Share

บทที่ 97

Author: ลิ่วเยว่
พูดอีกอย่างก็คือ มิใช่เขาที่เป็นคนชมชอบ

จ่านเหยียนชะงักไปเล็กน้อย นางไม่รู้เรื่องนี้จริง ๆ ยังนึกอยู่เลยว่าเขาเต็มใจแต่งงาน

นางกล่าวออกไปไม่ตรงกับที่ใจคิดว่า “น้องหญิงเป็นคนร่าเริงฉลาดเฉลียว งดงามแลใจกว้าง เป็นแม่นางน้อยที่ไม่เลวเลยนางหนึ่ง”

นอกจากจะชอบแทงเข็มใส่เล็บคนอื่นเขาทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดกับชอบตะโกนเรียกผู้อื่นมาตบบ้องหูทั้งที่เขายังไม่ทันทำอะไรเลยแล้ว ที่เหลือก็คงไม่มีข้อบกพร่องอะไรแล้ว

อย่างน้อย นางก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็นน่ะนะ

ฉีชินอ๋องยิ้มเย็นชา “อย่างนั้นหรือ?”

จากที่เขารู้ ที่ว่าร่าเริงฉลาดเฉลียวนั้นสามารถตีความได้หลากหลายแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนำมาบรรยายหลงจ่านซิน

จ่านเหยียนเห็นว่าเขามีสีหน้าไม่ดี ก็เข้าใจได้ทันทีว่าเขาไม่ค่อยพอใจนัก จึงปลอบไปว่า “ท่านอ๋องไม่ต้องกลัดกลุ้มไป หากไม่ไหวจริง ๆ ก็คิดเสียว่าแต่งงานกับแจกันดอกไม้เพื่อเอากลับไปเชยชมก็พอ ถึงอย่างไรมีสตรีงามให้ได้เชยชม ก็ถือว่าเป็นที่เจริญตาเจริญใจเรื่องหนึ่งมิใช่หรือ?”

ฉีชินอ๋องยกมุมปากเผยรอยยิ้มไม่แยแสออกมา “ขอบพระทัยพระเชษฐภคินีที่ทรงปลอบ”

“เรื่องที่กำหนดไว้แล้ว คิดมากไปก็ไร้ประโยชน์” จ่านเหยียนเอ่ยค
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Tawanshaii
สนุกมากต่อ รอติดตาม มาต่อไวๆน้าาา
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 98

    บนบันไดหินหน้าระเบียงทางเดิน คนกลุ่มหนึ่งเดิมห้อมล้อมเซ่อเจิ้งอ๋องมู่หรงฉิงเทียนเข้ามาท่ามกลางแสงเทียนเลือนราง จ่านเหยียนเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเขาสวมใส่ชุดคลุมสีขาวนวลดั่งแสงจันทร์ คาดผ้าคาดเอวสีทองไว้บนช่วงเอว บริเวณกลางผ้าคาดเอวฝังหยกโมราสีเขียวขนาดเท่าไข่นกกระทาไว้หนึ่งชิ้น มันทอประกายหลากสีสันออกมาใต้แสงเทียนนี่เป็นครั้งที่สามที่จ่านเหยียนได้พบเขา ทว่าบุรุษผู้นี้มักมอบความสะเทือนขวัญใหม่ ๆ แก่นางทุกครั้งที่ได้เจอใบหน้าของเขาและฉีชินอ๋องมู่หรงหานเทียนละม้ายคล้ายคลึงกันสามถึงสี่ส่วน ทว่าแฝงไปด้วยความเด็ดขาดสองอย่างที่ต่างกันออกไปสามารถใช้คำว่าอ่อนโยนดุจหยกมาบรรยายได้ฉีชินอ๋อง ส่วนเขานั้นกลับมีรัศมีองอาจดุดันแผ่ออกมาทั้งกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขาไม่ได้ตั้งแต่แผ่ความองอาจดุดันนี้ออกมา ทว่าเพียงแค่เจ้าเห็นเขา ต่อให้เขาไม่แสดงสีหน้าอันใดเลย เจ้าก็ยังคงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายองอาจดุดันที่แผ่ออกมากดดันผู้คนท่ามกลางความองอาจดุดันนั้นแฝงไปด้วยเสน่ห์แสนน่าประหวั่นที่ทำให้ผู้คนใจสั่น อืม ใช่แล้ว คำว่าเสน่ห์สุดแสนร้ายกาจที่มักจะถูกใช้บรรยายอยู่ในนิยายนั่นแหละ เมื่อก่อนนางไม่เคยเข้าใจเลย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 99

