ตอนที่เดินออกไป คุณแม่ฉินก็รู้สึกว่าขมับของตัวเองเต้นตุบๆ เพราะความโกรธ แต่ทันใดนั้น เธอก็หยุดฝีเท้าเหมือนนึกอะไรได้ ฉินเย่เป็นลูกชายของเธอ เธอในฐานะคนเป็นแม่รู้ดีที่สุดว่าลูกชายของเธอเป็นคนยังไง ตั้งแต่เล็กจนโต เธอไม่เคยเห็นเขาโกรธขนาดนี้มาก่อนเลยถึงขั้นไม่สนใจมารยาทขนาดนี้ สีหน้าของคุณแม่ฉินเปลี่ยนไปเป็นเคร่งขรึมทันที หรือว่า...... เกิดอะไรขึ้นจริงๆ?-หลังจากที่คุณแม่ฉินออกไปแล้ว ห้องหนังสือก็เงียบลง ฉินเย่ยืนอยู่ที่เดิมซักพักแล้วกลับไปที่ตำแหน่งเดิม แม้ว่าเขาจะนั่งอยู่เงียบๆ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แต่ในหัวของเขาก็ยังคงวนเวียนอยู่กับคำพูดของคุณแม่ฉินก่อนที่เธอจะออกไป"ถ้าเธอเป็นอะไรไป ลูกก็อย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน" เหมือนมีเสียงบางอย่างในใจบอกเขาว่า ถ้าเธอเป็นอะไรไป เขาจะต้องเสียใจแน่ๆ และบอกให้เขาลุกขึ้นไปหาเธอตอนนี้เลย แต่เมื่อคิดอีกที ฉินเย่ก็คิดว่ามันตลกสิ้นดีเป็นอะไรไปงั้นหรอ? เธอไม่ได้อยากอยู่กับโม่ไป๋เหรอ? เขาเก็บซ่อนเธอไว้นานขนาดนี้ เมื่อไม่นานมานี้เธอเร่งให้เขาหย่าตลอด ก็เพื่อที่จะได้อยู่กับโม่ไป๋หลังจากหย่าแล้วไม่ใช่หรอ? ตอนนี้เธอเป็นอิสระแล้ว คงได
คุณพ่อบ้านถอนหายใจในใจทะเลาะกันถึงขนาดนี้แล้ว นิสัยของฉินเย่ที่ทั้งเย่อหยิ่งและดื้อรั้น จะให้เขาออกไปตามหาคนน่ะเหรอ ฝันไปเถอะมีคนรับใช้คนหนึ่งพูดเบาๆ ว่า "ตั้งแต่เจียงฉูฉู่คนนั้นมาที่บ้านเรา ฉันก็รู้สึกว่าคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงมีอะไรผิดปกติ พอหลังจากนั้นก็ดูเหมือนจะดีขึ้น แต่ก็รู้สึกว่ายังไม่เหมือนเดิม คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงของเรา...... ไม่ได้หย่ากันใช่ไหม?"เมื่อได้ยินคำว่าหย่า พ่อบ้านก็ตากระตุกขึ้นมาทันทีและพูดดุๆ ว่า "พูดอะไรไร้สาระ? ต่อไปห้ามพูดคำนี้ออกมามั่วๆ ปัญหาระหว่างสามีภรรยาเป็นเรื่องปกติ คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงอาจจะทะเลาะกันวันนี้แต่พรุ่งนี้ก็อาจจะดีกันแล้วก็ได้ ถ้าพวกเธอว่างมากก็ไปเช็ดขอบหน้าต่างอีกรอบเลยไป"เมื่อคุณพ่อบ้านพูดอย่างนั้น ทุกคนก็เงียบและแยกย้ายกันไปพ่อบ้านก็ปวดหัวเพราะความโกรธเหมือนกัน พลางโบกมือแล้วบอกว่าไม่สนแล้ว จะกลับนอนไปพักผ่อนซักหน่อย หลังจากที่พ่อบ้านไปแล้ว คนรับใช้ไม่กี่คนที่เหลือก็อดไม่ได้ที่จะรวมกลุ่มกันกระซิบกระซาบ"จริงๆ แล้วฉันรู้สึกว่าคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงของเราหย่ากันแล้ว ตอนนี้อาจจะยังไม่หย่า แต่สองสามวันต่อจากนี้ก็อาจจะหย่า พวกเธ
