ร่างสูงร้อยแปดสิบเก้าก้าวเดินเข้ายังบ่อนกาสิโนอย่างคุ้นเคยโดยมีชายชุดดำเกือบสิบคนคอยเดินตามหลัง ส่งผลให้คนที่มองมายังร่างสูงรู้สึกว่าคนตัวสูงนั้นน่าเกรงขามและน่าหวาดกลัวไม่อยากเข้าไปใกล้หรือเข้าไปยุ่ง
นัยต์ตาดำขลับกวาดมองรอบๆเพื่อดูความเรียบร้อยก่อนที่จะเดินตรงไปยังลิฟต์แล้วขึ้นไปชั้นที่ห้องทำงานของตัวเองอยู่ทันที
"เรื่องที่ฉันสั่งถึงไหนแล้ว"
เสียงทุ้มน่าเกรงขามเอ่ยถามถึงงานที่สั่งกับลูกน้องคนสนิททันทีที่นั่งลงยังเก้าอี้ในห้องทำงาน
"ขอโทษครับบอส คนของเรายังหาคนที่บอสสั่งให้ไปจับตัวยังไม่เจอเลยครับ"
เมทีเอ่ยตอบผู้เป็นนายตามความจริงถึงงานที่ผู้เป็นนายสั่งให้ไปจับตัวชายผู้หนึ่ง
แล้วจะให้พวกเขาทำยังไงได้ล่ะครับก็คนที่นายสั่งให้ไปจับตัวมานั้น พวกเขาไม่รู้ทั้งชื่อไม่มีทั้งรูปให้ดูไม่รู้ประวัติอะไรเลย รู้แค่สิ่งที่บอสบอกว่าเป็นผู้ชายใส่แว่นผิวขาวรูปร่างโปร่งแค่นั้นแล้วจะให้พวกเขาหาตัวเจอภายในวันสองวันได้ยังไงกัน
ปัง!
"ไร้ประโยชน์!"
เสียงทุ้มต่ำน่าเกรงขามเปร่งออกมาพร้อมกับเสียงฝ่ามือทุบลงที่โต๊ะทำงานเสียงดัง บ่งบอกว่าผู้เป็นนายนั้นไม่พอใจกับคำตอบที่ได้ยิน
"ขอโทษครับบอสเดี๋ยวผมจะเร่งให้ลูกน้องหาตัวผู้ชายคนนั้นให้เจอแล้วจับตัวมาให้บอสในทันทีครับ"
เมทีรีบก้มหัวให้ผู้เป็นนายพร้อมกับเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งและจริงจัง
"อืม...เมทีติดต่อว่าจ้างนักฆ่าคนเดิมให้ฉันด้วยฉันมีงานที่ต้องให้เขาจัดการ"
เสียงเข้มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งๆอีกครั้งพร้อมกับยื่นรูปชายวัยกลางคนให้กับเมทีลูกน้องคนสนิท
"เอ่อ..แต่ว่าบอสครับ นักฆ่าคนที่เราใช้งานบ่อยๆเขาติดต่อยากมากนะครับและอีกอย่างเขาเลือกรับงานด้วย ผมว่าเราเปลี่ยนมาจ้างนักฆ่าคาร์ลดีกว่ามั้ยครับฝีมือเขาสองคนก็พอๆกัน"
เมทีเอ่ยออกความคิดเห็นกับผู้เป็นนาย เพราะนักฆ่าที่ผู้เป็นนายของเขาใช้งานอยู่ตลอดนั้นเป็นคนที่ฝีมือดีอันดับต้นๆของวงการนักฆ่า แต่ถึงจะฝีมือดียังไงแต่นักฆ่าคนนี้ก็เลือกรับงานและรับเฉพาะงานที่เขาอยากทำ เท่านั้น แถมยังไม่มีช่องทางติดต่อโดยตรงกับเจ้าตัวอีกเป็นคนที่ถือว่าติดต่อได้ยากมาก ถ้าอยากจะว่าจ้างนักฆ่า ดาร์บี้ คนนี้ ต้องติดต่อผ่านนักฆ่า คาร์ล เท่านั้น
"เมทีฉันถามความคิดเห็นนายตอนไหน"คนตัวสูงเอ่ยถามขึ้นเสียงเข้มพลางเงยหน้าจากเอกสารที่กำลังเซ็นมาจ้องมองลูกน้องคนสนิทด้วยสายตานิ่งๆ
"ขอโทษครับบอส"
"ฉันรู้ว่าดาร์บี้ติดต่อได้ยากและเลือกรับงานแต่เขาเป็นนักฆ่าที่มีฝีมือทำงานได้เนียบไม่มีใครดมกลิ่นเขาเจอและที่สำคัญดาร์บี้เป็นคนที่ปิดงานได้เร็วฉันชอบตรงนี้ แล้วก็นะเมทีนายเคยเห็นดาร์บี้ไม่รับงานที่ฉันเป็นผู้ว่าจ้างหรือไง"
อชิตพลเอ่ยอธิบายขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งๆพลันกระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อยในช่วงท้าย
