เจียงฉูฉู่ไม่ยอมเจอเธอเลย ถ้าเธอบุกรุกเข้าไป ก็จะมีคนมาไล่เธอออกมา ซูเชี่ยวใช้ชีวิตไม่ต่างจากตกนรก แม่ของเธอเครียดมากถึงกับคิดฆ่าตัวตายด้วยการกินยานอนหลับ แต่โชคดีที่น้องชายของซูเชี่ยวมาเจอและหยุดไว้ทันสุดท้าย น้องชายของซูเชี่ยวก็คุกเข่าต่อหน้าเธอ "พี่ ถือว่าผมขอร้องได้ไหม พี่ไปทำให้ใครไม่พอใจ ไปขอให้เขาให้อภัยเถอะ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเราทั้งครอบครัวต้องได้ไปกระโดดน้ำตายแน่!" สุดท้ายแม้แต่แม่ของเธอก็คุกเข่าขอร้องเธอ"ซูเชี่ยวลูก เมื่อก่อนครอบครัวเราไม่เคยทำให้ลูกลำบากถึงแม้ว่าลูกเป็นผู้หญิง แต่ตอนนี้ครอบครัวเราลำบากมาก ลูกไปทำให้ใครไม่พอใจ ไปขอโทษเขาเถอะ ครอบครัวเราไม่สามารถอยู่แบบนี้ได้อีกต่อไปแล้วนะ" ทำให้ใครไม่พอใจ? ซูเชี่ยวรู้ดีว่าเธอไปทำให้ใครไม่พอใจเมื่อจนมุม เธอก็ไปที่หน้าบ้านตระกูลฉิน เธอยืนอยู่หน้าประตูบ้านตระกูลฉิน มองดูอาคารที่สวยงาม แล้วคิดถึงบ้านของตัวเองที่พังทลาย เธอกัดริมฝีปากของตัวเอง โทรศัพท์ดังขึ้น ซูเชี่ยวหยิบมันออกมาดู ปรากฏว่ามีคนในกลุ่มแชทพูดถึงเจียงฉูฉู่ ชวนเธอออกไปเดินเล่นในตอนบ่าย เจียงฉูฉู่ตอบกลับคนนั้นอย่างรวดเร็วในกลุ่มแชท ซูเชี่ยวม
คำพูดเพียงประโยคเดียวทำให้เจียงฉูฉู่เงียบไปทันที ความเงียบของเธอทำให้ซูเชี่ยวพอใจมาก"ทำไมไม่พูดต่อล่ะ ฉูฉู่? เธอคิดว่าถ้าฉันบอกเรื่องนี้กับฉินเย่ เขาจะทำยังไง?""ซูเชี่ยว!"เจียงฉูฉู่กระวนกระวายทันที จนได้ยินเสียงเธอลุกขึ้นเดินเร็วๆ เธอเกลี้ยกล่อมซูเชี่ยวว่า "มีอะไรเราคุยกันดีๆ ได้ไหม เธออย่าหุนหันพลันแล่น" ได้ยินดังนั้น ซูเชี่ยวก็ยิ้มอย่างพอใจ เธอเดาถูกแล้วเจียงฉูฉู่กลัวว่าเธอจะบอกเรื่องนี้กับฉินเย่จริงๆที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง~"ฉันไม่ได้หุนหันพลันแล่นนะ ฉูฉู่ ฉันก็แค่อยากให้ฉินเย่รู้ความจริงแค่นั้นเอง ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะรู้ความจริงนะ เธอว่าไหม?""ซูเชี่ยว......" เจียงฉูฉู่หยุดเดิน น้ำเสียงของเธอเจ็บปวด "เธอโกรธฉันเพราะเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นใช่ไหม? ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจไม่สนใจเธอ แต่พ่อฉันสั่งไม่ให้ฉันยุ่งกับเธอ ไม่อย่างนั้นจะยึดเงินค่าขนมทั้งหมดของฉัน""งั้น เธอก็จะไม่ยุ่งกับฉันจริงๆ เหรอ? เธอจำได้ไหมว่าเธอเคยพูดอะไรกับฉัน? ตอนนั้นเธอพูดว่า ถ้าเธอได้เป็นภรรยาของฉินเย่เมื่อไหร่ เธอจะตอบแทนฉัน นี่คือวิธีที่เธอตอบแทนฉันเหรอ?""ขอโทษนะ ฉันอยากจะตอบแทนเธอ แต่ว่า......"
