หลังจากประชุมยาวสองชั่งโมงติด วันเมษาก็เดินสะเงาะสะแงะออกจากห้องประชุมประหนึ่งวิญญาณได้หลุดจากร่าง เพราะมีโปรเจกต์ใหญ่ที่เธอต้องรับผิดชอบและต้องนำเสนอภายในอาทิตย์หน้า แต่เมื่อกลับมาถึงโต๊ะทำงานก็ต้องแปลกใจกับกล่องสี่เหลี่ยมสีหวาน ที่มาพร้อมโปสการ์ดซึ่งระบุข้อความว่า ‘ถึง คุณวันเมษา’ “วิ้วๆ กามเทพที่ไหนส่งรักมาให้จ๊ะษา” รุ่นพี่ในแผนกเอ่ยแซว นั่นพลอยทำให้คนอื่นๆ หันมามองวันเมษาด้วยแววตากรุ้มกริ่ม“แฮะๆ ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” วันเมษาส่งยิ้มแห้งๆ กลับไปให้ เพราะไม่คิดว่าจะมีใครส่งอะไรมาให้แบบนี้เหมือนกัน แล้วหันมาพินิจพิเคราะห์กล่องตรงหน้า ว่ามันคืออะไรกันแน่ ก่อนจะโน้มตัวลงไปใกล้แล้วเอาหูแนบกับกล่องเพื่อฟังเสียง ท่าทางประหนึ่งนักสืบ “ฟังแล้วก็ไม่มีเสียง ติ๊ก ต่อก ติ๊ก ต่อก นี่นา” สีหน้าดูงุนงง ก่อนจะค่อยๆ หยิบกล่องขึ้นมาเขย่าสามสี่ครั้ง แล้ววางลงที่เดิมอย่างระวัง“เขย่าอยู่แบบนั้น จะรู้ไหมษาว่าข้างในมีอะไร” เสียงของรุ่นพี่คนเดิมเอ่ยขึ้น ก่อนที่อีกคนจะเอ่ยเสริม “คงไม่ใช่ระเบิดหรอกมั้ง” “งั้นเปิดเลยนะคะ ถ้าระเบิดจริงๆ ก็ตัวใครตัวมันเน้อ ษาไม่เกี่ยว” คำพูดของวันเมษาทำเอาคนฟังหัวเราะ มือเล็
แล้วจึงจัดการถอดอันเดอร์แวร์บนตัวออก ตอนนี้เขาจึงล่อนจ้อน ภาพของชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบด้วยรูปร่างหน้าตา ยืนเปลือยอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ก่อนที่ขายาวๆ จะเดินตรงไปยืนใต้ฝักบัวอันใหญ่ เอื้อมมือเปิดน้ำ ไม่นานสายน้ำเย็นๆ ก็รดมาตั้งแต่ศีรษะถึงปลายเท้ามือหนาลูบเนื้อตัวที่เปียกด้วยน้ำ ล้างหน้าและบีบครีมอาบน้ำใส่ฝ่ามือมาถูจนเป็นฟอง ก่อนจะถูไปตามเนื้อตามตัว เน้นทำความสะอาดเฉพาะจุดกึ่งกลางลำตัวนานหน่อย ซึ่งหากสาวๆ ได้เห็นภาพนี้คงกำเดาพุ่งได้ไม่ยาก แล้วจึงล้างเนื้อล้างตัว ตามด้วยการหยิบผ้าขนหนูมาซับหยดน้ำที่เกาะตามผิว ก่อนจะนุ่งผ้าขนหนูที่ผูกเป็นปมไว้รอบเอว แล้วเดินออกจากห้องน้ำ ตรงไปยังตู้เสื้อผ้า หยิบกางเกงขายาว เสื้อกล้ามขึ้นมาสวม เดินอีกสี่ห้าก้าวไปยังเตียงนอนคิงไซส์ที่ปูด้วยชุดผ้าปูที่นอนสีหม่น แล้วจึงทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอันคุ้นเคยที่หมอนใบข้างๆ ยังคงไร้คนมาหนุน ขณะที่มองเพดานห้องอยู่นั้น ในสมองก็หวนคิดถึงวันเมษาขึ้นมา “ถ้าเราเป็นคู่กัน คงไม่แคล้วที่จะได้เจอกันอีก จริงไหมครับคุณวันเมษา” ธาวินเอ่ยยิ้มๆ ขณะที่บนพื้นมีกระเป๋าเดินทางใบขนาดย่อมวางอยู่ บ่งบอกว่าวันหยุดยาวที่จะมาถึงนี้ ธาวินมีโปรแกร
