคนฟังหัวเราะ มือเล็
แล้วจึงจัดการถอดอันเดอร์แวร์บนตัวออก ตอนนี้เขาจึงล่อนจ้อน ภาพของชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบด้วยรูปร่างหน้าตา ยืนเปลือยอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ก่อนที่ขายาวๆ จะเดินตรงไปยืนใต้ฝักบัวอันใหญ่ เอื้อมมือเปิดน้ำ ไม่นานสายน้ำเย็นๆ ก็รดมาตั้งแต่ศีรษะถึงปลายเท้ามือหนาลูบเนื้อตัวที่เปียกด้วยน้ำ ล้างหน้าและบีบครีมอาบน้ำใส่ฝ่ามือมาถูจนเป็นฟอง ก่อนจะถูไปตามเนื้อตามตัว เน้นทำความสะอาดเฉพาะจุดกึ่งกลางลำตัวนานหน่อย ซึ่งหากสาวๆ ได้เห็นภาพนี้คงกำเดาพุ่งได้ไม่ยาก แล้วจึงล้างเนื้อล้างตัว ตามด้วยการหยิบผ้าขนหนูมาซับหยดน้ำที่เกาะตามผิว ก่อนจะนุ่งผ้าขนหนูที่ผูกเป็นปมไว้รอบเอว แล้วเดินออกจากห้องน้ำ ตรงไปยังตู้เสื้อผ้า หยิบกางเกงขายาว เสื้อกล้ามขึ้นมาสวม เดินอีกสี่ห้าก้าวไปยังเตียงนอนคิงไซส์ที่ปูด้วยชุดผ้าปูที่นอนสีหม่น แล้วจึงทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอันคุ้นเคยที่หมอนใบข้างๆ ยังคงไร้คนมาหนุน ขณะที่มองเพดานห้องอยู่นั้น ในสมองก็หวนคิดถึงวันเมษาขึ้นมา “ถ้าเราเป็นคู่กัน คงไม่แคล้วที่จะได้เจอกันอีก จริงไหมครับคุณวันเมษา” ธาวินเอ่ยยิ้มๆ ขณะที่บนพื้นมีกระเป๋าเดินทางใบขนาดย่อมวางอยู่ บ่งบอกว่าวันหยุดยาวที่จะมาถึงนี้ ธาวินมีโปรแกร
ธาวินเดินถือกระเป๋าตรงไปยังห้องพัก หลังจากใช้เวลาขับรถสองชั่วโมงนิดๆ ก็มาถึงรีสอร์ต ซึ่งเพื่อนเขาเป็นหุ้นส่วนของที่นี่และชักชวนให้มาพักหลายต่อหลายครั้ง กระทั่งครั้งนี้เขาว่างจึงได้แวะมา ภายในรีสอร์ตดูร่มรื่นด้วยบรรดาต้นไม้น้อยใหญ่ สถาปนิกออกแบบให้ที่นี่โดดเด่นกว่ารีสอร์ตแห่งอื่นด้วยสไตล์โมร็อกโก ซึ่งเน้นโทนสีเขียว ขาว รวมทั้งได้ผสมผสานความเป็นไทยลงไปอย่างลงตัวและมีเสน่ห์ ที่นี่มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางซึ่งติดกับชายหาด ไหนจะมีห้องพักแบบพูลวิลล่าให้เลือก สำหรับแขกที่ต้องการความเป็นส่วนตัว“วิน ทางนี้เพื่อน” ศิวะยืนตะโกนเรียกแล้วโบกมือให้ธาวิน หมอหนุ่มเห็นเพื่อนจึงเดินเข้าไปหาใกล้ๆ “ที่นี่สวยดีนี่หว่า”“เออน่ะสิ ก่อนหน้านี้ชวนมาตั้งกี่ครั้งไม่เคยจะสนใจนัก”“งานมันยุ่ง แต่เอาน่ะ ไหนๆ ข้าก็มาแล้ว อย่าบ่นมาก” คำพูดของธาวินทำเอาคนฟังส่ายหน้าให้ เพราะเห็นว่าธาวินทำงานหนัก แทบไม่ได้พัก ศิวะจึงชวนเพื่อนคนนี้ให้มาพักผ่อนที่รีสอร์ตเขาบ้าง เอ่ยชวนหลายต่อหลายครั้ง แต่กลับได้คำตอบจากธาวินว่ายังไม่ว่างมาตลอด กระทั่งเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน ธาวิน ก็บอกว่าช่วงวันหยุดยาวจะมาพักสมองที่นี่ “นี่กุญแ