ไม่ทันได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น โทรศัพท์ก็มีสายเรียกเข้าเสิ่นหยินอู้ยังถือโทรศัพท์อยู่ เมื่อเห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าจากฉินเย่ หัวใจของเธอก็กระตุก ถึงตอนนี้แล้ว เขายังจะโทรมาหาเธอทำไม? เสิ่นหยินอู้ลังเลว่าจะรับสายนี้ดีไหมทั้งคู่หย่ากันไปแล้ว คงจะไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้ รับสายนี้คงไม่เป็นไร? ใช้เวลานานในการตัดสินใจ พอเธอคิดจะรับสาย โทรศัพท์ก็วางสายไปแล้ว เสิ่นหยินอู้จึงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วโทรกลับไป เมื่ออีกฝ่ายรับสาย เธอจึงอธิบายว่า "ขอโทษนะ เมื่อกี้ยุ่งอยู่"เมื่อได้ยินแบบนั้น อีกฝ่ายก็นิ่งเงียบไปสองสามวินาที แล้วหัวเราะเบาๆ "อ๋อ คงจะยุ่งกับการอยู่กับโม่ไป๋? รบกวนพวกเธอเข้าแล้วสิ?"เสิ่นหยินอู้ "......"เพราะเธอไม่มีอะไรกับโม่ไป๋จริงๆ ตอนที่เขาพูดเรื่องเธอกับโม่ไป๋ เสิ่นหยินอู้ก็อยากจะโต้แย้งโดยสัญชาตญาณ แต่เมื่อนึกถึงที่เธอเคยยอมรับต่อหน้าเขาแล้ว คำพูดที่กำลังจะพูดออกมาก็ถูกกลืนลงไป ตอนนี้เขาคงคิดว่าเธออยู่กับโม่ไป๋ แม้กระทั่งเมื่อคืนก็ด้วย...... แต่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่ต้องอธิบาย สุดท้ายเสิ่นหยินอู้เลือกที่จะเงียบ แต่ความเงียบของเธอสำหรับฉินเย่ก็เหมือนการยอมรับ
ตู๊ด ตู๊ด—— เสียงสายไม่ว่างจากโทรศัพท์ดังเข้าหูเสิ่นหยินอู้ซ้ำๆ เหมือนหนามที่ทิ่มแทงหัวใจของเธอ มีอยู่ชั่วขณะหนึ่งที่เสิ่นหยินอู้คิดว่าไม่ต้องกลับไปแล้ว ไม่ต้องเอาอะไรกลับมาแต่เธอยังมีของใช้ส่วนตัวบางอย่างอยู่ที่นั่น คงต้องหาเวลาที่เขาไม่อยู่บ้านไปเอากลับมาหลังจากทานอาหารเช้าแล้ว เสิ่นหยินอู้ก็เล่าความคิดของเธอให้โจวชวงชวงฟัง"เมื่อคืนนี้เธอก็บอกฉันแล้วไม่ใช่หรอ ฉันเตรียมรถไว้พร้อมแล้ว แล้วก็เรียกเพื่อนมาช่วยด้วย พอถึงตอนนั้นทุกคนจะช่วยเธอขนของเองไม่ต้องกลัว แค่เก็บของของเธอให้เรียบร้อยก็พอ" ไม่คิดว่าเธอจะเตรียมตัวให้อย่างครบถ้วนขนาดนี้ "ชวงชวง ขอบใจนะ""โอ๊ย เธอกับฉันยังจะต้องมาขอบคุณอะไรกันอีก""แต่ไม่ต้องเรียกเพื่อนเธอมาก็ได้ ของฉันไม่เยอะหรอก ฉันไปคนเดียวได้"เมื่อได้ยินแบบนั้น โจวชวงชวงก็วางของในมือทันที "เธอไปคนเดียว? ไม่ได้ ฉันต้องไปกับเธอ ไม่งั้นถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง?""จะเกิดอะไรขึ้นได้? ยังไงก็เป็นที่ที่ฉันอยู่มานาน และครอบครัวเราก็รู้จักกันมานาน ไม่มีอะไรหรอก?"เมื่อได้ยินดังนั้น โจวชวงชวงก็คิดได้ว่า ครอบครัวฉินเป็นคนมีชื่อเสียง เธออาจจะกังวลเกินไป"เธอไม
หลังจากยืนคิดอยู่ซักพักหนึ่ง ในที่สุดเสิ่นหยินอู้ก็เหมือนตัดสินใจได้แล้วหันหลังเตรียมจะออกไป แต่ตอนที่เธอหันไป ก็เห็นฉินเย่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องคนไข้ สายตาของทั้งสองคนประสานกันกลางอากาศ เวลาราวกับหยุดนิ่งไปชั่วขณะ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เสิ่นหยินอู้ก็ฝืนยิ้มแล้วเดินเข้าไปหา"ฉันมาดูแลคุณย...... " เธอหยุดไป ก่อนจะเปลี่ยนคำพูด "ฉันมาเยี่ยมคุณนายฉิน" ฉินเย่มองเธอด้วยสายตาเย็นชา ไม่มีความอบอุ่นแม้แต่น้อย เขาทำเหมือนไม่เห็นเธอ เพิกเฉยแล้วเดินผ่านเธอไป บรรยากาศที่เขาทิ้งไว้เย็นเหมือนมีเกล็ดน้ำแข็งลอยอยู่ เสิ่นหยินอู้ยืนอยู่กับที่ประมาณสิบกว่าวินาที รู้ดีว่าที่นี่ไม่มีที่ให้เธออีกแล้ว แล้วก็จากไปเงียบๆ หลังจากเธอไปแล้ว ฉินเย่ก็หันกลับไปมองที่ที่เธอยืนอยู่เมื่อครู่ แล้วค่อยๆ ถอนสายตากลับมา- เสิ่นหยินอู้กลับบ้านไปเก็บของ ทันทีที่เธอเข้าบ้านตระกูลฉิน คนรับใช้และพ่อบ้านก็รีบเข้ามาต้อนรับ พอเห็นเธอก็เหมือนเห็นญาติยังไงอย่างงั้น"คุณผู้หญิง ในที่สุดคุณก็กลับมา""คุณผู้หญิง เมื่อคืนคุณไปไหนมา ทำไมไม่กลับบ้านทั้งคืน? พวกเราคิดถึงคุณผู้หญิงนะคะ""ใช่ค่ะคุณผู้หญิง ยินดีต้อนรับ
คำถามนี้ทำให้เสิ่นหยินอู้ชะงักขณะที่เธอกำลังคิดว่าจะตอบลุงพ่อบ้านว่ายังไง พ่อบ้านก็พูดขึ้นว่า "หลังจากที่คุณผู้ชายกลับมาเมื่อคืน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย"เสิ่นหยินอู้: "......" บอกเธอตอนนี้ จะมีประโยชน์อะไร? "ถึงผมจะไม่รู้ว่าคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงมีปัญหาอะไรกัน แต่คุณสองคนอยู่ด้วยกันมานาน ถ้าแก้ปัญหาได้......"เสิ่นหยินอู้พูดเบา ๆ ว่า "แก้ไม่ได้หรอกค่ะ" เมื่อได้ยินแบบนั้น พ่อบ้านก็ไม่สามารถพูดอะไรต่อได้หลังจากนั้นซักพัก เขาก็พูดเบา ๆ ว่า "ถ้าคุณผู้หญิงตัดสินใจแล้ว ก็ขอให้เดินทางปลอดภัยนะครับ" ในตอนแรกสีหน้าของเสิ่นหยินอู้ยังมีความสับสนอยู่ แต่หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็ยิ้มอย่างโล่งใจ"ขอบคุณลุงพ่อบ้าน ต่อไปนี้ลุงต้องดูแลตัวเองด้วยนะคะ ส่วนคุณย่าฉิน...... ช่วยดูแลท่านด้วยนะคะ" พ่อบ้านพยักหน้าอย่างจริงจังและจริงใจ "ผมเป็นพ่อบ้านของตระกูลฉิน ถึงคุณผู้หญิงไม่บอก ผมก็จะทำอยู่แล้วครับ""ใช่ค่ะ ลุงพ่อบ้านทำงานอย่างซื่อสัตย์เสมอเลย" อีกอย่างเขาเป็นคนฉลาด คนอื่นดูไม่ออก แต่เธอดูออก "คุณผู้หญิง ดูแลตัวเองด้วยนะครับ" เสิ่นหยินอู้ถือกระเป๋าใบเล็กออกจากบ้านตระกูลฉิน ก
