ประมาณยามไฮ่ จิ้นหรูเข้ามารายงานจ่านเหยียน “คุณหนูใหญ่ เมื่อครู่หลงฮูหยินให้คนมาทูลว่าฉีชินอ๋องมาที่จวน เชิญท่านไปสนทนาที่เรือนหนิงย่วนเพคะ”จ่านเหยียนนิ่งไปเล็กน้อย “ฉีชินอ๋องมาอีกแล้วหรือ? เขาเพิ่งไปได้ไม่นานเองนี่?”“บ่าวก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน มิเช่นนั้นก็ให้คนปฏิเสธไปเถอะเพคะ?” จิ้นหรูเอ่ยจ่านเหยียนส่ายหน้า “เจ้าไปสอบถามดู ดูสิว่าฉีชินอ๋องมาที่จวนจริงหรือไม่”“สอบถามมาแล้วเพคะ มาที่จวนจริง ๆ” จิ้นหรูตอบ“เช่นนั้นข้าจะไปพบเขาสักหน่อย” จ่านเหยียนเอ่ยจิ้นหรูจึงว่า “เช่นนั้นก็พาคนไปเยอะ ๆ หน่อยเถอะเพคะ คืนนี้จวนตระกูลหลงไม่สงบ”“มิเป็นไร ฉีชินอ๋องคือคนของเซ่อเจิ้งอ๋อง เขาไม่ทำร้ายข้าหรอก” จ่านเหยียนกล่าว“กระนั้นระหว่างทางก็อันตราย ไม่สนมากแล้ว พาคนไปเยอะหน่อยเถอะเพคะ” จิ้นหรูยืนกราน“อื่ม เจ้าไปเตรียมการเถอะ” จ่านเหยียนไม่คัดค้านแล้ว นางนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เอื้อมมือจัดแต่งทรงผมสบาย ๆ จี๋เสียงอยากมาช่วย แต่จ่านเหยียนกล่าวว่า “เอาผ้ามารัดเส้นหนึ่งก็พอ”กัวอวี้ตกตะลึงแล้วเอ่ย “นี่จะไม่ดีกระมังเพคะ?” อย่างไรมู่หรงหานเทียนก็คือฉีชินอ๋อง กอปรกับนางมีสถานะเป็นไทเฮา แต
“พวกเจ้าตามไปเถอะ” ฉีชินอ๋องสั่งองครักษ์ที่ติดตามมา“พ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์ขานรับ จากนั้นจึงตามหลงฉางอี้บ่าวรับใช้ในจวนนำฉีชินอ๋องไปยังเรือนไฉ่ย่วน ส่วนหลงฉางอี้ก็พาองครักษ์ไปยังเรือนหนิงย่วน เรือนหนิงย่วนกับเรือนไฉ่ย่วน เรือนหนึ่งอยู่ทางตะวันออก อีกเรือนหนึ่งอยู่ทางตะวันตก อยู่ฝั่งตรงข้ามกันพอดีฉีชินอ๋องเป็นคนใสซื่อ ก่อนหน้านี้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราชสำนักน้อยนัก เพียงแต่หลังจากมู่หรงฉิงเทียนดำรงตำแหน่งเซ่อเจิ้งอ๋อง เขาจึงเริ่มรับงานและทำงานให้มู่หรงฉิงเทียนอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม เขาด้อยประสบการณ์ จึงไม่เคยคิดว่าจวนตระกูลหลงจะกล้าหลอกใช้เขาเมื่อมาถึงหน้าเรือนหนิงย่วน หลงฉางอี้ก็บอกกับองครักษ์ว่า “ติดตามไทเฮาจะพกอาวุธไม่ได้ รบกวนพวกท่านทั้งสี่ส่งมอบกระบี่ให้ข้าเก็บรักษาไว้ก่อน”องครักษ์ผู้เป็นผู้นำคนหนึ่งจึงเอ่ย “หากมอบกระบี่ให้ท่านแล้วมีศัตรูมาบุกเล่า พวกเราจะป้องกันอย่างไร?”“วางใจเถอะ ข้าจะอยู่แถว ๆ นี้ หากมีอันตรายต้องส่งอาวุธคืนทันทีแน่” หลงฉางอี้เอ่ยหลังจากทั้งสี่พิจารณาครู่หนึ่ง นับจากติดตามฉีชินอ๋องก็ใช้ชีวิตอย่างปกติสุขมาไม่น้อย กอปรกับในอดีตเข้าวังก็ห้ามพกอาวุธเห
