5 ปีผ่านไปช่องไลฟ์ของเสี่ยวไท่หยางในติ๊กต๊อก“ยินดีต้อนรับเข้าสู่ไลฟ์ม็อกบังของเสี่ยวไท่หยางนะคะ/ครับ เมนูที่เราจะทำกันในวันนี้คือเมนูซีฟู๊ดสองอย่างค่ะ”เด็กน้อยสองพี่น้องน่ารักน่าชังรายงานอยู่ในไลฟ์ กำลังแกะกระเพาะกุ้งอยู่หน้ากล้องเสิ่นเหมิงเหมิงถือไม้จิ้มฟันกำลังแกะกระเพาะกุ้งอย่างจริงจัง แต่มือลื่นทำให้กุ้งตกลงพื้น“เสิ่นเหมิงเหมิง!”เสิ่นเหมิงเหมิงตกใจรีบก้มลงไปเก็บกุ้งหลังจากเก็บได้แล้วก็มองเสิ่นซือเหนียนที่สูงกว่าเธอเล็กน้อยด้วยสีหน้าน่าสงสาร ดวงตาสีดำกลมโตของเธอยิ่งดูไร้เดียงสา “พี่ หนูขอโทษค่ะ”เด็กน้อยอายุห้าขวบเท่ากัน เสิ่นเหมิงเหมิงใสซื่อและสดใส แต่เสิ่นซือเหนียนกลับดูสุขุมเหมือนผู้ใหญ่ แม้จะยังเด็ก แต่ดูจากหว่างคิ้วก็รู้ว่าในอนาคตต้องเป็นนายแบบที่จะทำให้ผู้หญิงนับพันนับหมื่นหลงหัวปักหัวปำแน่นอน“พี่ขา~” เสิ่นเหมิงเหมิงเห็นว่าเสิ่นซือเหนียนไม่สนใจต มือขาวนวลน้อยๆ ยื่นนิ้วออกมาดึงเสื้อของเขา แล้วออดอ้อนว่า “ขอโทษหน่านะ พี่ยกโทษให้เหมิงเหมิงเถอะน๊า ดะ…เดี๋ยวคืนนี้เหมิงเหมิงจะกินกุ้งแค่สองตัว! ที่…ที่เหลือให้พี่หมดเลย!”“ยังมีหน้ามาพูดอีก? วันก่อนๆ ใครกันที่กินกุ้ง
แต่เด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เด็กผู้ชายกลับกะพริบตาส่งจูบให้กับกล้องอย่างมีชีวิตชีวา ถึงขนาดส่งมินิฮาร์ทให้เขาด้วย“ขอบคุณคุณลุงเยี่ยมู่มากนะคะ คุณลุงเยี่ยมู่ใจป้ำมาก!”เสียงของเด็กผู้หญิงนิ่มนวลน่าฟัง เสียงเล็กเสียงน้อย การกระทำที่ทำออกมาดูป้ำๆ เป๋อๆ บ้าง แต่ไม่รู้เพราะอะไร เพียงแค่การกระทำเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ก็ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจริมฝีปากบางของชายหนุ่มที่วินาทีก่อนหน้ายังดูเย็นชา แต่ตอนนี้ดูเหมือนน้ำแข็งจะละลาย และโค้งมุมปากขึ้นเล็กน้อยเทียบกันแล้ว เขาชอบเด็กผู้หญิงมากกว่าไม่เหมือนเด็กผู้ชายที่ยืนยันจะให้เขาหยุดส่งของขวัญ แต่เธอจะส่งจูบ และมินิฮาร์ทให้กับเขาตลอดถ้าเขาเองก็มีลูกสาวล่ะก็…ระหว่างที่กำลังครุ่นคิด ประตูห้องทำงานก็ดังขึ้นผู้ช่วยเปิดประตูเข้ามา แล้วกล่าวว่า “ประธานฉิน ประชุมใกล้จะเริ่มแล้ว เราต้องออกเดินทางแล้ว”หลี่มู่ถิงชะงักกับรอยยิ้มบริเวณมุมปากของฉินเย่ที่ยังไม่ทันจางหายไป หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงเด็กน้อยดังมาจากโทรศัพท์ของเขาพลันอึ้งในบัดดลประธานฉินของพวกเขาดูไลฟ์ของเด็กน้อยสองคนนั้นอีกแล้วเรื่องนี้พูดแล้วก็ยาวเมื่อหนึ่งปีก่อน เขามาประชุมกับประธา
