แชร์

บทที่ 98

ผู้เขียน: ลิ่วเยว่
บนบันไดหินหน้าระเบียงทางเดิน คนกลุ่มหนึ่งเดิมห้อมล้อมเซ่อเจิ้งอ๋องมู่หรงฉิงเทียนเข้ามา

ท่ามกลางแสงเทียนเลือนราง จ่านเหยียนเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเขาสวมใส่ชุดคลุมสีขาวนวลดั่งแสงจันทร์ คาดผ้าคาดเอวสีทองไว้บนช่วงเอว บริเวณกลางผ้าคาดเอวฝังหยกโมราสีเขียวขนาดเท่าไข่นกกระทาไว้หนึ่งชิ้น มันทอประกายหลากสีสันออกมาใต้แสงเทียน

นี่เป็นครั้งที่สามที่จ่านเหยียนได้พบเขา ทว่าบุรุษผู้นี้มักมอบความสะเทือนขวัญใหม่ ๆ แก่นางทุกครั้งที่ได้เจอ

ใบหน้าของเขาและฉีชินอ๋องมู่หรงหานเทียนละม้ายคล้ายคลึงกันสามถึงสี่ส่วน ทว่าแฝงไปด้วยความเด็ดขาดสองอย่างที่ต่างกันออกไป

สามารถใช้คำว่าอ่อนโยนดุจหยกมาบรรยายได้ฉีชินอ๋อง ส่วนเขานั้นกลับมีรัศมีองอาจดุดันแผ่ออกมาทั้งกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขาไม่ได้ตั้งแต่แผ่ความองอาจดุดันนี้ออกมา ทว่าเพียงแค่เจ้าเห็นเขา ต่อให้เขาไม่แสดงสีหน้าอันใดเลย เจ้าก็ยังคงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายองอาจดุดันที่แผ่ออกมากดดันผู้คน

ท่ามกลางความองอาจดุดันนั้นแฝงไปด้วยเสน่ห์แสนน่าประหวั่นที่ทำให้ผู้คนใจสั่น อืม ใช่แล้ว คำว่าเสน่ห์สุดแสนร้ายกาจที่มักจะถูกใช้บรรยายอยู่ในนิยายนั่นแหละ เมื่อก่อนนางไม่เคยเข้าใจเลย
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 99

    ไม่ไม่เพียงแต่ประหลาดใจ ไม่มีมนุษย์คนไหนมีชีวิตอยู่ทั้งที่หัวใจไม่เต้น ที่เป็นเช่นนั้นมีอยู่ด้วยกันสามเหตุผล หนึ่ง มีของวิเศษไม่ก็ของศักดิ์สิทธิ์อยู่ในร่างกาย คอยประคองรักษาชีวิตเขาไว้สอง คือเป็นซอมบี้ แต่ซอมบี้จะต้องมีกลิ่นศพแผ่ออกมาจากกาย ไม่อาจเห็นแสงตะวัน ใบหน้าก็จะขาวซีดราวกับกระดาษ ไม่มีวันได้ใช้ชีวิตอย่างคนปกติทั่วไป ดังนั้นจึงมิใช่เหตุผลนี้ความเป็นไปได้สุดท้าย ก็คือผีดิบที่โดดออกมาจากสามโลกไม่อยู่ในห้าธาตุ แต่เขาไม่ใช่ผีดิบสภาพการณ์ของเขานั้น ตรงกับเหตุผลข้อที่หนึ่งเซ่อเจิ้งอ๋องมีเพียงรอยยิ้มบาง ๆ ให้กับคำสรรเสริญของหลงฉางเทียนเท่านั้น มิได้ตอบกลับไปแต่อย่างใดขณะที่จ่านเหยียนกำลังจมอยู่ในความคิด ก็ได้ยินน้ำเสียงจงใจดัดให้นุ่มนวลดังขึ้นมา “จ่านเหยียนคารวะฉีชินอ๋อง”เนื่องจากนางเงยหน้าขึ้นกะทันหัน ไม่ทันได้เตรียมพร้อม ทำให้ตกใจจนดวงตาทั้งสองข้างแทบจะถลนออกมาหลงจ่านซินใส่ชุดกระโปรงยาวจับจีบเผยช่วงอกสีแดงไข่มุกปักลายดอกเบญจมาศสีทองดอกใหญ่ ช่วงบนคลุมไว้ด้วยผ้าโปร่งบาง ช่วยบดบังได้ราง ๆ ทว่ากลับปิดความเย้ายวนไม่ได้ท่ามกลางความวับ ๆ แวม ๆ ผ้าโปร่งบางสีแดงยิ่งขับให้ผิวขา