เสียงกรีดร้องแหลมของกัวอวี้ทำให้คนที่อยู่นอกเรือนแตกตื่นกันหมดองครักษ์หลายคนของฉีชินอ๋องนำกระบี่กลับคืนมาจากมือหลงฉางอี้ก่อนจะบุกเข้ามา องครักษ์ในจวนและองครักษ์ข้างกายจ่านเหยียนก็บุกเข้ามาด้วยเหมือนกัน เรือนหนิงย่วนมืดสนิท ชั่วขณะไม่รู้ว่าใครคือมิตร ใครคือศัตรู เสียงศาสตราวุธกระทบกันดังขึ้น อายกระบี่แสงหนาวทอประกายจนความดุดันของราตรีนี้เพิ่มระดับสุดท้ายคนมากมายเช่นนี้กลับจับผู้ร้ายไม่ได้ ได้แต่บีบให้พวกเขาทิ้งอาวุธในมือ ส่วนคนกลับหนีรอดไปได้ในตอนที่บ่าวในจวนชูคบเพลิงมา ความโกลาหลก็ยุติเป็นที่เรียบร้อยกัวอวี้เลือดท่วมตัวนอนอยู่บนพื้น กายสั่นเทิ้มพลางชี้ไปทางทะเลสาบ “ไทเฮา...ไทเฮา...”จิ้นหรูรีบสั่งให้คนลงน้ำไปงมหา ทว่าทะเลสาบในวสันตฤดูหนาวจนทำให้คนตัวสั่นคนที่ดำน้ำเป็นลงไปเกือบทั้งหมด ทะเลสาบกว้างมาก ใบบัวปิดมิดชิด บวกกับวิสัยทัศน์ในตอนกลางคืนไม่ชัด ดังนั้นหากว่าครึ่งชั่วยามก็ยังไม่พบกัวอวี้ถูกส่งตัวกลับไปรักษาแล้ว อาการนางสาหัสมาก แต่เคราะห์ดีที่ไม่มีอันตรายถึงชีวิตฉีชินอ๋องรออยู่นานสองนานก็ไม่เจอจ่านเหยียน กลับได้ยินเสียงโหวกเหวกดังมาจากอีกทางหนึ่ง ท่ามกลางเสียงเหล่าน
อีกนัยหนึ่ง หากเขาไม่เอ็ดออกไป คนที่ลอบสังหารไทเฮาก็คือนักฆ่า แต่หากเขาดึงดันจะตรวจสอบให้ได้ ท่านนั้นในวังหลวงก็จะยัดความผิดให้กับเขานับจากเชิญเขามาในคืนนี้จวบจนเวลานี้ เรื่องราวทั้งหมดคือกับดัก จุดประสงค์ก็เพื่อลากเขาลงน้ำ“ข้าไม่เข้าใจ ทำไมต้องหลอกใช้ข้าด้วย นางอยู่ในจวนของพวกท่าน ถ้าพวกท่านอยากลงมือก็ทำได้ทุกเมื่อนี่” ฉีชินอ๋องข่มไฟโกรธในใจ แล้วถามอย่างใจเย็น“เพราะนางเชื่อแต่เซ่อเจิ้งอ๋อง ส่วนท่านอ๋องก็มีสัมพันธ์พี่น้องลึกซึ้งกับเซ่อเจิ้งอ๋อง มีแต่การนัดหมายกับท่านอ๋อง นางจึงจะปลดระวางการป้องกัน จึงจะยอมเข้าเรือนหนิงย่วนพร้อมกับนางกำนัลเพียงคนเดียวอย่างไรเล่าเพคะ” ฮูหยินผู้เฒ่าบอกเขาตามตรงอย่างไม่ปกปิด“หึ เรือนหนิงย่วน เรือนไฉ่ย่วน ฮูหยินผู้เฒ่าแผนร้ายนักนะ!” ฉีชินอ๋องใบหน้าแดงก่ำ เปลวเพลิงโทสะในดวงตาลุกโชน ไม่ว่าจะได้รับการอบรมมาดีเพียงไร ครั้นถูกคนวางแผนใส่ร้ายเช่นนี้ก็ยังอดด่าพ่อล่อแม่ไม่ได้“ใช่ว่าหม่อมฉันจิตใจล้ำลึก ท่านอ๋องควรทราบว่าในฐานะที่เป็นขุนนาง กษัตริย์ต้องการให้ขุนนางตาย ขุนนางก็ต้องตาย หม่อมฉันจนปัญญา จวนตระกูลหลงบนล่างนับร้อยชีวิตจะประมาทไม่ได้” ฮูหยินผู้เฒ่
คนในจวนงมหาอยู่นานแต่ก็หาจ่านเหยียนไม่พบนางเฉินจึงเดินมาถาม “ยังจะค้นหาต่อหรือไม่เจ้าคะ?”“หาต่อ!” ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งให้คนยกเก้าอี้มา ครั้นนางนั่งลงบนเก้าอี้ หมัวมัวก็มาจุดถุงยาสูบ นางดูดทีหนึ่ง แววตาผ่อนคลายลงเล็กน้อย “หาจนกว่าจะเจอ”จิ้นหรูร้องไห้จนไม่เป็นเสียง คุกเข่าอยู่ริมทะเลสาบตลอดเวลา ถ้าไม่ใช่เพราะจี๋เสียงและหรูอี้ดึงเอาไว้ นางก็กระโดดลงไปแล้ว การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันเช่นนี้ นางยอมรับไม่ได้อาถงและอาเถี่ยก็กระโดดลงไปแล้วเหมือนกัน พวกเขามีทักษะการดำน้ำดีมาก ค้นหาอยู่ก้นทะเลสาบตลอด แต่ก็ไม่พบสิ่งใดทันใดนั้นจี๋เสียงก็โพล่งปากขึ้นมา “นั่นมันผ้ารัดผมของคุณหนูใหญ่นี่ เป็นผ้าของนางที่รัดผมอยู่”ทุกคนจึงไปดู เห็นผ้ารัดผมสีเหลืองลอยอยู่กลางทะเลสาบจริง ๆ ด้านหนึ่งของผ้าติดอยู่กับก้านบัว อีกด้านหนึ่งกำลังลอยอยู่บนคลื่นน้ำอาเถี่ยออกแรงดำลงไปค้นหาบริเวณนั้นผ่านไปนานจึงขึ้นมาเหนือน้ำและส่ายหน้าบอก “ไม่มี!”หลงฉางอี้ลากสายตากับฮูหยินผู้เฒ่า สีหน้าสับสนเล็กน้อยแม้ทะเลสาบจะกว้างมาก แต่คนลงไปงมเยอะอย่างนี้แล้ว แทบจะพลิกทั้งก้นทะเลสาบ เหตุใดจึงไม่พบ?หลงฉางอี้ย่อตัวลงกระซิบ “ท่
ส่วนฉีชินอ๋องหลังจากกลับไปแล้วก็ไม่ได้กลับจวน แต่ตรงดิ่งไปยังจวนเซ่อเจิ้งอ๋องหลังจากสนทนาเรื่องทั้งหมด ดวงหน้าขาวเนียนของเขาก็ฉายเพลิงโทสะ “ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าหลงฉางเทียนจะกล้าวางแผนกับข้า ต้องโทษที่ข้าไม่ระวังจึงถูกเขาหลอกใช้”ฮุ่ยอวิ่นแสยะยิ้ม “มิใช่ความคิดของหลงฉางเทียนหรอก หลงฉางเทียนที่เป็นคนตีรันฟันแทงไม่มีความคิดเช่นนี้หรอก แค่เขาให้โจรป่ามาฆ่าหลงจ่านเหยียนก็รู้แล้ว ตัวต้นคิดคงเป็นยายแก่หลงนั่นแหละไอเย็นบนตัวเซ่อเจิ้งอ๋องแผ่ขยาย เขาถามฉีชินอ๋อง “เจ้าแน่ใจนะว่าหลงจ่านเหยียนตายแล้ว?”“ในเรือนหนิงย่วนมีแต่คนของจวนตระกูลหลง คนข้างตัวของไทเฮาอยู่ข้างนอกหมด กัวอวี้นางกำนัลคนสนิทนางได้รับบาดเจ็บสาหัส ทิ้งกระบี่สองเล่มไว้ที่เกิดเหตุ เป็นกระบี่ที่นักฆ่าทิ้งเอาไว้ เล่มหนึ่งเป็นของอาเชาองครักษ์คนสนิทข้า อีกเล่มที่มาไม่แน่ชัด และบนกระบี่ของอาเชามีเลือดติดอยู่ น่าจะเป็นของหลงจ่านเหยียน”เซ่อเจิ้งอ๋องได้ยินว่ากัวอวี้บาดเจ็บสาหัสก็หนักใจ “เช่นนั้นต่อให้หลงจ่านเหยียนไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บแน่”“รู้อย่างนี้เราก็ไม่กลับมาก่อนแล้ว ยังนึกว่าลูกไม้ของหลงฉางเทียนจะหมดแล้วเสียอีก ไม่นึกว่ายายแก่นั่
เซ่อเจิ้งอ๋องเดินตรงไปนั่งยังตำแหน่งที่นางนั่งเมื่อครู่ สั่งการด้วยสีหน้าเฉยเมย “ใครก็ได้ จับทุกคนในสกุลหลงเอาไว้ให้หมด”องครักษ์ของเซ่อเจิ้งอ๋องกรูกันเข้ามา พริบตาเดียว กระบี่สิบกว่าเล่มก็พาดอยู่บนคอของคนสกุลหลงแม้แต่คอของฮูหยินผู้เฒ่าก็มีกระบี่เย็นแวววาวเพิ่มมาอีกหนึ่งเล่มเช่นกัน และผู้ที่ถือกระบี่ก็คือฮุ่ยอวิ่นฮูหยินผู้เฒ่าใบหน้าโกรธขึ้ง เบ่งบารมีเดี๋ยวนั้น “ท่านอ๋อง หม่อมฉันคือฮูหยินเก้ามิ่งระดับสองที่อดีตฮ่องเต้แต่งตั้งด้วยพระองค์เอง จะยอมให้ท่านลบหลู่เช่นนี้ได้หรือ?”