เจียงฉูฉู่ไม่ยอมเจอเธอเลย ถ้าเธอบุกรุกเข้าไป ก็จะมีคนมาไล่เธอออกมา ซูเชี่ยวใช้ชีวิตไม่ต่างจากตกนรก แม่ของเธอเครียดมากถึงกับคิดฆ่าตัวตายด้วยการกินยานอนหลับ แต่โชคดีที่น้องชายของซูเชี่ยวมาเจอและหยุดไว้ทันสุดท้าย น้องชายของซูเชี่ยวก็คุกเข่าต่อหน้าเธอ "พี่ ถือว่าผมขอร้องได้ไหม พี่ไปทำให้ใครไม่พอใจ ไปขอให้เขาให้อภัยเถอะ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเราทั้งครอบครัวต้องได้ไปกระโดดน้ำตายแน่!" สุดท้ายแม้แต่แม่ของเธอก็คุกเข่าขอร้องเธอ"ซูเชี่ยวลูก เมื่อก่อนครอบครัวเราไม่เคยทำให้ลูกลำบากถึงแม้ว่าลูกเป็นผู้หญิง แต่ตอนนี้ครอบครัวเราลำบากมาก ลูกไปทำให้ใครไม่พอใจ ไปขอโทษเขาเถอะ ครอบครัวเราไม่สามารถอยู่แบบนี้ได้อีกต่อไปแล้วนะ" ทำให้ใครไม่พอใจ? ซูเชี่ยวรู้ดีว่าเธอไปทำให้ใครไม่พอใจเมื่อจนมุม เธอก็ไปที่หน้าบ้านตระกูลฉิน เธอยืนอยู่หน้าประตูบ้านตระกูลฉิน มองดูอาคารที่สวยงาม แล้วคิดถึงบ้านของตัวเองที่พังทลาย เธอกัดริมฝีปากของตัวเอง โทรศัพท์ดังขึ้น ซูเชี่ยวหยิบมันออกมาดู ปรากฏว่ามีคนในกลุ่มแชทพูดถึงเจียงฉูฉู่ ชวนเธอออกไปเดินเล่นในตอนบ่าย เจียงฉูฉู่ตอบกลับคนนั้นอย่างรวดเร็วในกลุ่มแชท ซูเชี่ยวม
คำพูดเพียงประโยคเดียวทำให้เจียงฉูฉู่เงียบไปทันที ความเงียบของเธอทำให้ซูเชี่ยวพอใจมาก"ทำไมไม่พูดต่อล่ะ ฉูฉู่? เธอคิดว่าถ้าฉันบอกเรื่องนี้กับฉินเย่ เขาจะทำยังไง?""ซูเชี่ยว!"เจียงฉูฉู่กระวนกระวายทันที จนได้ยินเสียงเธอลุกขึ้นเดินเร็วๆ เธอเกลี้ยกล่อมซูเชี่ยวว่า "มีอะไรเราคุยกันดีๆ ได้ไหม เธออย่าหุนหันพลันแล่น" ได้ยินดังนั้น ซูเชี่ยวก็ยิ้มอย่างพอใจ เธอเดาถูกแล้วเจียงฉูฉู่กลัวว่าเธอจะบอกเรื่องนี้กับฉินเย่จริงๆที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง~"ฉันไม่ได้หุนหันพลันแล่นนะ ฉูฉู่ ฉันก็แค่อยากให้ฉินเย่รู้ความจริงแค่นั้นเอง ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะรู้ความจริงนะ เธอว่าไหม?""ซูเชี่ยว......" เจียงฉูฉู่หยุดเดิน น้ำเสียงของเธอเจ็บปวด "เธอโกรธฉันเพราะเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นใช่ไหม? ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจไม่สนใจเธอ แต่พ่อฉันสั่งไม่ให้ฉันยุ่งกับเธอ ไม่อย่างนั้นจะยึดเงินค่าขนมทั้งหมดของฉัน""งั้น เธอก็จะไม่ยุ่งกับฉันจริงๆ เหรอ? เธอจำได้ไหมว่าเธอเคยพูดอะไรกับฉัน? ตอนนั้นเธอพูดว่า ถ้าเธอได้เป็นภรรยาของฉินเย่เมื่อไหร่ เธอจะตอบแทนฉัน นี่คือวิธีที่เธอตอบแทนฉันเหรอ?""ขอโทษนะ ฉันอยากจะตอบแทนเธอ แต่ว่า......"