ธาวินเดินถือกระเป๋าตรงไปยังห้องพัก หลังจากใช้เวลาขับรถสองชั่วโมงนิดๆ ก็มาถึงรีสอร์ต ซึ่งเพื่อนเขาเป็นหุ้นส่วนของที่นี่และชักชวนให้มาพักหลายต่อหลายครั้ง กระทั่งครั้งนี้เขาว่างจึงได้แวะมา ภายในรีสอร์ตดูร่มรื่นด้วยบรรดาต้นไม้น้อยใหญ่ สถาปนิกออกแบบให้ที่นี่โดดเด่นกว่ารีสอร์ตแห่งอื่นด้วยสไตล์โมร็อกโก ซึ่งเน้นโทนสีเขียว ขาว รวมทั้งได้ผสมผสานความเป็นไทยลงไปอย่างลงตัวและมีเสน่ห์ ที่นี่มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางซึ่งติดกับชายหาด ไหนจะมีห้องพักแบบพูลวิลล่าให้เลือก สำหรับแขกที่ต้องการความเป็นส่วนตัว“วิน ทางนี้เพื่อน” ศิวะยืนตะโกนเรียกแล้วโบกมือให้ธาวิน หมอหนุ่มเห็นเพื่อนจึงเดินเข้าไปหาใกล้ๆ “ที่นี่สวยดีนี่หว่า”“เออน่ะสิ ก่อนหน้านี้ชวนมาตั้งกี่ครั้งไม่เคยจะสนใจนัก”“งานมันยุ่ง แต่เอาน่ะ ไหนๆ ข้าก็มาแล้ว อย่าบ่นมาก” คำพูดของธาวินทำเอาคนฟังส่ายหน้าให้ เพราะเห็นว่าธาวินทำงานหนัก แทบไม่ได้พัก ศิวะจึงชวนเพื่อนคนนี้ให้มาพักผ่อนที่รีสอร์ตเขาบ้าง เอ่ยชวนหลายต่อหลายครั้ง แต่กลับได้คำตอบจากธาวินว่ายังไม่ว่างมาตลอด กระทั่งเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน ธาวิน ก็บอกว่าช่วงวันหยุดยาวจะมาพักสมองที่นี่ “นี่กุญแ
“หวังว่าเธอคงจะใส่บิกินี่มานะษา ไม่ใช่ปอดแหกใส่ชุดว่ายน้ำรุ่นป้ามาร่วมงาน” “บิกินี่ก็บิกินี่สิ ไม่เห็นเป็นไร” “ก็ดี…แล้วเจอกันนะยะ ยัยอกแบนแฟนทิ้ง” พูดกระแนะกระแหนจบเอวาก็เดินยิ้มออกไปอย่างสะใจ ปรวีณ์อยากถามว่าเธอเข้าไปคุยอะไรกับวันเมษาบ้าง แต่ก็เลือกที่จะไม่ถาม เพราะกลัวเอวานั้นเข้าใจผิด คิดว่าเขายังคงสนใจวันเมษาอยู่ “หึ๋ย! ยัยนมโต ยัยหุ่นดี ยัยหน้าสวยด้วยโบท็อกซ์ ยัย…” วันเมษาไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาเอ่ยดี แต่คนฟังอย่างเฟื่องรัตน์และเก๋ไก๋ได้แต่ส่ายหน้าให้ ก่อนที่เฟื่องรัตน์จะเอ่ยขึ้น “นั่นมันคำด่าที่เจ็บแสบเท่าที่แกคิดออกแล้วใช่ไหมษา”“อื้อ…ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่ายัยนี่ดีน่ะสิ” แม้เอวาจะสวยด้วยการปรุงแต่ง ผ่านการเติมนั่นนิดนี่หน่อยจากสถาบันความงามหรือที่ไหนๆ แต่สมัยนี้ไม่ค่อยถือสาเรื่องศัลยกรรมกันแล้วนี่นา เธอจะเอามาเป็นประเด็นทำไม “ถ้าคิดคำด่าไม่ออกก็ไม่ต้องคิด มาคิดดีกว่าว่าคืนนี้แกจะเอาตัวรอดยังไง” คำพูดของเก๋ไก๋ทำเอาวันเมษาคอตก “นั่นสิ ปาร์ตี้ดั๊นมาเน้นบิกินี่ แค่คิดฉันก็ปวดตับแล้ว”“แล้วทำไมไม่คิดให้ดีๆ ก่อนจะตอบตกลง หา…ยัยบ๊อง” เฟื่องรัตน์แยกเขี้ยวให้วันเมษา ที่ตอนนี้ทำหน้า