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่านักฆ่าที่รักความเป็นอิสระตามโค้ดเนมที่ใช้แทนตัวเองว่าดาร์บี้ จะติดต่อยากแค่ไหน แต่ถึงจะติดต่อยากแค่ไหนเขาก็ชอบว่าจ้างนักฆ่าคนนี้ เพราะที่ผ่านมาที่เขาว่าจ้างนักฆ่ามากี่คนต่อกี่คน ก็ไม่มีใครทำงานได้ถูกใจเขาแบบดาร์บี้สักคน
ดาร์บี้คนคนนี้ถือว่าเป็นคนที่ฝีมือดีและเก็บงานได้ละเอียดมาก ดีจนเขาอยากจะดึงตัวมาทำงานด้วย แต่ก็นั่นแหละดาร์บี้เป็นคนที่ติดต่อยากมากและหาตัวตนที่แท้จริงได้ยากมาก และไม่มีใครรู้จักและเคยเห็นตัวตนที่แท้จริงของเขาเลย นอกจากนักฆ่าคาร์ลคนที่คอยเป็นคนกลางในการติดต่อว่าจ้าง
อีกด้าน
Rrrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์มือถือแผดเสียงดังขึ้นปลุกให้ร่างโปร่งที่กำลังอยู่ในห้วงนิทราต้องตื่น มือบางเอื้อมไปคว้านหามือถือที่อยู่ไม่ไกลจากตัวนักก่อนที่จะกดรับสายแล้วกรอกเสียงพูดกับปลายสายอย่างคนรำคาญ
"ฮัลโหลโทรมามีอะไรองศา"
เสียงใสเอ่ยถามคนที่อยู่ปลายสายพลันยันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วขยี้ตาเพื่อปรับโฟกัสภาพตรงหน้าให้ชัด ถึงแม้เขาไม่ได้ดูหน้าจอมือถือว่าใครโทรมาแต่เขาก็รู้ว่าคนที่อยู่ปลายสายคือใครเพราะคนที่จะติดต่อเขาได้มีแค่องศาเพื่อนสนิทของเขาเท่านั้น
/มีงานว่าจ้างมึงจากเจ้าของบ่อนกาสิโนคนเดิมมึงจะรับมั้ยเซทท์/ปลายสายเอ่ยถึงธุระที่ติดต่อมาหาร่างโปร่งทันที
"ระดับไหน"
เซทท์เอ่ยถามถึงระดับความยุ่งยากของงานทันที เพราะองศาจะรู้ดีว่าเขานั้นไม่ชอบความยุ่งยากและวุ่นวาย เพราะก่อนที่เขาจะมาอยู่ในจุดที่เป็นนักฆ่ารักความอิสระนั้นเขาคนนี้ก็ผ่านงานยุ่งยากที่เสี่ยงตายมามากจนนับไม่ถ้วนเช่นเดียวกัน
/ระดับที่เพื่อนดาร์บี้ชอบเลยแหละครับ/
"ยอดละ"
/เจ็ดหลักครับเพื่อน รับมั้ยครับดาร์บี้/
"70-30ดิลมั้ยครับคาร์ล"
ธุรกิจระหว่างนักฆ่าฝีมือระดับต้นๆเริ่มขึ้นเมื่อเซทท์รู้ว่างานที่ได้ว่าจ้างเขามานั้นง่ายแถมยอดที่จ้างยังสูงอีก เขาจึงไม่อยากที่จะทำคนเดียว เขาอยากที่จะแบ่งรายได้ให้กับเพื่อนสนิทของเขาที่เป็นคนกลางในการติดต่องานให้เขาด้วย
/50-50ดิวะ กูเป็นคนเฝ้าระวังระยะไกลให้มึงนะ/
"กูเป็นคนลงมือฆ่า60-40ดิลไม่ดิล"
/เออ!60-40ก็ได้สัตว์ ตกลงรับงานนะ/
"ครับเพื่อนองศา"
เวลา18:47นาทีณ.คาเฟ่แห่งหนึ่งพิร์ภูณกรที่ในชุดลำลองกำลังนั่งขีดเขียนรูปภาพในไอแพดที่ตัวเองพกมาด้วยจำต้องเงยหน้าขึ้นมองเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ที่อยู่ๆก็มีชายหนุ่มใบหน้าคมในชุดนักศึกษาเดินมานั่งลงคิ้วสวยทั้งสองข้างของเซทท์ขมวดเข้าหากันอย่างงงงวย ดวงตาใสใต้กรอบแว่นจ้องมองไปยังหนุ่มน้อยหน้ามนที่นั่งยิ้มส่งสายตาหยอกเย้ามาให้เขาอย่างไม่เข้าใจ"น้องมีอะไรหรือเปล่าครับ"เสียงทุ้มใสเอ่ยถามหนุ่มน้อยที่ถือวิสาสะมานั่งร่วมโต๊ะกับเขาอย่างไม่ได้รับอนุญาตด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ นัยน์ตาคมใต้กรอบแว่นก็ยังคงจ้องมองใบหน้าหนุ่มน้อยด้วยสายตาไม่พอใจ"น้องเนิงอะไรกัน