เจียงฉูฉู่รู้สึกว่าซูเชี่ยวสงบลงหลังจากได้รับเงินแล้ว จึงพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า "ซูเชี่ยว ตอนนี้เธออยู่ที่หน้าบ้านตระกูลฉินใช่มั้ย? งั้นฉันไปหาเธอ ดีมั้ย?""โอเค"ซูเชี่ยวตอบรับอย่างเต็มใจ "ฉันก็ไม่ได้เจอเธอนานแล้ว คิดถึงเธอจัง"เจียงฉูฉู่ "......งั้นเธอรออยู่ตรงนั้น ฉันจะไปเดี๋ยวนี้" ซูเชี่ยวหาที่ร่มๆแล้วนั่งรอ ไม่นาน รถของเจียงฉูฉู่ก็มาถึง พอประตูรถเปิด เจียงฉูฉู่ก็รีบวิ่งมาหาซูเชี่ยวแล้วยิ้มเล็กๆให้เธอจากนั้นเธอมองไปที่ประตูบ้านตระกูลฉินที่อยู่ไม่ไกลจากข้างหลังของซูเชี่ยว แล้วถามอย่างระมัดระวังว่า "เธอยังไม่ได้เข้าไปใช่ไหม?" ซูเชี่ยวมองเจียงฉูฉู่ที่อยู่ตรงหน้า เมื่อเทียบกับเจียงฉูฉู่ที่แต่งตัวอย่างประณีต ตัวเธอเองในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาดูเหมือนคนจรจัด เมื่อคิดว่าตัวเองเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอ และเจียงฉูฉู่ก็ยังต้องรอให้เธอขู่ก่อนถึงจะยอมมาเจอ ซูเชี่ยวก็ยิ่งรู้สึกแค้นขึ้นอีก"ทำไม คุณหนูเจียงกลัวว่าฉันจะเข้าไปหรอ?" สีหน้าของเจียงฉูฉู่เปลี่ยนไป จากนั้นก็ฝืนยิ้มออกมา"ซูเชี่ยว เธออย่าโกรธฉันเลยนะ มันจำเป็นจริงๆ""อ๋อหรอ ก่อนหน้านี้จำเป็น แล้วทำไมตอนนี้ถึงออกมาได
"เธอเข้าใจผิดแล้ว" เจียงฉูฉู่จับมือเธอ ทำท่าทางเหมือนเป็นเพื่อนรักกัน "ฉันจะวางแผนทำร้ายเธอได้ยังไง? ที่จริงตอนที่เธอมีปัญหา ฉันอยากจะไปช่วยเธอ แต่ฉินเย่ไม่สนใจฉันเลย ฉันเลยกังวลใจจนไม่มีสมาธิคิดเรื่องอื่นเลย" เมื่อได้ยินแบบนั้น ซูเชี่ยวก็จับประเด็นได้"ฉินเย่ไม่สนใจเธอ?" ไม่ใช่แน่ๆ? ฉินเย่จะไม่สนใจเธอได้ยังไง? เธอไม่ใช่ผู้มีพระคุณที่เคยช่วยชีวิตฉินเย่ไว้หรอ? ถึงฉินเย่จะไม่สนใจใคร แต่ก็ไม่น่าจะไม่สนใจเจียงฉูฉู่สิ? "อืม ตอนนี้เขาแทบไม่สนใจฉันเลย ฉันเริ่มกังวลว่าเขาจะไม่ต้องการฉันแล้ว" ซูเชี่ยวที่กำลังรู้สึกดีใจ คิดว่าสามารถใช้เรื่องการตั้งท้องของเสิ่นหยินอู้มาควบคุมเจียงฉูฉู่ได้ พอได้ยินเรื่องนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ถ้าฉินเย่ไม่สนใจเจียงฉูฉู่จริงๆ หรือระหว่างเขากับเจียงฉูฉู่ไม่มีอะไรกันแล้ว จุดอ่อนที่เธอคิดว่าได้เปรียบดูจะไม่มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ เธอใช้ความพยายามอย่างมากในการใช้เรื่องนี้กดดันเจียงฉูฉู่เพื่อเอาเงินหนึ่งล้านหยวนมาได้ เป็นไปได้ยังไง?"ตอนนี้พวกเขายังไม่หย่ากันหรอ?" เจียงฉูฉู่ส่ายหน้า "ฉันก็ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นยังไง ฉันติดต่อเขาไม่ได้" "
