Share

บทที่ 105

Author: ลิ่วเยว่
จ่านเหยียนนอนอยู่บนเตียงและยิ้มเอ่ย “เกรงว่าคงดื่มหนักกระมัง”

“ดื่มหนัก? ไม่ควรกระมัง? ใครก็รู้ว่าวันนี้จะเกิดเรื่อง แล้วจะดื่มหนักได้อย่างไร? อาซานไม่ใช่คนที่ไม่รู้กาลเทศะเช่นนี้นี่เพคะ”

“คืนนี้อารมณ์ดี จะดื่มมากหน่อยก็ไม่เป็นไร” จ่านเหยียนมองทั้งสองคน พวกนางพร่ำบอกว่าไม่ต้องกังวล แต่นางเห็นพวกนางแล้ว กลับจะตึงเครียดที่สุด

เพื่อผ่อนคลายบรรยากาศตึงเครียดสักหน่อย จ่านเหยียนจึงเอ่ยกับกัวอวี้ “ข้าได้ยินมาว่าครอบครัวของเจ้าอยู่ในเมืองหลวงทั้งหมด เป็นอย่างนั้นหรือ?”

“ถูกต้องแล้วเพคะ” กัวอวี้ตอบ

“ทุกปีในวังจะให้โอกาสนางกำนัลได้เจอกับครอบครัวหนหนึ่ง เจ้าได้ออกไปเจอพวกเขาหรือไม่?”

“ไปเพคะ ต้องไปอยู่แล้วเพคะ” กัวอวี้กล่าวอย่างไม่สบายใจ “แต่... ปีที่แล้วแม่ของบ่าวล้มป่วย จึงไม่ได้มาเพคะ”

“เช่นนั้นตอนนี้ดีขึ้นแล้วหรือ?” จ่านเหยียนถาม

“ไม่ได้รับจดหมายจากทางบ้านเลยเพคะ ก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้างแล้ว” กัวอวี้ชะงักครู่หนึ่งจึงกล่าวต่ออย่างเป็นทุกข์เล็กน้อย “คราวก่อนคุณหนูใหญ่ให้บ่าวออกวัง บ่าวก็เคยคิดแอบกลับไปดูเหมือนกัน เพียงแต่ติดที่กฎระเบียบของวังหลวง บ่าวจึงไม่ได้ไปเพคะ”

“อื่ม”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 106

    “จะว่าไป อาซานเล่า?” ฮุ่ยอวิ่นริมฝีปากบางของเซ่อเจิ้งอ๋องยกยิ้มจาง ๆ “ข้าสั่งให้เขาไม่ต้องอยู่ในคืนนี้ ข้าอยากดูสิว่านอกจากอาซานแล้ว หลงจ่านเหยียนผู้นี้ยังจะมีใครเก่งกล้าสามารถช่วยนางได้อีก”“ยังมีคนช่วยนางหรือ?” ฮุ่ยอวิ่นถามด้วยความสงสัย“เดี๋ยวก็ได้รู้กันแล้ว” เซ่อเจิ้งอ๋องยื่นนิ้วออกไปเห็นเพียงโจรป่าสิบกว่าคนบุกมาถึงหน้าห้องของหลงจ่านเหยียนแล้ว อาถง อาเถี่ยเข้าไปรับศึกจ่านเหยียนพาองครักษ์ออกจากวังมาไม่น้อย ทว่าเวลานี้ไม่เห็นเลยสักคน เหลือเพียงอาถง อาเถี่ย และคนในวังที่ไม่เป็นวรยุทธ์วรยุทธ์ของอาถงและอาเถี่ยอย่างมากก็แค่กลาง ๆ สองคนต่อกรกับโจรป่าโหดเหี้ยมอำมหิตสิบกว่าคน ต้องตกเป็นรองในทุกด้านอยู่แล้วไม่นานบนร่างของอาถงและอาเถี่ยก็มีสีสัน ระหว่างการต่อสู้ เงาร่างทั้งสองราวกับอีกาที่ถูกบีบให้ถอยเนือง ๆ หลบไปทางซ้ายที แวบตัวไปทางขวาที สะบักสะบอมถึงที่สุดทว่าสถานการณ์นี้กลับพลิกผันอย่างรวดเร็วเพียงชั่ววูบเดียว อาเถี่ยที่ถูกเตะกระเด็น มือถือกระบี่แสงหนาว พุ่งตัวสู่พื้นที่การรบราวกับลมหมุน กระบี่ในมือของเขาเปลี่ยนเป็นลำแสงเหี้ยมเกรียมพันหมื่นราวกับเป็นภาพลวงตาก็มิปาน จุดใดที