“หวังว่าเธอคงจะใส่บิกินี่มานะษา ไม่ใช่ปอดแหกใส่ชุดว่ายน้ำรุ่นป้ามาร่วมงาน” “บิกินี่ก็บิกินี่สิ ไม่เห็นเป็นไร” “ก็ดี…แล้วเจอกันนะยะ ยัยอกแบนแฟนทิ้ง” พูดกระแนะกระแหนจบเอวาก็เดินยิ้มออกไปอย่างสะใจ ปรวีณ์อยากถามว่าเธอเข้าไปคุยอะไรกับวันเมษาบ้าง แต่ก็เลือกที่จะไม่ถาม เพราะกลัวเอวานั้นเข้าใจผิด คิดว่าเขายังคงสนใจวันเมษาอยู่ “หึ๋ย! ยัยนมโต ยัยหุ่นดี ยัยหน้าสวยด้วยโบท็อกซ์ ยัย…” วันเมษาไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาเอ่ยดี แต่คนฟังอย่างเฟื่องรัตน์และเก๋ไก๋ได้แต่ส่ายหน้าให้ ก่อนที่เฟื่องรัตน์จะเอ่ยขึ้น “นั่นมันคำด่าที่เจ็บแสบเท่าที่แกคิดออกแล้วใช่ไหมษา”“อื้อ…ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่ายัยนี่ดีน่ะสิ” แม้เอวาจะสวยด้วยการปรุงแต่ง ผ่านการเติมนั่นนิดนี่หน่อยจากสถาบันความงามหรือที่ไหนๆ แต่สมัยนี้ไม่ค่อยถือสาเรื่องศัลยกรรมกันแล้วนี่นา เธอจะเอามาเป็นประเด็นทำไม “ถ้าคิดคำด่าไม่ออกก็ไม่ต้องคิด มาคิดดีกว่าว่าคืนนี้แกจะเอาตัวรอดยังไง” คำพูดของเก๋ไก๋ทำเอาวันเมษาคอตก “นั่นสิ ปาร์ตี้ดั๊นมาเน้นบิกินี่ แค่คิดฉันก็ปวดตับแล้ว”“แล้วทำไมไม่คิดให้ดีๆ ก่อนจะตอบตกลง หา…ยัยบ๊อง” เฟื่องรัตน์แยกเขี้ยวให้วันเมษา ที่ตอนนี้ทำหน้า
“ไม่ต้องเลย เดี๋ยวก็หายไปเอาทิชชูยัดมาอีกหรอก” “สรุป นี่แกจะเอาแบบนี้จริงใช่ไหม” เก๋ไก๋เอ่ยถามอีกครั้ง “เอาจริงสิ เสียเวลายัดอยู่ตั้งนานสองนาน ทิชชูหมดไปตั้งหลายม้วน”วันเมษาส่งยิ้มหวานให้เก๋ไก๋ ก่อนจะจับหน้าอกเพื่อขยับทิชชูที่ยัดไว้ให้เข้าที่เข้าทางอีกครั้ง “จะว่าไปพอแกมีนม มันก็ดูมีอะไรๆ ขึ้นนะ” เฟื่องรัตน์ยืนกอดอกมองรูปร่างของวันเมษา ถ้าเพื่อนเธอมีหน้าอกที่ได้ขนาดเท่ากับทิชชูที่ยัดอยู่ตอนนี้ ก็คงเซ็กซี่ไปอีกแบบ “จริงเหรอเฟื่อง เพื่อนรักพูดได้ดีนะเนี่ย” คนถูกชมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “จริง…ดูเป็นผู้หญิงขึ้นมา อืม…หน่อยนึงไรงี้” แต่คำว่าหน่อยนึงของเฟื่องรัตน์ ก็ทำเอารอยยิ้มที่มีอยู่ก่อนนี้ของวันเมษาหุบลงทันที “แค่หน่อยเดียว” “เอาน่ะ ยังดีกว่าไม่มีเลยนะแก”“นี่ลงทุนยืนเมื่อยยัดทิชชูอยู่ตั้งนาน สรุปมีแค่หน่อยเดียว” วันเมษาเอ่ยอย่างเซ็งๆ มองหน้าเฟื่องรัตน์ที่ยังคงยิ้มให้ ก่อนที่เก๋ไก๋จะเอ่ยขัดคอสองสาวขึ้น “เอาน่ะๆ ไม่ต้องเถียงกันแล้ว เดี๋ยวงานเลิกกันพอดี คราวนี้ยัยเอวาได้ฉีกยิ้มปากถึงใบหู เพราะคิดว่าแกปอดแหกไม่กล้าไปงาน” เฟื่องรัตน์พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย “ใช่จริงด้วย”“ก่อนไป ฉันขอเข
“พี่วีณ์ไม่ตามเอวาคนรักไปเหรอคะ” “ไม่ละครับ” “เธอดูสนุกเนอะ เวลาได้แต่งตัวสวยๆ ได้อยู่ต่อหน้าผู้คนมากหน้าหลายตา โดยเฉพาะอยู่ต่อหน้าผู้ชาย” เก๋ไก๋เอ่ยนิ่งๆ วันเมษาจึงหันมาปราม “เก๋ไก๋” พูดจบก็ส่ายหน้าให้เพื่อนสนิท ตอนนี้วันเมษานั้นพอจะเดาความคิดของปรวีณ์ออก ที่มาทำดี เอาคอกเทลมาให้แบบนี้ คงเพราะต้องการเอาคืนเอวาเป็นแน่ “ษาสบายดีใช่ไหม”“ค่ะ” “แต่งตัวแบบนี้ ษาก็ดูเซ็กซี่เหมือนกันนะ” น่าแปลกที่คำชมของปรวีณ์กลับไม่ได้ทำให้วันเมษารู้สึกดีอย่างที่คิด เธอทำเพียงส่งยิ้มจางๆ ให้เท่านั้นแต่ภาพระหว่างปรวีณ์และวันเมษากลับตกอยู่ในสายตาของเอวา ต่อให้เธอไม่ได้พิศวาสปรวีณ์มาก แต่ก็ใช่ว่าคนอื่นๆ โดยเฉพาะวันเมษาจะเข้ามาเจ๊าะแจ๊ะได้ ผู้ชายของเธอต่อให้เธอไม่ต้องการ เขาก็ไปเป็นของคนอื่นไม่ได้ นั่นทำให้เอวาเดินปรี่เข้ามาหาทั้งสี่คนทันที“คุยอะไรกันอยู่คะเนี่ย เอวาขอร่วมวงอีกสักคนจะได้ไหม” “ก็ไม่ได้คุยอะไรเป็นพิเศษ” น้ำเสียงตึงๆ ของเฟื่องรัตน์เอ่ยตอบ แต่เอวาก็เลือกที่จะไม่ให้ความสำคัญกับเสียงที่เธอคิดว่าเป็นเสียงนกเสียงกา“ตายจริง! พึ่งสังเกต ษาทำไมนมเธอเบี้ยวๆ หรือว่าไปทำหน้าอกมา บอกแล้วไงว่าให้เลือ
เมื่อเดินกันจนครบรอบ วันเมษาและเอวาก็กลับมายืนยังจุดเดิม เพื่อฟังผลการตัดสิน ตอนนี้วันเมษาไม่ได้คิดถึงผลแพ้ชนะหรือของรางวัล เพราะในสมองคิดอยู่อย่างเดียว ว่าขอให้การประกวดนี้จบเสียทีเถอะ กระทั่งเสียงประกาศดังขึ้น“ผู้ชนะของเราในคืนนี้คือ คือ…คุณษาครับ” คำตัดสินที่ได้ยิน ทำเอาวันเมษาถึงกับอึ้งเพราะตกใจ ส่วนเอวานั้นยืนกำหมัดแน่น เพราะพ่ายแพ้ให้วันเมษาอีกครั้ง “เย้ๆ ยัยษาชนะจริงๆ ด้วย” เฟื่องรัตน์ยิ้มกว้างดีใจ ก่อนที่เก๋ไก๋จะเอ่ยขึ้น “ซ้ำแผลเก่ายัยเอวาชัดๆ”“สมน้ำหน้า” พูดจบเฟื่องรัตน์ก็หันไปเบ้ปากใส่เอวาอย่างสะใจ ก่อนจะมองไปยังวันเมษา ซึ่งตอนนี้สีหน้าของผู้ชนะนั้นดูจะงุนงงจนบอกไม่ถูก หน้าจะยิ้มก็ไม่เชิง ดูแหยๆ แปลกๆ วันเมษาส่งยิ้มแห้งๆ ให้ทุกคน อารมณ์เธอเหมือนหลายปีก่อน ตอนที่รุ่นพี่ประกาศว่าเธอคือดาวคณะไม่มีผิด พอหันไปมองเอวาก็เห็นจ้องมองเธอตาเขียว ถ้ากระโจนเข้ามาฉีกเนื้อเธอได้ เอวาคงทำไปแล้ว เอวาอยากฟังเหตุผลว่าเพราะอะไรเธอถึงแพ้วันเมษา แต่กลับไม่มีใครให้คำตอบได้ ก่อนจะมีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้น ว่าที่พวกเขาเลือกวันเมษาเพราะเธอดูสดใส เหมาะกับชุดบิกินี่แบบที่เธอเลือกสวมมาวันนี้ แต่เอวากล
“คุณษา คุณษา!” ธาวินตบใบหน้าของวันเมษาเบาๆ หลังจากพาเธอขึ้นจากน้ำเพื่อเรียกสติ เมื่อครู่นี้ จังหวะที่เขากำลังก้าวเข้ามาในงานปาร์ตี้ที่ยากจะเลี่ยง ก็เห็นว่าวันเมษากำลังหล่นลงไปในสระว่ายน้ำเข้า จากนั้นเขาก็กระโดดลงสระเพื่อช่วยเธออย่างไม่ลังเล“คุณษา” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกอีกครั้ง แต่เมื่อเธอไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ ธาวินจึงจำต้องผายปอดให้ภาพที่เกิดขึ้นขณะนี้ ทำให้เก๋ไก๋และเฟื่องรัตน์มองหน้ากันปริบๆ แม้นี่จะเป็นการผายปอดเพื่อช่วยชีวิต แต่ลึกๆ มันก็อดที่จะรู้สึกเขินแทนเพื่อนรักที่ตอนนี้ยังไม่ได้สติ ถ้าตื่นมาแล้วรู้ตัวว่ามีชายนิรนาม ขี่ม้าขาวแล้วกระโดดน้ำดังตูมลงไปช่วย พร้อมทั้งทำการผายปอดให้อีก วันเมษาจะรู้สึกยังไง ก็ยากจะเดาใจได้ธาวินผายปอดวันเมษาอยู่สักครู่ เธอก็สำลักน้ำออกมาอย่างน่าสงสาร ก่อนจะตามมาด้วยเสียงไอติดต่อกันหลายครั้ง หน้าตาแดงก่ำไปหมด เก๋ไก๋กับเฟื่องรัตน์จึงรีบพยุงวันเมษาขึ้นนั่ง โดยที่เก๋ไก๋นั้นเอาตัวให้เพื่อนได้พิง“ษา…ษา เป็นยังไงบ้างแก” เก๋ไก๋ปัดหยดน้ำที่เกาะพรา
“หยุดทำไมครับพี่ษา” วันเมษาไม่ตอบอะไร แต่กลับวกขึ้นมาจูบธาวินใหม่อีกครั้ง พร้อมกับใช้มือเล็กๆ รั้งกางเกงบ็อกเซอร์ให้ออกไปจากร่างกายชายหนุ่ม โดยที่ธาวินนั้นคอยยกสะโพกขึ้นสูงช่วยอีกแรงเมื่อวันเมษาถอนจูบออก เธอก็ไล้กึ่งปากกึ่งจมูกลงต่ำไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงจุดที่ทำเอาธาวินแทบจะกลั้นหายใจ ก่อนที่เขาจะสะดุ้งวาบเมื่อรับรู้ได้ว่าตอนนี้วันเมษากำลังสัมผัสแกนกายเขาด้วยริมฝีปากอุ่นใบหน้าของธาวินเหยเก ทรมานอย่างถึงที่สุด แต่เป็นความทรมานที่เขาแสนจะชื่นชอบและรอคอย สำหรับวันเมษาแม้จะเธอจะเป็นมือใหม่หัดดูดไอศกรีม แต่สัมผัสจากเธอก็ไม่ทำให้ธาวินผิดหวัง ยิ่งเธอเร่งจังหวะก็ยิ่งทำให้เขาทรมานจนต้องบอกให้หยุดก่อน“ขืนทำแบบนี้ เดี๋ยวผมก็ถึงหรอกครับพี่ษา” ทั้งคู่สบตากันและกัน แววตาที่เต็มไปด้วยความเสน่หาก่อนที่ธาวินจะกลับมาเป็นฝ่ายคุมเกม เขาจัดการถอดบิกินี่ตัวน้อยให้ออกไปจากร่างกายของคนรัก แล้วแทรกตัวเข้าหา บดเบียดความแข็งขืนที่ตื่นตัวเต็มที่เข้ากับกุหลาบดอกงามที่ตรงกึ่งกลางนั้นเต็มไปด้วยหยาดน้ำหวาน ไม่ว่า
วันเมษานั่งอยู่บนเตียง ตรงหน้าเธอคือคนรักหนุ่มที่มีท่าทีอายๆ อยู่เล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเปิดเพลงช่วยธาวินบิวต์อารมณ์อีกแรง เมื่อจังหวะเพลงขึ้น ธาวินก็เริ่มขยับร่างกาย พร้อมกับค่อยๆ ปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากตัว เริ่มจากเสื้อเชิ้ตก่อนแค่ได้เห็นหน้าอกขาวๆ ซิกซ์แพ็กลอนสวยๆ ของเขาทำเอาวันเมษาแทบกำเดาพุ่ง แต่ก็ยังคงเก็บอาการไว้ ทั้งๆ ที่ใจนั้นเต้นไม่เป็นส่ำ สั่งตัวเองให้ยุบหนอ พองหนอ อดใจไว้หนอ ก่อนจะตาลุกวาวเมื่อเห็นว่าตอนนี้ธาวินกำลังปลดเข็มขัดและรั้งกางเกงลงไปกองไว้ที่ข้อเท้า“กำเดาจ๋า อย่าพึ่งไหลออกมาตอนนี้นะ อย่าพึ่ง” วันเมษาเอ่ยสั่งตัวเอง เพราะแม้จะเคยมีอะไรๆ กับธาวินแล้ว แต่เธอไม่เคยเห็นเขาในลักษณะยั่วยวนมากขนาดนี้ พึ่งรู้ว่าผู้ชายก็ยั่วเป็น ดูๆ สะโพกกลมๆ เนื้อแน่นๆ ที่หันมาหาน่าตบจริง“โอ๊ย! ยุบหนอ พองหนอ ใจเย็นไว้หนอ ไม่ปล้ำหนอ” นี่คือบทที่วันเมษาท่องอยู่ในใจ แต่ท่าทางของเธอก็ยิ่งทำให้ธาวินยิ้ม ก่อนจะเต้นยั่วเธออย่างจงใจ ตอนนี้บนตัวเขามีเพียงกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวและอีกไม่กี่อึดใจเขาจะถอดมันออก แต่พอเห
“ใช่ครับ ผมสาบานได้เลยนะว่าไม่ได้เป็นเกย์ ถ้าเป็นขอให้น้องชายเหี่ยว ใช้งานไม่ได้ไปตลอดชีวิตเลยเอา” คำสาบานของธาวินทำเอาคนฟังสะดุ้งเล็กๆ แต่ก็ยังไม่แสดงออกอะไรมาก“หรือถ้าไม่เชื่อ ผมต่อสายให้พี่ษาคุยกับแอดดี้ตอนนี้เลยยังได้” ยังไม่ทันที่ธาวินจะได้หยิบโทรศัพท์มาต่อสายหาแอดดี้ เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน คนที่โทรเข้ามาคือเจ้าของปาร์ตี้สละโสดคืนนี้ธาวินหยิบโทรศัพท์มากดรับสาย ก่อนจะยื่นให้วันเมษาได้คุย เธอดูลังเลแต่ก็ยอมรับสาย ก่อนที่แอดดี้จะอธิบายให้ฟังว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น ก่อนที่แอดดี้จะวางสายไปเมื่อได้ฟัง วันเมษาก็คิดตาม สรุปนี่เธอเชื่อความฝันจนทะเลาะกับธาวินเสียใหญ่โต บ้านแทบแตก เธอนี่งี่เง่า ไร้เหตุผล หวังว่าธาวินจะไม่โกรธเธอหรอกนะ“แล้วทำไมถึงไม่ยอมบอกษา ว่าไปปาร์ตี้ที่บาร์เกย์ด้วย” น้ำเสียงที่เอ่ยถามนั้น ไม่ได้ฟังดูห้วนอย่างครั้งแรก พลอยทำให้ธาวินใจชื้นขึ้นมาได้มากโข“ผมเองก็พึ่งรู้ตอนไปถึงว่าที่นั่นเป็นบาร์เฉพาะชาวสีม่วง” สี
“ครับ…ผมจะรีบเข้าไปเดี๋ยวนี้” เอ่ยจบก็รีบวางสายแล้วรีบขับรถไปที่บ้านเฟื่องรัตน์ทันทีแต่ขณะนั้นสายของธาวินก็ต้องสะดุ้ง เมื่อวันเมษาเข้ามาได้ยินบทสนทนาเข้า เธอจ้องมองเพื่อนทั้งสองคนเขม็ง“อย่ามองแบบนั้นสิษา น่ากลัว” เฟื่องรัตน์ส่งยิ้มแห้งๆ มายังวันเมษา แต่คนตรงหน้ากลับมีแต่ความบึ้งตึง“ไหนแกสองคนสัญญากับฉันแล้วไง ว่าจะไม่บอกอีตาพี่วิน”“ก็ฉันไม่อยากให้แกเข้าใจหมอผิด หมอไม่ได้เป็นเกย์นะแก” เก๋ไก๋เอ่ยขึ้น“แกรู้ได้ไง”“ก็ตอนที่แกวิ่งปรู๊ดออกมาเรียกแท็กซี่น่ะ ฉันกับเฟื่องเข้าไปถามคนในห้องมาว่าอะไรยังไง”“ฉันไม่เชื่อ คนพวกนั้นก็คงรวมหัวกันหลอก สนุกมากสินะที่หลอกให้ฉันรักได้แบบนี้ ป่านนี้คงเอาไปคุยจนสนุกปากว่าฉันใจง่าย”“แกก็คิดมากไปษา คนที่น่าจะรู้ว่าหมอวินใช่เกย์ไหม น่าจะคือแกนะ” เฟื่องรัตน์เอ่ยสีหน้าซีเรียส“ไม่รู้ ตอนนี้ฉั
“สแกนมาดีแล้วพลาด หมายความว่ายังไงแก สรุปหมอวินเป็นเสือไบจริงๆ น่ะเหรอ” วันเมษาอ้าปากค้าง สรุปฝันเธอมันกลายมาเป็นเรื่องจริงใช่ไหม“เป็นไม่เป็น เดี๋ยวเห็นแกก็รู้”“ไป ลุย” เฟื่องรัตน์เอ่ยเสียงดัง ราวกับต้องการปลุกใจ แต่วันเมษากลับยกมือขึ้นมาเบรก เพื่อขอเวลานอก“เดี๋ยวๆ ฉันขอทำใจแป๊บนึง” ว่าแล้วก็หยิบกระปุกยาดมอันใหญ่ยักษ์จากกระเป๋าออกมาเปิดฝาก่อนจะสูดดมไปเสียเต็มปอดอยู่หลายครั้ง ก่อนจะพยักหน้าให้สองคนตรงหน้า ว่าเธอพร้อมแล้วทั้งสามจึงก้าวเข้าไปยังบาร์ตรงหน้า แม้ที่นี่จะเปิดให้บริการหนุ่มๆ ที่มีรสนิยมชอบไม้ป่าเดียวกันหรือได้ทั้งรุกและรับ แต่ก็ไม่รังเกียจหากชายแท้หรือสาวแท้จะเข้ามาใช้บริการ เพราะมีการแยกโซนไว้อย่างชัดเจนสายตาสามคู่สอดส่องมองหาเป้าหมาย แต่กลับไม่พบธาวิน เมื่อโต๊ะด้านนอกไม่เห็น ก็คงต้องตามหากันตามห้องวีไอพีแทน ไล่มาตั้งแต่วีไอพีหนึ่งถึงสิบ แต่ก็ยังหาตัวชายหนุ่มไม่พบ“แกไน่ใจนะเฟื่อง ว่าหมอวินมาที่นี่” เก๋ไก๋ยืนพ