โม่ไป๋เดินเข้ามาและพยุงเสิ่นหยินอู้ขึ้น"ตื่นก็ดีแล้ว มีตรงไหนรู้สึกไม่สบายไหม?"เสิ่นหยินอู้มองคนตรงหน้า รู้สึกว่าคนนี้ดูแปลกหน้า แต่เขากลับโอบเธอไว้ และท่าทางกับสายตาดูห่วงใยเธอมาก แต่......เธอไม่รู้จักเขาเลย"คุณคือ......?" คำถามแรกของเธอทำให้โม่ไป๋ถึงกับชะงัก"หืม?" โม่ไป๋คิดว่าตัวเองคงฟังผิด เพราะไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ถามว่าเขาเป็นใคร? แต่คำถามต่อมาของเสิ่นหยินอู้ ทำให้เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ได้ฟังผิด "คุณคือใคร?" เสิ่นหยินอู้ถามอีกครั้ง คราวนี้น้ำเสียงฟังดูชัดเจนขึ้น และสายตาที่มองโม่ไป๋เต็มไปด้วยความสงสัย ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังหันไปมองคนรอบข้างแล้วถามว่า "พวกคุณคือใคร?"ทุกคน "......" เธอไม่รู้จักพวกเขาก็ไม่เป็นไร เพราะพวกเขาไม่เคยพบหน้าเธอมาก่อน และรู้แค่ว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่คุณโม่ไป๋ชอบก็พอแล้ว แต่ทำไมผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะไม่รู้จักคุณโม่ไป๋เลย?เมื่อเห็นบาดแผลบนหน้าผากของเธอ มีหนึ่งคนพูดขึ้นอย่างเผลอๆ ว่า "เธอคงไม่ได้หัวกระแทกจนจำคุณโม่ไป๋ไม่ได้หรอกนะ?"คนข้างๆ "ไม่หรอกมั้ง? แค่กระแทกทีเดียวก็ความจำเสื่อมเลย? เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้จริงเหรอ?"
แต่หลังจากที่เขาพูดว่าตัวเองทำผิดแล้ว ดูเหมือนโม่ไป๋จะไม่ได้ฟังคำสารภาพของเขาเลย เขายืนอยู่ตรงนั้น สายตาจับจ้องอยู่ที่เสิ่นหยินอู้ที่นอนอยู่บนเตียง หมอกำลังตรวจอาการของเสิ่นหยินอู้ หลังจากตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว หมอก็ถอดแว่นออก แล้วพูดกับโม่ไป๋ว่า “คุณโม่ ดูเหมือนคุณผู้หญิงท่านนี้จะมีแค่แผลที่ผิวเผินเท่านั้น ส่วนอื่นๆ ไม่น่ามีปัญหาอะไรครับ” เมื่อเกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินหมอบอกว่าเสิ่นหยินอู้มีแค่บาดแผลที่ผิวเผิน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที ยังดีที่เป็นแผลแค่ที่ผิวเผิน ถ้าเธอได้รับบาดเจ็บรุนแรงกว่านี้ เกรงว่าเขาคงไม่รอดชีวิตจากความโกรธของโม่ไป๋ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าผลักแค่นั้นไม่น่าเป็นอะไร แต่กลับกลายเป็นว่าผู้หญิงคนนี้บอบบางมาก แค่ผลักนิดเดียวก็น็อกหมดสติไปได้"แต่ว่า......" ไม่คิดเลยว่าหมอจะเปลี่ยนคำพูดขึ้นมาทันทีโม่ไป๋ที่ยังคงกังวล ได้ฟังก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที "แต่ว่าอะไร?""แต่ว่าสิ่งที่ผมตรวจได้ตอนนี้มีแค่แผลภายนอกเท่านั้น เนื่องจากคุณผู้หญิงได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ควรพาไปโรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติมเมื่อเธอตื่นแล้วครับ"เมื่อได้ยิน โม่ไป๋ก็เข้าใจสิ่งที่หมอหมา