    ไม่ไม่เพียงแต่ประหลาดใจ ไม่มีมนุษย์คนไหนมีชีวิตอยู่ทั้งที่หัวใจไม่เต้น ที่เป็นเช่นนั้นมีอยู่ด้วยกันสามเหตุผล หนึ่ง มีของวิเศษไม่ก็ของศักดิ์สิทธิ์อยู่ในร่างกาย คอยประคองรักษาชีวิตเขาไว้สอง คือเป็นซอมบี้ แต่ซอมบี้จะต้องมีกลิ่นศพแผ่ออกมาจากกาย ไม่อาจเห็นแสงตะวัน ใบหน้าก็จะขาวซีดราวกับกระดาษ ไม่มีวันได้ใช้ชีวิตอย่างคนปกติทั่วไป ดังนั้นจึงมิใช่เหตุผลนี้ความเป็นไปได้สุดท้าย ก็คือผีดิบที่โดดออกมาจากสามโลกไม่อยู่ในห้าธาตุ แต่เขาไม่ใช่ผีดิบสภาพการณ์ของเขานั้น ตรงกับเหตุผลข้อที่หนึ่งเซ่อเจิ้งอ๋องมีเพียงรอยยิ้มบาง ๆ ให้กับคำสรรเสริญของหลงฉางเทียนเท่านั้น มิได้ตอบกลับไปแต่อย่างใดขณะที่จ่านเหยียนกำลังจมอยู่ในความคิด ก็ได้ยินน้ำเสียงจงใจดัดให้นุ่มนวลดังขึ้นมา “จ่านเหยียนคารวะฉีชินอ๋อง”เนื่องจากนางเงยหน้าขึ้นกะทันหัน ไม่ทันได้เตรียมพร้อม ทำให้ตกใจจนดวงตาทั้งสองข้างแทบจะถลนออกมาหลงจ่านซินใส่ชุดกระโปรงยาวจับจีบเผยช่วงอกสีแดงไข่มุกปักลายดอกเบญจมาศสีทองดอกใหญ่ ช่วงบนคลุมไว้ด้วยผ้าโปร่งบาง ช่วยบดบังได้ราง ๆ ทว่ากลับปิดความเย้ายวนไม่ได้ท่ามกลางความวับ ๆ แวม ๆ ผ้าโปร่งบางสีแดงยิ่งขับให้ผิวขา

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 100

    หลงจ่านซินพึงพอใจกับความเยินยอของจ่านเหยียนเป็นอย่างยิ่ง นางเงยหน้าขึ้นมองหลงจ่านเหยียน แล้วยิ้มภาคภูมิใจออกมา “เมื่อก่อนยามมีแขกมาเยือนถึงบ้าน พอพูดถึงพวกเราสองพี่น้อง ต่างก็บอกว่าข้างามยิ่งกว่าพี่หญิง บัดนี้มาคิดดูแล้วเห็นจะไม่ใช่คำโกหก”หลงจ่านเหยียนยิ้มเล็กน้อย ยามมีแขกมาเยือนถึงประตูบ้าน หลงจ่านเหยียนไหนเลยจะได้ออกมาเผยโฉม?เดิมทีงานนี้เป็นงานเลี้ยงยามเย็นที่เป็นทางการยิ่ง เนื่องจากการมาถึงของหลงจ่านซิน บรรยากาศจึงแปลกประหลาดไปคนที่ยังสามารถรักษาสีหน้าให้เป็นปกติได้ มีเพียงแค่เซ่อเจิ้งอ๋องมู่หรงฉิงเทียนคนเดียวเท่านั้นเขาถือจอกสุรา ตรงมุมปากเผยความเย็นชา หลังจากดื่มสุราไปหลายจอก สีหน้าของเขาก็ยังไม่แปรเปลี่ยน มีเพียงกลิ่นสุราเท่านั้นที่โชยออกมา กระทั่งจ่านเหยียนที่นั่งอยู่ข้างเขาก็ยังได้กลิ่นสุราที่มอมให้คนเมามายในสถานการณ์เช่นนี้ หากมีใครสักคนเปิดหัวข้ออะไรสักอย่างขึ้นมา เพื่อให้งานเลี้ยงยามเย็นดำเนินต่อไปได้ ย่อมไม่เป็นปัญหาอะไรทว่ามีแต่คนที่อยากจะใช้โอกาสนี้ เผยหน้าแสดงให้เห็นถึงการมีตัวตนต่อหน้าใต้เท้ามากมายขนาดนี้หงฮวาอยู่แถวนั้น นางเดินผ่านเย่เต๋อโหรว แล้วเข้าไปพู