บริเวณมุมหน้าจอถ่ายติดเพียงเงาร่างที่ไม่ชัดเจนของหญิงสาว น่าจะประมาณไม่กี่วินาทีเท่านั้น เงาร่างผอมเพรียวของหญิงสาวก็หายไปสิ่งที่ดังขึ้นพร้อมกันคือเสียงวิ่งของเด็กทั้งสองคนที่พุ่งไปหาหญิงสาว“หม่ามี๊”“หม่ามี๊กลับมาแล้วเหรอคะ/ครับ เหนื่อยแย่เลย”เด็กน้อยทั้งสองเอาใจใส่ดีมาก ถามไถ่หญิงสาวอย่างเอาใจใส่ไม่หยุดหย่อนเพราะห่างกันไกลมาก ดังนั้นจึงได้ยินเสียงของหญิงสาวไม่ชัดเจนนักไม่นาน เด็กน้อยทั้งสองก็กลับมาเข้ากล้อง“คุณลุงคุณน้า พี่ๆ ครับ หม่ามี๊ของพวกผมกลับมาแล้ว วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ”เสิ่นซือเหนียนกลับมาก็พูดอธิบายไปประโยคหนึ่งน้องสาวฝาแฝดของเขาเริ่มส่งมินิฮาร์ทใส่กล้องอยู่ข้างๆ อีกครั้ง“คุณลุงคุณน้า พี่ๆ ทุกคนลาก่อนนะคะ~”แม้ว่าผู้ชมในไลฟ์จะรู้สึกเสียดาย เพราะอย่างไรเด็กทั้งสองไลฟ์แค่ครั้งสองครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น แต่วันนี้ไลฟ์ไปได้ไม่เท่าไหร่ก็จะปิดไลฟ์แล้วถึงแม้จะไม่อยากลาจากไป แต่สุดท้ายก็ได้แต่อำลากับเด็กน้อยทั้งสองหน้าจอดับพรึบ เผยคำว่าผู้ไลฟ์จบการถ่ายทอดสดแล้ว ฉินเย่ยังคงจ้องที่โทรศัพท์อยู่พักหนึ่งเสียงของหลี่มู่ถิงดังขึ้นอีกครั้ง“ประธานฉิน ถ้าไม่ไปอีก
เด็กฝึกงานอึดอัดเล็กน้อยเธออยากบอกว่าเด็กในไลฟ์ไม่เหมือนไปศัลยกรรมมาเลยนี่ คนที่ทำศัลยกรรมมาถึงจะดูดีแค่ไหน แต่ก็จะขาดกลิ่นอาย แต่กลิ่นอายของเด็กสองคนนั้น…แต่ทว่าแม้จะเหมือนแค่ไหน ประธานฉินของพวกเขาก็ไม่มีทางมีลูกที่โตขนาดนี้หรอกเพราะอย่างไรบนโลกนี้จะมีผู้หญิงที่มีลูกประธานฉินแล้วแต่ไม่พามายอมรับได้ยังไง?แค่คิดก็รู้สึกไม่สมเหตุสมผลแล้วดังนั้นเธอก็เลยถามเรื่องอื่นแทน“แต่ว่าเด็กที่หน้าตาคล้ายพวกนั้น ประธานฉินไม่เคยคิดสงสัยสักครั้งเลยเหรอว่าอาจไม่ใช่ทำศัลยกรรมมา แต่เป็นลูกแท้ๆ น่ะ?”ได้ยินดังนั้น หลี่มู่ถิงก็หัวเราะแห้งออกมาอย่างเย็นชา“เธอคิดว่าประธานฉินของเราเป็นใครกัน? ประธานฉินของเราแม้จะดื่มจนเมาแอ๋ แต่ก็ไม่มีทางแตะต้องผู้หญิงแปลกหน้าแน่นอน ความแน่วแน่นั้นไม่ใช่ใครๆ ก็สามารถทำได้”นึกบางอย่างขึ้นได้ หลี่มู่ถิงก็เสริมไปอีกประโยคหนึ่ง“อย่าว่าแต่ผู้หญิงแปลกหน้าเลย ถึงแม้จะเป็นคุณหนูเจียงที่อยู่เคียงข้างประธานฉินมาหลายปี ถูกเรียกว่าเป็นคนสนิทและเป็นผู้ช่วยชีวิตประธานฉินของเราไว้ ประธานฉินของเราก็ไม่แตะต้องเลย แม้จะเมาก็ตาม”หลายปีที่เขาเป็นผู้ช่วยประธานฉินมา เขาเห็นความ