กลีบปากของเซ่อเจิ้งแย้มยิ้มสะพรึงโลกา “แล้วอย่างไร? ข้ายังเป็นถึงอ๋องเซ่อเจิ้งอ๋องแน่ะ”ฮุ่ยอวิ่นยิ้มบางเหมือนกัน “ฮูหยินผู้เฒ่า เมื่อครู่ท่านยังขอรับโทษอยู่เลยมิใช่หรือ? อายุอานามปูนนี้แล้ว พูดจาเชื่อถือไม่ได้ ไม่กลัวคนจะหัวเราะเยาะท่านหรืออย่างไร?”ใบหน้าฮูหยินผู้เฒ่าประเดี๋ยวแดงประเดี๋ยวเขียว ยกเปลือกตาขึ้น ฉายประกายแสงหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็เชิญท่านอ๋องจับตัวหม่อมฉันเข้าวังด้วยเลยเถอะ ให้ไทฮองไทเฮาทรงตัดสิน”“เรื่องเล็กน้อยยังต้องรบกวนองค์ไทฮองไทเฮาหรือ?” เซ่อเจิ้งอ๋องยิ้
เพียงแต่อารมณ์เหล่านี้แค่แวบเข้ามาในก้นบึ้งหัวใจเท่านั้น มิได้คงอยู่ เรื่องพวกนี้ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขา เขาไม่จำเป็นต้องรู้สึกไม่เป็นธรรมเพื่อผู้หญิงคนนั้นกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่กลางอากาศ ตามกลิ่นหอมสดชื่นของสระบงกช ในที่สุดดวงจันทร์ก็เคลื่อนตัวออกจากเมฆชั้นหนาเสี้ยวหนึ่ง ครั้นแสงจันทร์จาง ๆ สาดส่องลงมา ฉายดวงหน้างดงามมีเสน่ห์ของเซ่อเจิ้งอ๋อง กลับทำให้คนรู้สึกหนาวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุฮูหยินผู้เฒ่าหลงรู้สึกครั่นคร้ามเหมือนกัน ในที่สุดนางก็รู้ว่าตัวเองประเมินชายหนุ่มผู้นี้ต่ำเกินไป แต่... ในตอนที่นางกำลังรบราฆ่าฟันอยู่ในสนามรบ เขายังไม่เกิดเลยด้วยซ้ำ จะถูกเขาขย่มขวัญไม่ได้ ความกล้าของเขาก็มีเพียงฆ่าสาวใช้คนหนึ่งเท่านั้นเมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็ยืดหลังตรง ขณะกำลังจะพูดก็ได้ยินเสียงเย็นชาหนึ่งดังขึ้น และเสียงนี้เองที่ทำให้นางตกใจจริง ๆ“เกิดอะไรน่ะ? แต่ละคนมาล้อมกันอยู่ที่ทำอันใด?”เห็นเพียงศีรษะคนผุดขึ้นมาจากสระบงกช จากนั้นก็ค่อย ๆ ว่ายมา สองมือเกาะหินริมฝั่งพาดตัว แววตาเย็นชาระคนรอยยิ้มจาง ๆ นัยน์ตาดำขลับพกพาความบันเทิงเล็กน้อย เส้นผมชื้นแฉะสยายปกอยู่บนบ่า ราวกับภูตที่หลงเข้ามา
ทั้งสองจะยอมหรือ? จึงบอกจะเข้าไปพูดกับจิ้นหรูกูกู หรูหัวกลับหน้าขรึม “พวกเจ้าเห็นตำหนักชิงหนิงคือสถานที่ใด? พวกเจ้าอยากเข้าก็เข้าได้ตามใจชอบหรือ?”อาถงข่มอารมณ์โกรธ กล่าวขอร้อง “กูกูอย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลย พวกเราก็ทำงานตามคำสั่ง หากเชิญจิ้นหรูกูกูกลับไปไม่ได้ หมู่โฮ่วฮองไทเฮาต้องพาลมาถึงเราแน่ กูกูคงไม่อยากเห็นพวกเราถูกลงโทษกระมัง?”“พวกเจ้าถูกลงโทษหรือไม่ เกี่ยวอันใดกับข้า? ข้าแค่ฟังคำสั่งของเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาเท่า...”