"พี่โม่ไป๋ ฉัน......""ออกไปให้พ้น!" เขามักจะอบอุ่นอ่อนโยนเสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ในสายตาของหรงเค่ออิน โม่ไป๋ก็เป็นตัวแทนของสุภาพบุรุษมาโดยตลอด ดังนั้นวันนี้ที่เขาเปลี่ยนสีหน้าและพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน ทำให้หรงเค่ออินตกใจกลัว เธอยืนตะลึงมองโม่ไป๋อยู่สักพักกว่าจะได้สติ แล้วจึงหันหลังวิ่งออกไป พอหันมาก็เจอเกาอวี่ที่พาหมอกลับมา เกาอวี่เห็นหรงเค่ออินมีสีหน้าลำบากใจเดินออกไป คาดว่าเธอคงไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีจากโม่ไป๋ ทำให้เขาเองก็พลอยกังวลไปด้วยเมื่อเข้าไปข้างใน เขาไม่กล้าพูดอะไรที่มากเกินความจำเป็น ได้แต่พูดประเด็นหลักว่า "คุณโม่ หมอมาถึงแล้วครับ""เข้ามาดูหน่อย ว่าเธอบาดเจ็บตรงไหนบ้าง?"หมอเข้ามาตรวจดูอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นบาดแผลที่หน้าผากก็รีบทำแผลให้เธอ แล้วพูดว่า "ดูจากแผลนี้ น่าจะเป็นมาสักพักแล้วครับ" เมื่อโม่ไป๋ได้ยินก็หรี่ตาลงท่าทางอันตราย รังสีรอบตัวก็เย็นเยือกขึ้นอีกหลายเท่า เกาอวี่ถึงกับหดตัวด้วยความหวาดกลัว เขาคิดว่าโม่ไป๋จะตำหนิเขา แต่เปล่าเลย โม่ไป๋แค่เตือนหมอให้ตรวจเสิ่นหยินอู้อย่างละเอียด แล้วค่อยหันมามองเขา"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?"เมื่อได้ยิน เกาอ
หรงเค่ออินกับเกาอวี่ที่เดินตามหลังโม่ไป๋เข้ามา พอเห็นภาพนี้ก็หน้าถอดสี ทั้งสองคนสบตากัน "ทำไมถึงเป็นแบบนี้?"ทางด้านโม่ไป๋ที่อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นมา แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า "ติดต่อให้หมอมาที่นี่ด่วน" แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นเธอนอนอยู่บนพื้น ทุกความรู้สึกในใจเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความกังวลทันที เขาไม่มีอารมณ์อื่นใด นอกจากความเป็นห่วงและกลัวว่าเธอจะเป็นอะไร ปฏิกิริยาแรกของเขาคืออุ้มเธอขึ้นแล้วให้เกาอวี่ไปตามหมอ จากนั้นอุ้มเสิ่นหยินอู้วางลงบนเตียงนุ่มอย่างระมัดระวัง เกาอวี่ไปตามหมอ ส่วนหรงเค่ออินยังอยู่ที่นี่จากนั้นเธอก็ได้เห็นกับตาตัวเองว่าโม่ไป๋อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นเตียงด้วยท่าทางเอาใจใส่และระมัดระวังแค่ไหน ในใจเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาและริษยา เธอรู้จักโม่ไป๋มานานขนาดนี้ แต่ไม่เคยเห็นพี่โม่ไป๋ดีกับผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน แต่ผู้หญิงคนนี้ มีสิทธิ์อะไรถึงได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษจากพี่โม่ไป๋? พี่โม่ไป๋ชอบผู้หญิงคนนี้จริงๆ เหรอ? คิดได้แบบนั้น หรงเค่ออินอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองโม่ไป๋ กัดริมฝีปากตัวเองแล้วถาม "พี่โม่ไป๋ พี่ชอบเธอเหรอคะ?" โม่ไป๋เหมือนจะไม่ได้ยิน
