แม้ว่าเธอจะไม่ได้เซ็นต์ชื่อในสัญญาในตอนแรกก็ตาม แต่เธอก็กังวลเช่นกันว่าหลังจากเซ็นต์สัญญาจะมีปัญหาเกิดขึ้นในภายหลัง สำหรับเงื่อนไขที่เธอสัญญารับปากไป ในเมื่อเธอรับปากไปแล้ว เธอจะทำมันให้ได้อย่างเต็มที่ เห็นได้ชัดว่าโจวชวงชวงซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเธอไม่ได้คิดแบบเดียวกันกับเธอเลย “เอ่อ พอเธอพูดถึงเรื่องนี้ฉันก็คิดว่ายัยนั่นหน้าด้านนะ มาใช้ประโยชน์จากเรื่องที่เคยช่วยเธอเอาไว้แล้วให้เธอออกจากจีนไป ถ้าทุกคนที่ช่วยเหลือคนอื่นให้คนๆนั้นตอบแทนบุญคุณด้วยวิธีไร้ยางอายแบบนี้แล้วล่ะก็ งั้นก็ไม่ต้องช่วยตั้งแต่แรกดีกว่า” เมื่อเทียบกับความโกรธของเธอแล้ว เสิ่นหยินอู้ก็สงบกว่ามาก เธอเพียงแค่ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า "ช่วยไม่ได้นี่นา ใครให้ฉันเป็นหนี้บุญคุณเธอล่ะ?" โจวชวงชวงต้องการจะว่าเธอ แต่เสิ่นหยินอู้หยุดเธอไว้ “โอเค ฉันรู้ว่าเธอรู้สึกโกรธแทนฉัน แต่เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แล้ว เราต้องใจเย็นไว้ โอเคไหม?” “อืม” โจวชวงชวงทำได้เพียงพยักหน้าอย่างหดหู่ แต่เมื่อนึกถึงการที่เสิ่นหยินอู้ต้องจากไป เธอก็ยังรู้สึกเศร้า "งั้นถ้าหลังจากนี้เธอไปต่างประเทศ เราคงจะไม่ได้เจอกันบ่อยๆแล้วใช่ไหม?" เสิ่นหยิ
“ยังไม่มีวิธีอะไร หรือว่ายังคิดไม่ออกกันแน่?” โม่ไป๋ใช้ปลายเล็บแคะโต๊ะเบาๆ น้ำเสียงแฝงรอยยิ้ม “ไม่ใช่ว่าต้องเลี้ยงลูกคนเดียวด้วยเหรอ ยังไม่มีวิธีไม่ได้นะ”ได้ยินดังนั้น เสิ่นหยินอู้ก็เงยหน้าขึ้นสบตามองดวงตาอบอุ่นแฝงรอยยิ้มคู่หนึ่งผ่านแว่นตา“มาช่วยฉันไหมล่ะ?” โม่ไป๋เสนอเสิ่นหยินอู้ส่ายหน้าโดยสัญชาตญาณ“ไม่ล่ะ”“ปฏิเสธไวขนาดนั้นเลย? กลัวว่าข้อเสนอของฉันจะไม่ดีงั้นเหรอ?”“เปล่า” เสิ่นหยินอู้ส่ายหน้า “นายจะทำธุรกิจในประเทศระยะยาวไม่ใช่เหรอ? สองวันนี้ฉันก็น่าจะไปแล้ว”ได้ยินดังนั้น โม่ไป๋ก็หรี่ตาลง“ไปไหน?”“ต่างประเทศ” เสิ่นหยินอู้ตอบนิ่งๆนิ้วมือของโม่ไป๋เกร็งแน่นหลายส่วน หลังจากนั้นไม่นานก็คลายออก“เหมือนที่ฉันคิดไว้จริงๆ ด้วย ฉันคิดว่าเธอจะอยู่ต่อซะอีก”“นายรู้ว่าฉันจะไปต่างประเทศ?”“พ่อเธออยู่ต่างประเทศ เธอคิดว่าฉันจะไม่รู้เหรอ?”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ โม่ไป๋ก็หัวเราะกล่าวว่า “บังเอิญมาก เพราะก่อนที่ฉันจะกลับมา ฉันได้เจอกับคุณลุงด้วย”ข่าวสารนี้สำหรับเสิ่นหยินอู้ถือว่าเซอร์ไพรส์มาก“นายเคยเจอพ่อฉันแล้วเหรอ? ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก? ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง?”ปลายนิ้วมือของโ
เปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว?รอยยิ้มบนใบหน้าของเสิ่นหยินอู้เรียบนิ่งมาก แสงสลัวภายในห้องทำให้ใบหน้าของเธอดูอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย ปอยผมข้างแก้มบังดวงตาคู่งามของเธอ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นแววตาของเธอได้ชัดเจนเหลือเพียงเสียงอ่อนโยนของเธอ“ฉันไม่มีทางให้ย้อนกลับตั้งนานแล้ว และไม่เคยคิดจะเปลี่ยนใจด้วย”บรรยากาศอึดอัดขึ้นมากะทันหันโม่ไป๋มองเธอเงียบๆ อยู่นาน สุดท้ายถอนหายใจแล้วอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปลูบศีรษะของเธอ“เอาเถอะ เรื่องเสียใจไม่ต้องไปคิดถึงมันแล้ว ยังไงมันก็ผ่านมาแล้ว”เสิ่นหยินอู้ถอนหายใจถาม “นั่นน่ะสิ ยังไงก็ผ่านมาแล้ว ไม่มีอะไรต้องไปคิดถึงอีก”คิดมากไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอก_ขณะที่โจวชวงชวงกลับมา ได้ยินว่าเสิ่นหยินอู้จะไปพร้อมกับโม่ไป๋คืนนี้ ก็อ้ำอึ้งอยู่กับที่ จากนั้นดวงตาก็ค่อยๆ แดงเธอกลั้นน้ำตาเอาไว้แสร้งทำเหมือนเข้มแข็ง แล้วพูดยิ้มๆ “ไฟล์ทคืนนี้เหรอ? เร็วจัง แล้วเธอเก็บของเสร็จหรือยังล่ะ?”“อืม เสร็จแล้ว”“ลืมอะไรไว้อีกไหม เดี๋ยวฉันไปดูให้”โจวชวงชวงหันตัวเดินเข้าห้องไปเสิ่นหยินอู้เดินตามข้างหลัง ดูหล่อนค้นตรงนั้นทีตรงนี้ที สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร“ไม่ลืมอะไรแล้ว เ
“ไม่ใช่ว่าเกรงใจนาย แต่ว่ามีน้อยจริงๆ…”ตอนแรกโม่ไป๋ยังไม่เชื่อ แต่จนเสิ่นหยินอู้หยิบกระเป๋าเดินทางออกมา เขาถึงจะเข้าใจว่าเสิ่นหยินู้ไม่ได้เกรงใจเขาจริงๆเพราะว่าเธอมีกระเป๋าเดินทางใบเล็กๆ แค่ใบเดียวทั้นโม่ไป๋มองเธออยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยื่นมือออกไปหาเธอ “ฉันถือให้”เสิ่นหยินอู้ “?”“ไม่ต้องหรอกมั้ง แค่นี้เอง.จากนั้น โม่ไป๋ก็แย่งกระเป๋ามาจากมือเธอ เสิ่นหยินอู้หมดคำพูด แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ว่าอะไรโจวชวงชวงขึ้นรถไปสนามบินพร้อมกันกับพวกเขาหลังจากถึงสนามบินแล้วโจวชวงชวงที่กลั้นน้ำตาเอาไว้ทั้งวัน ก็กอดเสิ่นหยินอู้ไว้แล้วปล่อยโฮออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่อีกต่อไป“ฮือๆๆ เสิ่นหยินอู้ ฉันขอเตือนเธอไว้เลยนะ เธอห้ามลืมฉันล่ะ ถ้าเธอกล้าลืมฉันล่ะก็ ฉันจะซื้อตั๋วบินไปรังควานเธอแน่”เสิ่นหยินอู้เองก็ตาแดงไปด้วย แล้วกอดหล่อน“ไม่ลืมหรอก”“ถ้างั้นเธอสัญญากับฉันว่าฉันเป็นเพื่อนสนิทของเธอ ถึงเธอจะไปที่นั่น ก็ห้ามมีเพื่อนสนิทที่สนิทมากกว่าฉันเด็ดขาด”“โอเค ฉันสัญญา”“ถ้ามีเพื่อนผู้ชาย ก็ห้ามเก็บไว้คนเดียว ต้องแนะนำให้ฉันด้วย”“โอเคๆ ฉันรู้แล้ว”“ถ้าว่างฉันจะไปหาเธอนะ”“อืม ฉันจะรอเธอไปหา