“ไม่ต้องเลย เดี๋ยวก็หายไปเอาทิชชูยัดมาอีกหรอก” “สรุป นี่แกจะเอาแบบนี้จริงใช่ไหม” เก๋ไก๋เอ่ยถามอีกครั้ง “เอาจริงสิ เสียเวลายัดอยู่ตั้งนานสองนาน ทิชชูหมดไปตั้งหลายม้วน”วันเมษาส่งยิ้มหวานให้เก๋ไก๋ ก่อนจะจับหน้าอกเพื่อขยับทิชชูที่ยัดไว้ให้เข้าที่เข้าทางอีกครั้ง “จะว่าไปพอแกมีนม มันก็ดูมีอะไรๆ ขึ้นนะ” เฟื่องรัตน์ยืนกอดอกมองรูปร่างของวันเมษา ถ้าเพื่อนเธอมีหน้าอกที่ได้ขนาดเท่ากับทิชชูที่ยัดอยู่ตอนนี้ ก็คงเซ็กซี่ไปอีกแบบ “จริงเหรอเฟื่อง เพื่อนรักพูดได้ดีนะเนี่ย” คนถูกชมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “จริง…ดูเป็นผู้หญิงขึ้นมา อืม…หน่อยนึงไรงี้” แต่คำว่าหน่อยนึงของเฟื่องรัตน์ ก็ทำเอารอยยิ้มที่มีอยู่ก่อนนี้ของวันเมษาหุบลงทันที “แค่หน่อยเดียว” “เอาน่ะ ยังดีกว่าไม่มีเลยนะแก”“นี่ลงทุนยืนเมื่อยยัดทิชชูอยู่ตั้งนาน สรุปมีแค่หน่อยเดียว” วันเมษาเอ่ยอย่างเซ็งๆ มองหน้าเฟื่องรัตน์ที่ยังคงยิ้มให้ ก่อนที่เก๋ไก๋จะเอ่ยขัดคอสองสาวขึ้น “เอาน่ะๆ ไม่ต้องเถียงกันแล้ว เดี๋ยวงานเลิกกันพอดี คราวนี้ยัยเอวาได้ฉีกยิ้มปากถึงใบหู เพราะคิดว่าแกปอดแหกไม่กล้าไปงาน” เฟื่องรัตน์พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย “ใช่จริงด้วย”“ก่อนไป ฉันขอเข
“พี่วีณ์ไม่ตามเอวาคนรักไปเหรอคะ” “ไม่ละครับ” “เธอดูสนุกเนอะ เวลาได้แต่งตัวสวยๆ ได้อยู่ต่อหน้าผู้คนมากหน้าหลายตา โดยเฉพาะอยู่ต่อหน้าผู้ชาย” เก๋ไก๋เอ่ยนิ่งๆ วันเมษาจึงหันมาปราม “เก๋ไก๋” พูดจบก็ส่ายหน้าให้เพื่อนสนิท ตอนนี้วันเมษานั้นพอจะเดาความคิดของปรวีณ์ออก ที่มาทำดี เอาคอกเทลมาให้แบบนี้ คงเพราะต้องการเอาคืนเอวาเป็นแน่ “ษาสบายดีใช่ไหม”“ค่ะ” “แต่งตัวแบบนี้ ษาก็ดูเซ็กซี่เหมือนกันนะ” น่าแปลกที่คำชมของปรวีณ์กลับไม่ได้ทำให้วันเมษารู้สึกดีอย่างที่คิด เธอทำเพียงส่งยิ้มจางๆ ให้เท่านั้นแต่ภาพระหว่างปรวีณ์และวันเมษากลับตกอยู่ในสายตาของเอวา ต่อให้เธอไม่ได้พิศวาสปรวีณ์มาก แต่ก็ใช่ว่าคนอื่นๆ โดยเฉพาะวันเมษาจะเข้ามาเจ๊าะแจ๊ะได้ ผู้ชายของเธอต่อให้เธอไม่ต้องการ เขาก็ไปเป็นของคนอื่นไม่ได้ นั่นทำให้เอวาเดินปรี่เข้ามาหาทั้งสี่คนทันที“คุยอะไรกันอยู่คะเนี่ย เอวาขอร่วมวงอีกสักคนจะได้ไหม” “ก็ไม่ได้คุยอะไรเป็นพิเศษ” น้ำเสียงตึงๆ ของเฟื่องรัตน์เอ่ยตอบ แต่เอวาก็เลือกที่จะไม่ให้ความสำคัญกับเสียงที่เธอคิดว่าเป็นเสียงนกเสียงกา“ตายจริง! พึ่งสังเกต ษาทำไมนมเธอเบี้ยวๆ หรือว่าไปทำหน้าอกมา บอกแล้วไงว่าให้เลือ