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 101

    หลงฉางเทียนโกรธจนหน้าเขียว ถลึงตาใส่เย่เต๋อโหรวอย่างหนักทีหนึ่ง ให้นางรีบคลี่คลายสถานการณ์นี้เสียเย่เต๋อโหรวกัดฟันกรอด กล้ำกลืนความอัปยศและเพลิงโทสะลงท้องก่อนจะเอ่ย “หงฮวา ห้ามก่อเรื่องนะ”ขุนนางในที่นั้นพากันมองเซ่อเจิ้งอ๋องที่หนึ่ง มองฉีชินอ๋องทีหนึ่ง แล้วมองหลงฉางเทียนอีกทีหนึ่ง ต่างรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย อย่างไรก็เป็นเรื่องในครอบครัวของผู้อื่น ที่เสียมารยาทอย่าฟัง ที่เสียงมารยาทก็อย่ามองรองแม่ทัพผู้ใต้บังคับบัญชาของหลงฉางเทียนหัวเราะเหอะ ๆ แล้วจึงเอ่ย “นั่นสิ ตอนที่ภรรยาของข้าน้อยตั้งครรภ์ก็มักเป็นเช่นนี้ประจำ ข้าน้อยล่ะปวดหัวนัก”“นั่นสิ เป็นเช่นนี้จริง ๆ”“ก็มิใช่หรือ? ท่านนั้นของบ้านข้าก็เป็นเช่นนี้”ใต้เท้าหลายคนต่างช่วยกันทำลายบรรยากาศตึงเครียดและสมทบคำกล่าวของรองแม่ทัพ อย่างน้อยจะได้ไม่ตึงเครียดต่อ ผ่อนคลายลงมาบ้างเพียงแต่หงฮวาไม่รู้จักความหวังดีของผู้อื่น ที่ถูกยกขึ้นเป็นอี๋เหนียงได้ก็เพราะตั้งครรภ์เรื่องจวบจนถึงเวลานี้ยังไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว คิดว่าแม้หลงฉางเทียนจะเกิดโทสะก็ไม่ควรลงกับนาง และต่อให้ลงกับนางก็คงไม่ทำอะไรนางเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ยามนี้นางกำลังตั

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 102

    ทุกคนในที่นั้นโล่งอก แน่นอนว่ารวมถึงจ่านเหยียนด้วยนางปรายตามองมู่หรงฉิงเทียนทีหนึ่ง เห็นเขายังมีสีหน้าเป็นธรรมชาติ ถือจอกสุราดื่มสบาย ๆ ราวกับเมื่อครู่ไม่เคยเกิดเรื่องอันใดทั้งสิ้นจู่ ๆ จ่านเหยียนจึงชูจอก “ท่านอ๋อง ข้าขอดื่มให้ท่านจอกหนึ่ง”มู่หรงฉิงเทียนเหลือบตามองนางแบบชืด ๆ “ขอบพระทัยไทเฮา” ว่าแล้วก็จรดจอกสุรา ก่อนจะมองจ่านเหยียนด้วยสายตาราบเรียบภายใต้สายตาของเขา จ่านเหยียนดื่มสุราในจอกจนหมดมู่หรงฉิงเทียนรู้ว่าสุราหมักร้อยปีเช่นนี้ลื่นคอ หากมีฤทธิ์แรงมาก เมื่อครู่เห็นนางดื่มไปสองสามจอกอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ยามนี้ยังจรดอีกจอกหนึ่ง ต้องเมาแน่ ๆสตรีแคว้นต้าโจวดื่มสุราน้อยมาก และต่อให้ดื่มก็ดื่มสุราผลไม้หรือสุราดอกกุ้ยฮวาเล็กน้อย อ่อนแต่หอม ปกติจะไม่ดื่มสุราฤทธิ์แรง นอกเสียงจากเป็นสตรีในยุทธภพเขานึกว่าหลงจ่านเหยียนมีชาติกำเนิดเป็นบุตรสาวในอนุภรรยา ครั้งอยู่ในจวนตระกูลหลงก็คือสาวใช้ดี ๆ คนหนึ่ง หลังจากเข้าวัง แม้สำเริงสำราญใจกับนักดนตรี แต่สุราที่ดื่มต้องเป็นสุราผลไม้แน่ เห็นว่าสุราหมักมีรสคล้ายคลึงกับสุราผลไม้ จึงคิดว่าไม่เป็นไรกลับไม่รู้ว่าดื่มลงไปสองสามจอก เขายังเห็นหล

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 103

    เซ่อเจิ้งอ๋องเพียงยืนนิ่ง ๆ ไม่พูด นางจึงได้แต่หมุนตัวเดินเข้าไปคนผู้นี้พิลึกคนจริง ราวกับน้ำแข็งเหมันต์ แต่ก็เฉกเช่นบ่อลึกอีก เย็นยะเยือกเดาทางไม่ถูกกัวอวี้กระซิบกับจ่านเหยียน “คุณหนูใหญ่ เกรงว่าคนของจวนตระกูลหลงจะประสงค์ร้าย จะขอท่านอ๋องเพิ่มองครักษ์ในคืนนี้หรือไม่เพคะ?”จ่านเหยียนส่ายหน้า “ที่ควรมา อย่างไรก็ต้องมา คนมากเท่าไรก็ไม่มีประโยชน์”กัวอวี้อืมเสียงหนึ่ง “บ่าวเชื่อว่าคุณหนูใหญ่ต้องมีพระปรีชาสามารถเพียงพอจะรับมือได้เพคะ”จ่านเหยียนได้ยินดังนั้นจึงหัวเราะ “เจ้าเชื่อข้าหรือ?”“เชื่อเพคะ!” กัวอวี้ตอบเสียงจริงจังจ่านเหยียนมองกัวอวี้ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “คนอย่างเจ้านี่เหมาะสมจะอยู่ข้างกายมาก”กัวอวี้หัวเราะ “ขอบพระทัยคุณหนูใหญ่ที่ชื่นชมเพคะ”เงาดำสายหนึ่งตกอยู่ข้างตัวเซ่อเจิ้งอ๋อง “ท่านอ๋อง คืนนี้จวนตระกูลหลงมีความเคลื่อนไหวพ่ะย่ะค่ะ”“รู้แล้ว!” แสงปราดผ่านสายตาของเซ่อเจิ้งอ๋องแวบหนึ่ง ก่อนจะตอบรับอย่างราบเรียบ“จะโยกย้ายคนมาหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” เงาดำถามเซ่อเจิ้งอ๋องยิ้มเจ้าเล่ห์ “ไม่จำเป็น หลงฉางเทียนรนหาที่ตายแล้ว” กล่าวจบ เขาก็สาวเท้าเดินออกไปข้างนอกเนื่องจ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 104