พูดจบ เธอก็ปล่อยมือเกาอวี่ทันที จากนั้นวิ่งไปทางประตู "พี่โม่ไป๋! กลับมาแล้วเหรอคะ?"พอโม่ไป๋เดินเข้าประตูมาถอดเสื้อคลุมส่งให้คนใช้เสร็จ เขาก็เห็นหรงเค่ออินที่วิ่งเข้ามาหา ดวงตาเรียวยาวของเขาหรี่ลงทันที "หรงเค่ออิน? เธอมาที่นี่ได้ยังไง?" ท่าทีเย็นชาของเขาทำให้หรงเค่ออินหยุดชะงักอยู่ตรงหน้าเขา น้ำเสียงที่เขาพูดกับเธอเย็นชาสุดๆ ทำให้ใจของหรงเค่ออินชาไปครึ่งหนึ่ง เธอตัวเกร็งเล็กน้อยแล้วพูดเบาๆ ว่า "ฉัน ฉันคิดถึงพี่ ก็เลยมาหาค่ะ" แต่น่าเสียดายที่สายตาที่โม่ไป๋มองเธอเหมือนมองคนแปลกหน้า พอฟังเธอพูดจบ เขาก็พูดด้วยเสียงเย็นชา "ใครก็ได้ พาหรงเค่ออินกลับไปที" เกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พยักหน้ารับ"ได้ครับ คุณโม่""ไม่!" หรงเค่ออินรีบขัดขึ้น "พี่โม่ไป๋ เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน ฉันอุตส่าห์ลางานมาเจอพี่ นี่พี่รังเกียจฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?"เห็นได้ชัดว่าตอนนี้โม่ไป๋ไม่ได้สนใจเธอเลย แม้จะฟังที่เธอพูดไปแล้ว ในใจของเขาก็ไม่มีความรู้สึกใดๆ กลับตอบอย่างเย็นชาว่า "ฉันไม่มีเวลาต้อนรับเธอตอนนี้ เธอกลับไปก่อน ไว้โอกาสหน้าค่อยมาใหม่" พูดจบ โม่ไป๋ก็เดินตรงไปที่ชั้นบนทันที เขามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้อง
หรงเค่ออินที่ตัดสินใจได้แล้วก็ดีใจเหมือนลิงโลดในใจ ก่อนจะหันมาถามว่า "พี่เกาอวี่ ตอนนี้พี่โม่ไป๋อยู่ที่ไหน เขาจะกลับมาเมื่อไหร่?""คุณโม่ไป๋กำลังทำธุระสำคัญอยู่ครับ คงจะกลับมาช่วงค่ำ คุณหรงจะอยู่ทานข้าวเย็นที่นี่เลยไหมครับ?" หรงเค่ออินพยักหน้า "ได้ค่ะ งั้นฉันจะอยู่ทานข้าวที่นี่ด้วยเลย" พูดจบ เธอก็เหมือนนึกอะไรได้ หันไปมองห้องที่ล็อกอยู่พร้อมกับแค่นเสียง"ที่นี่......พี่โม่ไป๋คงไม่ได้มานานแล้วสินะ? ตอนนี้ดันกลับมาได้เพราะผู้หญิงคนนั้นเหรอ?" ยิ่งคิด หรงเค่ออินก็ยิ่งโกรธ อยากให้แรงที่ใช้ผลักเธอตอนนั้นมากกว่านี้ เธอน่าจะสั่งสอนอีกฝ่ายให้มากกว่านี้ ช่างเถอะ ถ้าหากเธอพักอยู่ที่นี่บ่อยๆ โอกาสที่จะจัดการผู้หญิงคนนั้นยังมีอีกเยอะหรงเค่ออินที่จะอยู่ต่อ ก็ให้เกาอวี่สั่งคนในบ้านมาจัดห้องให้ แล้วให้ส่งกระเป๋าของเธอมาที่นี่ จากนั้นเธอก็พักอยู่ที่นี่เลย โดยที่ห้องของเธอเป็นห้องที่ใกล้กับโม่ไป๋ เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ ก็ผ่านไปแล้วสามชั่วโมง หรงเค่ออินนอนอยู่บนเตียงใหญ่สักพัก ก่อนจะเดินออกไปถามเกาอวี่"ว่าแต่ ผู้หญิงที่พี่โม่ไป๋พากลับมา ได้สร้างความวุ่นวายอีกหรือเปล่า?"เกาอวี่ที่มัว
ถึงแม้ว่าเกาอวี่จะไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ที่มีผลกระทบต่อโม่ไป๋ แต่เขาก็ไม่กล้าลงมือกับเธอ เขาไม่คิดว่าหรงเค่ออินจะยื่นมือผลักเธอเข้าไปแล้วปิดประตู “คุณหรง......”หรงเค่ออินเงยหน้าขึ้นมองเขา “อะไรล่ะ? คุณไม่ได้บอกเหรอว่าเธอไม่อยากเข้าไป? งั้นฉันก็เลยใช้วิธีที่ง่ายที่สุดให้เธอเข้าไปไง พี่โม่ไป๋บอกไว้ไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้เธอหนีไปไหน? ทำไมยังไม่รีบล็อกประตูอีก?” เกาอวี่นิ่งไปสักพักก่อนจะยิ้มออกมา“คุณหรงพูดถูก ผมจะล็อกประตูเดี๋ยวนี้” ทั้งสองคนเข้ากันได้ดี ล็อกประตูอย่างรวดเร็วแล้วจากไปตอนที่จากไป ทั้งคู่ก้าวเท้าออกไปอย่างสบายใจ ไม่ได้สังเกตเลยว่าคนที่อยู่ในห้องล้มลงกับพื้นหลังจากถูกผลัก เสิ่นหยินอู้ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะวางอำนาจขนาดนี้ และยังลงมือผลักเธอเข้าไปในทันที หัวของเสิ่นหยินอู้กระแทกอย่างแรงทำให้เธอรู้สึกเจ็บ เธอพยายามพยุงตัวขึ้นด้วยมือ แต่ก็เกิดอาการวิงเวียนจนไม่สามารถทรงตัวได้ เธอยื่นมือไปแตะที่ท้ายทอย และพบกับความเปียกชื้น เธอยังไม่ทันได้มองความเปียกชื้นในฝ่ามือก็หมดสติไปอีกครั้ง – เกาอวี่เดินตามหรงเค่ออินลงบันได “คุณหรง ทำแบบนี้อาจทำให้คุณโม่ไม่พอใจนะครับ”“