เมื่อเดินกันจนครบรอบ วันเมษาและเอวาก็กลับมายืนยังจุดเดิม เพื่อฟังผลการตัดสิน ตอนนี้วันเมษาไม่ได้คิดถึงผลแพ้ชนะหรือของรางวัล เพราะในสมองคิดอยู่อย่างเดียว ว่าขอให้การประกวดนี้จบเสียทีเถอะ กระทั่งเสียงประกาศดังขึ้น“ผู้ชนะของเราในคืนนี้คือ คือ…คุณษาครับ” คำตัดสินที่ได้ยิน ทำเอาวันเมษาถึงกับอึ้งเพราะตกใจ ส่วนเอวานั้นยืนกำหมัดแน่น เพราะพ่ายแพ้ให้วันเมษาอีกครั้ง “เย้ๆ ยัยษาชนะจริงๆ ด้วย” เฟื่องรัตน์ยิ้มกว้างดีใจ ก่อนที่เก๋ไก๋จะเอ่ยขึ้น “ซ้ำแผลเก่ายัยเอวาชัดๆ”“สมน้ำหน้า” พูดจบเฟื่องรัตน์ก็หันไปเบ้ปากใส่เอวาอย่างสะใจ ก่อนจะมองไปยังวันเมษา ซึ่งตอนนี้สีหน้าของผู้ชนะนั้นดูจะงุนงงจนบอกไม่ถูก หน้าจะยิ้มก็ไม่เชิง ดูแหยๆ แปลกๆ วันเมษาส่งยิ้มแห้งๆ ให้ทุกคน อารมณ์เธอเหมือนหลายปีก่อน ตอนที่รุ่นพี่ประกาศว่าเธอคือดาวคณะไม่มีผิด พอหันไปมองเอวาก็เห็นจ้องมองเธอตาเขียว ถ้ากระโจนเข้ามาฉีกเนื้อเธอได้ เอวาคงทำไปแล้ว เอวาอยากฟังเหตุผลว่าเพราะอะไรเธอถึงแพ้วันเมษา แต่กลับไม่มีใครให้คำตอบได้ ก่อนจะมีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้น ว่าที่พวกเขาเลือกวันเมษาเพราะเธอดูสดใส เหมาะกับชุดบิกินี่แบบที่เธอเลือกสวมมาวันนี้ แต่เอวากล
“คุณษา คุณษา!” ธาวินตบใบหน้าของวันเมษาเบาๆ หลังจากพาเธอขึ้นจากน้ำเพื่อเรียกสติ เมื่อครู่นี้ จังหวะที่เขากำลังก้าวเข้ามาในงานปาร์ตี้ที่ยากจะเลี่ยง ก็เห็นว่าวันเมษากำลังหล่นลงไปในสระว่ายน้ำเข้า จากนั้นเขาก็กระโดดลงสระเพื่อช่วยเธออย่างไม่ลังเล“คุณษา” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกอีกครั้ง แต่เมื่อเธอไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ ธาวินจึงจำต้องผายปอดให้ภาพที่เกิดขึ้นขณะนี้ ทำให้เก๋ไก๋และเฟื่องรัตน์มองหน้ากันปริบๆ แม้นี่จะเป็นการผายปอดเพื่อช่วยชีวิต แต่ลึกๆ มันก็อดที่จะรู้สึกเขินแทนเพื่อนรักที่ตอนนี้ยังไม่ได้สติ ถ้าตื่นมาแล้วรู้ตัวว่ามีชายนิรนาม ขี่ม้าขาวแล้วกระโดดน้ำดังตูมลงไปช่วย พร้อมทั้งทำการผายปอดให้อีก วันเมษาจะรู้สึกยังไง ก็ยากจะเดาใจได้ธาวินผายปอดวันเมษาอยู่สักครู่ เธอก็สำลักน้ำออกมาอย่างน่าสงสาร ก่อนจะตามมาด้วยเสียงไอติดต่อกันหลายครั้ง หน้าตาแดงก่ำไปหมด เก๋ไก๋กับเฟื่องรัตน์จึงรีบพยุงวันเมษาขึ้นนั่ง โดยที่เก๋ไก๋นั้นเอาตัวให้เพื่อนได้พิง“ษา…ษา เป็นยังไงบ้างแก” เก๋ไก๋ปัดหยดน้ำที่เกาะพรา