บริเวณชานเมืองในบ้านสไตล์จีนขนาดกลางไม่เล็กไม่ใหญ่หลังหนึ่ง“หม่ามี๊! หม่ามี๊!”หลังจากปิดไลฟ์แล้ว เด็กน้อยทั้งสองก็วิ่งเข้าไปในอ้อมกอดของเสิ่นหยินอู้ซ้ายขวาคนละฝั่ง แล้วใช้มือน้อยๆ กอดเอาไว้ จากนั้นสูดดมกลิ่นครีมอาบน้ำหอมๆ บนตัวของเสิ่นหยินอู้หญิงสาวที่ก้มตัวลงไปกอดเหมิงเหมิงไว้ดวงตาสดใสราวกับกระจกไข่มุก ขนตายาวเรียงกันเป็นแพ ดูสดใสสุดๆ“ปิดไลฟ์แล้วเหรอจ๊ะ?” เสิ่นหยินอู้ถามด้วยน้ำเสียงชัดเจนและสดใส“อื้ม” เสิ่นเหมิงเหมิงใช้แก้มไปสัมผัสบริเวณต้นคอและคางของเสิ่นหยินอู้ แล้วพูดออดอ้อนเสิ่นซือเหนียนเหลือบมองน้องสาวของตัวเองแวบหนึ่ง แล้วพูดด้วยความจริงจังว่า “หม่ามี๊ครับ คนคนนั้นส่งของขวัญมาอีกแล้วครับ”คนคนนั้น?เสิ่นหยินอู้มึนงง“คุณลุงเยี่ยมู่เหรอ?”เสิ่นซือเหนียนพยักหน้า แล้วเม้มริมฝีปาก ตอบว่า “ผมบอกคุณลุงเยี่ยมู่แล้ว แต่คุณลุงเยี่ยมู่ไม่ฟัง”ได้ยินดังนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ยื่นมือไปลูบศีรษะของเสิ่นซือเหนียน แล้วยิ้มเบาๆ“ช่างเถอะ ส่งก็ส่ง”เพราะไม่อยากทำให้ปัญหานี้ติดตัวเด็กสองคนนานเกินไป เสิ่นหยินอู้จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “หิวไหม? วันนี้อยากกินอะไรจ๊ะ?”เสิ่นเหมิงเหมิงที่
การหมักต้องใช้เวลา ดังนั้นเสิ่นหยินอู้จึงไปจัดการกับเรื่องอื่นก่อน ระหว่างนั้น เธอก็นึกถึงอะไรบางอย่างได้จึงหันไปที่ห้องนั่งเล่นแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือที่ใช้ไลฟ์ขึ้นมา ไลฟ์วันนี้ ลูกน้อยทั้งสองของเธอได้รับแฟนคลับมากมาย และวิดีโอใหม่ที่เพิ่งโพสต์ไป ก็มีแต่คนคอมเมนต์ว่าน่ารักเกินปุยมุ้ย คอมเมนต์ที่มีคนกดไลก์มากที่สุดคือ: “เลี้ยงเด็กนิสัยดีแบบนี้ออกมาได้ยังไง?” เธอยิ้มและตอบอย่างซุกซน: “ฉันเลี้ยงลูกครั้งแรกอาจจะไม่มีข้อแนะนำดีๆ อะไรให้กับคุณ” หลังจากตอบกลับ เธอก็ดูรายได้ของวันนี้ไม่ดูไม่เป็นไร แต่พอดูแล้วก็พบว่าเยี่ยมู่เฉินจี้ได้ส่งของขวัญให้กับเด็กทั้งสองคนอีกแล้วของขวัญก่อนหน้านี้ บวกกับของวันนี้แล้ว เธอลองคิดลวกๆ ดูแล้วพบว่าเงินที่เข้ากระเป๋านั้นมากเกินไปแล้วเสิ่นหยินอู้ไม่ขาดแคลนเงินเลี้ยงดูลูกที่ลูกทั้งสองคนไลฟ์ก็เพราะว่าชอบ ขอแค่ลูกทั้งสองคนมีความสุขก็พอแล้วแต่คาดไม่ถึงว่าหลังจากไลฟ์แล้วจะมีรายรับมากขนาดนี้ แต่ว่าผู้ชมเหล่านั้นก็น่ารักมาก เธอบอกว่าไม่ต้องให้ของขวัญ หากมีคนอยากให้ของขวัญจริงๆ แค่ส่งของขวัญฟรีให้ก็พอแต่มีเพียงคนที่ชื่อเยี่ยมู่เฉินจี้เท่านั้นที่จะส