    หลังจากจ่านเหยียนกลับถึงห้องก็นอนอยู่บนเตียงนานแล้วกัวอวี้และจิ้นหรูเฝ้ายามด้วยตัวเอง จ่านเหยียนบอกแล้วว่าไม่จำเป็น แต่ทั้งสองก็ยังยืนกรานไม่ออกไป ทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจว่าถ้าหลงฉางเทียนจะลงมือ คืนนี้ก็คือโอกาสเหมาะคืนนี้หลงฉางเทียนค้างคืนอยู่ที่ห้องของเย่เต๋อโหรวและเรียกชิงซื่อมาอยู่เป็นเพื่อนเย่เต๋อโหรวนอนอยู่นอกห้อง เมื่อได้ยินเสียงงดงามคลุมเครือด้านในแล้ว หัวใจของนางก็ราวกับถูกบางสิ่งกัดกิน ทั้งทรมานและเดือดดาลไม่นานหลงฉางเทียนก็คลานขึ้นบนเตียงของนาง ส่วนชิงซือก็ถูกไล่ออกไปแล้วเย่เต๋อโหรวหันมามองหลงฉางเทียน ใบหน้าของเขายังแดงก่ำจากความคึกคะนอง ไอสุราพวยพุ่งรดใบหูของนาง นางจึงพูดเบา ๆ ว่า “ท่านแม่ทัพรักษาสุขภาพด้วยเจ้าค่ะ”หลงฉางเทียนยิ้มแล้วเอื้อมมือสวมกอดนาง “กำลังโทษว่าข้าผู้เป็นสามีละเลยเจ้าหรือ?”“จะเป็นไปได้อย่างไรเจ้าคะ? เหตุใดท่านแม่ทัพจึงมองว่าข้าเป็นคนใจแคบเช่นนี้?” เย่เต๋อโหรวขบฟันแตกละเอียด ก่อนจะฉายรอยยิ้มอ่อนโยน“ข้าก็รู้ว่าเจ้าใจกว้าง” ครั้นหลงฉางเทียนนึกถึงเรื่องในคืนนี้แล้วก็ยังขุ่นเคืองใจอยู่ “เอาไว้หงฮวาคลอดลูกแล้ว ก็ให้เงินแล้วไล่ออกไปเสีย คนเช่นนี้มีแต

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 105

    จ่านเหยียนนอนอยู่บนเตียงและยิ้มเอ่ย “เกรงว่าคงดื่มหนักกระมัง”“ดื่มหนัก? ไม่ควรกระมัง? ใครก็รู้ว่าวันนี้จะเกิดเรื่อง แล้วจะดื่มหนักได้อย่างไร? อาซานไม่ใช่คนที่ไม่รู้กาลเทศะเช่นนี้นี่เพคะ”“คืนนี้อารมณ์ดี จะดื่มมากหน่อยก็ไม่เป็นไร” จ่านเหยียนมองทั้งสองคน พวกนางพร่ำบอกว่าไม่ต้องกังวล แต่นางเห็นพวกนางแล้ว กลับจะตึงเครียดที่สุดเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศตึงเครียดสักหน่อย จ่านเหยียนจึงเอ่ยกับกัวอวี้ “ข้าได้ยินมาว่าครอบครัวของเจ้าอยู่ในเมืองหลวงทั้งหมด เป็นอย่างนั้นหรือ?”“ถูกต้องแล้วเพคะ” กัวอวี้ตอบ“ทุกปีในวังจะให้โอกาสนางกำนัลได้เจอกับครอบครัวหนหนึ่ง เจ้าได้ออกไปเจอพวกเขาหรือไม่?”“ไปเพคะ ต้องไปอยู่แล้วเพคะ” กัวอวี้กล่าวอย่างไม่สบายใจ “แต่... ปีที่แล้วแม่ของบ่าวล้มป่วย จึงไม่ได้มาเพคะ”“เช่นนั้นตอนนี้ดีขึ้นแล้วหรือ?” จ่านเหยียนถาม“ไม่ได้รับจดหมายจากทางบ้านเลยเพคะ ก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้างแล้ว” กัวอวี้ชะงักครู่หนึ่งจึงกล่าวต่ออย่างเป็นทุกข์เล็กน้อย “คราวก่อนคุณหนูใหญ่ให้บ่าวออกวัง บ่าวก็เคยคิดแอบกลับไปดูเหมือนกัน เพียงแต่ติดที่กฎระเบียบของวังหลวง บ่าวจึงไม่ได้ไปเพคะ”“อื่ม”