“บุกยังไงเพื่อน ขืนสุ่มสี่สุ่มห้า ให้ยัยจิ้งเข้าไปหาตอนนี้ มีหวังเขาได้ตอกหน้าหงายกลับมาน่ะสิ แถมนี่กำลังจะแต่งงานด้วย ขืนโผล่หน้าไปสารภาพรัก มีหวังได้หัวเราะเยาะเอา ดีไม่ดีว่าที่ภรรยาเขาได้จ้างคนมาตบ โทษฐานไปสร้างความรำคาญกับว่าที่สามีสุดหล่อ” คำพูดของพระแพงที่พอจะเดาความคิดของแฝดผู้พี่ออกนั้น ทำเอาคนฟังถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่“คิดแล้วก็กลับไปซดน้ำใบบัวบกแก้ช้ำในแป๊บ” นาราชาคอตก รู้สึกเศร้าใจกับความรักที่ไม่อาจสมหวังได้ของตน“อย่าพึ่งถอยสิแก” พระเพื่อนตบบ่าเล็กๆ ของนาราชาเบาๆ“ไม่ถอยได้ยังไง มองมุมไหน ฉันก็คงไม่สมหวังหรอก อกหักรักคุดต่อไปยัยจิ้งเอ๊ย”“เอาน่ะ ถ้าเป็นฉันนะ จะใช้เวลาที่เหลือก่อนที่คุณธามจะแต่งงานให้คุ้มค่าที่สุด เก็บเกี่ยวความสุขไว้ เพื่อรักษาแผลใจตอนเขาไม่โสดแล้ว” ฟังแบบนี้ใจของนาราชาก็ชื้นขึ้นมาได้หน่อย ก่อนจะดีดนิ้วราวกับคิดแผนอะไรดีๆ ออก“แกคิดแผนอะไรดีๆ ออกแล้วงั้นเหรอจิ้ง”“ต
วันเมษายื่นเรื่องขอลาออก พอเอาเข้าจริงเธอก็แอบใจหายอยู่ไม่น้อยที่ต้องกลับไปช่วยงานครอบครัวเช่นนี้ยังดีที่คนรักหนุ่มเข้าใจ ซึ่งก่อนที่ธาวินจะขึ้นไปเชียงใหม่เพื่อพาวันเมษาไปพบกับย่า ญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ รวมทั้งวันเมษาเองก็จะพาเขาไปพบครอบครัวของเธอด้วยเช่นเดียวกันนั้นแต่ก่อนอื่น เธอก็นัดหมายให้ธาวินได้พบกับเก๋ไก๋และเฟื่องรัตน์อย่างเป็นทางการ เพื่อแนะนำชายหนุ่มให้เพื่อนสนิททั้งสองได้รู้จักในฐานะคนรู้ใจ เพราะก่อนหน้านี้ ธาวินเองก็ได้พาเธอไปเปิดตัวกลับกลุ่มเพื่อนสนิทของเขามาแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือธาม คนที่เคยไปหาธาวินที่บ้านยามที่วันเมษาและธาวินพูดคุยกันนั้น สรรพนามที่พวกเขาเอ่ยเรียกอีกฝ่ายที่แสนจะน่ารัก ก็ทำเอาหนึ่งสาวแท้และหนึ่งสาวเทียมแอบอิจฉาแรง“พอมานั่งแนะนำตัวแบบนี้ ก็เขินเหมือนกันนะครับ” เสียงทุ้มของธาวินเอ่ยขึ้น เมื่อวันเมษาเอ่ยแนะนำเขาต่อหน้าเก๋ไก๋และเฟื่องรัตน์ว่าแฟน“เขินแล้วคุณหมอน่ารักออก รู้งี้จีบซะก็ดี” เก๋ไก๋เท้าคางเอ่ยขึ้น ขณะที่จงใจส่งสายตาโลมเลียม