ผมว่าเราน่าจะอายุพอๆกันดีไม่ดีผมอาจจะอายุกว่าคุณด้วยซ้ำ เออจริงสิ ผมชื่อบิ๊กนะอยู่ปี4เรียนที่มหาวิทยาลัยใกล้ๆคาเฟ่นี้นายชื่ออะไรอ่ะแล้วเรียนที่มหาลัยไหนหรอ"หนุ่มน้อยหน้าคมยังเอ่ยพูดขึ้นอย่างยิ้มๆพร้อมกับแนะนำตัวเองให้ร่างบางตรงหน้าได้รู้จักตัวเองก่อนที่จะเอ่ยถามชื่อและข้อมูลของเจ้าของโต๊ะที่ตัวเขาถือวิสาสะมานั่งร่วมโต๊ะด้วยโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของ"แล้วทำไมผมต้องบอกคุณ"เซทท์เอ่ยขึ้นอย่างรำคาญ ในใจก็พลางคิดไปด้วยว่าไอ้เด็กไม่มีมารยาทคนเขาอุสาหลบม
ร่างโปร่งที่กดตัดสายขององศาก็เก็บมือถือเข้ากระเป๋ากางเกง ก่อนที่จะหันมาเผชิญหน้ากับเหล่าชายชุดดำที่ยืนดักหน้าดักหลังเขาอยู่"พวกคุณเป็นใคร"เสียงทุ้มใสเอ่ยถามพวกชายชุดดำตรงหน้าขึ้นอย่างนิ่งๆ มือบางกำกระชับสายกระเป๋าที่สะพายไว้แน่น สายตาใต้กรอบแว่นก็รอบมองหาช่องว่างที่จะหนีห้าคน ไม่สิ! มีอีกคนนั่งอยู่บนรถพิร์ภูณกรมองสำรวจและคิดในใจ คนตัวเล็กไล่นับชายชุดดำที่ล้อมหน้าล้อมหลังก่อนที่สายตาจะไปปะทะกับชายตัวอีกคนที่นั่งจ้องมองสถานการณ์อยู่บนรถไม่ไกลเอาไงดีวะ ด้านหน้ามีสามคนด้านหลังอีกสองบนรถอีกหนึ่ง มันพกปืนกันทุกคนด้วยสิ คิดสิเซทท์ คิดสิเอาเป็นว่าถ่วงเวลาไว้ให้ได้นานที่สุด สักสิบนาทีก็ยังดี สิบนาทีคงพอสำหรับรอให้องศามาช่วยเซทท์ที่กำลังใช้ความคิดอยู่นั้นจำต้องหลุดจากภวังค์ความคิดแล้วเบี่ยงตัวหลบจากชายชุดดำคนหนึ่งที่อยู่ๆก็พุ่งมาที่ตัวเขา ก่อนที่เท้าสวยจะยกขึ้นถีบเต็มแรงเข้าที่สีข้างของชายชุดดำคนนั้น จนทำให้มันลงไปนอนกองกับพื้นเพราะความจุกไปสักพักนอกจากจะไม่ได้คำตอบอะไรจากกลุ่มชายชุดดำตรงหน้าแล้ว คนพวกนั้นยังเล่นเขาที่เผลอด้วย"ใครส่งพวกมึงมา!"พิร์ภูณกรเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงนิ
เพล้ง!!!"ไร้ประโยชน์!!!"เสียงทุ้มทรงอำนาจตวาดขึ้นอย่างคนอารมณ์เสียพร้อมกับเสียงแจกันที่กระแทกฟาดฝาผนังจนแตกด้วยน้ำมือของผู้เป็นนายที่ขว้างมันเฉียดผ่านหัวลูกน้องคนหนึ่งที่ยืนเรียกหน้ากระดานกันอยู่ห้าคน"ขอโทษครับบอสผมผิดพลาดเอง"เมทีลูกน้องคนสนิทก้มหน้าเอ่ยรับความผิดพลาดในครั้งนี้ เพราะเขานั้นดันคาดการณ์ผิดเองไม่คิดว่าผู้ชายคนที่นายสั่งให้ไปจับตัวจะมีฝีมือในการต่อสู้ขนาดนี้ จึงเอาคนไปแค่ห้าคน จนทำให้งานที่นายสั่งในครั้งนี้ล้มเหลวไม่เป็นท่าอชิตพล หันมามองลูกน้องคนสนิทด้วยแววตานิ่งๆก่อนที่นัยน์ตาคมจะหันกลับมาไล่สังเกตสภาพลูกน้องแต่ละคนที่ตอนนี้อยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้สักคน รวมทั้งเมทีที่เป็นลูกน้องฝีมือดีของเขาด้วย"เฮ่ออออ...ออกไปให้หมด!"ผู้เป็นนายถอนหายใจพลางทิ้งตัวลงนั่งยังเก้าอี้ทำงานดังเดิมแล้วเอ่ยถามถึงเรื่องงานอีกอย่างที่เขาสั่งกับเมที"งานอีกอย่างที่สั่งถึงไหนแล้ว"มังกรเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทขึ้นทันทีที่ลูกน้องทั้งห้าคนออกจากห้องไป คนตัวสูงเอื้อมมือไปเปิดแฟ้มเอกสารสำคัญบนโต๊ะก่อนที่จะรับปากกาที่เมทีส่งให้มาเซ็น"นักฆ่าคาร์ลตอบมาแล้วครับบอส"ร่างสูงชะงักมือที่กำลังเซ็นเอกสารอยู่ทัน