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 100

    หลงจ่านซินพึงพอใจกับความเยินยอของจ่านเหยียนเป็นอย่างยิ่ง นางเงยหน้าขึ้นมองหลงจ่านเหยียน แล้วยิ้มภาคภูมิใจออกมา “เมื่อก่อนยามมีแขกมาเยือนถึงบ้าน พอพูดถึงพวกเราสองพี่น้อง ต่างก็บอกว่าข้างามยิ่งกว่าพี่หญิง บัดนี้มาคิดดูแล้วเห็นจะไม่ใช่คำโกหก”หลงจ่านเหยียนยิ้มเล็กน้อย ยามมีแขกมาเยือนถึงประตูบ้าน หลงจ่านเหยียนไหนเลยจะได้ออกมาเผยโฉม?เดิมทีงานนี้เป็นงานเลี้ยงยามเย็นที่เป็นทางการยิ่ง เนื่องจากการมาถึงของหลงจ่านซิน บรรยากาศจึงแปลกประหลาดไปคนที่ยังสามารถรักษาสีหน้าให้เป็นปกติได้ มีเพียงแค่เซ่อเจิ้งอ๋องมู่หรงฉิงเทียนคนเดียวเท่านั้นเขาถือจอกสุรา ตรงมุมปากเผยความเย็นชา หลังจากดื่มสุราไปหลายจอก สีหน้าของเขาก็ยังไม่แปรเปลี่ยน มีเพียงกลิ่นสุราเท่านั้นที่โชยออกมา กระทั่งจ่านเหยียนที่นั่งอยู่ข้างเขาก็ยังได้กลิ่นสุราที่มอมให้คนเมามายในสถานการณ์เช่นนี้ หากมีใครสักคนเปิดหัวข้ออะไรสักอย่างขึ้นมา เพื่อให้งานเลี้ยงยามเย็นดำเนินต่อไปได้ ย่อมไม่เป็นปัญหาอะไรทว่ามีแต่คนที่อยากจะใช้โอกาสนี้ เผยหน้าแสดงให้เห็นถึงการมีตัวตนต่อหน้าใต้เท้ามากมายขนาดนี้หงฮวาอยู่แถวนั้น นางเดินผ่านเย่เต๋อโหรว แล้วเข้าไปพู

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 101

    หลงฉางเทียนโกรธจนหน้าเขียว ถลึงตาใส่เย่เต๋อโหรวอย่างหนักทีหนึ่ง ให้นางรีบคลี่คลายสถานการณ์นี้เสียเย่เต๋อโหรวกัดฟันกรอด กล้ำกลืนความอัปยศและเพลิงโทสะลงท้องก่อนจะเอ่ย “หงฮวา ห้ามก่อเรื่องนะ”ขุนนางในที่นั้นพากันมองเซ่อเจิ้งอ๋องที่หนึ่ง มองฉีชินอ๋องทีหนึ่ง แล้วมองหลงฉางเทียนอีกทีหนึ่ง ต่างรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย อย่างไรก็เป็นเรื่องในครอบครัวของผู้อื่น ที่เสียมารยาทอย่าฟัง ที่เสียงมารยาทก็อย่ามองรองแม่ทัพผู้ใต้บังคับบัญชาของหลงฉางเทียนหัวเราะเหอะ ๆ แล้วจึงเอ่ย “นั่นสิ ตอนที่ภรรยาของข้าน้อยตั้งครรภ์ก็มักเป็นเช่นนี้ประจำ ข้าน้อยล่ะปวดหัวนัก”“นั่นสิ เป็นเช่นนี้จริง ๆ”“ก็มิใช่หรือ? ท่านนั้นของบ้านข้าก็เป็นเช่นนี้”ใต้เท้าหลายคนต่างช่วยกันทำลายบรรยากาศตึงเครียดและสมทบคำกล่าวของรองแม่ทัพ อย่างน้อยจะได้ไม่ตึงเครียดต่อ ผ่อนคลายลงมาบ้างเพียงแต่หงฮวาไม่รู้จักความหวังดีของผู้อื่น ที่ถูกยกขึ้นเป็นอี๋เหนียงได้ก็เพราะตั้งครรภ์เรื่องจวบจนถึงเวลานี้ยังไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว คิดว่าแม้หลงฉางเทียนจะเกิดโทสะก็ไม่ควรลงกับนาง และต่อให้ลงกับนางก็คงไม่ทำอะไรนางเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ยามนี้นางกำลังตั