เมื่อซื้อของเสร็จ ปรวีณ์ก็ตรงกลับบ้านทันที เสียงรถที่ได้ยิน ทำให้เอวารีบวางแก้วนมที่ดื่มไปได้เพียงครึ่งแก้วลงกับโต๊ะ ตรงหน้าคืออาการเช้าที่เธอฝืนกินไปได้เกือบหมด ก่อนจะลนลานหาทางทำลายหลักฐาน เพราะไม่อยากให้ปรวีณ์ได้ใจ หากรู้ว่าเธอดื่มนมและกินอาหารที่เขาเตรียมไว้ให้จังหวะที่เขาก้าวเข้ามาในห้องครัว เอวาก็จงใจเทนมลงในอ่างล้างจาน อาหารที่เหลือก็เทใส่ถังขยะ แล้วแสร้งทำท่าทางใช้กำปั้นทุบหน้าท้องตัวเอง“ทำอะไรน่ะเอวา” ปรวีณ์รีบเข้ามาห้ามเอวาทันที“รำคาญ เบื่อ ทำอะไรก็ไม่ได้ กินอะไรก็ไม่ได้ หรือต่อให้กินได้ก็อ้วกออกมาหมด เอวาไม่ชอบที่ต้องท้อง ไม่อยากท้อง ไม่อยากมีลูกเข้าใจไหม” ใช่ว่าเอวาอยากหงุดหงิดแบบนี้ แต่เพราะอะไรๆ หลายอย่างกำลังเปลี่ยน ไหนจะเรื่องงานที่คงต้องหยุดยาว ไหนจะรูปร่างที่คงต้องอ้วนกว่าที่เป็นอยู่ เธอจึงยังตั้งรับไม่ทัน“แต่เราทำให้เขาเกิดมาแล้ว” ชายหนุ่มพยายามข่มความไม่พอใจเอาไว้“เกิดแล้วไง เอวาไม่อยากได้ คลอดเมื่อไหร่ เราต่างคนต่างอยู่
“อื้อ” รับปากเสร็จก็ดีดตัวลงจากเตียงนอนอย่างว่องไว ก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อล้างหน้าแปรงฟันเมื่อครู่ธาวินมาซะใกล้ ไม่รู้ได้กลิ่นปากเธอหรือเปล่า ว่าแล้วก็หยิบน้ำยาล้างปากขึ้นมากลั้วปากเพื่อเพิ่มความสดชื่นหลังแปรงฟันเสียหน่อย ก่อนจะแง้มประตูห้องน้ำ ก็สบตาเข้ากับธาวินที่นั่งหล่ออยู่บนเตียงนอนพอดีมองมุมไหนธาวินก็ดูดี ไม่รู้มาตกถึงท้องเธอได้ยังไง สงสัยเพราะพรหมลิขิต มั้ง!“มองผมแบบนี้ มีอะไรหรือเปล่าครับพี่ษา” ขณะเอ่ยถามก็เดินตรงมาหาคนตัวเล็ก วันนี้เป็นวันหยุด เธอจึงสวมแค่เสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้น ทำให้ธาวินได้เห็นอีกมุมของวันเมษา“แค่สงสัยว่าเรารักกันได้ยังไง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้า เราแทบไม่รู้จักกันเลย”“ต้องยกความดีให้คัพเล็กๆ ตรงนี้” ธาวินชี้นิ้วมายังหน้าอกของวันเมษา เธอจึงแยกเขี้ยวกลับไปให้“หมอทะลึ่ง”“หืมม์…เอ่ยคำต้องห้ามนะครับ”“ตั้งใจพูด เพร