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 107

    เขานึกว่าที่โจรป่าหันมาโจมตีเป็นเพราะองครักษ์ทำคนของพวกเขาบาดเจ็บก่อนองครักษ์ตอบว่า “ท่านแม่ทัพ คนของเราไม่ได้ทำพวกเขาบาดเจ็บเลยขอรับ ในทางกลับกัน พวกเขาต่างหากที่ทำร้ายพวกเราไม่น้อย”หลงฉางเทียนอึ้ง แล้วจู่ ๆ ก็คิดอะไรขึ้นได้ จึงรีบพูด “ไป ไปดูทางไทเฮาหน่อย”เขารับคำสั่งลับจากไทฮองไทเฮาให้โยกย้ายองครักษ์ข้างตัวของหลงจ่านเหยียนไป อาซานก็ถูกเขาวางยาแล้ว เหลือเพียงอาถงและอาเถี่ยสองคนเท่านั้น น่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโจรป่าทว่าทันทีที่คนของเขาถึงหน้าเรือนพักของจ่านเหยียนกลับต้องตกตะลึงบนพื้นมีศพนอนอยู่สิบกว่าศพ ทั้งหมดปิดบังใบหน้าด้วยผ้าสีดำ เมื่อเขานั่งยองลงตรวจสอบ ก็พบว่าบนร่างของโจรป่าสิบกว่าคนมีเพียงบาดแผลเดียวที่เอาชีวิตได้ พิสูจน์ได้ว่าถูกคนฆ่าในกระบวนท่าเดียวใครกันที่มีวรยุทธ์สูงส่งเพียงนี้? ข้างตัวหลงจ่านเหยียนยังมีคนเก่งกาจเช่นนี้อยู่อีกหรือ?ในตอนที่เขากำลังตกใจและเดือดดาลอยู่นั้น ประตูห้องของหลงจ่านเหยียนก็เปิดออกมาจากในห้อง อาถง อาเถี่ยเดินออกมา ทั้งสองถือกระบี่อยู่ในมือ ในนั้นกระบี่ของอาเถี่ยยังมีเลือดหยดอยู่อาเถี่ยเดินมาเอ่ย “ท่านแม่ทัพโปรดตรวจสอบฐานะของนักฆ่าให้ช

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 108

    หลงฉางเทียนข่มอารมณ์แล้วถาม “นับหรือยังว่าพวกเราตายไปกี่คน?”รองแม่ทัพหลี่ตอบ “องครักษ์ตายไปเจ็ดคน และมีองครักษ์กับบ่าวไพร่บาดเจ็บไปสิบสองคนขอรับ”“คนของจูซิวล่ะ?”“คืนนี้จูซิวนำคนมาสิบแปดคน ศพสิบสามศพในนั้นอยู่ที่นี่ขอรับ” รองแม่ทัพหลี่ชะงักก่อนจะเอ่ยต่อ “หัวโจกที่พาคนไปยังห้องของไทเฮาชื่อว่าเป้าจื่อ คือคนที่มีวรยุทธ์สูงส่งที่สุด อีกทั้งยังมีวรยุทธ์สูงกว่าจูซิว แต่...เขาก็ถูกคนสังหารในหนึ่งกระบวนท่าเดียวเหมือนกันขอรับ”“ถ้าจะเอาชีวิตของเป้าจื่อในกระบวนท่าเดียว ข้ายังไม่แน่ว่าจะทำได้” หลงฉางเทียนใจเย็นลงแล้ว เริ่มพิจารณา“ข้าน้อยรู้ดี วรยุทธ์ของอาเถี่ยแค่พื้น ๆ ไม่มีทางเอาชีวิตเป้าจื่อในกระบวนท่าเดียวได้อย่างแน่นอนขอรับ”“เช่นนั้น...ข้างตัวหลงจ่านเหยียนยังจะมียอดฝีมืออะไรอีก? อาซานล่ะ?” หลงฉางเทียนถามรองแม่ทัพหลี่ตอบ “หากเป็นอาซาน เขาสามารถปลิดชีพเป้าจื่อในกระบวนท่าเดียวได้ก็จริง แต่ท่านอย่าลืมสิ ขณะนั้นมีโจรป่าล้อมโจมตีสิบกว่าคน ที่เรียกว่าสองหมัดยากจะต้านสี่มือศัตรู ต่อให้อาซานเก่งกาจสักแค่ไหน ก็ไม่มีทางลงมือฆ่าคนมากมายเช่นนี้อย่างรวดเร็วด้วยกระบวนท่าเดียวท่ามกลางวงล้อมการต่อ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 109

