Share

บทที่ 95

Author: ลิ่วเยว่
จ่านเหยียนร้องเฮอะ “ที่หลงฉางเทียนมีนิสัยไม่มีเหตุผล ไร้ความเมตตาต่อผู้อื่นเช่นนี้ล้วนได้มาจากบรรพบุรุษอย่างที่คิดจริง ๆ”

“เจ้ากล้านักนะ อยู่ในศาลบรรพชนตระกูลหลงของข้าแล้วยังจะกล้าพูดจาอวดดีเช่นนี้อีก?” ผู้เฒ่าผมขาวมองมาด้วยสายตาเดือดดาล

จ่านเหยียนแย้มยิ้มชั่วร้าย “กระทั่งข้าเจ้าก็ยังไม่รู้จัก เมื่อไม่รู้จักก็เลยกล้าพูดจาสามหาวกับข้าเช่นนี้สินะ?”

เมื่อจ่านเหยียนพูดจบ ก็ชูมือขาวผ่องขึ้น แหปลาสีทองปากหนึ่งพลันหล่นลงมาจากฟากฟ้า ปกคลุมกลุ่มดวงวิญญาณของสกุลหลงกลุ่มนั้นไว้ นางคว้าแหจับปลาแล้วใช้มือเหวี่ยงออกไป แหจับปลากลับหดเล็กลงเป็นกลุ่มก้อน แล้วบีบไว้ในมือแน่น

หยางจิ่วเม่ยตกตะลึง รีบก้าวเข้าไปด้วยอยากจะร้องขอความเมตตา ทว่าจ่านเหยียนกลับมองนางด้วยสายตาเรียบนิ่งแล้วกล่าวว่า “เจ้าสนใจแต่ตัวเจ้าเองก็พอ”

หยางจิ่วเม่ยชะงัก ก้าวถอยหลังไปอย่างระมัดระวัง

“ขึ้นไปบนแท่นบูชาเถิด ข้าจะส่งเจ้าขึ้นไปด้วยมือของข้าเอง ไม่มีใครไล่เจ้าไปได้หรอก” จ่านเหยียนชูฝ่ามือขึ้นปล่อยพลังตรงไปดันหยางจิ่วเม่ยขึ้นไป

วิญญาณของหยางจิ่วเม่ยกลายเป็นดอกบัวดอกหนึ่ง แล้วค่อย ๆ หายในแท่นบูชา

จ่านเหยียนใช้พลังหยินกักขังบ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 96

    ครั้นหลงฉางเทียนกล่าวจบ จ่านเหยียนจึงเริ่มตกรางวัลนี่เป็นรายการที่สกุลหลงตั้งตาคอยที่สุด ถึงอย่างไรก็ได้ยินมาจากคนของกรมพิธีการแล้วว่าครานี้ไทฮองไทเฮาลงทุนไปไม่น้อย ของที่เลือกมาล้วนเป็นของล้ำค่าในวังทั้งสิ้นของรางวัลแต่ละชุดวางอยู่บนโต๊ะ ทั้งหมดล้วนบรรจุไว้ในกล่องของขวัญ ยามตกรางวัลก็มิได้พูดชัดเจนว่าคืออะไร เรียกความสับสนงุนงงจากคนที่มาร่วมงาน การตกรางวัลโดยปกติแล้ว มักจะแจ้งชื่อเรียกของรางวัลนั้น ๆ เพื่อให้คนรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย การตกรางวัลที่ดูลึกลับเช่นนี้ นับเป็นครั้งแรกทว่าในเมื่อไทเฮาไม่พูด จึงไม่มีคนกล้าเปิดออกดู ได้แต่สั่งให้บ่าวรับใช้ส่งกลับไปที่เรือนของตนเองก่อน กลับไปแล้วค่อยเปิดดูหงฮวาอยากเห็นมาตลอดว่าของรางวัลที่นางได้เป็นอะไร ทว่าเห็นคนอื่นไม่เปิดดู นางเองก็ไม่กล้าเปิดเช่นกันอันที่จริงนางไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก เพราะตกรางวัลมาให้นางเพียงชุดเดียว จะดีร้ายอย่างไรยามนี้นางก็ตั้งท้องเลือดเนื้อเชื้อไขของสกุลหลง แม้บุตรจะยังไม่คลอดออกมา แต่ก็ควรให้เพิ่มขึ้นอีกสักสุดนางเอื้อมมือออกไปรั้งแขนเสื้อเย่เต๋อโหรว กระซิบถามว่า “ฮูหยิน ท่านว่านางควรจะตกรางวัลให้ข้าเพิ่มอีกสัก

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 97

    พูดอีกอย่างก็คือ มิใช่เขาที่เป็นคนชมชอบจ่านเหยียนชะงักไปเล็กน้อย นางไม่รู้เรื่องนี้จริง ๆ ยังนึกอยู่เลยว่าเขาเต็มใจแต่งงานนางกล่าวออกไปไม่ตรงกับที่ใจคิดว่า “น้องหญิงเป็นคนร่าเริงฉลาดเฉลียว งดงามแลใจกว้าง เป็นแม่นางน้อยที่ไม่เลวเลยนางหนึ่ง”นอกจากจะชอบแทงเข็มใส่เล็บคนอื่นเขาทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดกับชอบตะโกนเรียกผู้อื่นมาตบบ้องหูทั้งที่เขายังไม่ทันทำอะไรเลยแล้ว ที่เหลือก็คงไม่มีข้อบกพร่องอะไรแล้วอย่างน้อย นางก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็นน่ะนะฉีชินอ๋องยิ้มเย็นชา “อย่างนั้นหรือ?”จากที่เขารู้ ที่ว่าร่าเริงฉลาดเฉลียวนั้นสามารถตีความได้หลากหลายแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนำมาบรรยายหลงจ่านซินจ่านเหยียนเห็นว่าเขามีสีหน้าไม่ดี ก็เข้าใจได้ทันทีว่าเขาไม่ค่อยพอใจนัก จึงปลอบไปว่า “ท่านอ๋องไม่ต้องกลัดกลุ้มไป หากไม่ไหวจริง ๆ ก็คิดเสียว่าแต่งงานกับแจกันดอกไม้เพื่อเอากลับไปเชยชมก็พอ ถึงอย่างไรมีสตรีงามให้ได้เชยชม ก็ถือว่าเป็นที่เจริญตาเจริญใจเรื่องหนึ่งมิใช่หรือ?”ฉีชินอ๋องยกมุมปากเผยรอยยิ้มไม่แยแสออกมา “ขอบพระทัยพระเชษฐภคินีที่ทรงปลอบ”“เรื่องที่กำหนดไว้แล้ว คิดมากไปก็ไร้ประโยชน์” จ่านเหยียนเอ่ยค