สถานที่งานประมูลภาพ/ดาร์บี้ได้ยินมั้ย/เสียงหูฟังบลูทูธรูปแบบคล้ายตู้มหูที่ร่างโปร่งสวมใส่อยู่ที่ใบหูเล็กดังขึ้น ร่างโปร่งที่อยู่ในชุดสูทเรียบหรูบนใบหน้ามีแว่นสายตาประดับอยู่ก้าวเดินสำรวจรอบๆงานอย่างช้าๆ เพื่อสำรวจหาทางหนีทีไล่ไว้ เผื่อยามจำเป็นในการลงมือผิดพลาด ถึงแม้มันจะไม่มีวันผิดพลาดก็เถอะ"อืม"ดาร์บี้ครางรับในลำคอเบาๆพร้อมกับพยักหน้าให้กับบริกรที่เดินถือถาดเครื่องดื่มชั้นดีเสิร์ฟให้แขกในงานเป็นเชิงขอเครื่องดื่มแก้วหนึ่ง แต่ความจริงในการพยักหน้านั้นคือการตอบคาร์ลที่กำลังส่องสไนเปอร์รอบมองทั่วงาน และการส่องเลงปืนมานั้นรวมถึงการส่องเลงมาที่เขาด้วยบอกไม่เคยจำ!ร่างโปร่งที่รับแก้วไวน์จากบริกรหนุ่มไว้ในมือ ก็หันมองรอบๆ
ร่างโปร่งบางที่อยู่ชุดสูทเรียบหรูก้าวเดินตามหลังชายวัยกลางคนอย่างเงียบเฉียบ นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองด้านหลังของเป้าหมายด้วยแววตานิ่งสงบเกินที่จะคาดเดา มือบางถือมีดประจำกายที่ตัวเองมักจะใช้ปลิดชีพเป้าหมายเป็นประจำ สองขายาวก็พลันก้าวเดินเร็วขึ้นเมื่อเห็นเป้าหมายเปิดประตูกำลังผลักให้อ้าออกกว้างมือบางข้างที่มีมีดยกขึ้นหมายจะปลิดชีวิตเป้าหมายจำต้องชะงักเปลี่ยนมาล็อกคอปิดปากชายเป้าหมายแทนแล้วผลักดันชายวัยกลางคนที่กำลังดีดดิ้นให้เข้าไปในห้องปิดประตูแล้วลงกลอน เมื่ออยู่ๆก็มีชายชุดดำนับสิบคนเดินมาทางพวกเขาเหมือนกำลังตามหาใครสักคน"บ้าชิบ!ผิดแผนไปหมด"ดาร์บี้สถบออกมาอย่างหัวเสียเมื่ือแผนลอบฆ่าของเขาพังลงไม่เป็นท่า จนต้องหันมาเผชิญกับเป้าหมายโดยตรง ยังดีที่เป้าหมายของเขาไม่ได้พกลูกน้องหรือบอดี้การ์ดมาคุยงานในครั้งนี้ด้วย เพราะเห็นคาร์ลบอกว่างานที่พวกเขาทั้งสองตกลงจะซื้อขายกันมันเป็นของล็อตใหญ่จึงต้องคุยกันอย
หนึ่งเดือนต่อมา"เป็นอะไรหน้าบูดหน้าบึ้งเป็นตูดลิงเชียว"องศาเอ่ยถามขึ้นพลางกระดกแก้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชั้นดีในมือขึ้นดื่มจนหมดแก้ว"หงุดหงิด"เสียงใสเอ่ยตอบเพื่อนสนิทพร้อมกับยกแก้วเหล้าที่เพื่อนตัวดีเป็นคนชงให้ขึ้นดื่มจนหมดตามกันไปติดๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลสายแววความหงุดหงิดให้องศาได้เห็นอย่างชัดเจน จนองศาแอบเสียวสันหลังกลัวว่าเพื่อนตัวเองจะพังร้านเพื่อระบายความหงุดหงิดในใจซะเหลือเกินไอ้หมอนี้เวลาเมายิ่งทำอะไรเกิดความคาดหมายของเขาอยู่ด้วย"หงุดหงิดอะไรของมึงวะเซทท์"องศาเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัยมือบางก็พลางชงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชั้นดีสีอำพันให้เพื่อนสนิทไปด้วย จะไม่ให้เขาสงสัยได้ยังไง ก็ไอ้เพื่อนตัวดีของเขามันไม่ใช่คนที่จะหงุดห