ต่อมาที่บ้านถึงกับต้องทำห้องที่เป็นของเสิ่นหยินอู้โดยเฉพาะ เพื่อเก็บของที่ฉินเย่ให้เธอ เก็บไปนานๆ ก็เริ่มจะเต็ม ครั้งนี้ที่เธอจากมา เธอไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาเลย แม้กระทั่งแหวนแต่งงานก็ยังทิ้งไว้ในห้องนอน ตอนที่ตระกูลเสิ่นล้มละลาย เธอไม่มีเงินติดตัว ของทุกอย่างที่เธอมีก็เป็นของที่ฉินเย่ให้มาทั้งหมด เมื่อจากมา ก็ไม่ควรเอาอะไรไปด้วย "อย่าพูดอย่างนั้นสิ ถึงจะเป็นของนอกกาย แต่ก็ใช้เงินซื้อมานะ" โจวชวงชวงพูดด้วยความเห็นใจเมื่อได้ยินแบบนั้น เสิ่นหยินอู้ก็หัวเราะอย่างสบายๆ "จริงหรอ? ถ้ารู้อย่างนั้น ฉันน่าจะเอาของมีค่าไปเยอะๆนะเนี่ย อย่างน้อยก็แลกเป็นเงินได้" โจวชวงชวงได้ยินแบบนั้นก็เปลี่ยนใจทันที"ช่างมันๆ ยังไงก็ต้องไปแล้ว ทิ้งของเก่าเพื่อเริ่มชีวิตใหม่ก็เป็นปกติ เธอนี่นะ ฉันแค่เสียดายนิดหน่อย เธอยังมีอารมณ์มาล้อเล่นอีก" เสิ่นหยินอู้ยักไหล่ "เธอพูดเองว่าเริ่มต้นชีวิตใหม่ แล้วทำไมถึงจะมีอารมณ์เล่นตลกไม่ได้ล่ะ?""พูดก็พูดไปอย่างนั้น แต่ถึงยังไง......" โจวชวงชวงยังจำได้ว่าเมื่อวานเธอร้องไห้หนักมาก เธอจึงพูดอย่างอ่อนโยน "เราเป็นเหมือนพี่น้องกัน เธอไม่ต้องแกล้งทำเป็นเข้มแข็งต่อห
แม้ว่าเธอจะไม่ได้เซ็นต์ชื่อในสัญญาในตอนแรกก็ตาม แต่เธอก็กังวลเช่นกันว่าหลังจากเซ็นต์สัญญาจะมีปัญหาเกิดขึ้นในภายหลัง สำหรับเงื่อนไขที่เธอสัญญารับปากไป ในเมื่อเธอรับปากไปแล้ว เธอจะทำมันให้ได้อย่างเต็มที่ เห็นได้ชัดว่าโจวชวงชวงซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเธอไม่ได้คิดแบบเดียวกันกับเธอเลย “เอ่อ พอเธอพูดถึงเรื่องนี้ฉันก็คิดว่ายัยนั่นหน้าด้านนะ มาใช้ประโยชน์จากเรื่องที่เคยช่วยเธอเอาไว้แล้วให้เธอออกจากจีนไป ถ้าทุกคนที่ช่วยเหลือคนอื่นให้คนๆนั้นตอบแทนบุญคุณด้วยวิธีไร้ยางอายแบบนี้แล้วล่ะก็ งั้นก็ไม่ต้องช่วยตั้งแต่แรกดีกว่า” เมื่อเทียบกับความโกรธของเธอแล้ว เสิ่นหยินอู้ก็สงบกว่ามาก เธอเพียงแค่ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า "ช่วยไม่ได้นี่นา ใครให้ฉันเป็นหนี้บุญคุณเธอล่ะ?" โจวชวงชวงต้องการจะว่าเธอ แต่เสิ่นหยินอู้หยุดเธอไว้ “โอเค ฉันรู้ว่าเธอรู้สึกโกรธแทนฉัน แต่เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แล้ว เราต้องใจเย็นไว้ โอเคไหม?” “อืม” โจวชวงชวงทำได้เพียงพยักหน้าอย่างหดหู่ แต่เมื่อนึกถึงการที่เสิ่นหยินอู้ต้องจากไป เธอก็ยังรู้สึกเศร้า "งั้นถ้าหลังจากนี้เธอไปต่างประเทศ เราคงจะไม่ได้เจอกันบ่อยๆแล้วใช่ไหม?" เสิ่นหยิ
“ยังไม่มีวิธีอะไร หรือว่ายังคิดไม่ออกกันแน่?” โม่ไป๋ใช้ปลายเล็บแคะโต๊ะเบาๆ น้ำเสียงแฝงรอยยิ้ม “ไม่ใช่ว่าต้องเลี้ยงลูกคนเดียวด้วยเหรอ ยังไม่มีวิธีไม่ได้นะ”ได้ยินดังนั้น เสิ่นหยินอู้ก็เงยหน้าขึ้นสบตามองดวงตาอบอุ่นแฝงรอยยิ้มคู่หนึ่งผ่านแว่นตา“มาช่วยฉันไหมล่ะ?” โม่ไป๋เสนอเสิ่นหยินอู้ส่ายหน้าโดยสัญชาตญาณ“ไม่ล่ะ”“ปฏิเสธไวขนาดนั้นเลย? กลัวว่าข้อเสนอของฉันจะไม่ดีงั้นเหรอ?”“เปล่า” เสิ่นหยินอู้ส่ายหน้า “นายจะทำธุรกิจในประเทศระยะยาวไม่ใช่เหรอ? สองวันนี้ฉันก็น่าจะไปแล้ว”ได้ยินดังนั้น โม่ไป๋ก็หรี่ตาลง“ไปไหน?”