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 102

    ทุกคนในที่นั้นโล่งอก แน่นอนว่ารวมถึงจ่านเหยียนด้วยนางปรายตามองมู่หรงฉิงเทียนทีหนึ่ง เห็นเขายังมีสีหน้าเป็นธรรมชาติ ถือจอกสุราดื่มสบาย ๆ ราวกับเมื่อครู่ไม่เคยเกิดเรื่องอันใดทั้งสิ้นจู่ ๆ จ่านเหยียนจึงชูจอก “ท่านอ๋อง ข้าขอดื่มให้ท่านจอกหนึ่ง”มู่หรงฉิงเทียนเหลือบตามองนางแบบชืด ๆ “ขอบพระทัยไทเฮา” ว่าแล้วก็จรดจอกสุรา ก่อนจะมองจ่านเหยียนด้วยสายตาราบเรียบภายใต้สายตาของเขา จ่านเหยียนดื่มสุราในจอกจนหมดมู่หรงฉิงเทียนรู้ว่าสุราหมักร้อยปีเช่นนี้ลื่นคอ หากมีฤทธิ์แรงมาก เมื่อครู่เห็นนางดื่มไปสองสามจอกอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ยามนี้ยังจรดอีกจอกหนึ่ง ต้องเมาแน่ ๆสตรีแคว้นต้าโจวดื่มสุราน้อยมาก และต่อให้ดื่มก็ดื่มสุราผลไม้หรือสุราดอกกุ้ยฮวาเล็กน้อย อ่อนแต่หอม ปกติจะไม่ดื่มสุราฤทธิ์แรง นอกเสียงจากเป็นสตรีในยุทธภพเขานึกว่าหลงจ่านเหยียนมีชาติกำเนิดเป็นบุตรสาวในอนุภรรยา ครั้งอยู่ในจวนตระกูลหลงก็คือสาวใช้ดี ๆ คนหนึ่ง หลังจากเข้าวัง แม้สำเริงสำราญใจกับนักดนตรี แต่สุราที่ดื่มต้องเป็นสุราผลไม้แน่ เห็นว่าสุราหมักมีรสคล้ายคลึงกับสุราผลไม้ จึงคิดว่าไม่เป็นไรกลับไม่รู้ว่าดื่มลงไปสองสามจอก เขายังเห็นหล

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 103

    เซ่อเจิ้งอ๋องเพียงยืนนิ่ง ๆ ไม่พูด นางจึงได้แต่หมุนตัวเดินเข้าไปคนผู้นี้พิลึกคนจริง ราวกับน้ำแข็งเหมันต์ แต่ก็เฉกเช่นบ่อลึกอีก เย็นยะเยือกเดาทางไม่ถูกกัวอวี้กระซิบกับจ่านเหยียน “คุณหนูใหญ่ เกรงว่าคนของจวนตระกูลหลงจะประสงค์ร้าย จะขอท่านอ๋องเพิ่มองครักษ์ในคืนนี้หรือไม่เพคะ?”จ่านเหยียนส่ายหน้า “ที่ควรมา อย่างไรก็ต้องมา คนมากเท่าไรก็ไม่มีประโยชน์”กัวอวี้อืมเสียงหนึ่ง “บ่าวเชื่อว่าคุณหนูใหญ่ต้องมีพระปรีชาสามารถเพียงพอจะรับมือได้เพคะ”จ่านเหยียนได้ยินดังนั้นจึงหัวเราะ “เจ้าเชื่อข้าหรือ?”“เชื่อเพคะ!” กัวอวี้ตอบเสียงจริงจังจ่านเหยียนมองกัวอวี้ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “คนอย่างเจ้านี่เหมาะสมจะอยู่ข้างกายมาก”กัวอวี้หัวเราะ “ขอบพระทัยคุณหนูใหญ่ที่ชื่นชมเพคะ”เงาดำสายหนึ่งตกอยู่ข้างตัวเซ่อเจิ้งอ๋อง “ท่านอ๋อง คืนนี้จวนตระกูลหลงมีความเคลื่อนไหวพ่ะย่ะค่ะ”“รู้แล้ว!” แสงปราดผ่านสายตาของเซ่อเจิ้งอ๋องแวบหนึ่ง ก่อนจะตอบรับอย่างราบเรียบ“จะโยกย้ายคนมาหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” เงาดำถามเซ่อเจิ้งอ๋องยิ้มเจ้าเล่ห์ “ไม่จำเป็น หลงฉางเทียนรนหาที่ตายแล้ว” กล่าวจบ เขาก็สาวเท้าเดินออกไปข้างนอกเนื่องจ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 104

    หลังจากจ่านเหยียนกลับถึงห้องก็นอนอยู่บนเตียงนานแล้วกัวอวี้และจิ้นหรูเฝ้ายามด้วยตัวเอง จ่านเหยียนบอกแล้วว่าไม่จำเป็น แต่ทั้งสองก็ยังยืนกรานไม่ออกไป ทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจว่าถ้าหลงฉางเทียนจะลงมือ คืนนี้ก็คือโอกาสเหมาะคืนนี้หลงฉางเทียนค้างคืนอยู่ที่ห้องของเย่เต๋อโหรวและเรียกชิงซื่อมาอยู่เป็นเพื่อนเย่เต๋อโหรวนอนอยู่นอกห้อง เมื่อได้ยินเสียงงดงามคลุมเครือด้านในแล้ว หัวใจของนางก็ราวกับถูกบางสิ่งกัดกิน ทั้งทรมานและเดือดดาลไม่นานหลงฉางเทียนก็คลานขึ้นบนเตียงของนาง ส่วนชิงซือก็ถูกไล่ออกไปแล้วเย่เต๋อโหรวหันมามองหลงฉางเทียน ใบหน้าของเขายังแดงก่ำจากความคึกคะนอง ไอสุราพวยพุ่งรดใบหูของนาง นางจึงพูดเบา ๆ ว่า “ท่านแม่ทัพรักษาสุขภาพด้วยเจ้าค่ะ”หลงฉางเทียนยิ้มแล้วเอื้อมมือสวมกอดนาง “กำลังโทษว่าข้าผู้เป็นสามีละเลยเจ้าหรือ?”“จะเป็นไปได้อย่างไรเจ้าคะ? เหตุใดท่านแม่ทัพจึงมองว่าข้าเป็นคนใจแคบเช่นนี้?” เย่เต๋อโหรวขบฟันแตกละเอียด ก่อนจะฉายรอยยิ้มอ่อนโยน“ข้าก็รู้ว่าเจ้าใจกว้าง” ครั้นหลงฉางเทียนนึกถึงเรื่องในคืนนี้แล้วก็ยังขุ่นเคืองใจอยู่ “เอาไว้หงฮวาคลอดลูกแล้ว ก็ให้เงินแล้วไล่ออกไปเสีย คนเช่นนี้มีแต