อาถงกับอาเถี่ยรีบฉวยโอกาสตอนที่หรูหัวพูดบุกเข้าไปเพียงแต่ทั้งสองเพิ่งวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกองครักษ์สองสามคนขวางเอาไว้“บุกรุกตำหนักของไทเฮา พวกเจ้ามีกี่ชีวิต? เอาตัวไป!” หรูหัวเอ่ยเสียงกร้าวกระบี่หลายเล่มพาดอยู่ตรงลำคอของอาถงกับอาเถี่ย ทั้งสองไม่กล้าต่อต้าน จึงได้แต่หันไปมองหรูหัวและเอ่ย “กูกู พวกเรามิได้จงใจบุกรุก กูกูโปรดเมตตา อนุญาตให้เราไปพบจิ้นหรูกูกูหน่อยเถอะ”หรูหัวหัวเราะเสียงเย็น ส่งสายตากับองครักษ์ “เอาตัวไป ขังอยู่ในห้องมืดก่อน”ห้องมืดใช้กักขังคนในตำหนักที่กระทำความผิดโดยเฉพาะ บ้างเข้าห้องมืดไม่กี่วันก็ออกมา แต่ทั่วไปแล้วมักมอบให้หัวหน้าขันทีในวั
ทั้งสองคิดไปก็มิใช่วิธี จึงให้จี๋เสียงกับหรูอี้ไปถ่ายทอดพระเสาวนีย์หมู่โฮ่วฮองไทเฮา ตามจิ้นหรูกลับมาปรนนิบัติที่ตำหนักครั้นจี๋เสียง หรูอี้ไปถึงตำหนักชิงหนิงกลับเข้าไปไม่ได้ ได้แต่ให้ขันทีในตำหนักไปถ่ายทอดพระเสาวนีย์ของหมู่โฮ่วฮองไทเฮาผ่านไปพักหนึ่ง หรูหัวก็ยิ้มตาหยีเดินออกมา “เซิ่งหมู่ฮองไทเฮากำลังเดินหมากกับจิ้นหรูกูกู นี่กำลังสนุกเลย จะอย่างไรเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาก็ไม่ยอมให้กูกูไป พวกเจ้าสองคนกลับไปทูลรายงานหมู่โฮ่วฮองไทเฮาว่าจะส่งคนกลับไปดึกหน่อยแล้วกัน”“อ๊าาา”เสียงร้องดังมาจากข้างในอีก จี๋เสียง หรูอี้สบตากันทีหนึ่ง สีหน้าเริ่มกังวลเล็กน้อยหรูหัวเอ่ยเรียบ “มีนางกำนัลคนหนึ่งไม่ทันระวังทำน้ำชาหกใส่หลังมือของจิ้นหรูกูกู นี่อย่างไร กำลังถูกโบยอยู่เลย”“แต่... เหตุใดเสียงนี้ฟังดูแล้วจึงเหมือนเสียงของจิ้นหรูกูกูล่ะ?” จี๋เสียงเอ่ยอย่างขลาด ๆ“เหลวไหลอันใด?” หรูหัวเปลี่ยนสีหน้าฉับพลัน “เจ้าจะบอกว่าเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาทรมาทรกรรมจิ้นหรูกูกูหรือ? ยังมิได้กล่าวถึงจิ้นหรูกูกูเป็นคนข้างพระวรกายของหมู่โฮ่วฮองไทเฮา แค่อดีตนางคือนางกำนัลคนสนิทของอดีตฮ่องเต้ ทั้งยังมีไมตรีกับเซิ่งหมู่ฮองไทเฮามาต
จิ้นหรูหัวใจรัดแน่น สุดท้ายดวงตาก็ฉายความแตกตื่นออกมา “พระองค์คิดจะทำอันใดกันแน่เพคะ?”“ถามได้ดี!” ถงไทเฮาลุกขึ้นยืนช้า ๆ แล้วเดินก้าวหนึ่ง เหยียบหลังมือของจิ้นหรู ออกแรงขยี้ มองดูความทรมานบนใบหน้าของจิ้นหรู ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “เจ็บหรือ?”จิ้นหรูกัดฟัน “ไทเฮาจะลงโทษบ่าวอย่างไรก็ได้เพคะ”อย่างมากก็แค่ตาย ตายแล้วก็คือหลุดพ้น แต่... นางรู้ ถงไทเฮาแค้นนางที่สุด จะไม่ให้นางตายง่าย ๆ เด็ดขาด“ข้าได้ยินว่าคุกทักษิณมีทัณฑ์ทรมานมากมาย เพียงแต่ไม่รู้ว่าหากเทียบกับข้าที่นี่แล้ว จะเหนือกว่าหรือไม่? มิสู้จิ้นหรูกูกูช่วยข้าเปรียบเทียบสักหน่อย” ถงไทเฮาโน้มตัวลงเชยคางของจิ้นหรู มุมปากแย้มยิ้มชั่วร้ายเหี้ยมเกรียมเดิมรูปลักษณ์ก็มิได้งามวิไล ยามนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุดัน ยิ่งทำให้ดุร้ายอัปลักษณ์มากกว่าเดิมจิ้นหรูขวัญผวา ไม่กล้ามองดวงตากระหายเลือดของนาง จึงก้มหน้ากัดริมฝีปาก อดทนต่อความเจ็บที่ส่งมาถึงแต่... นี่ยังห่างไกลกับจุดสิ้นสุดหรูหัวยกตะปูมากะละมังหนึ่ง พวกมันมิใช่ตะปูเหล็ก แต่เป็นตะปูไม้ท้อทุกเล่มทำจากไม้ท้อ ส่วนปลายแหลมคมเงาวับ“ถ้าเจ้าร้องสักแอะ ข้าจะเพิ่มตะปูอีกเล่ม” ถงไทเฮาเอ่ย