“ผมขอโทษนะครับ ที่ไม่สามารถพาพี่ษาไปที่ที่มันโรแมนติกกว่าชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาล”“ไม่เป็นไรค่ะ ที่ไหนก็ไม่สำคัญถ้าไม่มีพี่วินอยู่ด้วย”“ไว้ผมจะชดเชยให้ทีหลังนะครับ”“ค่ะ” วันเมษายิ้มเขินนาฬิกาจอยักษ์ของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง โชว์เวลาอยู่ไกลๆ เสียงนับถอยหลังดังผ่านลำโพงขนาดใหญ่ให้ได้ยินแว่วๆ แต่ก็พอจะจับใจความได้ กระทั่งเสียงห้า สี่ สาม สองและหนึ่งดังขึ้น ตามด้วยเสียงพลุที่พร้อมใจกันจุดขึ้นบนท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างสวยงามตระการตาแต่วันเมษามีเวลาได้ชื่นชมความสวยงามของพลุ ได้เพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น เพราะตอนนี้เธอกำลังหลับตาพริ้มรับจูบที่แสนอ่อนหวานจากธาวิน ในที่สุดจูบที่เธอปรารถนาในคืนเคาท์ดาวน์ก็เป็นจริง“สวัสดีปีใหม่ครับพี่ษา”“สวัสดีปีใหม่ค่ะพี่วิน” ทั้งคู่ยิ้มให้กัน ก่อนที่ธาวินจะโน้มตัวลงมาจูบวันเมษาอีกครั้งซึ่งเธอก็เขย่งปลายเท้าจูบเขากลับไปเช่นเดียวกัน จูบจากความรักจึงแสนหอมหวานแล
วันเมษาบอกพี่ชายว่าเธอจะกลับมาช่วยงานที่โรงแรม ซึ่งวันธันวาก็ไม่ได้คัดค้าน ดีเสียอีกหลังจากนี้เขาจะได้แบกเป้ขึ้นหลัง ออกเที่ยวรอบโลก ทำตามความฝันดูสักตั้งเพราะชายอันเป็นที่รัก อยู่ใกล้แค่รั้วกั้น ทำให้นาราชาแทบกินไม่ได้ นอนไม่หลับ วันๆ ได้แต่ตามส่องธาม หลบตามเสาบ้าง หลบตามผ้าม่านบ้าง พฤติกรรมชวนหลอนของเธอพลอยทำให้ธามรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ แต่ใช่ว่าธามเท่านั้นที่รู้สึก สองสาวฝาแฝดเองก็รู้สึกไม่น้อย“แกจะหลบตามมุม ตามหลืบในบ้านฉันอีกนานไหมยัยจิ้ง” พระเพื่อนเอ่ยถามขึ้น“ถ้าไม่หลบ คุณธามก็ต้องเห็นฉันน่ะสิ”“เห็นก็เห็นไปสิ ไม่เห็นแปลกเลย” พระแพงมาเป็นลูกคู่ให้แฝดผู้พี่“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวเขารู้ว่าฉันแอบชอบเขาอยู่” ขณะพูดก็ยังไม่วายชะเง้อคอยาวออกไปยังบ้านหลังที่อยู่ติดกัน“โอ๊ย! ถ้ารู้นะ ป่านนี้รู้ไปตั้งนานแล้ว แกไม่ใช่จะพึ่งชอบเขาเสียหน่อย ชอบมาเป็นปีๆ ไม่สิ นี่เข้าปีที่สามแล้วนะ”“ใช่” คราวนี้พระเพื่อนเปลี่ยนมาเป็นลูกคู่ให้น้องสาวบ้าง“แอบช