    “เพียงแต่บัดนี้นางเป็นไทเฮาแล้ว อยู่ต่อหน้านาง ขนาดท่านแม่ทัพก็ยังต้องลดตัวหนึ่งระดับเลยเจ้าค่ะ” เย่เต๋อโหรวเอ่ยอย่างอึดอัดใจความจริงนางอยากบอกว่าแม้แต่นางที่เป็นฮูหยินเก้ามิ่งท่านนี้ก็ยังต้องลดตัวต่ำกว่านางหนึ่งระดับ ติดที่ความน่าเกรงขามของฮูหยินผู้เฒ่าจึงไม่กล้าพูดฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะเย็นชาทีหนึ่ง “ไทเฮาแล้วอย่างไร? มังกรให้กำเนิดมังกร หงส์ให้กำเนิดหงส์ ลูกชายของมุสิกได้แต่อยู่ในรู หยางจิ่วเม่ยเป็นใครกัน ลูกสาวของนางเป็นใครกัน นางจะเก่งสักแค่ไหนกันเชียว? หากว่าเก่งจริง ก็เป็นคนข้างตัวของนาง แค่วางแผนกำจัดคนข้างตัวนางเสีย ชีวิตของนางมิต้องอยู่ในกำมือหรือ?”“แต่จะกำจัดคนข้างตัวนางอย่างไรละเจ้าคะ?” เย่เต๋อโหรวถามฮูหยินผู้เฒ่าตอบ “นางเพิ่งเข้าวังได้ปีเดียว จะมีความสามารถบ่มเพาะผู้ภักดีได้หรือ? ทั้งหมดมิใช่เซ่อเจิ้งอ๋องส่งคนมาคุ้มครองนางหรืออย่างไร?”“เจ้าค่ะ แต่เซ่อเจิ้งอ๋องต่อกรด้วยยากกว่า” เย่เต๋อโหรวเอ่ย“ใครใช้ให้เจ้าไปต่อกรกับเซ่อเจิ้งอ๋องเล่า?” ฮูหยินผู้เฒ่าลุกขึ้นเดินช้า ๆ สาวใช้ข้างตัวรีบเข้ามาประคองนางเย่เต๋อโหรวมองนางด้วยความฉงนฉงาย “ท่านแม่โปรดแถลงไข!”“ทั่วทั้งเมื

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 110

    ประมาณยามไฮ่ จิ้นหรูเข้ามารายงานจ่านเหยียน “คุณหนูใหญ่ เมื่อครู่หลงฮูหยินให้คนมาทูลว่าฉีชินอ๋องมาที่จวน เชิญท่านไปสนทนาที่เรือนหนิงย่วนเพคะ”จ่านเหยียนนิ่งไปเล็กน้อย “ฉีชินอ๋องมาอีกแล้วหรือ? เขาเพิ่งไปได้ไม่นานเองนี่?”“บ่าวก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน มิเช่นนั้นก็ให้คนปฏิเสธไปเถอะเพคะ?” จิ้นหรูเอ่ยจ่านเหยียนส่ายหน้า “เจ้าไปสอบถามดู ดูสิว่าฉีชินอ๋องมาที่จวนจริงหรือไม่”“สอบถามมาแล้วเพคะ มาที่จวนจริง ๆ” จิ้นหรูตอบ“เช่นนั้นข้าจะไปพบเขาสักหน่อย” จ่านเหยียนเอ่ยจิ้นหรูจึงว่า “เช่นนั้นก็พาคนไปเยอะ ๆ หน่อยเถอะเพคะ คืนนี้จวนตระกูลหลงไม่สงบ”“มิเป็นไร ฉีชินอ๋องคือคนของเซ่อเจิ้งอ๋อง เขาไม่ทำร้ายข้าหรอก” จ่านเหยียนกล่าว“กระนั้นระหว่างทางก็อันตราย ไม่สนมากแล้ว พาคนไปเยอะหน่อยเถอะเพคะ” จิ้นหรูยืนกราน“อื่ม เจ้าไปเตรียมการเถอะ” จ่านเหยียนไม่คัดค้านแล้ว นางนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เอื้อมมือจัดแต่งทรงผมสบาย ๆ จี๋เสียงอยากมาช่วย แต่จ่านเหยียนกล่าวว่า “เอาผ้ามารัดเส้นหนึ่งก็พอ”กัวอวี้ตกตะลึงแล้วเอ่ย “นี่จะไม่ดีกระมังเพคะ?” อย่างไรมู่หรงหานเทียนก็คือฉีชินอ๋อง กอปรกับนางมีสถานะเป็นไทเฮา แต

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 111

    “พวกเจ้าตามไปเถอะ” ฉีชินอ๋องสั่งองครักษ์ที่ติดตามมา“พ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์ขานรับ จากนั้นจึงตามหลงฉางอี้บ่าวรับใช้ในจวนนำฉีชินอ๋องไปยังเรือนไฉ่ย่วน ส่วนหลงฉางอี้ก็พาองครักษ์ไปยังเรือนหนิงย่วน เรือนหนิงย่วนกับเรือนไฉ่ย่วน เรือนหนึ่งอยู่ทางตะวันออก อีกเรือนหนึ่งอยู่ทางตะวันตก อยู่ฝั่งตรงข้ามกันพอดีฉีชินอ๋องเป็นคนใสซื่อ ก่อนหน้านี้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราชสำนักน้อยนัก เพียงแต่หลังจากมู่หรงฉิงเทียนดำรงตำแหน่งเซ่อเจิ้งอ๋อง เขาจึงเริ่มรับงานและทำงานให้มู่หรงฉิงเทียนอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม เขาด้อยประสบการณ์ จึงไม่เคยคิดว่าจวนตระกูลหลงจะกล้าหลอกใช้เขาเมื่อมาถึงหน้าเรือนหนิงย่วน หลงฉางอี้ก็บอกกับองครักษ์ว่า “ติดตามไทเฮาจะพกอาวุธไม่ได้ รบกวนพวกท่านทั้งสี่ส่งมอบกระบี่ให้ข้าเก็บรักษาไว้ก่อน”องครักษ์ผู้เป็นผู้นำคนหนึ่งจึงเอ่ย “หากมอบกระบี่ให้ท่านแล้วมีศัตรูมาบุกเล่า พวกเราจะป้องกันอย่างไร?”“วางใจเถอะ ข้าจะอยู่แถว ๆ นี้ หากมีอันตรายต้องส่งอาวุธคืนทันทีแน่” หลงฉางอี้เอ่ยหลังจากทั้งสี่พิจารณาครู่หนึ่ง นับจากติดตามฉีชินอ๋องก็ใช้ชีวิตอย่างปกติสุขมาไม่น้อย กอปรกับในอดีตเข้าวังก็ห้ามพกอาวุธเห