ด้วยประการละฉะนี้ ทุกคนจึงนึกว่าฮ่องเต้โปรดปรานแต่ฮองเฮา ทอดทิ้งวังหลังแม้นางสนมจะตำหนิไม่พอใจ แต่เพราะฮองเฮาคือคนสกุลถง จึงไม่มีใครกล้าพูดฮองเฮารูปโฉมไม่โดดเด่น กลับได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เพียงนี้ เห็นได้ว่าฮ่องเต้รักนางจริง ๆชั่วขณะ ฮองเฮาบารมีไร้ที่สิ้นสุด รั้งตำแหน่งฮองเฮา ทั้งยังมีความโปรดปรานของฮ่องเต้มั่นคงดั่งขุนเขา ทำให้สกุลถงเหิมเกริมมากขึ้นทุกวันเขาใช้การกระทำบอกนาง ในใจของเขามีแต่นางเท่านั้นสามสิบกว่าปีแล้ว นางเข้าวังในวัยสิบสอง บัดนี้สี่สิบสาม อดีตฮ่องเต้คือแผ่นฟ้าของนาง คือสามีของนาง คือนายของนางเขาจากไปก่อนนาง แม้นางจะเสียใจ แต่ก็มิได้แสดงออกว่าเสียใจมาก เพราะนางรู้ว่าเขากำลังรอนางอยู่ตรงนั้น สุดท้ายนางจะได้ไปพบกับเขานางรู้ ยามนี้ได้เวลาแล้ว“พูด!” หรูหัวดุดันขึ้นมา ตบหน้านางฉาดหนึ่งจิ้นหรูหน้าเอียงไปข้างหนึ่ง แก้มบวมขึ้นรอยประทับนิ้วมือทันทีจิ้นหรูคุกเข่าตัวตรง “บ่าวไม่มีอะไรจะพูดเพคะ”“เจ้ามอบความบริสุทธิ์ของเจ้าให้ผู้ใด?” ถงไทเฮาไม่แสดงออกว่าโกรธมาก ในทางกลับกัน นางพรูลมยาว ข้อกังขาที่เก็บอยู่ในใจนางยี่สิบกว่าปี กระจ่างแจ้งในที่สุด“บ่าวไม่ทร
หรูหัวลากนางเข้าตำหนักชั้นในไปอย่างไม่ให้ปฏิเสธจิ้นหรูมองเสื้อผ้าบนฉากบังลมด้วยความประหลาดใจ เหตุใดหรูหัวจึงมีเสื้อผ้าวางอยู่ในตำหนักบรรทมของไทเฮาได้แต่นางมิได้ถาม เพราะถามแล้วก็คงไม่บอก นางมองเสื้อผ้านางกำนัลชุดนี้ มิได้สงสัยเรื่องอื่นก็เข้าไปเปลี่ยนชุดด้านหลังฉากบังลมนางเพิ่งถอดเสื้อผ้า หรูหัวก็เข้ามา “อุ๊ย ข้าลืมบอกเจ้าไป ชุดนี้เคยใส่แล้ว เปลี่ยนอีกชุดเถอะ!”นางยื่นชุดสีเหลืองอ่อนในมือให้จิ้นหรู พร้อมกับกวาดสายตามองบริเวณแขนของจิ้นหรูอย่างรวดเร็ว เมื่อนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย ก่อนจะออกไปจิ้นหรูเพิ่งแต่งตัวเสร็จก็มีหญิงสูงวัยดุดันเข้ามาสองคน ลากแขนจิ้นหรูคนละข้างออกไปข้างนอกจิ้นหรูตกตะลึงพรึงเพริดถามขึ้นว่า “นี่พวกเจ้าจะทำอะไรน่ะ?”หญิงสูงวัยสองคนนั้นลากนางไปแล้วผลักจนนางสะดุดล้มลงพื้น ถงไทเฮามองนางจากมุมสูง ดวงหน้าอ่อนโยนเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมอำมหิต“เซิ่งหมู่ฮองไทเฮา บ่าวทำอะไรผิดไปเพคะ?” จิ้นหรูหัวใจหนักอึ้ง แต่ยังสงบสติอารมณ์แล้วถาม“ทำอะไรผิด?” เสียงของถงไทเฮาราวกับส่งมาจากขุมนรก พกพากลิ่นอายเย็นยะเยือกชุ่มชื้น “แต้มพรหมจรรย์ของเจ้าเล่า?”จิ้นหรูหัวใจ