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 105

    จ่านเหยียนนอนอยู่บนเตียงและยิ้มเอ่ย “เกรงว่าคงดื่มหนักกระมัง”“ดื่มหนัก? ไม่ควรกระมัง? ใครก็รู้ว่าวันนี้จะเกิดเรื่อง แล้วจะดื่มหนักได้อย่างไร? อาซานไม่ใช่คนที่ไม่รู้กาลเทศะเช่นนี้นี่เพคะ”“คืนนี้อารมณ์ดี จะดื่มมากหน่อยก็ไม่เป็นไร” จ่านเหยียนมองทั้งสองคน พวกนางพร่ำบอกว่าไม่ต้องกังวล แต่นางเห็นพวกนางแล้ว กลับจะตึงเครียดที่สุดเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศตึงเครียดสักหน่อย จ่านเหยียนจึงเอ่ยกับกัวอวี้ “ข้าได้ยินมาว่าครอบครัวของเจ้าอยู่ในเมืองหลวงทั้งหมด เป็นอย่างนั้นหรือ?”“ถูกต้องแล้วเพคะ” กัวอวี้ตอบ“ทุกปีในวังจะให้โอกาสนางกำนัลได้เจอกับครอบครัวหนหนึ่ง เจ้าได้ออกไปเจอพวกเขาหรือไม่?”“ไปเพคะ ต้องไปอยู่แล้วเพคะ” กัวอวี้กล่าวอย่างไม่สบายใจ “แต่... ปีที่แล้วแม่ของบ่าวล้มป่วย จึงไม่ได้มาเพคะ”“เช่นนั้นตอนนี้ดีขึ้นแล้วหรือ?” จ่านเหยียนถาม“ไม่ได้รับจดหมายจากทางบ้านเลยเพคะ ก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้างแล้ว” กัวอวี้ชะงักครู่หนึ่งจึงกล่าวต่ออย่างเป็นทุกข์เล็กน้อย “คราวก่อนคุณหนูใหญ่ให้บ่าวออกวัง บ่าวก็เคยคิดแอบกลับไปดูเหมือนกัน เพียงแต่ติดที่กฎระเบียบของวังหลวง บ่าวจึงไม่ได้ไปเพคะ”“อื่ม”

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 106

    “จะว่าไป อาซานเล่า?” ฮุ่ยอวิ่นริมฝีปากบางของเซ่อเจิ้งอ๋องยกยิ้มจาง ๆ “ข้าสั่งให้เขาไม่ต้องอยู่ในคืนนี้ ข้าอยากดูสิว่านอกจากอาซานแล้ว หลงจ่านเหยียนผู้นี้ยังจะมีใครเก่งกล้าสามารถช่วยนางได้อีก”“ยังมีคนช่วยนางหรือ?” ฮุ่ยอวิ่นถามด้วยความสงสัย“เดี๋ยวก็ได้รู้กันแล้ว” เซ่อเจิ้งอ๋องยื่นนิ้วออกไปเห็นเพียงโจรป่าสิบกว่าคนบุกมาถึงหน้าห้องของหลงจ่านเหยียนแล้ว อาถง อาเถี่ยเข้าไปรับศึกจ่านเหยียนพาองครักษ์ออกจากวังมาไม่น้อย ทว่าเวลานี้ไม่เห็นเลยสักคน เหลือเพียงอาถง อาเถี่ย และคนในวังที่ไม่เป็นวรยุทธ์วรยุทธ์ของอาถงและอาเถี่ยอย่างมากก็แค่กลาง ๆ สองคนต่อกรกับโจรป่าโหดเหี้ยมอำมหิตสิบกว่าคน ต้องตกเป็นรองในทุกด้านอยู่แล้วไม่นานบนร่างของอาถงและอาเถี่ยก็มีสีสัน ระหว่างการต่อสู้ เงาร่างทั้งสองราวกับอีกาที่ถูกบีบให้ถอยเนือง ๆ หลบไปทางซ้ายที แวบตัวไปทางขวาที สะบักสะบอมถึงที่สุดทว่าสถานการณ์นี้กลับพลิกผันอย่างรวดเร็วเพียงชั่ววูบเดียว อาเถี่ยที่ถูกเตะกระเด็น มือถือกระบี่แสงหนาว พุ่งตัวสู่พื้นที่การรบราวกับลมหมุน กระบี่ในมือของเขาเปลี่ยนเป็นลำแสงเหี้ยมเกรียมพันหมื่นราวกับเป็นภาพลวงตาก็มิปาน จุดใดที