Latest chapter

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 216

    “ลุกขึ้นนั่ง!” มู่หรงฉิงเทียนสั่งให้คนประคองสองคนนี้ลุกขึ้นทั้งสองนั่งลง มองรอบห้องอย่างหวาดวิตก ตระหนักว่าที่นี่คือเรือนที่พักของมู่หรงฉิงเทียนจึงอดยินดีอย่างมิเคยได้รับอยู่บ้างมู่หรงฉิงเทียนถามหลงจ่านซิน “รู้หรือไม่ว่าผู้ใดลักพาตัวพวกเจ้าไป”หลงจ่านซินตอบแบบสติสตังยังไม่กลับคืนมา “เรียนท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ พวกมันขังหม่อมฉันอยู่ในห้องเล็ก ๆ ไม่มีใครสอบสวนพวกเรา และไม่เคยทำให้ลำบากใจ แค่ไม่ให้พวกเราออกไปเท่านั้นเพคะ”“อื่ม”“ท่านอ๋องหาพวกเราพบได้อย่างไรเพคะ?” สุดท้ายยังเป็นหงฮวาที่ใจกล้าเอ่ยถามมู่หรงฉิงเทียนตอบ “หมู่โฮ่วฮองไทเฮาไว้วานให้ข้าตามหาและช่วยเหลือพวกเจ้า ระยะนี้ข้าส่งคนออกไปค้นหามาตลอด จวบจนวันนี้ถึงได้ข่าวว่าพวกเจ้าถูกขังอยู่ในห้องเล็ก ๆ จึงสั่งให้คนไปช่วยพวกเจ้าทันที”“หลงจ่านเหยียนให้ท่านช่วยพวกเราหรือเพคะ?” หลงจ่านซินถามอย่างไม่ค่อยเชื่อ“ถูกต้อง!” มู่หรงฉิงเทียนพยักหน้า เขาตรวจสอบสีหน้าของหลงจ่านซิน ก่อนจะกล่าวเสริม “แต่ได้ยินว่าเป็นคำสั่งของไทฮองไทเฮา”“หม่อมฉันรู้อยู่แล้วเชียว นางไม่ใจดีอย่างนั้นหรอก!” หลงจ่านซินเอยคำสบถคำหนึ่ง ครั้นกล่าวถึงหลงจ่านเ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 215

    “ครั้งนี้ พระอาจารย์เป่ากวงเชิญหลงอู่มาเพื่ออะไร?” มู่หรงฉิงเทียนถามฮุ่ยอวิ่นฮุ่ยอวิ่นตอบอย่างไม่ต้องคิด “แน่นอนว่ามาช่วยเจ้า”เขาชะงักไป แล้วมองมู่หรงฉิงเทียนอย่างตกตะลึง “เขาเป็นเรื่องพวกนี้...”“ทางพรตมีวิชาเหมาซัน เห็นว่าสามารถเป็นชายเป็นหญิง หากนางช่วยข้าได้ การที่นางจะเป็นเรื่องพวกนี้จะแปลกอันใด?”ฮุ่ยอวิ่นเงียบงัน หากบอกว่าหลงอู่ก็คือหลงจ่านเหยียน เช่นนั้น... นางต้องการทำอันใดกันแน่? นางจะช่วยฉิงเทียนจริงหรือ?กลัวแต่จะไม่อีกอย่าง อดีตฮ่องเต้สนทนากับนางตลอดทั้งคืน คุยอะไรกัน? อดีตฮ่องเต้หวาดกลัวฉิงเทียนมาโดยตลอด แต่สุดท้ายกลับแต่งตั้งเขาเป็นเซ่อเจิ้งอ๋อง เพียงเพื่อให้เขาคานสกุลถง?กลัวแต่จะไม่!“มิสู้... พิสูจน์สักหน่อย? ฟางจี้จื่อมิใช่คนสายพรตหรือ? บางทีเขาอาจรู้ว่าหลงจ่านเหยียนคือใครก็ได้” ฮุ่ยอวิ่นเอ่ย “ฟางจี้จื่อระแวดระวังนางมาตลอด ข้าสงสัยว่าที่ฟางจี้จื่อเอาวิญญาณมังกรไปก็เพื่อจะต่อกรกับนาง”ฮุ่ยอวิ่นผงะเล็กน้อย “ที่ท่านให้ฟางจี้จื่ออยู่ในจวน มิใช่แค่ให้เขาตรวจสอบเรื่องครอบครัวหญิงม่ายแซ่เซวหรือ?”“มิผิด ข้าให้คนจับตาดูฟางจี้จื่อมาตลอด เขาสนทนากับหลงอู่สองครั้