เริ่มจากเสื้อตัวบนของเธอ ตอนนี้ถูกธาวินถอดออกไปแล้ว ตามด้วยกางเกงยีนส์สีเข้มที่เขาร่นลงไปกองไว้ตรงข้อเท้า ทำให้ตอนนี้บนตัวของวันเมษาเหลือแค่ชุดชั้นในสีขาว เข้าชุดกันเพียงสองชิ้นเท่านั้นธาวินไล้จูบคนรักสาวตั้งแต่ใบหน้า ลากสัมผัสกึ่งจมูกกึ่งปากร้อนๆ มาตามผิวขาวลออตาและหอมกรุ่นจนถึงลำคอ เนินอกคู่สวยที่ยังคงถูกปกป้องจากบราเซียร์ตัวจิ๋ว วันเมษาหายใจสะท้านยามที่ธาวินสัมผัสร่างกาย ก่อนจะอายเป็นทวีคูณเมื่อมองเห็นตัวเองผ่านกระจก แต่ไม่นานสติก็หลุดลอยจากสัมผัสของชายหนุ่มอีกครั้ง“พี่ษาของผม หอมไปทั่วตัว” คำชมของธาวินช่างแผ่วเบา แต่ทว่ากลับทำให้ร่างกายของวันเมษาตื่นตัว ก่อนจะสะดุ้งเมื่อรับรู้ว่าตอนนี้ธาวินกำลังใช้มืออีกข้างสัมผัสจุดกึ่งกลางลำตัวของเธอ“พี่วิน” วันเมษาเอ่ยเรียกชายหนุ่มเสียงแหบพร่า อารมณ์ปรารถนาเธอถูกปลุกปั่นจนลุกโชน ทำให้ทรมานเพราะต้องการให้เขาช่วยปลดปล่อย“ครับ” ขณะขานรับ ใบหน้าของธาวินอยู่ห่างจากหน้าอกของวันเมษาเพียงนิดเดียว ก่อนจะเอื้อมมือไปปลดตะขอ นั่นทำให้บราเซ
ใกล้จะถึงเที่ยงคืน ธาวินก็ขับรถไปส่งวันเมษาถึงที่บ้าน เจ้าบ้านกล่าวคำล่ำลาแบบเขินๆ เพราะในใจยังไม่อยากให้คนรักหนุ่มกลับไปตอนนี้ แต่ก็อายที่จะเอ่ยชวนให้เขาค้างกับเธอธาวินเองก็อึกๆ อักๆ เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด กระทั่งตัดสินใจกล่าวลาแล้วขับรถออกไปวันเมษายืนมองรถของคนรักหนุ่ม กระทั่งเขาเลี้ยวออกจากซอยไป จึงก้มหน้าก้มตาเดินเข้าบ้าน“ทำไมไม่ชวนให้เขาค้างที่นี่ หืม” วันเมษาเอ่ยถามตัวเอง ถึงจะเคยแนบชิดกับธาวินมาหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็เกิดนอกบ้านเธอทั้งสิ้นนี่นา ใครจะกล้าชวนให้เขานอนด้วย ทั้งๆ ที่ใจอยากทำแต่ปากกลับไม่กล้านี่สิ“ไม่ต้องมโน เลิกคิดได้แล้วยัยษาเอ๊ย ยัยหื่น” คนแอบหื่นเอ่ยว่าตัวเอง ก่อนจะสะดุ้งกับเสียงที่ได้ยิน“บ่นคิดถึงผมอยู่หรือครับพี่ษา”“อุ๊ย! หมอ มาได้ไงคะเนี่ย” วันเมษาตาโตเพราะไม่คิดว่าจะเป็นธาวิน“ขับรถกลับมาครับ พอดีคิดถึงคนแถวนี้ ยังไม่อยากกลับ” คราวนี้หมอหนุ่มเอ
“ครับ…คืนนั้นผมเห็นใครก็ไม่รู้ถูกบอกเลิกที่นี่ เธอดูน่าสงสาร เอ๋อๆ งงๆ จนเข้าห้องน้ำผิด”“หงะ…จะดีใจหรือสงสารตัวเองดี”“ไปที่ที่สองกัน” พูดจบก็จูงมือพาวันเมษาออกไปจากร้านอาหาร สรุปเขาแค่พาเธอแวะมาดูอย่างที่บอกจริงๆ พอเห็นโต๊ะ เห็นห้องน้ำก็พาเธอกลับออกไปแต่สถานที่ที่สองก็ทำเอาวันเมษายิ่งงงเข้าไปใหญ่ เพราะมันคือร้านแมคโดนัลด์ในปั๊มน้ำมันก่อนถึงบ้านนั่นเอง ถ้าจำไม่ผิดเธอถอยรถมาชนรถของธาวินเข้า และนั่นคือครั้งแรกที่เธอได้พบกับเขาธาวินหันมามองเธอยิ้มๆ ก่อนจะพาวันเมษาเข้าไปนั่งภายในร้านแมคโดนัลด์ สั่งชุดอาหารมาหนึ่งชุด แล้วเดินไปนั่งยังโต๊ะตัวเดิมที่เคยนั่งกับเธอ ซึ่งโชคดีที่ยังว่าง เมื่อหย่อนตัวลงนั่ง ทั้งคู่หันมาสบตากันก่อนจะหัวเราะออกมา“ที่นี่คือที่ที่ผมได้พบกับผู้หญิงคนเดิม เธอถอยรถมาชนผมจนกันชนยุบ ไฟหน้าแตก แต่รถอีโก้คาร์ของเธอกลับไม่เป็นอะไรสักนิด”“รถเบนซ์เซินเจิ้น” แค่เอ่ยคำๆ นี้ วันเมษาก็หัวเราะออกม