บทล่าสุด

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 276

    ทั้งสองจะยอมหรือ? จึงบอกจะเข้าไปพูดกับจิ้นหรูกูกู หรูหัวกลับหน้าขรึม “พวกเจ้าเห็นตำหนักชิงหนิงคือสถานที่ใด? พวกเจ้าอยากเข้าก็เข้าได้ตามใจชอบหรือ?”อาถงข่มอารมณ์โกรธ กล่าวขอร้อง “กูกูอย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลย พวกเราก็ทำงานตามคำสั่ง หากเชิญจิ้นหรูกูกูกลับไปไม่ได้ หมู่โฮ่วฮองไทเฮาต้องพาลมาถึงเราแน่ กูกูคงไม่อยากเห็นพวกเราถูกลงโทษกระมัง?”“พวกเจ้าถูกลงโทษหรือไม่ เกี่ยวอันใดกับข้า? ข้าแค่ฟังคำสั่งของเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาเท่า...”อาถงกับอาเถี่ยรีบฉวยโอกาสตอนที่หรูหัวพูดบุกเข้าไปเพียงแต่ทั้งสองเพิ่งวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกองครักษ์สองสามคนขวางเอาไว้“บุกรุกตำหนักของไทเฮา พวกเจ้ามีกี่ชีวิต? เอาตัวไป!” หรูหัวเอ่ยเสียงกร้าวกระบี่หลายเล่มพาดอยู่ตรงลำคอของอาถงกับอาเถี่ย ทั้งสองไม่กล้าต่อต้าน จึงได้แต่หันไปมองหรูหัวและเอ่ย “กูกู พวกเรามิได้จงใจบุกรุก กูกูโปรดเมตตา อนุญาตให้เราไปพบจิ้นหรูกูกูหน่อยเถอะ”หรูหัวหัวเราะเสียงเย็น ส่งสายตากับองครักษ์ “เอาตัวไป ขังอยู่ในห้องมืดก่อน”ห้องมืดใช้กักขังคนในตำหนักที่กระทำความผิดโดยเฉพาะ บ้างเข้าห้องมืดไม่กี่วันก็ออกมา แต่ทั่วไปแล้วมักมอบให้หัวหน้าขันทีในวั

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 275

    ทั้งสองคิดไปก็มิใช่วิธี จึงให้จี๋เสียงกับหรูอี้ไปถ่ายทอดพระเสาวนีย์หมู่โฮ่วฮองไทเฮา ตามจิ้นหรูกลับมาปรนนิบัติที่ตำหนักครั้นจี๋เสียง หรูอี้ไปถึงตำหนักชิงหนิงกลับเข้าไปไม่ได้ ได้แต่ให้ขันทีในตำหนักไปถ่ายทอดพระเสาวนีย์ของหมู่โฮ่วฮองไทเฮาผ่านไปพักหนึ่ง หรูหัวก็ยิ้มตาหยีเดินออกมา “เซิ่งหมู่ฮองไทเฮากำลังเดินหมากกับจิ้นหรูกูกู นี่กำลังสนุกเลย จะอย่างไรเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาก็ไม่ยอมให้กูกูไป พวกเจ้าสองคนกลับไปทูลรายงานหมู่โฮ่วฮองไทเฮาว่าจะส่งคนกลับไปดึกหน่อยแล้วกัน”“อ๊าาา”เสียงร้องดังมาจากข้างในอีก จี๋เสียง หรูอี้สบตากันทีหนึ่ง สีหน้าเริ่มกังวลเล็กน้อยหรูหัวเอ่ยเรียบ “มีนางกำนัลคนหนึ่งไม่ทันระวังทำน้ำชาหกใส่หลังมือของจิ้นหรูกูกู นี่อย่างไร กำลังถูกโบยอยู่เลย”“แต่... เหตุใดเสียงนี้ฟังดูแล้วจึงเหมือนเสียงของจิ้นหรูกูกูล่ะ?” จี๋เสียงเอ่ยอย่างขลาด ๆ“เหลวไหลอันใด?” หรูหัวเปลี่ยนสีหน้าฉับพลัน “เจ้าจะบอกว่าเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาทรมาทรกรรมจิ้นหรูกูกูหรือ? ยังมิได้กล่าวถึงจิ้นหรูกูกูเป็นคนข้างพระวรกายของหมู่โฮ่วฮองไทเฮา แค่อดีตนางคือนางกำนัลคนสนิทของอดีตฮ่องเต้ ทั้งยังมีไมตรีกับเซิ่งหมู่ฮองไทเฮามาต