5 ปีผ่านไปช่องไลฟ์ของเสี่ยวไท่หยางในติ๊กต๊อก“ยินดีต้อนรับเข้าสู่ไลฟ์ม็อกบังของเสี่ยวไท่หยางนะคะ/ครับ เมนูที่เราจะทำกันในวันนี้คือเมนูซีฟู๊ดสองอย่างค่ะ”เด็กน้อยสองพี่น้องน่ารักน่าชังรายงานอยู่ในไลฟ์ กำลังแกะกระเพาะกุ้งอยู่หน้ากล้องเสิ่นเหมิงเหมิงถือไม้จิ้มฟันกำลังแกะกระเพาะกุ้งอย่างจริงจัง แต่มือลื่นทำให้กุ้งตกลงพื้น“เสิ่นเหมิงเหมิง!”เสิ่นเหมิงเหมิงตกใจรีบก้มลงไปเก็บกุ้งหลังจากเก็บได้แล้วก็มองเสิ่นซือเหนียนที่สูงกว่าเธอเล็กน้อยด้วยสีหน้าน่าสงสาร ดวงตาสีดำกลมโตของเธอยิ่งดูไร้เดียงสา “พี่ หนูขอโทษค่ะ”เด็กน้อยอายุห้าขวบเท่ากัน เสิ่นเหมิงเหมิงใสซื่อและสดใส แต่เสิ่นซือเหนียนกลับดูสุขุมเหมือนผู้ใหญ่ แม้จะยังเด็ก แต่ดูจากหว่างคิ้วก็รู้ว่าในอนาคตต้องเป็นนายแบบที่จะทำให้ผู้หญิงนับพันนับหมื่นหลงหัวปักหัวปำแน่นอน“พี่ขา~” เสิ่นเหมิงเหมิงเห็นว่าเสิ่นซือเหนียนไม่สนใจต มือขาวนวลน้อยๆ ยื่นนิ้วออกมาดึงเสื้อของเขา แล้วออดอ้อนว่า “ขอโทษหน่านะ พี่ยกโทษให้เหมิงเหมิงเถอะน๊า ดะ…เดี๋ยวคืนนี้เหมิงเหมิงจะกินกุ้งแค่สองตัว! ที่…ที่เหลือให้พี่หมดเลย!”“ยังมีหน้ามาพูดอีก? วันก่อนๆ ใครกันที่กินกุ้ง
แต่เด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เด็กผู้ชายกลับกะพริบตาส่งจูบให้กับกล้องอย่างมีชีวิตชีวา ถึงขนาดส่งมินิฮาร์ทให้เขาด้วย“ขอบคุณคุณลุงเยี่ยมู่มากนะคะ คุณลุงเยี่ยมู่ใจป้ำมาก!”เสียงของเด็กผู้หญิงนิ่มนวลน่าฟัง เสียงเล็กเสียงน้อย การกระทำที่ทำออกมาดูป้ำๆ เป๋อๆ บ้าง แต่ไม่รู้เพราะอะไร เพียงแค่การกระทำเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ก็ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจริมฝีปากบางของชายหนุ่มที่วินาทีก่อนหน้ายังดูเย็นชา แต่ตอนนี้ดูเหมือนน้ำแข็งจะละลาย และโค้งมุมปากขึ้นเล็กน้อยเทียบกันแล้ว เขาชอบเด็กผู้หญิงมากกว่าไม่เหมือนเด็กผู้ชายที่ยืนยันจะให้เขาหยุดส่งของขวัญ แต่เธอจะส่งจูบ และมินิฮาร์ทให้กับเขาตลอดถ้าเขาเองก็มีลูกสาวล่ะก็…ระหว่างที่กำลังครุ่นคิด ประตูห้องทำงานก็ดังขึ้นผู้ช่วยเปิดประตูเข้ามา แล้วกล่าวว่า “ประธานฉิน ประชุมใกล้จะเริ่มแล้ว เราต้องออกเดินทางแล้ว”หลี่มู่ถิงชะงักกับรอยยิ้มบริเวณมุมปากของฉินเย่ที่ยังไม่ทันจางหายไป หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงเด็กน้อยดังมาจากโทรศัพท์ของเขาพลันอึ้งในบัดดลประธานฉินของพวกเขาดูไลฟ์ของเด็กน้อยสองคนนั้นอีกแล้วเรื่องนี้พูดแล้วก็ยาวเมื่อหนึ่งปีก่อน เขามาประชุมกับประธา