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 112

    เสียงกรีดร้องแหลมของกัวอวี้ทำให้คนที่อยู่นอกเรือนแตกตื่นกันหมดองครักษ์หลายคนของฉีชินอ๋องนำกระบี่กลับคืนมาจากมือหลงฉางอี้ก่อนจะบุกเข้ามา องครักษ์ในจวนและองครักษ์ข้างกายจ่านเหยียนก็บุกเข้ามาด้วยเหมือนกัน เรือนหนิงย่วนมืดสนิท ชั่วขณะไม่รู้ว่าใครคือมิตร ใครคือศัตรู เสียงศาสตราวุธกระทบกันดังขึ้น อายกระบี่แสงหนาวทอประกายจนความดุดันของราตรีนี้เพิ่มระดับสุดท้ายคนมากมายเช่นนี้กลับจับผู้ร้ายไม่ได้ ได้แต่บีบให้พวกเขาทิ้งอาวุธในมือ ส่วนคนกลับหนีรอดไปได้ในตอนที่บ่าวในจวนชูคบเพลิงมา ความโกลาหลก็ยุติเป็นที่เรียบร้อยกัวอวี้เลือดท่วมตัวนอนอยู่บนพื้น กายสั่นเทิ้มพลางชี้ไปทางทะเลสาบ “ไทเฮา...ไทเฮา...”จิ้นหรูรีบสั่งให้คนลงน้ำไปงมหา ทว่าทะเลสาบในวสันตฤดูหนาวจนทำให้คนตัวสั่นคนที่ดำน้ำเป็นลงไปเกือบทั้งหมด ทะเลสาบกว้างมาก ใบบัวปิดมิดชิด บวกกับวิสัยทัศน์ในตอนกลางคืนไม่ชัด ดังนั้นหากว่าครึ่งชั่วยามก็ยังไม่พบกัวอวี้ถูกส่งตัวกลับไปรักษาแล้ว อาการนางสาหัสมาก แต่เคราะห์ดีที่ไม่มีอันตรายถึงชีวิตฉีชินอ๋องรออยู่นานสองนานก็ไม่เจอจ่านเหยียน กลับได้ยินเสียงโหวกเหวกดังมาจากอีกทางหนึ่ง ท่ามกลางเสียงเหล่าน

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 113

    อีกนัยหนึ่ง หากเขาไม่เอ็ดออกไป คนที่ลอบสังหารไทเฮาก็คือนักฆ่า แต่หากเขาดึงดันจะตรวจสอบให้ได้ ท่านนั้นในวังหลวงก็จะยัดความผิดให้กับเขานับจากเชิญเขามาในคืนนี้จวบจนเวลานี้ เรื่องราวทั้งหมดคือกับดัก จุดประสงค์ก็เพื่อลากเขาลงน้ำ“ข้าไม่เข้าใจ ทำไมต้องหลอกใช้ข้าด้วย นางอยู่ในจวนของพวกท่าน ถ้าพวกท่านอยากลงมือก็ทำได้ทุกเมื่อนี่” ฉีชินอ๋องข่มไฟโกรธในใจ แล้วถามอย่างใจเย็น“เพราะนางเชื่อแต่เซ่อเจิ้งอ๋อง ส่วนท่านอ๋องก็มีสัมพันธ์พี่น้องลึกซึ้งกับเซ่อเจิ้งอ๋อง มีแต่การนัดหมายกับท่านอ๋อง นางจึงจะปลดระวางการป้องกัน จึงจะยอมเข้าเรือนหนิงย่วนพร้อมกับนางกำนัลเพียงคนเดียวอย่างไรเล่าเพคะ” ฮูหยินผู้เฒ่าบอกเขาตามตรงอย่างไม่ปกปิด“หึ เรือนหนิงย่วน เรือนไฉ่ย่วน ฮูหยินผู้เฒ่าแผนร้ายนักนะ!” ฉีชินอ๋องใบหน้าแดงก่ำ เปลวเพลิงโทสะในดวงตาลุกโชน ไม่ว่าจะได้รับการอบรมมาดีเพียงไร ครั้นถูกคนวางแผนใส่ร้ายเช่นนี้ก็ยังอดด่าพ่อล่อแม่ไม่ได้“ใช่ว่าหม่อมฉันจิตใจล้ำลึก ท่านอ๋องควรทราบว่าในฐานะที่เป็นขุนนาง กษัตริย์ต้องการให้ขุนนางตาย ขุนนางก็ต้องตาย หม่อมฉันจนปัญญา จวนตระกูลหลงบนล่างนับร้อยชีวิตจะประมาทไม่ได้” ฮูหยินผู้เฒ่