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 274

    จิ้นหรูหัวใจรัดแน่น สุดท้ายดวงตาก็ฉายความแตกตื่นออกมา “พระองค์คิดจะทำอันใดกันแน่เพคะ?”“ถามได้ดี!” ถงไทเฮาลุกขึ้นยืนช้า ๆ แล้วเดินก้าวหนึ่ง เหยียบหลังมือของจิ้นหรู ออกแรงขยี้ มองดูความทรมานบนใบหน้าของจิ้นหรู ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “เจ็บหรือ?”จิ้นหรูกัดฟัน “ไทเฮาจะลงโทษบ่าวอย่างไรก็ได้เพคะ”อย่างมากก็แค่ตาย ตายแล้วก็คือหลุดพ้น แต่... นางรู้ ถงไทเฮาแค้นนางที่สุด จะไม่ให้นางตายง่าย ๆ เด็ดขาด“ข้าได้ยินว่าคุกทักษิณมีทัณฑ์ทรมานมากมาย เพียงแต่ไม่รู้ว่าหากเทียบกับข้าที่นี่แล้ว จะเหนือกว่าหรือไม่? มิสู้จิ้นหรูกูกูช่วยข้าเปรียบเทียบสักหน่อย” ถงไทเฮาโน้มตัวลงเชยคางของจิ้นหรู มุมปากแย้มยิ้มชั่วร้ายเหี้ยมเกรียมเดิมรูปลักษณ์ก็มิได้งามวิไล ยามนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุดัน ยิ่งทำให้ดุร้ายอัปลักษณ์มากกว่าเดิมจิ้นหรูขวัญผวา ไม่กล้ามองดวงตากระหายเลือดของนาง จึงก้มหน้ากัดริมฝีปาก อดทนต่อความเจ็บที่ส่งมาถึงแต่... นี่ยังห่างไกลกับจุดสิ้นสุดหรูหัวยกตะปูมากะละมังหนึ่ง พวกมันมิใช่ตะปูเหล็ก แต่เป็นตะปูไม้ท้อทุกเล่มทำจากไม้ท้อ ส่วนปลายแหลมคมเงาวับ“ถ้าเจ้าร้องสักแอะ ข้าจะเพิ่มตะปูอีกเล่ม” ถงไทเฮาเอ่ย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 273

    ด้วยประการละฉะนี้ ทุกคนจึงนึกว่าฮ่องเต้โปรดปรานแต่ฮองเฮา ทอดทิ้งวังหลังแม้นางสนมจะตำหนิไม่พอใจ แต่เพราะฮองเฮาคือคนสกุลถง จึงไม่มีใครกล้าพูดฮองเฮารูปโฉมไม่โดดเด่น กลับได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เพียงนี้ เห็นได้ว่าฮ่องเต้รักนางจริง ๆชั่วขณะ ฮองเฮาบารมีไร้ที่สิ้นสุด รั้งตำแหน่งฮองเฮา ทั้งยังมีความโปรดปรานของฮ่องเต้มั่นคงดั่งขุนเขา ทำให้สกุลถงเหิมเกริมมากขึ้นทุกวันเขาใช้การกระทำบอกนาง ในใจของเขามีแต่นางเท่านั้นสามสิบกว่าปีแล้ว นางเข้าวังในวัยสิบสอง บัดนี้สี่สิบสาม อดีตฮ่องเต้คือแผ่นฟ้าของนาง คือสามีของนาง คือนายของนางเขาจากไปก่อนนาง แม้นางจะเสียใจ แต่ก็มิได้แสดงออกว่าเสียใจมาก เพราะนางรู้ว่าเขากำลังรอนางอยู่ตรงนั้น สุดท้ายนางจะได้ไปพบกับเขานางรู้ ยามนี้ได้เวลาแล้ว“พูด!” หรูหัวดุดันขึ้นมา ตบหน้านางฉาดหนึ่งจิ้นหรูหน้าเอียงไปข้างหนึ่ง แก้มบวมขึ้นรอยประทับนิ้วมือทันทีจิ้นหรูคุกเข่าตัวตรง “บ่าวไม่มีอะไรจะพูดเพคะ”“เจ้ามอบความบริสุทธิ์ของเจ้าให้ผู้ใด?” ถงไทเฮาไม่แสดงออกว่าโกรธมาก ในทางกลับกัน นางพรูลมยาว ข้อกังขาที่เก็บอยู่ในใจนางยี่สิบกว่าปี กระจ่างแจ้งในที่สุด“บ่าวไม่ทร