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 214

    “ท่านอ๋อง!” องครักษ์ลับคนหนึ่งเข้าห้องของมู่หรงฉิงเทียน“มีเรื่องอันใด?” มู่หรงฉิงเทียนวางเสื้อตัวนอกไว้ที่ตั่งนอน ก่อนจะถามเรียบ ๆ“เข้าตำหนักหรูหลานไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ แต่อาซานบอกว่าเขาไม่พบไทเฮาหลายวันแล้ว ไทเฮาอ้างว่าล้มป่วยพักฟื้น ไม่ออกประตูตำหนักแม้แต่ก้าวเดียวพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ลับเอ่ย“สืบหรือไม่ว่าก่อนหลงจ่านเหยียนเข้าวังเกิดเรื่องอันใดขึ้น?” มู่หรงฉิงเทียนถาม“เห็นว่าก่อนหลงจ่านเหยียนจะเข้าวังเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นระยะหนึ่ง แต่ภายหลังก็ยอมจำนน ได้ยินบ่าวไพร่ในจวนบอกว่าก่อนที่หลงจ่านเหยียนจะเข้าวังสองวัน จู่ ๆ ก็เปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือพ่ะย่ะค่ะ”มู่หรงฉิงเทียนผินหน้ามอง “เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร?” “นางถึงกลับกล้าเถียงฮูหยินผู้เฒ่าหลงกับหลงฉางเทียน เห็นว่าก่อนที่นางจะเข้าวัง หลงฉางเทียนเตรียมยาสลบให้นาง กลัวว่านางจะร้องไห้อาละวาดกลางทาง แต่หลังจากดื่มยาสลบลงไปแล้วกลับไม่มีปฏิกิริยาใด สุดท้ายหลงจ่านเหยียนยังขึ้นเกี้ยวอย่างมีชีวิตชีวาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”มู่หรงฉิงเทียนอื่ม “ออกไปเถอะ!”“พ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์ลับหายตัวไปแล้วมู่หรงฉิงเทียนเปิดประตูออกแล้วเอ่ยกับอาซิ่น “พาลูกสาวแล

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 213

    “คุณชายฉี?” เขาหัวเราะด้วยจิตใจที่ขมปร่า “แม้แต่การเรียกขานก็เปลี่ยนแล้ว เห็นได้ว่าหัวใจเจ้าเปลี่ยนแล้วจริง ๆ!”นางไม่เอื้อนเอ่ย ในสายตาของฉีซุนก็คือการยอมรับโดยปริยายนางสามารถมองเห็นประกายในดวงตาของเขามืดลงไปทีละน้อย นางจินตนาการได้ว่าหัวใจของเขากำลังดำดิ่งลงไปทีละนิด หัวใจของนางก็เช่นกัน ดิ่งลึกลงไปถึงสถานที่ไม่ทราบชื่อ มืดมิด ไม่มีความรักของนางอีก“ขอให้เจ้ามีความสุข!” หลังจากจ้องนางอยู่นาน เขาก็เปล่งคำนี้ออกมาเสียงเนิบ น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย“ขอบคุณ!” นี่คือคำพูดสุดท้ายที่นางพยายามรักษาเสียงแข็ง มากอีกหนึ่งคำ น้ำตาของนางจะร่วงแล้วเขาไปแล้ว ราวกับพกแสงตะวันทั้งหมดไปด้วย เหลือเพียงเงาหลังเศร้าสร้อยและความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุดให้นาง“ชุนอี้ ข้ารู้สึกว่า ข้าอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว!” น้ำตาของนางพรั่งพรูออกมาราวกับน้ำหลาก ในดวงตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง“คุณหนู ทุกอย่างจะดีเอง หากท่านไม่สามารถอยู่กับคุณชายฉีได้ กับคุณชายฉินก็ดีมากเช่นกันเจ้าค่ะ!” ชุนอี้ปลอบใจทั้งน้ำตาคลอเห็นคุณชายฉีและคุณหนูเสียใจ ชุนอี้รู้ว่าความรู้สึกนี้มิอาจหวนกลับนางนั่งอยู่ในศาลาอยู่นานสองนาน มิได้เอื้อนเอ่ย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 212

    นอกเมืองมีศาลาสิบลี้อยู่แห่งหนึ่งตรงเชิงเขาสูงใหญ่ กลางไหล่เขาสูงใหญ่ลูกนั้น ก็มีวัดเจ้าแม่กวนอิมอยู่แห่งหนึ่ง มีผู้คนมาสักการะมากมายวัดเจ้าแม่กวนอิมก็คือสถานที่พบกันของหวังหว่านจวินกับฉีซุนหวังหว่านจวินให้สาวใช้ชุนอี้นัดฉีซุนออกมานางจงใจมาเร็วหนึ่งชั่วยาม ระหว่างที่นั่งรอพบฉีซุน ที่สมองมิอาจลบเลือนไปได้ก็คือภาพที่พบกันเขาสวมชุดขาวปลอด ย่างเข้าม่านจักษุของนาง ลมรำเพยพกพากลิ่นหอมสดชื่นของดอกกุ้ยฮวาพัดเส้นผมของเขานางยืนอยู่ใต้ต้นกุ้ยฮวา แหงนหน้ามองดอกกุ้ยฮวาเล็ก ๆ สีเหลืองทองเขายืนอยู่ตรงหน้านางและอมยิ้มเอ่ยว่า “คุณหนู ต้นนี้คือต้นกุ้ยฮวาสีทอง ยามบุปผาโปรยปรายประหนึ่งสายพิรุณทองคำ”นางมองดวงหน้าอันหล่อเหลาและดวงตาอันอบอุ่นของเขา รู้สึกเพียงจุดหนึ่งในหัวใจราวกับถูกสายลมวสันตฤดูพัดผ่าน สะกิดสะเกาเขามีความรู้ล้ำลึก ร่ำเรียนมาห้าปี เป็นคนตลกขบขัน ชอบหัวเราะ เมื่ออยู่ต่อหน้านาง เขาไม่ปกปิดชาติตระกูลของตัวเองสักนิดเขาก็เหมือนกับหลุมขนาดใหญ่ที่ดูดนางเข้าไปสู่ห้วงลึกนางเคยคิด หากชีวิตที่เหลือสามารถอยู่กับเขาได้ เคียงข้างเขา ปรนนิบัติบัณฑิตหนุ่ม ดื่มสุราสนทนา กระทั่งคลอดบุตรชาย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 211