“ต่างประเทศ” เสิ่นหยินอู้ตอบนิ่งๆนิ้วมือของโม่ไป๋เกร็งแน่นหลายส่วน หลังจากนั้นไม่นานก็คลายออก“เหมือนที่ฉันคิดไว้จริงๆ ด้วย ฉันคิดว่าเธอจะอยู่ต่อซะอีก”“นายรู้ว่าฉันจะไปต่างประเทศ?”“พ่อเธออยู่ต่างประเทศ เธอคิดว่าฉันจะไม่รู้เหรอ?”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ โม่ไป๋ก็หัวเราะกล่าวว่า “บังเอิญมาก เพราะก่อนที่ฉันจะกลับมา ฉันได้เจอกับคุณลุงด้วย”ข่าวสารนี้สำหรับเสิ่นหยินอู้ถือว่าเซอร์ไพรส์มาก“นายเคยเจอพ่อฉันแล้วเหรอ? ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก? ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง?”ปลายนิ้วมือของโ
เปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว?รอยยิ้มบนใบหน้าของเสิ่นหยินอู้เรียบนิ่งมาก แสงสลัวภายในห้องทำให้ใบหน้าของเธอดูอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย ปอยผมข้างแก้มบังดวงตาคู่งามของเธอ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นแววตาของเธอได้ชัดเจนเหลือเพียงเสียงอ่อนโยนของเธอ“ฉันไม่มีทางให้ย้อนกลับตั้งนานแล้ว และไม่เคยคิดจะเปลี่ยนใจด้วย”บรรยากาศอึดอัดขึ้นมากะทันหันโม่ไป๋มองเธอเงียบๆ อยู่นาน สุดท้ายถอนหายใจแล้วอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปลูบศีรษะของเธอ“เอาเถอะ เรื่องเสียใจไม่ต้องไปคิดถึงมันแล้ว ยังไงมันก็ผ่านมาแล้ว”เสิ่นหยินอู้ถอนหายใจถาม “นั่นน่ะสิ ยังไงก็ผ่านมาแล้ว ไม่มีอะไรต้องไปคิดถึงอีก”คิดมากไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอก_ขณะที่โจวชวงชวงกลับมา ได้ยินว่าเสิ่นหยินอู้จะไปพร้อมกับโม่ไป๋คืนนี้ ก็อ้ำอึ้งอยู่กับที่ จากนั้นดวงตาก็ค่อยๆ แดงเธอกลั้นน้ำตาเอาไว้แสร้งทำเหมือนเข้มแข็ง แล้วพูดยิ้มๆ “ไฟล์ทคืนนี้เหรอ? เร็วจัง แล้วเธอเก็บของเสร็จหรือยังล่ะ?”“อืม เสร็จแล้ว”“ลืมอะไรไว้อีกไหม เดี๋ยวฉันไปดูให้”โจวชวงชวงหันตัวเดินเข้าห้องไปเสิ่นหยินอู้เดินตามข้างหลัง ดูหล่อนค้นตรงนั้นทีตรงนี้ที สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร“ไม่ลืมอะไรแล้ว เ
โม่ไป๋เดินเข้ามาและพยุงเสิ่นหยินอู้ขึ้น"ตื่นก็ดีแล้ว มีตรงไหนรู้สึกไม่สบายไหม?"เสิ่นหยินอู้มองคนตรงหน้า รู้สึกว่าคนนี้ดูแปลกหน้า แต่เขากลับโอบเธอไว้ และท่าทางกับสายตาดูห่วงใยเธอมาก แต่......เธอไม่รู้จักเขาเลย"คุณคือ......?" คำถามแรกของเธอทำให้โม่ไป๋ถึงกับชะงัก"หืม?" โม่ไป๋คิดว่าตัวเองคงฟังผิด เพราะไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ถามว่าเขาเป็นใคร? แต่คำถามต่อมาของเสิ่นหยินอู้ ทำให้เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ได้ฟังผิด "คุณคือใคร?" เสิ่นหยินอู้ถามอีกครั้ง คราวนี้น้ำเสียงฟังดูชัดเจนขึ้น และสายตาที่มองโม่ไป๋เต็มไปด้วยความสงสัย ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังหันไปมองคนรอบข้างแล้วถามว่า "พวกคุณคือใคร?"