Latest chapter

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 216

    “ลุกขึ้นนั่ง!” มู่หรงฉิงเทียนสั่งให้คนประคองสองคนนี้ลุกขึ้นทั้งสองนั่งลง มองรอบห้องอย่างหวาดวิตก ตระหนักว่าที่นี่คือเรือนที่พักของมู่หรงฉิงเทียนจึงอดยินดีอย่างมิเคยได้รับอยู่บ้างมู่หรงฉิงเทียนถามหลงจ่านซิน “รู้หรือไม่ว่าผู้ใดลักพาตัวพวกเจ้าไป”หลงจ่านซินตอบแบบสติสตังยังไม่กลับคืนมา “เรียนท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ พวกมันขังหม่อมฉันอยู่ในห้องเล็ก ๆ ไม่มีใครสอบสวนพวกเรา และไม่เคยทำให้ลำบากใจ แค่ไม่ให้พวกเราออกไปเท่านั้นเพคะ”“อื่ม”“ท่านอ๋องหาพวกเราพบได้อย่างไรเพคะ?” สุดท้ายยังเป็นหงฮวาที่ใจกล้าเอ่ยถามมู่หรงฉิงเทียนตอบ “หมู่โฮ่วฮองไทเฮาไว้วานให้ข้าตามหาและช่วยเหลือพวกเจ้า ระยะนี้ข้าส่งคนออกไปค้นหามาตลอด จวบจนวันนี้ถึงได้ข่าวว่าพวกเจ้าถูกขังอยู่ในห้องเล็ก ๆ จึงสั่งให้คนไปช่วยพวกเจ้าทันที”“หลงจ่านเหยียนให้ท่านช่วยพวกเราหรือเพคะ?” หลงจ่านซินถามอย่างไม่ค่อยเชื่อ“ถูกต้อง!” มู่หรงฉิงเทียนพยักหน้า เขาตรวจสอบสีหน้าของหลงจ่านซิน ก่อนจะกล่าวเสริม “แต่ได้ยินว่าเป็นคำสั่งของไทฮองไทเฮา”“หม่อมฉันรู้อยู่แล้วเชียว นางไม่ใจดีอย่างนั้นหรอก!” หลงจ่านซินเอยคำสบถคำหนึ่ง ครั้นกล่าวถึงหลงจ่านเ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 215

    “ครั้งนี้ พระอาจารย์เป่ากวงเชิญหลงอู่มาเพื่ออะไร?” มู่หรงฉิงเทียนถามฮุ่ยอวิ่นฮุ่ยอวิ่นตอบอย่างไม่ต้องคิด “แน่นอนว่ามาช่วยเจ้า”เขาชะงักไป แล้วมองมู่หรงฉิงเทียนอย่างตกตะลึง “เขาเป็นเรื่องพวกนี้...”“ทางพรตมีวิชาเหมาซัน เห็นว่าสามารถเป็นชายเป็นหญิง หากนางช่วยข้าได้ การที่นางจะเป็นเรื่องพวกนี้จะแปลกอันใด?”ฮุ่ยอวิ่นเงียบงัน หากบอกว่าหลงอู่ก็คือหลงจ่านเหยียน เช่นนั้น... นางต้องการทำอันใดกันแน่? นางจะช่วยฉิงเทียนจริงหรือ?กลัวแต่จะไม่อีกอย่าง อดีตฮ่องเต้สนทนากับนางตลอดทั้งคืน คุยอะไรกัน? อดีตฮ่องเต้หวาดกลัวฉิงเทียนมาโดยตลอด แต่สุดท้ายกลับแต่งตั้งเขาเป็นเซ่อเจิ้งอ๋อง เพียงเพื่อให้เขาคานสกุลถง?กลัวแต่จะไม่!“มิสู้... พิสูจน์สักหน่อย? ฟางจี้จื่อมิใช่คนสายพรตหรือ? บางทีเขาอาจรู้ว่าหลงจ่านเหยียนคือใครก็ได้” ฮุ่ยอวิ่นเอ่ย “ฟางจี้จื่อระแวดระวังนางมาตลอด ข้าสงสัยว่าที่ฟางจี้จื่อเอาวิญญาณมังกรไปก็เพื่อจะต่อกรกับนาง”ฮุ่ยอวิ่นผงะเล็กน้อย “ที่ท่านให้ฟางจี้จื่ออยู่ในจวน มิใช่แค่ให้เขาตรวจสอบเรื่องครอบครัวหญิงม่ายแซ่เซวหรือ?”“มิผิด ข้าให้คนจับตาดูฟางจี้จื่อมาตลอด เขาสนทนากับหลงอู่สองครั้