ร่างโปร่งบางนั่งมองแชทที่พึ่งจะเด้งขึ้นมาให้เขาได้อ่านเมื่อกี้ ก็ได้แต่นั่งขมวดคิ้วงงกับข้อความแชทที่เป็นรูปของชายคนหนึ่งที่เซทท์ดูจะคุ้นหน้าคุ้นตาแต่ร่างบางก็คิดไม่ออกว่าเคยเจอเขาที่ไหนทักติดต่อเข้ามาในเพจรับจ้างวาดรูปและออกแบบโลโก้ว่า"สวัสดีครับผมเป็นคนของบริษัทST.กรุปจำกัด บริษัทที่ค้าขายเกี่ยวกับอะไหล่รถยนต์ ทางบริษัทเราสนใจผลงานของคุณD.sและอยากที่ติดต่อคุณD.sให้มาช่วยออกแบบและวาดภาพให้กับทางบริษัทของเรา ไม่ทราบว่าคุณD.sสะดวกคุยมั้ยครับ""เอาไงดีวะ แต่บริษัทค้าขายเกี่ยวกับอะไหล่รถยนต์มีงานอะไรให้เราวาด หรือจะให้เราช่วยออกแบบลายรถให้ เห๊ยมันก็ไม่ใช่มั้ยไอ้เซทท์ก็เขาบอกอยู่ว่าขายอะไหล่รถยนต์ ไม่ใช่บริษัทขายรถซะหน่อยจะจ้างให้เราไปวาดออกแบบลายรถได้ไง แล้วบริษัทนี้จะจ้างให้เราไปวาดอะไร"พิร์ภูณกรบ่นพึมพำกับตัวเองพลางขมวดคิ้วอย่างสงสัย ว่าคนคนนี้จะทักมาก่อกวนหรือโกหกอะไร
"ไปกินข้าวกันมั้ย"เซทท์ได้แต่ยืนนิ่งงงกับคำถามของคนตรงหน้าตาปริบๆ นัยน์ตาใต้กรอบแว่นจ้องมองใบหน้าคมเข้มของคนตรงหน้าด้วยสายตาสงสัยปนงงงวย ใบหน้าหวานแสดงสีหน้าและท่าทางตกใจและไม่เข้าใจให้คนตัวสูงได้เห็นอย่างชัดเจน"เอ่อ...คือคุณมังกรครับผมมาที่นี้เพื่อที่จะคุยงานนะครับ"เสียงทุ้มใสเอ่ยขึ้นเพื่อเตือนสติของคนตัวสูงพลางมือบางก็ยังคงพยายามที่จะชักมือออกจากการจับกุมของมังกรอยู่เรื่อยๆโอ๊ยยยยยนี้มือคนหรือมือปลาหมึกเนี่ยจับแน่นชะมัด"ครับผมรู้ว่าคุณมาเพื่อคุยงาน"มังกรเอ่ยตอบขึ้นอย่างยิ้มๆก่อนที่จะยอมปล่อยมือของคนตัวเล็กให้เป็นอิสระ ทันทีที่คนตัวสูงปล่อยมือของเซทท์ให้เป็นอิสระเซทท์ก็รีบถอยห่างจากโต๊ะทำงานของคนตัวสูงทันที
พิร์ภูณกรนัยน์ตาคู่งามไล่เหลือบมองอาวุธหลากหลายชนิดที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะตัวเตี้ยกลางห้อง มือบางไล่หยิบอาวุธแต่ละชิ้นขึ้นมาตรวจทรานเช็กดู ทีละชิ้นๆเพื่อดูความเรียบร้อยในการจะใช้งาน ก่อนที่จะจัดการนำมาซุกซ่อนตามลำตัวของตัวเองแล้วหันไปมององศาที่กำลังกดเปิดห้องลับที่ใช้ในการเก็บคลังอาวุธ"หามีดที่น้ำหนักถนัดมือไม่ได้เลยวะ"ผมบ่นพึมพำออกมาไม่เบานักกับตัวเองพลางนัยน์ตาคู่คมของผมก็พยายามไล่มองหามีดเล่มใหม่มาใช้แทนเล่มโปรดของผมที่ทิ้งไว้ในช่องลับลิ้นชักข้างหัวเตียงที่ห้อง"เอาของกูไปใช้มั้ยล่ะ เพราะยังไงกูก็ไม่ค่อยได้ใช้มีดเดี๋ยวกูหาเล่มใหม่ใช้"องศามันเอ่ยถามผมขึ้นพลางสายตาของมันก็ไล่มองหาอาวุธที่จะพกไปลุยในการใหญ่ครั้งนี้มีดพกเล่มที่มันพูดว่าจะให้ผมมาใช้คือเล่มที่ทางองค์กรทำขึ้นมาและมอบให้เป็นอาวุธประจำกายของแต่ละคน เป็นมีดที่น้ำหนักเบาและใช้งานง่าย คนขององค์จะมีกันทุกคน และถือว่ามีดเล่มนี้เป็นตราสัญลักษณ์ของนักฆ่าองค์กรXD"ไม่เป็นไร กูหาเล่มที่น้ำหนักเบาคล้ายๆกันได้ล่ะ"ผมเอ่ยปฏิเสธมันไปพร้อมกับจับมีดเล่มที่น้ำหนักเบาพอๆกับมีดพกเล่มเก