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายบอกว่าตนเป็นแม่ของเด็กน้อย แววตาของฉินเย่ก็นิ่งขรึมแล้วไม่ได้ตอบกลับอะไรเขาเพียงแค่นั่งก้มหน้าก้มตามองโทรศัพท์ด้วยสีหน้านิ่งๆ ไม่มีทีท่าอื่นๆแต่คนในห้องประชุมกลับแปลกเพราะท่าทีของเขาขยับเล็กน้อย แม้แต่คนที่กำลังพูดนำเสนองานอยู่ก็เริ่มพูดติดอ่างขึ้นมาเด็กฝึกงานไม่เคยเห็นสถานการณ์แบบนี้มาก่อน จึงตกใจสะดุ้งทำปากกาหล่นพื้นไป อยากจะมุดหัวเข้าสมุดเลยจริงๆหลี่มู่ถิงสะท้านในตอนแรกๆ แต่ต่อมาก็ใจเย็นลงเรื่องแบบนี้ เขาชินไปตั้งนานแล้วแต่ก่อนก็มี ตอนที่กำลังประชุมอยู่ แต่ตรงกับช่วงที่เด็กสองคนกำลังไลฟ์พอดี เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อหน้าทุกคนทันทีถึงแม้จะไม่มีกฎอะไร แต่ทุกคนไม่มีทางที่จะเล่นโทรศัพท์ตอนประชุมอยู่แล้วแต่บอสฉินเป็นใคร?เขาจะทำแบบนี้ มีใครกล้าพูดอะไรเขาบ้าง?ทุกคนเพียงแค่หลับหูหลับตา ใครให้เขาเป็นเจ้าของบริษัทนี้ล่ะ?เหมือนตอนนี้ หลี่มู่ถิงกระแอมเบาๆ แล้วปริปากแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ต่อเถอะๆ”วินาทีต่อมา ฉินเย่ก็เก็บโทรศัพท์ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น มือทั้งสองข้างวางอยู่บนโต๊ะ สีหน้าเย็นเยือกถึงขีดสุดฝูงชน “…”ถูกเขาจ้องด้วยสายตาเย็นชาเ
กล่าวจบ เสิ่นหยินอู้ก็ยื่นมือออกไปดีดปลายจมูกของเสิ่นเหมิงเหมิงเบาๆได้ยินดังนั้น เสิ่นเหมิงเหมิงลืมตากลมโต เธอสวมชุดนอนสีขาวนมดูนุ่มนิ่มราวกับเค้กที่เพิ่งออกจากเตาอย่างไรอย่างนั้นเธอถึงขนาดตั้งใจคิดพิจารณากับคำพูดของเสิ่นหยินอู้ หลังจากคิดเสร็จแล้วถึงจะพยักหน้าหงึกๆ“ก็ได้ ถ้างั้นหนูโตแล้วหนูจะช่วยหม่ามี๊เยอะๆ เลย”“ได้สิจ๊ะ ถ้างั้นเหมิงเหมิงสัญญากับหม่ามี๊แล้วนะ ไปเล่นเถอะ”“อุ๊บ ถ้างั้นหม่ามี๊ต้องจุ๊บตรงนี้” เสิ่นเหมิงเหมิงชี้ไปที่หน้าผากของตนเองเสิ่นหยินอู้อดไม่ได้ที่จะขำออกมา เธอก้มหน้าแล้วจูบลงบนหน้าผากของเด็กน้อย เสิ่นเหมิงเหมิงถึงจะพอใจแล้วเดินจากไปเสิ่นซือเหนียนออกมาเห็นฉากนี้เข้า ในใจพลันรู้สึกอิจฉาเขาเดินเข้าไปหาเสิ่นหยินอู้ช้าๆ แต่กลับไม่ให้ซุ่มให้เสียงเสิ่นหยินอู้ก้มหน้าเช็ดโต๊ะ พบว่าเสิ่นซือเหนียนยืนอยู่ที่ปลายเท้าของตนเอง มองเธออยู่อย่างนั้น แต่ริมฝีปากกลับเม้มแน่นไม่ยอมปริปากเหมือนผู้ใหญ่น้อยคนหนึ่งเสิ่นหยินอู้ชะงักไปรอบหนึ่ง แล้วก้มหัวจูบที่หน้าของเขาด้วย“รีบเข้าไปเล่นกับน้องเถอะ”เสิ่นซือเหนียนที่อารมณ์ไม่ดีเล็กน้อย ได้รับจูบจากเสิ่นหยินอู้แล้ว ก็ดี