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 272

    หรูหัวลากนางเข้าตำหนักชั้นในไปอย่างไม่ให้ปฏิเสธจิ้นหรูมองเสื้อผ้าบนฉากบังลมด้วยความประหลาดใจ เหตุใดหรูหัวจึงมีเสื้อผ้าวางอยู่ในตำหนักบรรทมของไทเฮาได้แต่นางมิได้ถาม เพราะถามแล้วก็คงไม่บอก นางมองเสื้อผ้านางกำนัลชุดนี้ มิได้สงสัยเรื่องอื่นก็เข้าไปเปลี่ยนชุดด้านหลังฉากบังลมนางเพิ่งถอดเสื้อผ้า หรูหัวก็เข้ามา “อุ๊ย ข้าลืมบอกเจ้าไป ชุดนี้เคยใส่แล้ว เปลี่ยนอีกชุดเถอะ!”นางยื่นชุดสีเหลืองอ่อนในมือให้จิ้นหรู พร้อมกับกวาดสายตามองบริเวณแขนของจิ้นหรูอย่างรวดเร็ว เมื่อนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย ก่อนจะออกไปจิ้นหรูเพิ่งแต่งตัวเสร็จก็มีหญิงสูงวัยดุดันเข้ามาสองคน ลากแขนจิ้นหรูคนละข้างออกไปข้างนอกจิ้นหรูตกตะลึงพรึงเพริดถามขึ้นว่า “นี่พวกเจ้าจะทำอะไรน่ะ?”หญิงสูงวัยสองคนนั้นลากนางไปแล้วผลักจนนางสะดุดล้มลงพื้น ถงไทเฮามองนางจากมุมสูง ดวงหน้าอ่อนโยนเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมอำมหิต“เซิ่งหมู่ฮองไทเฮา บ่าวทำอะไรผิดไปเพคะ?” จิ้นหรูหัวใจหนักอึ้ง แต่ยังสงบสติอารมณ์แล้วถาม“ทำอะไรผิด?” เสียงของถงไทเฮาราวกับส่งมาจากขุมนรก พกพากลิ่นอายเย็นยะเยือกชุ่มชื้น “แต้มพรหมจรรย์ของเจ้าเล่า?”จิ้นหรูหัวใจ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 271

    “ข้าได้ยินมา ทุกคืนนางจะเรียกนักดนตรีไปบรรเลงเพลง ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่?”“ทูลไทเฮา เรื่องนี้เกินไปหน่อยเพคะ หมู่โฮ่วฮองไทเฮาทรงเรียกพวกเขามาในยามวิกาลน้อยนัก!”รอยยิ้มของถงไทเฮาบานสะพรั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ “ข้าก็รู้ว่าวังหลังมีปากหอยปากปูมาก จริงสิ ปกติเวลาอดีตฮ่องเต้ทรงสะสางราชกิจ ทรงโปรดทำอันใดหรือ?”หัวข้าสนทนาวกกลับมาเรื่องอดีตฮ่องเต้ จิ้นหรูลอบโล่งอก เวลาตอบคำถามจึงเป็นมิตรมากขึ้นบางส่วน “อดีตฮ่องเต้มีเวลาวางน้อยนัก แต่พระองค์โปรดอู้งานยามยุ่ง ทรงโปรดการเดินหมาก เสวยพระสุธารสชาเพคะ”“เดินหมาก? เดินกับผู้ใด?” ถงไทเฮาถาม“กับบ่าวเพคะ” จิ้นหรูยิ้มบาง “เพียงแต่ฝีมือการเดินหมากของบ่าวไม่ดี แพ้อยู่เรื่อยเลยเพคะ”“อดีตฮ่องเต้ทรงยินดีเดินหมากกับเจ้า แสดงว่าฝีมือการเดินหมากของเจ้าต้องดี” ถงไทเฮายิ้มเอ่ย “เจ้าอย่าได้ถ่อมตัวนักเลย วันหลังข้าจะเดินหมากกับเจ้าบ้าง เจ้าก็คลายเหงาให้ข้าหน่อย”“ขอเพียงไทเฮาโปรด บ่าวก็เดินหมากเป็นเพื่อนไทเฮาได้ทุกเมื่อเพคะ” จิ้นหรูกล่าวจากใจ“เจ้าช่างเป็นคนเข้าใจผู้อื่นแท้ ๆ มิน่าอดีตฮ่องเต้จึง ‘โปรดปราน’ เจ้าเช่นนี้” ถงไทเฮายิ้มเอ่ยคำพูดนี้ไม่มีอะไรพิเศษ ใ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 270

    ตำหนักชิงหนิงจิ้นหรูคุกเข่าลงคำนับ “ถวายพระพรเซิ่งหมู่ฮองไทเฮา”“ลุกขึ้นเถอะ จิ้นหรู” ถงไทเฮาแย้มยิ้มจิ้นหรูลุกขึ้นยืนก้มหน้าแล้วไปยืนอยู่ด้านข้าง“ไม่ต้องเกร็งไป วันนี้ที่ข้าเรียกเจ้ามา เพราะอยู่ ๆ ก็นึกถึงอดีตฮ่องเต้ อดีตฮ่องเต้เคยรับสั่งว่าทักษะการชงชาของเจ้าเป็นหนึ่งในใต้หล้า เจ้าจะชงให้ข้าสักครั้งได้หรือไม่?” ถงไทเฮากล่าวขอด้วยใบหน้าราบเรียบ“เพคะ!” จิ้นหรูขานรับ“หรูหัว ไปเตรียมเครื่องชงชา” ถงไทเฮาสั่งหรูหัวขานรับแล้วจึงออกไปถงไทเฮาปรายตามองจิ้นหรู วันนี้นางสวมชุดสีครามปักลายใบไม้ไผ่สีแดงเข้ม มิได้ผัดแป้ง แม้อายุล่วงเลยสี่สิบ กลับยังสง่าเรียบง่ายจิ้นหรูไม่เคยคลอดลูก จึงดูอ่อนเยาว์กว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันมิได้เลอโฉม กลับมีท่วงทำนองอย่างหนึ่งหรูหัวยกเครื่องชงชามา นางมองการต้มน้ำ ล้างชา ล้างถ้วย รินน้ำชาอย่างสง่างามของจิ้นหรูยังไม่พูดถึงฝีไม้ลายมือที่สง่างาม แต่ขณะนางชงชาจะมีสมาธิมาก ยามที่คนคนหนึ่งจดจ่ออยู่กับเรื่องหนึ่ง จะมีเสน่ห์ชวนหลงใหลเป็นพิเศษในฐานะที่ถงไทเฮาคือสตรีก็รู้สึกถึงมนตร์เสน่ห์น่าหลงใหลนี้เหมือนกัน“อดีตฮ่องเต้โปรดเสวยพระสุธารสชาอะไรหรือ?” นา