ทุกคน "......" เธอไม่รู้จักพวกเขาก็ไม่เป็นไร เพราะพวกเขาไม่เคยพบหน้าเธอมาก่อน และรู้แค่ว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่คุณโม่ไป๋ชอบก็พอแล้ว แต่ทำไมผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะไม่รู้จักคุณโม่ไป๋เลย?เมื่อเห็นบาดแผลบนหน้าผากของเธอ มีหนึ่งคนพูดขึ้นอย่างเผลอๆ ว่า "เธอคงไม่ได้หัวกระแทกจนจำคุณโม่ไป๋ไม่ได้หรอกนะ?"คนข้างๆ "ไม่หรอกมั้ง? แค่กระแทกทีเดียวก็ความจำเสื่อมเลย? เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้จริงเหรอ?"
แต่หลังจากที่เขาพูดว่าตัวเองทำผิดแล้ว ดูเหมือนโม่ไป๋จะไม่ได้ฟังคำสารภาพของเขาเลย เขายืนอยู่ตรงนั้น สายตาจับจ้องอยู่ที่เสิ่นหยินอู้ที่นอนอยู่บนเตียง หมอกำลังตรวจอาการของเสิ่นหยินอู้ หลังจากตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว หมอก็ถอดแว่นออก แล้วพูดกับโม่ไป๋ว่า “คุณโม่ ดูเหมือนคุณผู้หญิงท่านนี้จะมีแค่แผลที่ผิวเผินเท่านั้น ส่วนอื่นๆ ไม่น่ามีปัญหาอะไรครับ” เมื่อเกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินหมอบอกว่าเสิ่นหยินอู้มีแค่บาดแผลที่ผิวเผิน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที ยังดีที่เป็นแผลแค่ที่ผิวเผิน ถ้าเธอได้รับบาดเจ็บรุนแรงกว่านี้ เกรงว่าเขาคงไม่รอดชีวิตจากความโกรธของโม่ไป๋ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าผลักแค่นั้นไม่น่าเป็นอะไร แต่กลับกลายเป็นว่าผู้หญิงคนนี้บอบบางมาก แค่ผลักนิดเดียวก็น็อกหมดสติไปได้"แต่ว่า......" ไม่คิดเลยว่าหมอจะเปลี่ยนคำพูดขึ้นมาทันทีโม่ไป๋ที่ยังคงกังวล ได้ฟังก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที "แต่ว่าอะไร?""แต่ว่าสิ่งที่ผมตรวจได้ตอนนี้มีแค่แผลภายนอกเท่านั้น เนื่องจากคุณผู้หญิงได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ควรพาไปโรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติมเมื่อเธอตื่นแล้วครับ"เมื่อได้ยิน โม่ไป๋ก็เข้าใจสิ่งที่หมอหมา
"พี่โม่ไป๋ ฉัน......""ออกไปให้พ้น!" เขามักจะอบอุ่นอ่อนโยนเสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ในสายตาของหรงเค่ออิน โม่ไป๋ก็เป็นตัวแทนของสุภาพบุรุษมาโดยตลอด ดังนั้นวันนี้ที่เขาเปลี่ยนสีหน้าและพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน ทำให้หรงเค่ออินตกใจกลัว เธอยืนตะลึงมองโม่ไป๋อยู่สักพักกว่าจะได้สติ แล้วจึงหันหลังวิ่งออกไป พอหันมาก็เจอเกาอวี่ที่พาหมอกลับมา เกาอวี่เห็นหรงเค่ออินมีสีหน้าลำบากใจเดินออกไป คาดว่าเธอคงไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีจากโม่ไป๋ ทำให้เขาเองก็พลอยกังวลไปด้วยเมื่อเข้าไปข้างใน เขาไม่กล้าพูดอะไรที่มากเกินความจำเป็น ได้แต่พูดประเด็นหลักว่า "คุณโม่ หมอมาถึงแล้วครับ""เข้ามาดูหน่อย ว่าเธอบาดเจ็บตรงไหนบ้าง?"