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 214

    “ท่านอ๋อง!” องครักษ์ลับคนหนึ่งเข้าห้องของมู่หรงฉิงเทียน“มีเรื่องอันใด?” มู่หรงฉิงเทียนวางเสื้อตัวนอกไว้ที่ตั่งนอน ก่อนจะถามเรียบ ๆ“เข้าตำหนักหรูหลานไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ แต่อาซานบอกว่าเขาไม่พบไทเฮาหลายวันแล้ว ไทเฮาอ้างว่าล้มป่วยพักฟื้น ไม่ออกประตูตำหนักแม้แต่ก้าวเดียวพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ลับเอ่ย“สืบหรือไม่ว่าก่อนหลงจ่านเหยียนเข้าวังเกิดเรื่องอันใดขึ้น?” มู่หรงฉิงเทียนถาม“เห็นว่าก่อนหลงจ่านเหยียนจะเข้าวังเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นระยะหนึ่ง แต่ภายหลังก็ยอมจำนน ได้ยินบ่าวไพร่ในจวนบอกว่าก่อนที่หลงจ่านเหยียนจะเข้าวังสองวัน จู่ ๆ ก็เปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือพ่ะย่ะค่ะ”มู่หรงฉิงเทียนผินหน้ามอง “เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร?” “นางถึงกลับกล้าเถียงฮูหยินผู้เฒ่าหลงกับหลงฉางเทียน เห็นว่าก่อนที่นางจะเข้าวัง หลงฉางเทียนเตรียมยาสลบให้นาง กลัวว่านางจะร้องไห้อาละวาดกลางทาง แต่หลังจากดื่มยาสลบลงไปแล้วกลับไม่มีปฏิกิริยาใด สุดท้ายหลงจ่านเหยียนยังขึ้นเกี้ยวอย่างมีชีวิตชีวาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”มู่หรงฉิงเทียนอื่ม “ออกไปเถอะ!”“พ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์ลับหายตัวไปแล้วมู่หรงฉิงเทียนเปิดประตูออกแล้วเอ่ยกับอาซิ่น “พาลูกสาวแล

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 213

    “คุณชายฉี?” เขาหัวเราะด้วยจิตใจที่ขมปร่า “แม้แต่การเรียกขานก็เปลี่ยนแล้ว เห็นได้ว่าหัวใจเจ้าเปลี่ยนแล้วจริง ๆ!”นางไม่เอื้อนเอ่ย ในสายตาของฉีซุนก็คือการยอมรับโดยปริยายนางสามารถมองเห็นประกายในดวงตาของเขามืดลงไปทีละน้อย นางจินตนาการได้ว่าหัวใจของเขากำลังดำดิ่งลงไปทีละนิด หัวใจของนางก็เช่นกัน ดิ่งลึกลงไปถึงสถานที่ไม่ทราบชื่อ มืดมิด ไม่มีความรักของนางอีก“ขอให้เจ้ามีความสุข!” หลังจากจ้องนางอยู่นาน เขาก็เปล่งคำนี้ออกมาเสียงเนิบ น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย“ขอบคุณ!” นี่คือคำพูดสุดท้ายที่นางพยายามรักษาเสียงแข็ง มากอีกหนึ่งคำ น้ำตาของนางจะร่วงแล้วเขาไปแล้ว ราวกับพกแสงตะวันทั้งหมดไปด้วย เหลือเพียงเงาหลังเศร้าสร้อยและความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุดให้นาง“ชุนอี้ ข้ารู้สึกว่า ข้าอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว!” น้ำตาของนางพรั่งพรูออกมาราวกับน้ำหลาก ในดวงตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง“คุณหนู ทุกอย่างจะดีเอง หากท่านไม่สามารถอยู่กับคุณชายฉีได้ กับคุณชายฉินก็ดีมากเช่นกันเจ้าค่ะ!” ชุนอี้ปลอบใจทั้งน้ำตาคลอเห็นคุณชายฉีและคุณหนูเสียใจ ชุนอี้รู้ว่าความรู้สึกนี้มิอาจหวนกลับนางนั่งอยู่ในศาลาอยู่นานสองนาน มิได้เอื้อนเอ่ย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 212

    นอกเมืองมีศาลาสิบลี้อยู่แห่งหนึ่งตรงเชิงเขาสูงใหญ่ กลางไหล่เขาสูงใหญ่ลูกนั้น ก็มีวัดเจ้าแม่กวนอิมอยู่แห่งหนึ่ง มีผู้คนมาสักการะมากมายวัดเจ้าแม่กวนอิมก็คือสถานที่พบกันของหวังหว่านจวินกับฉีซุนหวังหว่านจวินให้สาวใช้ชุนอี้นัดฉีซุนออกมานางจงใจมาเร็วหนึ่งชั่วยาม ระหว่างที่นั่งรอพบฉีซุน ที่สมองมิอาจลบเลือนไปได้ก็คือภาพที่พบกันเขาสวมชุดขาวปลอด ย่างเข้าม่านจักษุของนาง ลมรำเพยพกพากลิ่นหอมสดชื่นของดอกกุ้ยฮวาพัดเส้นผมของเขานางยืนอยู่ใต้ต้นกุ้ยฮวา แหงนหน้ามองดอกกุ้ยฮวาเล็ก ๆ สีเหลืองทองเขายืนอยู่ตรงหน้านางและอมยิ้มเอ่ยว่า “คุณหนู ต้นนี้คือต้นกุ้ยฮวาสีทอง ยามบุปผาโปรยปรายประหนึ่งสายพิรุณทองคำ”นางมองดวงหน้าอันหล่อเหลาและดวงตาอันอบอุ่นของเขา รู้สึกเพียงจุดหนึ่งในหัวใจราวกับถูกสายลมวสันตฤดูพัดผ่าน สะกิดสะเกาเขามีความรู้ล้ำลึก ร่ำเรียนมาห้าปี เป็นคนตลกขบขัน ชอบหัวเราะ เมื่ออยู่ต่อหน้านาง เขาไม่ปกปิดชาติตระกูลของตัวเองสักนิดเขาก็เหมือนกับหลุมขนาดใหญ่ที่ดูดนางเข้าไปสู่ห้วงลึกนางเคยคิด หากชีวิตที่เหลือสามารถอยู่กับเขาได้ เคียงข้างเขา ปรนนิบัติบัณฑิตหนุ่ม ดื่มสุราสนทนา กระทั่งคลอดบุตรชาย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 211