ด้านองศาและพิร์ภูณกรสองหนุ่มร่างสูงโปร่งย่างเท้าเหยียบย้ำเข้าอานาเขตประเทศที่คุ้นเคย ประเทศที่เขาและองศาเติบโตประเทศที่พวกเขาทั้งสองอาศัยมาตั้งแต่เด็กประเทศที่พวกเขาฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ต่างๆมากมายและเป็นประเทศที่มีองค์กรXDตั้งอยู่ประเทศที่เขาไม่คิดว่าจะได้กลับมาเหยียบอีกครั้งที่เขาไม่คิดว่าจะกลับมาเหยียบที่ประเทศนี้ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบหรือเกลียดชังประเทศนี้ แต่เป็นเพราะเขาไม่อยากกลับมาเพราะองค์กรเฮงซวยXDต่างหากล่ะองค์กรสารเลวนั่นหลังจากที่ผมกับองศาเคลียร์กันเรื่องที่องศาได้เปิดร่องรอยของตัวเองให้กับทางองค์กรรู้ พวกผมก็ตัดสินใจที่จะตีตัวออกห่างจากมังกรและภูเขาและเลือกที่จะจะพากันหายมาอย่างเงียบๆแล้วซ่อนร่องรอยของตัวเองไม่ให้คนทั้งสองได้ตามหาเจอเพื่อที่จะตัดขาดความสัมพันธ์ เพราะไม่อยากให้ทางองค์กรเพ่งเล็งไปเล่นงานชายทั้งสอง เพราะฉะนั้นผมกับองศาถึงได้จากมาอย่างเงียบๆโดยที่ไม่เอาของมาหรือเอ่ยลาใดๆกับพวกเขา
อชิตพล"เซทท์!/องศา!"ผมอุทานชื่อเล่นของพิร์ภูณกรขึ้นพร้อมกับที่ไอ้ภูเขาอุทานชื่อเพื่อนชายคนสนิทของเซทท์ที่มักจะแวะเวียนมาหาที่ห้องบ่อยๆ แต่เดี๋ยวนะไอ้ภูเขามันรู้จักเพื่อนชายคนนี้ของเซทท์งั้นหรอ ผมขมวดคิ้วเงยหน้าไปจ้องมองไอ้ภูเขาที่ยืนเบิกตากว้างทำใบหน้างงงวยอยู่ด้านข้าง ก่อนที่ผมจะเอ่ยถามมันขึ้นว่ารู้จักกับคนที่ชื่อองศาอย่างงั้นหรอ"มึงรู้จักกับองศาเพื่อนของเซทท์อย่างงั้นหรอ""ก็องศาเนี่ยแหละเมียกู! มึงนั่นแหละรู้จักเพื่อนของเมียกูอย่างงั้นหรอ"ภูเขามันหันมาจ้องหน้าผมแล้วตอบคำถามของผมออกมาเสียงดัง ก่อนที่จะถามผมกลับว่าผมรู้จักเซทท์เพื่อนเมียมันหรอจะไม่รู้จักได้ยังไงก็นั้นก็เมียกูมั้ยล่ะผมได้แต่เอ่ยตอบมันในใจเพราะตอนนี้ผมกำลังอึ้งกับสถานการณ์ในตอนนี้อยู่ เมื่อกี้ถ้าผมฟังไม่ผิดไอ้ภูเขามันบอกว่าองศาเป็นเมียมันอย่างนั้นใช่มั้ยนะ แล้วมันไปเป็นผัวเขาตอนไหนวะเนี่ย งั้นก็แสดงว่ามันก็ต้องเคยเจอเซทท์ไปหาองศาที่ห้องบ
ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของชายรูปร่างสูงที่ผลักประตูอ้าออกกว้างแล้วก้าวเดินเข้ามาหยุดที่หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของผู้เป็นนาย"เป็นไงได้เรื่องมั้ย"ทันทีที่เห็นว่าเป็นใครเดินเข้ามาเสียงทุ้มของอชิตพลก็เอ่ยถามลูกน้องคนสนิทขึ้น ที่ตอนนี้ได้ยืนก้มหัวลงเล็กน้อยให้เขาเพื่อเป็นการทำความเคารพ มังกรพยักหน้ารับเพียงนิด ก่อนที่มือหนาจะวางปากกาในมือลงกับโต๊ะแล้วเอนหลังไปพิงผนักเก้าอี้ นัยน์ตาคมก็สายแววจดจ้องไปยังใบหน้าของเมทีเพื่อรอคำตอบในเรื่องที่เจ้าตัวสั่งให้ไปทำภูเขาที่นั่งเฝ้ารอข่าวคราวในห้องทำงานของมังกรอยู่อย่างเงียบๆ ก็พลางลดมือถือในมือลงแล้วหันไปสนใจเมทีเมื่อคิดว่าลูกน้องคนสนิทของมังกรคงมาบอกข่าวเกี่ยวกับการหายตัวไปของเมียเขา"ได้ครับบอส""ว่ายังไง เล่ามาให้ละเอียด"ดวงตาคมยังคงจดจ้องไปยังที่เมทีอย่างนิ่งๆ สร้างความหวั่นเกรงให้คนที่ถูกจ้องอยู่ไม่น้อย เมทีข่มความหวั่นเกรงไว้ในใจก่อนที่จะเอ่ยบอกผู้เป็นนายในสิ่งที่ตัวเองไปสืบเสาะมาได้"กลุ่มคนพวกนั้นที่บอสสั่งให้ผมต