หมอเข้ามาตรวจดูอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นบาดแผลที่หน้าผากก็รีบทำแผลให้เธอ แล้วพูดว่า "ดูจากแผลนี้ น่าจะเป็นมาสักพักแล้วครับ" เมื่อโม่ไป๋ได้ยินก็หรี่ตาลงท่าทางอันตราย รังสีรอบตัวก็เย็นเยือกขึ้นอีกหลายเท่า เกาอวี่ถึงกับหดตัวด้วยความหวาดกลัว เขาคิดว่าโม่ไป๋จะตำหนิเขา แต่เปล่าเลย โม่ไป๋แค่เตือนหมอให้ตรวจเสิ่นหยินอู้อย่างละเอียด แล้วค่อยหันมามองเขา"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?"เมื่อได้ยิน เกาอ
หรงเค่ออินกับเกาอวี่ที่เดินตามหลังโม่ไป๋เข้ามา พอเห็นภาพนี้ก็หน้าถอดสี ทั้งสองคนสบตากัน "ทำไมถึงเป็นแบบนี้?"ทางด้านโม่ไป๋ที่อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นมา แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า "ติดต่อให้หมอมาที่นี่ด่วน" แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นเธอนอนอยู่บนพื้น ทุกความรู้สึกในใจเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความกังวลทันที เขาไม่มีอารมณ์อื่นใด นอกจากความเป็นห่วงและกลัวว่าเธอจะเป็นอะไร ปฏิกิริยาแรกของเขาคืออุ้มเธอขึ้นแล้วให้เกาอวี่ไปตามหมอ จากนั้นอุ้มเสิ่นหยินอู้วางลงบนเตียงนุ่มอย่างระมัดระวัง เกาอวี่ไปตามหมอ ส่วนหรงเค่ออินยังอยู่ที่นี่จากนั้นเธอก็ได้เห็นกับตาตัวเองว่าโม่ไป๋อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นเตียงด้วยท่าทางเอาใจใส่และระมัดระวังแค่ไหน ในใจเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาและริษยา เธอรู้จักโม่ไป๋มานานขนาดนี้ แต่ไม่เคยเห็นพี่โม่ไป๋ดีกับผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน แต่ผู้หญิงคนนี้ มีสิทธิ์อะไรถึงได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษจากพี่โม่ไป๋? พี่โม่ไป๋ชอบผู้หญิงคนนี้จริงๆ เหรอ? คิดได้แบบนั้น หรงเค่ออินอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองโม่ไป๋ กัดริมฝีปากตัวเองแล้วถาม "พี่โม่ไป๋ พี่ชอบเธอเหรอคะ?" โม่ไป๋เหมือนจะไม่ได้ยิน
พูดจบ เธอก็ปล่อยมือเกาอวี่ทันที จากนั้นวิ่งไปทางประตู "พี่โม่ไป๋! กลับมาแล้วเหรอคะ?"พอโม่ไป๋เดินเข้าประตูมาถอดเสื้อคลุมส่งให้คนใช้เสร็จ เขาก็เห็นหรงเค่ออินที่วิ่งเข้ามาหา ดวงตาเรียวยาวของเขาหรี่ลงทันที "หรงเค่ออิน? เธอมาที่นี่ได้ยังไง?" ท่าทีเย็นชาของเขาทำให้หรงเค่ออินหยุดชะงักอยู่ตรงหน้าเขา น้ำเสียงที่เขาพูดกับเธอเย็นชาสุดๆ ทำให้ใจของหรงเค่ออินชาไปครึ่งหนึ่ง เธอตัวเกร็งเล็กน้อยแล้วพูดเบาๆ ว่า "ฉัน ฉันคิดถึงพี่ ก็เลยมาหาค่ะ" แต่น่าเสียดายที่สายตาที่โม่ไป๋มองเธอเหมือนมองคนแปลกหน้า พอฟังเธอพูดจบ เขาก็พูดด้วยเสียงเย็นชา "ใครก็ได้ พาหรงเค่ออินกลับไปที" เกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พยักหน้ารับ"ได้ครับ คุณโม่""ไม่!" หรงเค่ออินรีบขัดขึ้น "พี่โม่ไป๋ เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน ฉันอุตส่าห์ลางานมาเจอพี่ นี่พี่รังเกียจฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?"