ตอนขึ้นรถ เสิ่นหยินอู้เห็นที่นั่งข้างคนขับว่างอยู่ จึงนั่งลงตรงนั้นทันที ที่นั่งนี้เดิมทีเป็นของผู้ช่วยเฉิน ดังนั้นเมื่อคนขับเห็นเสิ่นหยินอู้นั่งอยู่ตรงนั้น จึงมองไปทางผู้ช่วยเฉิน“คุณเสิ่น ที่นั่งข้างคนขับไม่ปลอดภัยนะครับ ให้……”“ฉันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเลือกที่นั่งเลยเหรอคะ?”“ให้เธอนั่งเถอะ ขอแค่เธอสบายใจก็พอ” เสียงของโม่ไป๋ดังออกมาจากหูฟังก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะทันได้พูดอะไร ผู้ช่วยเฉินจึงไม่ได้พูดอะไรอีก ทุกคนขึ้นรถทีละคน เพราะก่อนหน้านี้คิดว่าเธอจะใส่แว่นตา รถจึงไม่ได้มีมาตรการป้องกันใดๆ เสิ่นหยินอู้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของถนนได้อย่างเต็มตา เธอมองเห็นทะเบียนรถ ไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็รู้ได้อย่างชัดเจนแล้วว่านี่คือที่ไหน เสิ่นหยินอู้จึงนั่งสบายๆ ชมทิวทัศน์นอกหน้าต่าง รวมถึงสิ่งก่อสร้างต่างๆ เส้นทางไม่ไกลนัก ประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกเธอก็มาถึงที่หมาย เสิ่นหยินอู้ลงจากรถตามหลังผู้ช่วยเฉินคำแรกหลังลงจากรถของเธอคือ “ฉินเย่ อยู่ไหน?” ผู้ช่วยเฉินไม่ตอบ มีคนจากฝั่งประตูเดินเข้ามารับหน้าที่แทนเขาเขาพูดอะไรกับผู้ช่วยเฉินอยู่สองสามคำ ก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะจากไป และก่อนที่เขาจะไปเ
เกิดอะไรขึ้น?โม่ไป๋ไม่ได้ใช้ฉินเย่มาควบคุมเธอหรอกหรอ? ทำไมถึงกลัวว่าเธอจะบอกคนอื่นล่ะ? ถึงเธอจะบอกคนอื่น แต่เธอก็ไปไหนไม่ได้ไม่ใช่หรอ? เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกไม่พอใจเห็นเธอยืนนิ่ง ๆ ผู้ช่วยเฉินก็พูดขึ้นว่า “คุณเสิ่น ถ้าคุณต้องการไปเจอคุณฉิน ก็กรุณาอย่าทำให้ทุกคนลำบากเลยครับ และอย่าทำให้เสียเวลา ถ้าคุณยอมเอาโทรศัพท์ให้เร็วขึ้น เราก็จะเดินทางกันเร็วขึ้น แต่ถ้าคุณไม่อยากให้ก็ได้ครับ เรามีเวลาอยู่ที่นี่กับคุณ” ผู้ช่วยเฉินตอนนี้เหมือนคนละคนกับตอนที่อยู่บนเครื่องบิน การสื่อสารที่ถูกตัดไปบนเครื่องบินตอนนี้น่าจะกลับมาแล้ว พวกเขาน่าจะเข้าสู่สถานะที่ถูกดักฟังอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเธอจะต้องยอมให้โทรศัพท์ไปแล้ว เมื่อคิดแบบนี้ เสิ่นหยินอู้ถึงยอมส่งโทรศัพท์ของเธอให้ผู้ช่วยเฉิน เขารับโทรศัพท์ไปกดปิดเครื่องและดึงซิมออกเสิ่นหยินอู้"......" ทำแบบนี้อีกแล้ว สุดท้ายจะไม่ได้เอาโทรศัพท์ที่ไม่มีซิมคืนให้เธอหรอกใช่ไหม? แต่ครั้งนี้เธอเดาผิด ผู้ช่วยเฉินไม่ได้คืนโทรศัพท์ให้เธอ แต่เก็บมันไว้ทั้งหมด "เราไปกันเถอะครับ" หลังจากนั้นตามการนำของผู้ช่วยเฉิน พวกเขาก็ไปที่ลานจอดรถใ