    “ข้ามิได้ทำงานไม่ถูกเรื่อง เจ้าก็คือฆาตกรสังหารครอบครัวหญิงม่ายแซ่เซว” ฟางจี้จื่อจ้องนางพลางเอ่ยจ่านเหยียนส่ายหน้า “เจ้ามีหลักฐานอันใดพิสูจน์ว่าข้าคือฆาตกรสังหารครอบครัวหญิงม่ายแซ่เซว?”“ข้างตัวเจ้า หนึ่งปีศาจจิ้งจอก หนึ่งปีศาจงู นี่ก็คือเครื่องพิสูจน์ที่ดีที่สุด ที่จนถึงวันนี้ข้าก็ยังมองตัวตนของเจ้าไม่ออก นั่นมีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียว เจ้าดูดวิญญาณมนุษย์ฝึกบำเพ็ญเป็นเวลานาน ดังนั้นเจ้าจึงมีกลิ่นอายของมนุษย์ กลบทับตัวตนที่แท้จริงของเจ้า”“นักพรตคนหนึ่งกลับกล่าวถ้อยคำเช่นนี้ออกมา ไม่กลัวว่าจะทำให้คนหัวเราะเยาะแย่หรือ? เจ้าไม่เคยคิดหรือว่าข้าจะเป็นคนจริง ๆ?” จ่านเหยียนเอ่ยฟางจี้จื่อหัวเราะเย้ยหยัน “เจ้าอยากเป็นคนเป็นเซียนจริง แต่น่าเสียดาย เจ้าเข่นฆ่าคนไปมาก ต่อให้ฝืนบำเพ็ญเพียร อย่างมากก็ถึงได้แค่ด่านหยวนสื่อเทียนจุนไท่ซ่างเหล่าจวิน เจ้ามีสันดานชั่วช้า จะเป็นเซียนได้อย่างไร?”“ข้าเข่นฆ่าคนมากจริง แต่เจ้าผิดแล้ว ข้าไม่เคยคิดอยากเป็นเซียน เป็นเซียนแล้วมีอะไรดี? มีแต่ผู้บำเพ็ญพรตที่เห็นแก่ตัวเช่นเจ้าจึงเพ้อฝันอยากเป็นเซียน อย่าคิดว่าคนอื่นจะเป็นอย่างเจ้าสิ”หากนางไม่เข่นฆ่าคนม

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 210

    มู่หรงฉิงเทียนถามเทพโอสถ “ท่านหมอเทวดาจะตรวจสอบสาเหตุการตาบอดของนางได้หรือไม่”“ได้!” เทพโอสถหันไปเอ่ยกับเหลียนถัง “เจ้าเอาเข็มมาทดสอบตับของกุ้ยไท่เฟยหน่อย ตับกับดวงตาสัมพันธ์ถึงกัน ร่างกายมนุษย์มีจุดชีพจรหลายจุดที่สัมพันธ์กับอวัยวะภายใน มีพื้นที่ตอบสนอง หากมีพิษอยู่ในบริเวณตับ โดยมากจะส่งผลกระทบต่อดวงตา”จ่านเหยียนเห็นด้วยกับหลักการที่เขาบอก แต่... การสูญเสียการมองเห็นอย่างที่ไม่ถูกทำร้ายใด ๆ จะไม่เป็นอย่างที่เขาพูดแน่นอนทว่า... จะบอกว่าเขาอธิบายผิดก็ไม่ได้ เพราะทั้งสองอย่างนี้ล้วนเป็นไปได้ทุกคนออกไปรออยู่นอกห้องขณะเหลียนถังกำลังตรวจสอบให้กุ้ยไท่เฟย เหลือเพียงจู๋กูกูเพียงคนเดียวผ่านไปครู่หนึ่ง จู๋กูกูก็เปิดประตู เทพโอสถหยิบเข็มเงินดูใต้แสงอาทิตย์พักหนึ่ง เข็มเรียวยาวเรืองแสงสีเขียวจาง ๆ ใต้แสงตะวันทุกคนผงะ มู่หรงฉิงเทียนถามขึ้น “มีพิษ?”“เป็นเพียงพิษเล็กน้อย แต่นี่ก็มีความเป็นไปได้สองอย่าง อย่างแรกคือกุ้ยไท่เฟยดื่มยาเป็นเวลานาน ยามักมีพิษสามส่วน ตับทำหน้าที่ขับสารพิษ เมื่อขับพิษออกไม่หมด ก็จะตกค้างอยู่ที่นี่ อย่างที่สองคือสมัยก่อนกุ้ยไท่เฟยขจัดพิษออกไม่หมด จึงทำความเสียหายแ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 209