เห็นได้ชัดว่าตอนนี้โม่ไป๋ไม่ได้สนใจเธอเลย แม้จะฟังที่เธอพูดไปแล้ว ในใจของเขาก็ไม่มีความรู้สึกใดๆ กลับตอบอย่างเย็นชาว่า "ฉันไม่มีเวลาต้อนรับเธอตอนนี้ เธอกลับไปก่อน ไว้โอกาสหน้าค่อยมาใหม่" พูดจบ โม่ไป๋ก็เดินตรงไปที่ชั้นบนทันที เขามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้อง
หรงเค่ออินที่ตัดสินใจได้แล้วก็ดีใจเหมือนลิงโลดในใจ ก่อนจะหันมาถามว่า "พี่เกาอวี่ ตอนนี้พี่โม่ไป๋อยู่ที่ไหน เขาจะกลับมาเมื่อไหร่?""คุณโม่ไป๋กำลังทำธุระสำคัญอยู่ครับ คงจะกลับมาช่วงค่ำ คุณหรงจะอยู่ทานข้าวเย็นที่นี่เลยไหมครับ?" หรงเค่ออินพยักหน้า "ได้ค่ะ งั้นฉันจะอยู่ทานข้าวที่นี่ด้วยเลย" พูดจบ เธอก็เหมือนนึกอะไรได้ หันไปมองห้องที่ล็อกอยู่พร้อมกับแค่นเสียง"ที่นี่......พี่โม่ไป๋คงไม่ได้มานานแล้วสินะ? ตอนนี้ดันกลับมาได้เพราะผู้หญิงคนนั้นเหรอ?" ยิ่งคิด หรงเค่ออินก็ยิ่งโกรธ อยากให้แรงที่ใช้ผลักเธอตอนนั้นมากกว่านี้ เธอน่าจะสั่งสอนอีกฝ่ายให้มากกว่านี้ ช่างเถอะ ถ้าหากเธอพักอยู่ที่นี่บ่อยๆ โอกาสที่จะจัดการผู้หญิงคนนั้นยังมีอีกเยอะหรงเค่ออินที่จะอยู่ต่อ ก็ให้เกาอวี่สั่งคนในบ้านมาจัดห้องให้ แล้วให้ส่งกระเป๋าของเธอมาที่นี่ จากนั้นเธอก็พักอยู่ที่นี่เลย โดยที่ห้องของเธอเป็นห้องที่ใกล้กับโม่ไป๋ เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ ก็ผ่านไปแล้วสามชั่วโมง หรงเค่ออินนอนอยู่บนเตียงใหญ่สักพัก ก่อนจะเดินออกไปถามเกาอวี่"ว่าแต่ ผู้หญิงที่พี่โม่ไป๋พากลับมา ได้สร้างความวุ่นวายอีกหรือเปล่า?"เกาอวี่ที่มัว
ถึงแม้ว่าเกาอวี่จะไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ที่มีผลกระทบต่อโม่ไป๋ แต่เขาก็ไม่กล้าลงมือกับเธอ เขาไม่คิดว่าหรงเค่ออินจะยื่นมือผลักเธอเข้าไปแล้วปิดประตู “คุณหรง......”หรงเค่ออินเงยหน้าขึ้นมองเขา “อะไรล่ะ? คุณไม่ได้บอกเหรอว่าเธอไม่อยากเข้าไป? งั้นฉันก็เลยใช้วิธีที่ง่ายที่สุดให้เธอเข้าไปไง พี่โม่ไป๋บอกไว้ไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้เธอหนีไปไหน? ทำไมยังไม่รีบล็อกประตูอีก?” เกาอวี่นิ่งไปสักพักก่อนจะยิ้มออกมา“คุณหรงพูดถูก ผมจะล็อกประตูเดี๋ยวนี้” ทั้งสองคนเข้ากันได้ดี ล็อกประตูอย่างรวดเร็วแล้วจากไปตอนที่จากไป ทั้งคู่ก้าวเท้าออกไปอย่างสบายใจ ไม่ได้สังเกตเลยว่าคนที่อยู่ในห้องล้มลงกับพื้นหลังจากถูกผลัก เสิ่นหยินอู้ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะวางอำนาจขนาดนี้ และยังลงมือผลักเธอเข้าไปในทันที หัวของเสิ่นหยินอู้กระแทกอย่างแรงทำให้เธอรู้สึกเจ็บ เธอพยายามพยุงตัวขึ้นด้วยมือ แต่ก็เกิดอาการวิงเวียนจนไม่สามารถทรงตัวได้ เธอยื่นมือไปแตะที่ท้ายทอย และพบกับความเปียกชื้น เธอยังไม่ทันได้มองความเปียกชื้นในฝ่ามือก็หมดสติไปอีกครั้ง – เกาอวี่เดินตามหรงเค่ออินลงบันได “คุณหรง ทำแบบนี้อาจทำให้คุณโม่ไม่พอใจนะครับ”“