    “ข้ามิได้ทำงานไม่ถูกเรื่อง เจ้าก็คือฆาตกรสังหารครอบครัวหญิงม่ายแซ่เซว” ฟางจี้จื่อจ้องนางพลางเอ่ยจ่านเหยียนส่ายหน้า “เจ้ามีหลักฐานอันใดพิสูจน์ว่าข้าคือฆาตกรสังหารครอบครัวหญิงม่ายแซ่เซว?”“ข้างตัวเจ้า หนึ่งปีศาจจิ้งจอก หนึ่งปีศาจงู นี่ก็คือเครื่องพิสูจน์ที่ดีที่สุด ที่จนถึงวันนี้ข้าก็ยังมองตัวตนของเจ้าไม่ออก นั่นมีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียว เจ้าดูดวิญญาณมนุษย์ฝึกบำเพ็ญเป็นเวลานาน ดังนั้นเจ้าจึงมีกลิ่นอายของมนุษย์ กลบทับตัวตนที่แท้จริงของเจ้า”“นักพรตคนหนึ่งกลับกล่าวถ้อยคำเช่นนี้ออกมา ไม่กลัวว่าจะทำให้คนหัวเราะเยาะแย่หรือ? เจ้าไม่เคยคิดหรือว่าข้าจะเป็นคนจริง ๆ?” จ่านเหยียนเอ่ยฟางจี้จื่อหัวเราะเย้ยหยัน “เจ้าอยากเป็นคนเป็นเซียนจริง แต่น่าเสียดาย เจ้าเข่นฆ่าคนไปมาก ต่อให้ฝืนบำเพ็ญเพียร อย่างมากก็ถึงได้แค่ด่านหยวนสื่อเทียนจุนไท่ซ่างเหล่าจวิน เจ้ามีสันดานชั่วช้า จะเป็นเซียนได้อย่างไร?”“ข้าเข่นฆ่าคนมากจริง แต่เจ้าผิดแล้ว ข้าไม่เคยคิดอยากเป็นเซียน เป็นเซียนแล้วมีอะไรดี? มีแต่ผู้บำเพ็ญพรตที่เห็นแก่ตัวเช่นเจ้าจึงเพ้อฝันอยากเป็นเซียน อย่าคิดว่าคนอื่นจะเป็นอย่างเจ้าสิ”หากนางไม่เข่นฆ่าคนม

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 210

    มู่หรงฉิงเทียนถามเทพโอสถ “ท่านหมอเทวดาจะตรวจสอบสาเหตุการตาบอดของนางได้หรือไม่”“ได้!” เทพโอสถหันไปเอ่ยกับเหลียนถัง “เจ้าเอาเข็มมาทดสอบตับของกุ้ยไท่เฟยหน่อย ตับกับดวงตาสัมพันธ์ถึงกัน ร่างกายมนุษย์มีจุดชีพจรหลายจุดที่สัมพันธ์กับอวัยวะภายใน มีพื้นที่ตอบสนอง หากมีพิษอยู่ในบริเวณตับ โดยมากจะส่งผลกระทบต่อดวงตา”จ่านเหยียนเห็นด้วยกับหลักการที่เขาบอก แต่... การสูญเสียการมองเห็นอย่างที่ไม่ถูกทำร้ายใด ๆ จะไม่เป็นอย่างที่เขาพูดแน่นอนทว่า... จะบอกว่าเขาอธิบายผิดก็ไม่ได้ เพราะทั้งสองอย่างนี้ล้วนเป็นไปได้ทุกคนออกไปรออยู่นอกห้องขณะเหลียนถังกำลังตรวจสอบให้กุ้ยไท่เฟย เหลือเพียงจู๋กูกูเพียงคนเดียวผ่านไปครู่หนึ่ง จู๋กูกูก็เปิดประตู เทพโอสถหยิบเข็มเงินดูใต้แสงอาทิตย์พักหนึ่ง เข็มเรียวยาวเรืองแสงสีเขียวจาง ๆ ใต้แสงตะวันทุกคนผงะ มู่หรงฉิงเทียนถามขึ้น “มีพิษ?”“เป็นเพียงพิษเล็กน้อย แต่นี่ก็มีความเป็นไปได้สองอย่าง อย่างแรกคือกุ้ยไท่เฟยดื่มยาเป็นเวลานาน ยามักมีพิษสามส่วน ตับทำหน้าที่ขับสารพิษ เมื่อขับพิษออกไม่หมด ก็จะตกค้างอยู่ที่นี่ อย่างที่สองคือสมัยก่อนกุ้ยไท่เฟยขจัดพิษออกไม่หมด จึงทำความเสียหายแ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 209

