แชร์

บทที่ 4 อ่อน!

ที่มาของเสียงโครมใหญ่เมื่อครู่ คือรถสองคันเกิดชนกันขึ้น ก่อนที่ผู้เสียหายจะเปิดประตูรถลงมามองหน้ารถตัวเองที่ตอนนี้ไฟหน้าแตกเป็นที่เรียบร้อย ไหนจะรอยบุ๋มขนาดใหญ่อีกหนึ่งรอยที่ฝากไว้เป็นที่ระลึกบนรถยุโรปคันสวย ส่วนผู้ก่อเหตุที่ขับรถอีโก้คาร์คันเล็กสีเขียวตอง ตอนนี้ก็กำลังก้าวลงมาดูเช่นเดียวกัน น่าแปลกที่รถเธอนั้นแทบไม่มีร่องรอยของความเสียหายเลยแม้แต่น้อย 

“ขอโทษนะคะ พอดีตะกี้ฉันมองไม่เห็นรถของคุณ ก็เลยชนเข้าไป”วันเมษาส่งยิ้มแห้งๆ ทักทายไปก่อน แต่เพียงแค่ได้เห็นหน้าเธอ ธาวินถึงกับลอบยิ้มให้กับคำว่าโลกกลม

“เรียกประกันมาเคลมสิคุณ”

“อ้อค่ะๆ” เพราะตนเป็นคนผิดที่ถอยรถมาชนรถของชายหนุ่มเข้าวันเมษาจึงต้องเรียกเจ้าหน้าที่ประกันให้มาดูแล แต่ที่ไม่ชอบใจคือประโยคคำสั่งของผู้เสียหายนี่แหละ ดูวางอำนาจชอบกล แต่ก็ช่างเถอะ เรียกประกันจะได้จบๆ 

วันเมษาหายไปหยิบโทรศัพท์ในรถ ก่อนจะโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ประกันภัยให้มาดูแล เมื่อแจ้งข้อมูลเสร็จเธอก็กลับมาหาผู้เสียหาย ที่ยืนกอดอกมองรถตัวเองตาละห้อย 

“นี่รถยุโรปเซินเจิ้นหรือเปล่า ทำไมไฟแตก กันชนยุบได้ง่ายแท้” คำพูดของวันเมษาทำเอาคนฟังกลั้นเสียงหัวเราะไว้ เธอคิดได้ยังไงว่านี่คือรถยุโรปเซินเจิ้น ก่อนจะแสร้งถามกลับเหมือนได้ยินไม่ชัด 

“ว่าอะไรนะคุณ”

“เปล๊า” คนถูกถามปฏิเสธเสียงสูงอย่างมีพิรุธ ธาวินจึงปั้นหน้าให้นิ่ง ให้ดูสุขุม แล้วเอ่ยถาม

“คุณชื่ออะไร”

“ถามทำไม”

“ก็จะได้แจ้งประกันผมได้ ว่าคู่กรณีชื่ออะไร ถ้าคุณไม่สะดวกที่จะบอก งั้น…ผมขอนามบัตรแทนก็ได้ครับ” เมื่อชายหนุ่มมีหางเสียงตอนจบประโยควันเมษาจึงไม่อาจเอ่ยตอบแบบห้วนๆ ได้ 

“รอสักครู่ค่ะ” เธอเดินกลับไปยังรถอีกครั้ง ก้มๆ เงยๆ หานามบัตรอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบติดมือมาแล้วยื่นให้ชายตรงหน้า 

“นี่…นามบัตรฉัน” ทันทีที่มือหนารับนามบัตรจากเธอมาถือไว้ เขาก็อ่านรายละเอียดอย่างไม่รอช้า ก่อนจะเอ่ยชื่อ นามสกุลของคนตรงหน้าออกมา 

“วันเมษา กมลวาณิช ชื่อแปลกๆ แบบนี้ แสดงว่าคุณเกิดเดือนเมษา” 

“เดือนมกรามั้ง” คำตอบกวนๆ ของเธอทำเอาคนฟังยิ้ม ก่อนจะตอบกวนๆ กลับไปบ้าง 

“แล้วทำไมถึงไม่ชื่อเดือนเมษาเลยล่ะครับ ตรงตัวดี”

“แล้วนี่คุณมายุ่งอะไรกับชื่อฉันไม่ทราบ”

“ไม่ได้ยุ่ง ผมแค่ถามเท่านั้นเอง” ชายหนุ่มปฏิเสธหน้าเป็น ก่อนจะไล่มองใบหน้า รวมถึงรูปร่างของผู้หญิงคนตรงหน้าอีกครั้ง มองกี่ทีก็เหมือนมีอะไรสะกดให้เขามองเธออย่างไม่รู้เบื่อ 