เพี๊ยะ!เสียงฝ่ามือฟาดผ่านลงใบหน้าขาวนวลดังสนั่นลั่นห้อง ใบหน้าขององศาสะบัดไปตามทิศทางแรงตบของฝ่ามือขาวที่หยาบกร้านของพิร์ภูณกร"ได้สติหรือยัง"เซทท์กดเสียงต่ำเอ่ยถามเพื่อนตรงหน้าพลางนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนจ้ององศาด้วยแววตานิ่งๆเกิดที่จะคาดเดาหลังจากวันนั้นที่ผมกดวางสายจากองศา ผมก็นั่งทบทวนในสิ่งที่มันเอ่ยย้ำเตือน ในตอนนั้นผมยอมรับเลยว่าความรู้สึกของผมที่มีต่อมังกรมันถลำลึกไปมาก มากจนเกินที่จะถอยออกมาแบบจะไม่เสียใจมันเป็นไปไม่ได้เลย แต่ถึงแม้ว่าจะเสียใจมากแค่ไหนผมก็คงต้องทนถอยออกมาพร้อมกับความเสียใจนั้นก็อย่างที่องศามันว่าละนะ ชีวิตของพวกผมมันเน่าเฟะไม่ควรที่จะดึงใครเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย แถมยังไม่รู้ว่าตัวเองจะตายวันตายพรุ่งเพราะชีวิตของผมกับองศามันมีความเสี่ยงตลอดเวลา ไม่ควรที่จะผูกมัดไว้กับใครแต่แล้วทำไมไอ้องศามันถึงเลือกที่จะนำความตายเข้ามาใกล้ตัวเองเร็วขนาดนี้ ทำไมมันถึงเลือกที่จะเปิดตำแหน่งการเคลื่อนไหวของตัวเอง มันคิดจะทำอะไรกันแน่!องศามันยังคงเงียบไม่ยอมเอ่ยพูดอะไรออกมา ใบ
วันเวลาผ่านมาช่วงสายของอีกวันร่างสูงโปร่งที่อยู่ในชุดลำลองยืนสอดส่องผ่านกล่องดูเป้าหมายจากระยะไกลบนดาดฟ้าจากตึกตรงข้าม องศาที่ได้รับการว่าจ้างให้มาจัดการนักธุรกิจการเมืองท่านหนึ่งที่ขัดแย้งกับผู้ว่าจ้างเขา ก็ได้มาสอดแนมดูกิจวัตรประจำวันของเป้าหมายเพื่อที่จะหาช่องโหว่ในการลงมือ"อืมมมแทบไม่มีช่องโหว่เลยแฮะ"เสียงใสบ่นพึมพำออกมาเบาๆพลางลดมือข้างที่ถือกล้องส่องทางไกลลงไว้ข้างตัว ก่อนที่มืออีกข้างจะลวงเอามือถือเครื่องแพงในกระเป๋ากางเกงตัวเก่งขึ้นมาติดต่อหาใครบางคน/ว่าไง/เสียงปลายสายเอ่ยถามขึ้นหลังจากกดรับสายในเขา"แทบไม่มีช่องโหว่ให้เข้าใกล้ตัวได้เลยวะ"องศาเอ่ยพูดพลางยกกล้องส่องทางไกลในมือขึ้นมาส่องดูเป้าหมายอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเหมือนเดิม/อ่อโอเคถ้างั้นมึงก็ถอยออกมาก่อน แล้วนี่มึงส่งประวัติเป้าหมายมาให้กูหรือยัง/พิร์ภูณกรเอ่ยบอกเพื่อนพลางถามองศาเมื่อเปิดอีเมลของตัวเองแล้วไม่เห็นประวัติของเป้าหมายส่งเข้ามาให้เขาเลย"กูส่งไปตั้งแต่เช้าแล้วนะ"คิ้วสวยขององศาขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินคำถามจากเพื่อนสนิทที่อยู่ปลายสาย ก่อนที่จะเอ่ยตอ