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 269

    ถงไทเฮาถอนตายตากลับช้า ๆ ก็จริง นับจากหรูหัวเข้าวังก็อยู่ข้างตัวนางมาตลอด รวมแล้วอดีตฮ่องเต้เคยมองนางเพียงไม่กี่ครั้ง แม้แต่ชื่อของนางก็ยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำที่สำคัญที่สุดคือ แม้หน้าตาของหรูหัวจะพอใช้ได้ แต่ก็ไม่เกี่ยวข้องกับคำว่า ‘สวย’ เด็ดขาด“ในฐานะที่เป็นบุตรสาวสกุลถง ตั้งแต่ข้าเกิดมาก็ใช้ชีวิตเหมือนพญาหงส์ แล้วยังจะสูงศักดิ์ยิ่งกว่าองค์หญิงเสียด้วยซ้ำ หลังจากเข้าวังก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮา เกียรติยศไร้ขีดจำกัด แต่... นี่ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ให้คนอื่นดู สิ่งที่ข้าต้องการ ก็แค่สายตาอาวรณ์หนึ่งของอดีตฮ่องเต้ เมื่อไม่ได้มา ข้าก็ไม่อยากให้ผู้ใดได้มันไปทั้งนั้น ไม่ว่านางจะอยู่หรือตาย ข้าก็ต้องรู้ว่านางคือใคร”ถงไทเฮาพูดเนิบช้ามาก แต่... มีความโหดเหี้ยมทุกถ้อยคำหรูหัวพิจารณาอย่างละเอียดครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นพึ่บ “เสี่ยวหรู? คนที่ปรนนิบัติอดีตฮ่องเต้ในตำหนักในสมัยก่อน มีคนหนึ่งที่ชื่อจิ้นหรูเพคะ”“จิ้นหรู? ไม่ใช่นาง” ถงไทเฮาส่ายหน้า “นางโตมากับอดีตฮ่องเต้ ถูกส่งไปปรนนิบัติข้างพระวรกายอดีตฮ่องเต้นานแล้ว หากนางคือคนที่อดีตฮ่องเต้โปรดปราน ไยไม่แต่งตั้งนางเป็นสนมเล่า?”หรูหัวคิ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 268

    ฮองเฮาส่ายหน้า “ไม่ ซูอี้จะกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร เขาไม่กลัวว่า...” ความกลัวเริ่มปกคลุมใบหน้าของนาง และไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย“ถ้าเจ้ายังอยากรักษาชีวิตพ่อของเจ้าเอาไว้ ก็ไปหาฮ่องเต้” ถงไทเฮากล่าวอย่างแค้นที่เหล็กไม่เป็นเหล็กกล้าเทียบกับสมัยก่อน ถงไทเฮาเติบโตและรู้ความมากแล้ว เมื่อก่อนนางไม่เข้าใจ เหตุใดเสด็จแม่จึงไม่เข้าใจนาง เหตุใดมักให้นางทำเรื่องที่ลำบากใจ บัดนี้นางรู้แล้ว มีเพียงให้ตัวเองลำบาก สกุลถงจึงจะมั่นคงในใจของคนสกุลถง ชื่อเสียงและความมั่นคงของวงศ์ตระกูลสำคัญที่สุดเสมอ นางรู้ว่าตอนนี้ถงเหยียนยังไม่ตระหนักในจุดนี้ แต่นางจะเข้าใจในไม่ช้าก็เร็ว ความน้อยเนื้อต่ำใจในเวลานี้นับเป็นอันใด? ภายภาคหน้ายามสกุลถงกับสกุลมู่หรงแบ่งใต้ฟ้า นางจะรู้ว่าความอยุติธรรมทั้งหลายที่ได้รับในวันนี้คุ้มค่าดวงหน้าไฉไลของฮองเฮาประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวขาว ที่เจืออยู่ในดวงตาคือน้ำตาแห่งความน้อยใจ “เหตุใดต้องให้ข้าไปช่วยด้วยเจ้าคะ? ท่านสั่งคำเดียวก็ได้แล้วนี่ กลับต้องให้ข้าวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้”ถงไทเฮานวดศีรษะ รู้สึกว่าความอึดอัดสายหนึ่งพุ่งขึ้นสมอง นางอยากระเบิดอารมณ์ แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้าและเอ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status