ธาวินกำลังจะชวนเธอคุยต่อ แต่เจ้าหน้าที่ประกันกลับมาถึงที่เกิดเหตุเร็วกว่าที่เขาคิดไว้มาก นั่นทำให้เขาไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับวันเมษาสักเท่าไหร่ กระทั่งผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง เจ้าหน้าที่ประกันก็เดินทางกลับ หลังจากเคลียร์ทุกอย่างแล้ว วันเมษาก็พร้อมเอ่ยลาคู่กรณี แต่ทว่าเสียงๆ หนึ่งกลับดังขึ้นเสียนี่ 

จ๊อกก จ๊อกกก

เสียงท้องร้องเพราะความหิว สร้างความอับอายให้วันเมษาอยู่ไม่น้อย แต่เธอก็ยังคงปั้นหน้าให้นิ่งเข้าไว้ ทั้งๆ ที่อยากจะมุดลงดินหนีความอาย ที่อยู่ๆ ท้องก็ร้องออกมาซะเสียงดัง สงสัยเพราะอาเจียนของที่กินมาซะหมดกระเพาะกระมัง ความหิวถึงได้เล่นงาน ส่งเสียงประท้วงไม่ไว้หน้าเธอเลยแบบนี้ 

“หิวหรือคุณ ท้องร้องดังเชียว” 

“ไม่ได้หิว” คนหิวปากแข็ง แต่พยาธิในห้องทำตาละห้อย จึงส่งเสียงอีกครั้ง คราวนี้ประท้วงชนิดที่ว่าทำเอาวันเมษาหน้าแดงก่ำ ไม่อาจปั้นหน้าให้นิ่งได้อีกต่อไป 

จ๊อกกก จ๊อกกกกกก 

“ก่อนกลับเราไปหาอะไรกินกันไหม เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง” ธาวินเอ่ยชวน แต่วันเมษากลับมองชายหนุ่มด้วยแววตาไม่ไว้วางใจนัก 

“กลัวผมหรือไงคุณ”

“ใช่น่ะสิ เราพึ่งจะเคยพบกันแล้วอยู่ๆ คุณก็ชวนฉันไปกินข้าวเนี่ยนะ”

“หน้าตาผมน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ”

“หน้าตาคุณไม่ได้น่ากลัว แต่ฉันคงอ่านความคิดคุณไม่ได้หรอกนะว่าตอนนี้คุณกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ถ้าคุณเป็นคนดีก็ดีไป แต่ถ้าไม่ฉันก็ต้องระแวงไว้ก่อน”

“งั้นเอางี้” ธาวินปลีกตัวกลับไปยังรถ ก่อนจะควานหาอะไรสักอย่าง จากนั้นก็กลับมายืนตรงหน้าวันเมษาอีกครั้ง 

“นี่กระเป๋าสตางค์ผม อันนี้กุญแจรถ อันนี้กุญแจบ้าน แล้วในกระเป๋านั่นมีสมุดบัญชี เช็คเงินสด ทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประชาชน อ้อ…มีใบเกิดผมด้วย”

“แล้วคุณเอามาให้ฉันทำไม”

“ก็ถ้าผมเกิดคิดไม่ดีไม่ร้ายกับคุณขึ้นมา คุณจะได้เอาของพวกนี้ไปแจ้งจับผมได้ไงครับ”

“แต่ถ้าเกิดคุณคิดไม่ซื่อจริงๆ ต่อให้ฉันมีของพวกนี้ก็ไม่มีความหมาย ถูกไหม”

“คุณพูดอีกก็ถูกอีก เอิ่ม…งั้นเอายังไงดี” ธาวินคิ้วขมวดกันยุ่ง เพราะคิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะทำยังไงวันเมษาถึงจะยอมไปทานข้าวกับเขา

“แต่ถ้าแค่เดินไปกินแมคก็คงได้” วันเมษาเอ่ยบอก สายตามองไปยังร้านเเมคโดนัลด์ที่อยู่ถัดไปไม่ไกลนัก ได้ยินแบบนี้ ธาวินถึงกับยิ้มกว้างออกมา 

“จริงเหรอครับ”

“อื้อ…คุณไม่ต้องเลี้ยงฉันด้วย ฉันขอเลี้ยงเอง จะได้ขอโทษที่ถอยรถมาชนรถคุณตะกี้”

“โอเค ผมไม่ขัดอยู่แล้ว”