    “รีบเชิญเร็ว!” จู๋กูกูรีบเอ่ยนางเข้าไปประคองอวิ๋นกุ้ยไท่เฟย เอ่ย “หมอเทวดามาแล้ว พวกเรากลับเข้าเรือนเถอะ ตรวจอาการในเรือนจะสะดวกกว่านะเจ้าคะ”อวิ๋นกุ้ยไท่เฟยกลับโบกมือแล้วนั่งลงเหมือนเดิม “อยู่ตรงนี้เถอะ ข้าชอบแสงแดดสว่าง ๆ”“เช่นนั้นหรือ ก็ได้เจ้าค่ะ!” จู๋กูกูได้แต่ตามใจนางมู่หรงฉิงเทียนในชุดผ้าฝ้ายลวดลายมังกรเหินสีนิลที่แหวกว่ายอยู่ท่ามกลางเมฆาซึ่งเป็นลายพื้นเดินเข้ามา ตรงเอวคาดผ้ารัดเอวสีทอง ผูกกระเป๋าผ้าสีทองใบหนึ่ง และบนกระเป๋าผ้าห้อยพู่หยกใสทะลุปรุโปร่งชิ้นหนึ่งเห็นแล้วทำให้คนรู้สึกถึงความสูงศักดิ์แห่งราชวงศ์และท่วงทำนองน่าเกรงขามอย่างไรก็คือราชวงศ์ แม้จะเป็นชุดลำลองก็ยังแสดงลักษณะแห่งราชวงศ์ออกมาทั้งหมดเหลียนถังเดินอยู่ข้างหลังเทพโอสถ ครั้นนางเห็นฮุ่ยอวิ่น ก็เพียงปราดสายตาอย่างรวดเร็วแวบหนึ่ง จากนั้นใบหน้านิ่งก็เก็บอารมณ์ไว้ในดวงตา“เสด็จแม่ ไม่เชื่อฟังอีกแล้วนะ!” มู่หรงฉิงเทียนเดินมาข้างหน้าแล้วตำหนิด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแผ่วเบา “บอกแล้วมิใช่หรือ? อย่าออกมาตอนเช้าตรู่ หากต้องความเย็นแล้วจะทำอย่างไร?”นี่คือครั้งแรกที่จ่านเหยียนเห็นมู่หรงฉิงเทียนอ่อนโยนเช่นนี้ เส้นโค้

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 208

    อวิ๋นกุ้ยไท่เฟยตอบ “ไม่ค่อยสะดวก มองไม่เห็น”ผู้เป็นหมอมักมีหัวใจแห่งบิดามารดา จ่านเหยียนอดถามไม่ได้ “เป็นเพราะสาเหตุใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”อวิ๋นกุ้ยไท่เฟยหน้านิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะคลี่ยิ้มตรงมุมปาก “ข้าจำไม่ได้แล้ว”มีหรือจะจำความเจ็บปวดจากการสูญเสียการมองเห็นไม่ได้? โดยรวมคงเพราะไม่อยากเอ่ยถึง หรือไม่ก็ปลงตกแล้วฮุ่ยอวิ่นนึกว่าจ่านเหยียนจะถามต่อ จึงยื่นมือมากระตุกแขนเสื้อของนางแล้วโบกมือเป็นการบอกว่าอย่าถามจ่านเหยียนเปลี่ยนประเด็น “น้ำชาเหล่านี้เจือกลิ่นส้ม ใช่ชาส้มหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? แต่มันไม่ใช่แค่ชาส้ม หากยังใส่เมล็ดชุมเห็ดเทศด้วยกระมัง?”อวิ๋นกุ้ยไท่เฟยเอ่ยอย่างยินดี “มิผิด ข้าแค่สั่งให้คนใส่ลงไปเล็กน้อยเท่านั้น เจ้ากลับรู้ได้”“เมล็ดชุมเห็ดเทศช่วยเรื่องล้างตับและการมองเห็น รสชาติหอมสดชื่น แต่ใส่ลงไปได้เล็กน้อยเท่านั้น มิเช่นนั้นรสชาติเข้มเกินไปจะเสียรสชาติชาและส้ม น้ำชาจะขุ่นมัว และยังจะทำให้ลำไส้ลื่น” จ่านเหยียนเอ่ยอวิ๋นกุ้ยไท่เฟยผงะ จู่ ๆ ก็เอื้อมมือควานหามาทางจ่านเหยียน จ่านเหยียนเอื้อมมือไปจับมือของนาง รู้สึกประหลาดใจกับการกระทำของนางเล็กน้อยอวิ๋นกุ้ยไท่เฟยเอ่ยด้วยความยิ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status