“ครับ” เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยรับ ก่อนจะเดินตามแม่เลี้ยงดุจดาวเข้าไปภายในบ้านส่วนพ่อเลี้ยงกำธรนั้นก็ยังคงนั่งนิ่ง ไม่ยอมสนทนากับธาวินสักเท่าไหร่นัก หนำซ้ำบางครั้งยังหันมาจ้องราวกับจับผิด“คบหากันตั้งแต่เมื่อไหร่”“ประมาณครึ่งปีครับ”“ทำงานอะไร หน้าอ่อนๆ แบบนี้คงยังเรียนหนังสืออยู่มั้ง” ขณะถาม พ่อเลี้ยงกำธรก็สบตาธาวินมาตรงๆ ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่ได้หลบสายตาแต่อย่างใด“ผมเป็นหมอครับ ปีนี้อายุยี่สิบเก้า” คำตอบที่ได้ยิน ทำให้คนฟังพอใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็จะติก็แค่เรื่องอายุของธาวินที่น้อยกว่าวันเมษาบุตรสาวอยู่หลายปี“แต่ลูกสาวฉันปีนี้สามสิบสาม อายุห่างกันแบบนี้ไม่กลัวคนอื่นนินทา ว่าคบผู้หญิงแก่หรือไง” ประโยคนี้ดังไปถึงหูคนที่อายุสามสิบสามเข้าอย่างจังวันเมษาหน้ายู่ พ่อนะพ่อ เผาเธอซะได้“ไม่กลัวครับ”“อืม…แล้วนี่พ่อแม่ล่ะทำอะไร เป็นหมอเหมือนกันไหม”“ท่านสองคนเสียไปแล้วครับ”“มีพี่น้องกี่คน” คนถามยังคงยิงคำ
“บุกยังไงเพื่อน ขืนสุ่มสี่สุ่มห้า ให้ยัยจิ้งเข้าไปหาตอนนี้ มีหวังเขาได้ตอกหน้าหงายกลับมาน่ะสิ แถมนี่กำลังจะแต่งงานด้วย ขืนโผล่หน้าไปสารภาพรัก มีหวังได้หัวเราะเยาะเอา ดีไม่ดีว่าที่ภรรยาเขาได้จ้างคนมาตบ โทษฐานไปสร้างความรำคาญกับว่าที่สามีสุดหล่อ” คำพูดของพระแพงที่พอจะเดาความคิดของแฝดผู้พี่ออกนั้น ทำเอาคนฟังถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่“คิดแล้วก็กลับไปซดน้ำใบบัวบกแก้ช้ำในแป๊บ” นาราชาคอตก รู้สึกเศร้าใจกับความรักที่ไม่อาจสมหวังได้ของตน“อย่าพึ่งถอยสิแก” พระเพื่อนตบบ่าเล็กๆ ของนาราชาเบาๆ“ไม่ถอยได้ยังไง มองมุมไหน ฉันก็คงไม่สมหวังหรอก อกหักรักคุดต่อไปยัยจิ้งเอ๊ย”“เอาน่ะ ถ้าเป็นฉันนะ จะใช้เวลาที่เหลือก่อนที่คุณธามจะแต่งงานให้คุ้มค่าที่สุด เก็บเกี่ยวความสุขไว้ เพื่อรักษาแผลใจตอนเขาไม่โสดแล้ว” ฟังแบบนี้ใจของนาราชาก็ชื้นขึ้นมาได้หน่อย ก่อนจะดีดนิ้วราวกับคิดแผนอะไรดีๆ ออก“แกคิดแผนอะไรดีๆ ออกแล้วงั้นเหรอจิ้ง”“ต