ตอนขึ้นรถ เสิ่นหยินอู้เห็นที่นั่งข้างคนขับว่างอยู่ จึงนั่งลงตรงนั้นทันที ที่นั่งนี้เดิมทีเป็นของผู้ช่วยเฉิน ดังนั้นเมื่อคนขับเห็นเสิ่นหยินอู้นั่งอยู่ตรงนั้น จึงมองไปทางผู้ช่วยเฉิน“คุณเสิ่น ที่นั่งข้างคนขับไม่ปลอดภัยนะครับ ให้……”“ฉันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเลือกที่นั่งเลยเหรอคะ?”“ให้เธอนั่งเถอะ ขอแค่เธอสบายใจก็พอ” เสียงของโม่ไป๋ดังออกมาจากหูฟังก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะทันได้พูดอะไร ผู้ช่วยเฉินจึงไม่ได้พูดอะไรอีก ทุกคนขึ้นรถทีละคน เพราะก่อนหน้านี้คิดว่าเธอจะใส่แว่นตา รถจึงไม่ได้มีมาตรการป้องกันใดๆ เสิ่นหยินอู้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของถนนได้อย่างเต็มตา เธอมองเห็นทะเบียนรถ ไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็รู้ได้อย่างชัดเจนแล้วว่านี่คือที่ไหน เสิ่นหยินอู้จึงนั่งสบายๆ ชมทิวทัศน์นอกหน้าต่าง รวมถึงสิ่งก่อสร้างต่างๆ เส้นทางไม่ไกลนัก ประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกเธอก็มาถึงที่หมาย เสิ่นหยินอู้ลงจากรถตามหลังผู้ช่วยเฉินคำแรกหลังลงจากรถของเธอคือ “ฉินเย่ อยู่ไหน?” ผู้ช่วยเฉินไม่ตอบ มีคนจากฝั่งประตูเดินเข้ามารับหน้าที่แทนเขาเขาพูดอะไรกับผู้ช่วยเฉินอยู่สองสามคำ ก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะจากไป และก่อนที่เขาจะไปเ
เกิดอะไรขึ้น?โม่ไป๋ไม่ได้ใช้ฉินเย่มาควบคุมเธอหรอกหรอ? ทำไมถึงกลัวว่าเธอจะบอกคนอื่นล่ะ? ถึงเธอจะบอกคนอื่น แต่เธอก็ไปไหนไม่ได้ไม่ใช่หรอ? เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกไม่พอใจเห็นเธอยืนนิ่ง ๆ ผู้ช่วยเฉินก็พูดขึ้นว่า “คุณเสิ่น ถ้าคุณต้องการไปเจอคุณฉิน ก็กรุณาอย่าทำให้ทุกคนลำบากเลยครับ และอย่าทำให้เสียเวลา ถ้าคุณยอมเอาโทรศัพท์ให้เร็วขึ้น เราก็จะเดินทางกันเร็วขึ้น แต่ถ้าคุณไม่อยากให้ก็ได้ครับ เรามีเวลาอยู่ที่นี่กับคุณ” ผู้ช่วยเฉินตอนนี้เหมือนคนละคนกับตอนที่อยู่บนเครื่องบิน การสื่อสารที่ถูกตัดไปบนเครื่องบินตอนนี้น่าจะกลับมาแล้ว พวกเขาน่าจะเข้าสู่สถานะที่ถูกดักฟังอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเธอจะต้องยอมให้โทรศัพท์ไปแล้ว เมื่อคิดแบบนี้ เสิ่นหยินอู้ถึงยอมส่งโทรศัพท์ของเธอให้ผู้ช่วยเฉิน เขารับโทรศัพท์ไปกดปิดเครื่องและดึงซิมออกเสิ่นหยินอู้"......" ทำแบบนี้อีกแล้ว สุดท้ายจะไม่ได้เอาโทรศัพท์ที่ไม่มีซิมคืนให้เธอหรอกใช่ไหม? แต่ครั้งนี้เธอเดาผิด ผู้ช่วยเฉินไม่ได้คืนโทรศัพท์ให้เธอ แต่เก็บมันไว้ทั้งหมด "เราไปกันเถอะครับ" หลังจากนั้นตามการนำของผู้ช่วยเฉิน พวกเขาก็ไปที่ลานจอดรถใ