“ไข่เจียวกุ้งสับค่ะ”“เป็นไข่เจียวที่หอมและน่ากินที่สุดในโลก”“ปากหวาน ระวังษาจะทอดไข่เจียวให้กินทุกวัน อย่ามาบ่นว่าเบื่อแล้วกัน เพราะนอกจากเมนูไข่ ษานี่แทบทำอะไรไม่เป็น” วันเมษาออกตัวไว้ก่อน แม้จะทำกับข้าวเป็นแต่ก็แค่เมนูพื้นๆ เท่านั้น ไม่ได้เริดหรูระดับเชฟ กระทะเหล็ก“ผมเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย ชอบอะไรก็จะกินอยู่แบบนั้น ไม่เบื่อหรอก” แววตาของธาวินดูกรุ้มกริ่มทำเอาวันเมษามือไม้สั่น พานคิดเองเออเองว่านี่เขาหมายถึงอาหารหรือเธอกันแน่“หึ…ไปนั่งก่อนสิคะ เดี๋ยวษาตักข้าวให้”“ครับ” ธาวินเอ่ยรับ น้ำเสียงและสีหน้านั้นเต็มไปด้วยความสุขที่ไม่อาจปกปิดได้ เมื่อเดินมาที่โต๊ะก็เห็นน้ำพริกกับผักนานาชนิดจัดวางอยู่บนจานอย่างสวยงาม ข้างๆ คือแกงจืด นี่หรือที่วันเมษาบอกทำกับข้าวไม่เป็น เขาชักจะไม่อยากเชื่อเสียแล้วสิวันเมษานำจานไข่เจียวกุ้งสับมาวาง แล้วกลับไปตักข้าวสวยร้อนๆ ใส่จานนำมาเสิร์ฟให้ธาวิน โดยมีของเธอ
“เปิดตัวกับฉันสองคนน่ะเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ที่สำคัญไปกว่าฉันสองคนคือเมื่อไหร่แกจะพาหมอไปเปิดตัวกับที่บ้านยะ” เก๋ไก๋เอ่ยถาม เฟื่องรัตน์จึงเป็นลูกคู่ให้“นั่นสิ เมื่อไหร่”“ก็คิดๆ อยู่เหมือนกัน แต่แกสองคนว่ามันไม่เร็วไปเหรอ ที่ฉันจะพาหมอไปเจอทุกคนที่บ้านน่ะ” วันเมษาคิ้วขมวดเล็กๆ“ไม่เร็วหรอก” คนที่ตอบคือเฟื่องรัตน์ ก่อนที่เก๋ไก๋จะเอ่ยเสริม คนหนึ่งขึ้น คนหนึ่งรับ เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร“ใช่…ช้าเร็วที่บ้านแกก็ต้องรู้อยู่ดี จะปิดไปทำไม”“งั้นฉันจะลองชวนหมอดู” แต่ขณะที่ทั้งสามคนกำลังนั่งคุยกันอยู่นั้น ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินตรงดิ่งเข้ามาหาวันเมษา“พี่ษา…ดีใจจังที่ได้เจอ” ไม่พูดเปล่ายังคว้าตัววันเมษามากอดซะกลมเก๋ไก๋และเฟื่องรัตน์มองหญิงสาวผู้มาใหม่ เพราะสีผมครึ่งบนดำสนิทตัดกับครึ่งล่างที่ออกสีน้ำเงินอมม่วง โดดเด่นจนสะดุดสายตาและเมื่อเห็นหน้าก็ยิ่งน่ามอง เพราะเธอมีโครงหน้าที่เก๋ จ