    “รีบเชิญเร็ว!” จู๋กูกูรีบเอ่ยนางเข้าไปประคองอวิ๋นกุ้ยไท่เฟย เอ่ย “หมอเทวดามาแล้ว พวกเรากลับเข้าเรือนเถอะ ตรวจอาการในเรือนจะสะดวกกว่านะเจ้าคะ”อวิ๋นกุ้ยไท่เฟยกลับโบกมือแล้วนั่งลงเหมือนเดิม “อยู่ตรงนี้เถอะ ข้าชอบแสงแดดสว่าง ๆ”“เช่นนั้นหรือ ก็ได้เจ้าค่ะ!” จู๋กูกูได้แต่ตามใจนางมู่หรงฉิงเทียนในชุดผ้าฝ้ายลวดลายมังกรเหินสีนิลที่แหวกว่ายอยู่ท่ามกลางเมฆาซึ่งเป็นลายพื้นเดินเข้ามา ตรงเอวคาดผ้ารัดเอวสีทอง ผูกกระเป๋าผ้าสีทองใบหนึ่ง และบนกระเป๋าผ้าห้อยพู่หยกใสทะลุปรุโปร่งชิ้นหนึ่งเห็นแล้วทำให้คนรู้สึกถึงความสูงศักดิ์แห่งราชวงศ์และท่วงทำนองน่าเกรงขามอย่างไรก็คือราชวงศ์ แม้จะเป็นชุดลำลองก็ยังแสดงลักษณะแห่งราชวงศ์ออกมาทั้งหมดเหลียนถังเดินอยู่ข้างหลังเทพโอสถ ครั้นนางเห็นฮุ่ยอวิ่น ก็เพียงปราดสายตาอย่างรวดเร็วแวบหนึ่ง จากนั้นใบหน้านิ่งก็เก็บอารมณ์ไว้ในดวงตา“เสด็จแม่ ไม่เชื่อฟังอีกแล้วนะ!” มู่หรงฉิงเทียนเดินมาข้างหน้าแล้วตำหนิด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแผ่วเบา “บอกแล้วมิใช่หรือ? อย่าออกมาตอนเช้าตรู่ หากต้องความเย็นแล้วจะทำอย่างไร?”นี่คือครั้งแรกที่จ่านเหยียนเห็นมู่หรงฉิงเทียนอ่อนโยนเช่นนี้ เส้นโค้

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 208

    อวิ๋นกุ้ยไท่เฟยตอบ “ไม่ค่อยสะดวก มองไม่เห็น”ผู้เป็นหมอมักมีหัวใจแห่งบิดามารดา จ่านเหยียนอดถามไม่ได้ “เป็นเพราะสาเหตุใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”อวิ๋นกุ้ยไท่เฟยหน้านิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะคลี่ยิ้มตรงมุมปาก “ข้าจำไม่ได้แล้ว”มีหรือจะจำความเจ็บปวดจากการสูญเสียการมองเห็นไม่ได้? โดยรวมคงเพราะไม่อยากเอ่ยถึง หรือไม่ก็ปลงตกแล้วฮุ่ยอวิ่นนึกว่าจ่านเหยียนจะถามต่อ จึงยื่นมือมากระตุกแขนเสื้อของนางแล้วโบกมือเป็นการบอกว่าอย่าถามจ่านเหยียนเปลี่ยนประเด็น “น้ำชาเหล่านี้เจือกลิ่นส้ม ใช่ชาส้มหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? แต่มันไม่ใช่แค่ชาส้ม หากยังใส่เมล็ดชุมเห็ดเทศด้วยกระมัง?”อวิ๋นกุ้ยไท่เฟยเอ่ยอย่างยินดี “มิผิด ข้าแค่สั่งให้คนใส่ลงไปเล็กน้อยเท่านั้น เจ้ากลับรู้ได้”“เมล็ดชุมเห็ดเทศช่วยเรื่องล้างตับและการมองเห็น รสชาติหอมสดชื่น แต่ใส่ลงไปได้เล็กน้อยเท่านั้น มิเช่นนั้นรสชาติเข้มเกินไปจะเสียรสชาติชาและส้ม น้ำชาจะขุ่นมัว และยังจะทำให้ลำไส้ลื่น” จ่านเหยียนเอ่ยอวิ๋นกุ้ยไท่เฟยผงะ จู่ ๆ ก็เอื้อมมือควานหามาทางจ่านเหยียน จ่านเหยียนเอื้อมมือไปจับมือของนาง รู้สึกประหลาดใจกับการกระทำของนางเล็กน้อยอวิ๋นกุ้ยไท่เฟยเอ่ยด้วยความยิ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status