บริเวณมุมหน้าจอถ่ายติดเพียงเงาร่างที่ไม่ชัดเจนของหญิงสาว น่าจะประมาณไม่กี่วินาทีเท่านั้น เงาร่างผอมเพรียวของหญิงสาวก็หายไปสิ่งที่ดังขึ้นพร้อมกันคือเสียงวิ่งของเด็กทั้งสองคนที่พุ่งไปหาหญิงสาว“หม่ามี๊”“หม่ามี๊กลับมาแล้วเหรอคะ/ครับ เหนื่อยแย่เลย”เด็กน้อยทั้งสองเอาใจใส่ดีมาก ถามไถ่หญิงสาวอย่างเอาใจใส่ไม่หยุดหย่อนเพราะห่างกันไกลมาก ดังนั้นจึงได้ยินเสียงของหญิงสาวไม่ชัดเจนนักไม่นาน เด็กน้อยทั้งสองก็กลับมาเข้ากล้อง“คุณลุงคุณน้า พี่ๆ ครับ หม่ามี๊ของพวกผมกลับมาแล้ว วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ”เสิ่นซือเหนียนกลับมาก็พูดอธิบายไปประโยคหนึ่งน้องสาวฝาแฝดของเขาเริ่มส่งมินิฮาร์ทใส่กล้องอยู่ข้างๆ อีกครั้ง“คุณลุงคุณน้า พี่ๆ ทุกคนลาก่อนนะคะ~”แม้ว่าผู้ชมในไลฟ์จะรู้สึกเสียดาย เพราะอย่างไรเด็กทั้งสองไลฟ์แค่ครั้งสองครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น แต่วันนี้ไลฟ์ไปได้ไม่เท่าไหร่ก็จะปิดไลฟ์แล้วถึงแม้จะไม่อยากลาจากไป แต่สุดท้ายก็ได้แต่อำลากับเด็กน้อยทั้งสองหน้าจอดับพรึบ เผยคำว่าผู้ไลฟ์จบการถ่ายทอดสดแล้ว ฉินเย่ยังคงจ้องที่โทรศัพท์อยู่พักหนึ่งเสียงของหลี่มู่ถิงดังขึ้นอีกครั้ง“ประธานฉิน ถ้าไม่ไปอีก
เด็กฝึกงานอึดอัดเล็กน้อยเธออยากบอกว่าเด็กในไลฟ์ไม่เหมือนไปศัลยกรรมมาเลยนี่ คนที่ทำศัลยกรรมมาถึงจะดูดีแค่ไหน แต่ก็จะขาดกลิ่นอาย แต่กลิ่นอายของเด็กสองคนนั้น…แต่ทว่าแม้จะเหมือนแค่ไหน ประธานฉินของพวกเขาก็ไม่มีทางมีลูกที่โตขนาดนี้หรอกเพราะอย่างไรบนโลกนี้จะมีผู้หญิงที่มีลูกประธานฉินแล้วแต่ไม่พามายอมรับได้ยังไง?แค่คิดก็รู้สึกไม่สมเหตุสมผลแล้วดังนั้นเธอก็เลยถามเรื่องอื่นแทน“แต่ว่าเด็กที่หน้าตาคล้ายพวกนั้น ประธานฉินไม่เคยคิดสงสัยสักครั้งเลยเหรอว่าอาจไม่ใช่ทำศัลยกรรมมา แต่เป็นลูกแท้ๆ น่ะ?”ได้ยินดังนั้น หลี่มู่ถิงก็หัวเราะแห้งออกมาอย่างเย็นชา“เธอคิดว่าประธานฉินของเราเป็นใครกัน? ประธานฉินของเราแม้จะดื่มจนเมาแอ๋ แต่ก็ไม่มีทางแตะต้องผู้หญิงแปลกหน้าแน่นอน ความแน่วแน่นั้นไม่ใช่ใครๆ ก็สามารถทำได้”นึกบางอย่างขึ้นได้ หลี่มู่ถิงก็เสริมไปอีกประโยคหนึ่ง“อย่าว่าแต่ผู้หญิงแปลกหน้าเลย ถึงแม้จะเป็นคุณหนูเจียงที่อยู่เคียงข้างประธานฉินมาหลายปี ถูกเรียกว่าเป็นคนสนิทและเป็นผู้ช่วยชีวิตประธานฉินของเราไว้ ประธานฉินของเราก็ไม่แตะต้องเลย แม้จะเมาก็ตาม”หลายปีที่เขาเป็นผู้ช่วยประธานฉินมา เขาเห็นความ