“ข้าได้ยินมา ทุกคืนนางจะเรียกนักดนตรีไปบรรเลงเพลง ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่?”“ทูลไทเฮา เรื่องนี้เกินไปหน่อยเพคะ หมู่โฮ่วฮองไทเฮาทรงเรียกพวกเขามาในยามวิกาลน้อยนัก!”รอยยิ้มของถงไทเฮาบานสะพรั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ “ข้าก็รู้ว่าวังหลังมีปากหอยปากปูมาก จริงสิ ปกติเวลาอดีตฮ่องเต้ทรงสะสางราชกิจ ทรงโปรดทำอันใดหรือ?”หัวข้าสนทนาวกกลับมาเรื่องอดีตฮ่องเต้ จิ้นหรูลอบโล่งอก เวลาตอบคำถามจึงเป็นมิตรมากขึ้นบางส่วน “อดีตฮ่องเต้มีเวลาวางน้อยนัก แต่พระองค์โปรดอู้งานยามยุ่ง ทรงโปรดการเดินหมาก เสวยพระสุธารสชาเพคะ”“เดินหมาก? เดินกับผู้ใด?” ถงไทเฮาถาม“กับบ่าวเพคะ” จิ้นหรูยิ้มบาง “เพียงแต่ฝีมือการเดินหมากของบ่าวไม่ดี แพ้อยู่เรื่อยเลยเพคะ”“อดีตฮ่องเต้ทรงยินดีเดินหมากกับเจ้า แสดงว่าฝีมือการเดินหมากของเจ้าต้องดี” ถงไทเฮายิ้มเอ่ย “เจ้าอย่าได้ถ่อมตัวนักเลย วันหลังข้าจะเดินหมากกับเจ้าบ้าง เจ้าก็คลายเหงาให้ข้าหน่อย”“ขอเพียงไทเฮาโปรด บ่าวก็เดินหมากเป็นเพื่อนไทเฮาได้ทุกเมื่อเพคะ” จิ้นหรูกล่าวจากใจ“เจ้าช่างเป็นคนเข้าใจผู้อื่นแท้ ๆ มิน่าอดีตฮ่องเต้จึง ‘โปรดปราน’ เจ้าเช่นนี้” ถงไทเฮายิ้มเอ่ยคำพูดนี้ไม่มีอะไรพิเศษ ใ
ตำหนักชิงหนิงจิ้นหรูคุกเข่าลงคำนับ “ถวายพระพรเซิ่งหมู่ฮองไทเฮา”“ลุกขึ้นเถอะ จิ้นหรู” ถงไทเฮาแย้มยิ้มจิ้นหรูลุกขึ้นยืนก้มหน้าแล้วไปยืนอยู่ด้านข้าง“ไม่ต้องเกร็งไป วันนี้ที่ข้าเรียกเจ้ามา เพราะอยู่ ๆ ก็นึกถึงอดีตฮ่องเต้ อดีตฮ่องเต้เคยรับสั่งว่าทักษะการชงชาของเจ้าเป็นหนึ่งในใต้หล้า เจ้าจะชงให้ข้าสักครั้งได้หรือไม่?” ถงไทเฮากล่าวขอด้วยใบหน้าราบเรียบ“เพคะ!” จิ้นหรูขานรับ“หรูหัว ไปเตรียมเครื่องชงชา” ถงไทเฮาสั่งหรูหัวขานรับแล้วจึงออกไปถงไทเฮาปรายตามองจิ้นหรู วันนี้นางสวมชุดสีครามปักลายใบไม้ไผ่สีแดงเข้ม มิได้ผัดแป้ง แม้อายุล่วงเลยสี่สิบ กลับยังสง่าเรียบง่ายจิ้นหรูไม่เคยคลอดลูก จึงดูอ่อนเยาว์กว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันมิได้เลอโฉม กลับมีท่วงทำนองอย่างหนึ่งหรูหัวยกเครื่องชงชามา นางมองการต้มน้ำ ล้างชา ล้างถ้วย รินน้ำชาอย่างสง่างามของจิ้นหรูยังไม่พูดถึงฝีไม้ลายมือที่สง่างาม แต่ขณะนางชงชาจะมีสมาธิมาก ยามที่คนคนหนึ่งจดจ่ออยู่กับเรื่องหนึ่ง จะมีเสน่ห์ชวนหลงใหลเป็นพิเศษในฐานะที่ถงไทเฮาคือสตรีก็รู้สึกถึงมนตร์เสน่ห์น่าหลงใหลนี้เหมือนกัน“อดีตฮ่องเต้โปรดเสวยพระสุธารสชาอะไรหรือ?” นา