ณ.เวลาปัจจุบันเวลา17.19นาทีองศาร่างสูงโปร่งยืนพิงหลังกับราวระเบียงหันหน้ามองทอดเข้าไปยังห้องนอนของตัวเองพลางขยับเรียวแขนข้างซ้ายที่พักพิงไว้กับราวระเบียงเล็กน้อยเพื่อยกมือที่คีบแท่งบุหรี่ขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปากแล้วสูดอัดสารนิโคตินเข้าเต็มปอด ก่อนที่ริมฝีปากสวยจะเผยพ่นควันสีขาวออกไปทางสีเทาปล่อยให้ล่องลอยไปตามสายลมติ๊ดเสียงกดเครื่องมือสื่อสารดังขึ้นเมื่อนิ้วเรียวสวยข้างขวากดโทรออกหาปลายสายเมื่อมีธุระสำคัญที่จะต้องพูดคุย รอสายไม่นานคนที่อยู่ปลายสายก็กดรับสายแต่ก็ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรออกมาจนเป็นองศาที่ต้องเอ่ยทักขึ้นด้วยตัวเอง"ทำอะไรอยู่"เสียงใสเอ่ยถามพลางสูบอัดเอาสารนิโคตินเข้าไปเต็มปอดก่อนที่จะพ่นควันมันออกมาพลันนัยน์ตาสวยก็เหลียวมองไปยังเตียงนอนที่มีชายหนุ่มตัวสูงนอนคว่ำหน้าเผยแผ่นหลังแกร่งให้เขาได้เห็น/นอน.../เสียงเอ่ยตอบงัวเงียจากปลายดังขึ้นอย่างสั้นๆแล้วก็เงียบไปจนทำให้องศาขมวดคิ้วหน้ามุ้ยอย่างคนหงุดหงิด เมื่อรู้สึกว่าช่วงนี้เพื่อนสนิทของตนนั้นดูจะยุ่งกับการนอนซะเ
"ไปต่อกันมั้ย"...หลังจากที่องศาได้เอ่ยปากชวนผมที่ผับแบบนั้น ผมก็ไม่ได้เอ่ยตอบอะไรออกไปทำเพียงแค่พยุงคนที่ดื่มจนเมามายมาขึ้นรถแล้วขับออกมาจากผับแล้วตรงไปที่คอนโดของผมทันที คอนโดที่ผมไม่เคยให้ใครเข้ามาเหยียบแม้กระทั่งไอ้มังกรก็ยังไม่เคยได้เข้ามา มีองศาที่ได้เหยียบเข้ามาเป็นคนแรก ชายหนุ่มที่ผมพึ่งจะรู้จักได้ไม่นานพอผมกับองศาเหยียบก้าวเข้ามาในห้องนอนคนที่ตัวเล็กกว่าก็เล่นกระโจนเข้ามาจูบผมในทันที จนผมแทบจะตั้งรับไม่ทัน พอผมตั้งตัวได้ก็เปิดปากให้ร่างบางได้สอดแทรกเรียวลิ้นเข้ามาในโพรงปากของผม ก่อนที่จะดันให้องศาก้าวถอยหลังไปที่เตียงนอนแล้วผลักให้แผ่นหลังเล็กได้สัมผัสกับพื้นนอนนุ่มผมกับองศาจูบแลกลิ้นกันนัวเนียอยู่บนเตียงนอนนุ่มพลันลิ้นหนาของผมก็สอดขยับไล่ต้อนเกี่ยวตวัดลิ้นเล็กในโพรงปากอุ่น ก่อนที่ผมจะผละริมฝีปากออกจากปากบางแล้วโน้มใบหน้าก้มลงมาคลอเครียร์ที่ลำคอขาวทั้งเลียและขบเม้นเพ
"เมียผมก็บอกชัดเจนแล้วนะ ว่าเขาคิดกับคุณแค่น้องชาย เพราะงั้นคุณกลับไปได้แล้ว แล้วอย่ามายุ่งกับเมียผมอีก"นัตน์ตาคมจ้องมองชายตรงหน้าด้วยแววตาแข็งกร้าวแสดงให้เห็นว่าเขานั้นพร้อมที่จะกระโจนเข้าหาได้ทุกเวลาถ้าเด็กหนุ่มตัวสูงตรงหน้ายังไม่หยุดที่จะลุกล้ำเข้ามาในอาเขตของคนที่เขาเรียกว่าเมีย"กลับไปแม็กซ์"คนในอ้อมแขนแกร่งเอ่ยบอกเด็กหนุ่มตัวสูงอีกครั้งพร้อมกับเบือนหน้าหนีเลือกที่จะไม่สบสายตากับคนที่เขาเรียกว่าน้องชายเพราะกลัวใจตัวเอง กลัวว่าจะใจอ่อนให้กับสายตาเศร้าสร้อยของเด็กหนุ่มที่ชื่อว่าแม็กซ์เขาเองก็เหมือนเซทท์ที่มักจะใจอ่อนให้กับคนที่ตัวเองเรียกน้องชาย ก็เพราะมีจุดอ่อนตรงนี้นี่แหละถึงทำให้ผมกับไอ้เซทท์เกือบตายกัน"พี่~....พี่ครับ"เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างเศร้าสร้อยทำให้องศาที่ได้ยินแทบที่จะหันมามองใบหน้าออกไปทางฝรั่งของแม็กซ์ แต่ก็โดนฝ่ามือใหญ่ของคนตัวสูงที่อยู่ด้านหลังเลื่อนขึ้นมาปิดสายตาของเขาซะก่อน"กลับไป! แล้วอย่ามายุ่งกับเมียกูอีก"เสียงเข้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับนัยน์ตาคมสาดมองไปทางแม็กซ์อย่างเชือดเฉือน แม็กซ์เองก็จ้องมองกลับอย่างไม่เกรงกลั