“งั้นก็ตามมาสิ” วันเมษาเดินนำไปก่อน โดยมีธาวินเดินตามหลังมา ยิ่งได้อยู่ใกล้ๆ เขาก็ยิ่งรู้ว่าเธอตัวเล็กกว่าที่คิด ถ้าอุ้มคงเบาเหมือนนุ่น ลมพัดแรงๆ วันเมษาจะปลิวหรือเปล่า อันนี้เขาก็ได้แต่ตั้งคำถามอยู่ในใจเท่านั้น 

เมื่อเข้ามาในร้านเเมคโดนัลด์ วันเมษาก็สั่งอาหารเผื่อธาวินด้วย ก่อนที่ชายหนุ่มจะเป็นคนถือถาดอาหารเดินไปนั่งยังโต๊ะนอกร้าน ด้วยความที่ตอนนี้ดึกมากแล้ว อากาศจึงเย็นสบายไม่ได้ร้อนอบอ้าวอย่างตอนกลางวัน 

“ว่าแต่คุณชื่ออะไร”

“ธาวินครับ” เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยตอบ บ่อยครั้งที่วันเมษาแอบมองโครงหน้าของผู้ชายที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ ดูไปดูมาเขาก็หล่อดีเหมือนกัน ขนาดสาวๆ ที่เดินเข้าเดินออกภายในแมคโดนัลด์ยังหันหลังกลับมามองหลายต่อหลายคน 

“คุณอายุเท่าไหร่”

“คุณลองเดาดูสิ ถ้าเดาถูกเดี๋ยวผมเลี้ยงเฟรนซ์ฟรายส์” ธาวินยักคิ้วเข้มๆ ให้ วันเมษาทำท่าทางครุ่นคิด แต่ไม่นานก็เอ่ยเดาอายุชายหนุ่มออกไป 

“ยี่สิบเก้า”

“หูยคุณ ทำไมเดาแม่นแบบนี้ งวดหน้าผมขอหกตัวตรงนะครับ จะได้เอาไปซื้อลอตเตอรี่” 

“ตลกเนอะ” คนฟังส่ายหน้าให้ ก่อนจะหยิบเฟรนซ์ฟรายส์เข้าปาก พร้อมทั้งส่งสายตาเคืองๆ มายังชายหนุ่ม ที่ยังคงแสดงสีหน้ากวนๆ ใส่เธอไม่เลิก 

“ส่วนคุณ ผมเดาว่าน่าจะอายุยี่สิบห้า ถูกไหม”

“ผิด” คำตอบของวันเมษา บั่นทอนความมั่นใจของธาวินไปพอสมควร 

“ผิดเหรอ งั้นก็ยี่สิบสาม”

“ก็ผิดอีก” ธาวินเริ่มคิ้วขมวดมากขึ้น ก่อนจะเดาอีกครั้ง

“งั้น…ยี่สิบ เอ้า”

“หน้าอย่างฉันเนี่ยเหรออายุยี่สิบ” วันเมษาชี้นิ้วมายังตัวเอง หน้าอย่างเธออายุแค่ยี่สิบ แม้จะภูมิใจนิดๆ ที่ได้ยินแบบนี้ เพราะนั่นหมายถึงตัวเธอหน้าเด็ก แต่พอมาคิดอีกทีรูปร่างเธอคงถูกสต๊าฟไว้ที่อายุประมาณนี้กระมัง ทุกอย่างบนร่างกายโดยเฉพาะหน้าอกถึงไม่ยอมโตตามอายุเสียที 

“หรือยังไม่ใช่อีก งั้นผมขอเดาเป็นครั้งสุดท้าย ฟันธงเลยแล้วกัน”

“อ่ะ…ว่ามาสิ” วันเมษายกมือขึ้นเท้าคางขณะรอฟัง แต่ท่าทางของเธอกลับทำให้ธาวินรู้สึกแปลกๆ ทำไมเขาถึงใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หรือเพราะป่วย สงสัยพรุ่งนี้ต้องไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเสียหน่อย 

“ยี่สิบเก้าเท่าผม”

“อ่อน! เดาผิดเดาถูก จะบอกให้ว่าตอนนี้ฉันอายุสามสิบสามแล้วย่ะ”

“สามสิบสาม แต่รูปร่างหน้าตาคุณไม่ให้เลยนะ ไม่งั้นผมคงไม่เดาว่าคุณอายุยี่สิบหรอก”

“ฉันจะดีใจหรือเสียใจดีละเนี่ย หน้าแก่แต่ตัวยังไม่โต เศร้าแป๊บ” วันเมษาถอนหายใจออกมาเสียยาว ธาวินจึงรีบแก้ต่าง

 

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status