ถงไทเฮาถอนตายตากลับช้า ๆ ก็จริง นับจากหรูหัวเข้าวังก็อยู่ข้างตัวนางมาตลอด รวมแล้วอดีตฮ่องเต้เคยมองนางเพียงไม่กี่ครั้ง แม้แต่ชื่อของนางก็ยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำที่สำคัญที่สุดคือ แม้หน้าตาของหรูหัวจะพอใช้ได้ แต่ก็ไม่เกี่ยวข้องกับคำว่า ‘สวย’ เด็ดขาด“ในฐานะที่เป็นบุตรสาวสกุลถง ตั้งแต่ข้าเกิดมาก็ใช้ชีวิตเหมือนพญาหงส์ แล้วยังจะสูงศักดิ์ยิ่งกว่าองค์หญิงเสียด้วยซ้ำ หลังจากเข้าวังก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮา เกียรติยศไร้ขีดจำกัด แต่... นี่ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ให้คนอื่นดู สิ่งที่ข้าต้องการ ก็แค่สายตาอาวรณ์หนึ่งของอดีตฮ่องเต้ เมื่อไม่ได้มา ข้าก็ไม่อยากให้ผู้ใดได้มันไปทั้งนั้น ไม่ว่านางจะอยู่หรือตาย ข้าก็ต้องรู้ว่านางคือใคร”ถงไทเฮาพูดเนิบช้ามาก แต่... มีความโหดเหี้ยมทุกถ้อยคำหรูหัวพิจารณาอย่างละเอียดครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นพึ่บ “เสี่ยวหรู? คนที่ปรนนิบัติอดีตฮ่องเต้ในตำหนักในสมัยก่อน มีคนหนึ่งที่ชื่อจิ้นหรูเพคะ”“จิ้นหรู? ไม่ใช่นาง” ถงไทเฮาส่ายหน้า “นางโตมากับอดีตฮ่องเต้ ถูกส่งไปปรนนิบัติข้างพระวรกายอดีตฮ่องเต้นานแล้ว หากนางคือคนที่อดีตฮ่องเต้โปรดปราน ไยไม่แต่งตั้งนางเป็นสนมเล่า?”หรูหัวคิ
ฮองเฮาส่ายหน้า “ไม่ ซูอี้จะกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร เขาไม่กลัวว่า...” ความกลัวเริ่มปกคลุมใบหน้าของนาง และไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย“ถ้าเจ้ายังอยากรักษาชีวิตพ่อของเจ้าเอาไว้ ก็ไปหาฮ่องเต้” ถงไทเฮากล่าวอย่างแค้นที่เหล็กไม่เป็นเหล็กกล้าเทียบกับสมัยก่อน ถงไทเฮาเติบโตและรู้ความมากแล้ว เมื่อก่อนนางไม่เข้าใจ เหตุใดเสด็จแม่จึงไม่เข้าใจนาง เหตุใดมักให้นางทำเรื่องที่ลำบากใจ บัดนี้นางรู้แล้ว มีเพียงให้ตัวเองลำบาก สกุลถงจึงจะมั่นคงในใจของคนสกุลถง ชื่อเสียงและความมั่นคงของวงศ์ตระกูลสำคัญที่สุดเสมอ นางรู้ว่าตอนนี้ถงเหยียนยังไม่ตระหนักในจุดนี้ แต่นางจะเข้าใจในไม่ช้าก็เร็ว ความน้อยเนื้อต่ำใจในเวลานี้นับเป็นอันใด? ภายภาคหน้ายามสกุลถงกับสกุลมู่หรงแบ่งใต้ฟ้า นางจะรู้ว่าความอยุติธรรมทั้งหลายที่ได้รับในวันนี้คุ้มค่าดวงหน้าไฉไลของฮองเฮาประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวขาว ที่เจืออยู่ในดวงตาคือน้ำตาแห่งความน้อยใจ “เหตุใดต้องให้ข้าไปช่วยด้วยเจ้าคะ? ท่านสั่งคำเดียวก็ได้แล้วนี่ กลับต้องให้ข้าวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้”ถงไทเฮานวดศีรษะ รู้สึกว่าความอึดอัดสายหนึ่งพุ่งขึ้นสมอง นางอยากระเบิดอารมณ์ แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้าและเอ