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 98

    บนบันไดหินหน้าระเบียงทางเดิน คนกลุ่มหนึ่งเดิมห้อมล้อมเซ่อเจิ้งอ๋องมู่หรงฉิงเทียนเข้ามาท่ามกลางแสงเทียนเลือนราง จ่านเหยียนเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเขาสวมใส่ชุดคลุมสีขาวนวลดั่งแสงจันทร์ คาดผ้าคาดเอวสีทองไว้บนช่วงเอว บริเวณกลางผ้าคาดเอวฝังหยกโมราสีเขียวขนาดเท่าไข่นกกระทาไว้หนึ่งชิ้น มันทอประกายหลากสีสันออกมาใต้แสงเทียนนี่เป็นครั้งที่สามที่จ่านเหยียนได้พบเขา ทว่าบุรุษผู้นี้มักมอบความสะเทือนขวัญใหม่ ๆ แก่นางทุกครั้งที่ได้เจอใบหน้าของเขาและฉีชินอ๋องมู่หรงหานเทียนละม้ายคล้ายคลึงกันสามถึงสี่ส่วน ทว่าแฝงไปด้วยความเด็ดขาดสองอย่างที่ต่างกันออกไปสามารถใช้คำว่าอ่อนโยนดุจหยกมาบรรยายได้ฉีชินอ๋อง ส่วนเขานั้นกลับมีรัศมีองอาจดุดันแผ่ออกมาทั้งกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขาไม่ได้ตั้งแต่แผ่ความองอาจดุดันนี้ออกมา ทว่าเพียงแค่เจ้าเห็นเขา ต่อให้เขาไม่แสดงสีหน้าอันใดเลย เจ้าก็ยังคงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายองอาจดุดันที่แผ่ออกมากดดันผู้คนท่ามกลางความองอาจดุดันนั้นแฝงไปด้วยเสน่ห์แสนน่าประหวั่นที่ทำให้ผู้คนใจสั่น อืม ใช่แล้ว คำว่าเสน่ห์สุดแสนร้ายกาจที่มักจะถูกใช้บรรยายอยู่ในนิยายนั่นแหละ เมื่อก่อนนางไม่เคยเข้าใจเลย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 99

    ไม่ไม่เพียงแต่ประหลาดใจ ไม่มีมนุษย์คนไหนมีชีวิตอยู่ทั้งที่หัวใจไม่เต้น ที่เป็นเช่นนั้นมีอยู่ด้วยกันสามเหตุผล หนึ่ง มีของวิเศษไม่ก็ของศักดิ์สิทธิ์อยู่ในร่างกาย คอยประคองรักษาชีวิตเขาไว้สอง คือเป็นซอมบี้ แต่ซอมบี้จะต้องมีกลิ่นศพแผ่ออกมาจากกาย ไม่อาจเห็นแสงตะวัน ใบหน้าก็จะขาวซีดราวกับกระดาษ ไม่มีวันได้ใช้ชีวิตอย่างคนปกติทั่วไป ดังนั้นจึงมิใช่เหตุผลนี้ความเป็นไปได้สุดท้าย ก็คือผีดิบที่โดดออกมาจากสามโลกไม่อยู่ในห้าธาตุ แต่เขาไม่ใช่ผีดิบสภาพการณ์ของเขานั้น ตรงกับเหตุผลข้อที่หนึ่งเซ่อเจิ้งอ๋องมีเพียงรอยยิ้มบาง ๆ ให้กับคำสรรเสริญของหลงฉางเทียนเท่านั้น มิได้ตอบกลับไปแต่อย่างใดขณะที่จ่านเหยียนกำลังจมอยู่ในความคิด ก็ได้ยินน้ำเสียงจงใจดัดให้นุ่มนวลดังขึ้นมา “จ่านเหยียนคารวะฉีชินอ๋อง”เนื่องจากนางเงยหน้าขึ้นกะทันหัน ไม่ทันได้เตรียมพร้อม ทำให้ตกใจจนดวงตาทั้งสองข้างแทบจะถลนออกมาหลงจ่านซินใส่ชุดกระโปรงยาวจับจีบเผยช่วงอกสีแดงไข่มุกปักลายดอกเบญจมาศสีทองดอกใหญ่ ช่วงบนคลุมไว้ด้วยผ้าโปร่งบาง ช่วยบดบังได้ราง ๆ ทว่ากลับปิดความเย้ายวนไม่ได้ท่ามกลางความวับ ๆ แวม ๆ ผ้าโปร่งบางสีแดงยิ่งขับให้ผิวขา

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 100

    หลงจ่านซินพึงพอใจกับความเยินยอของจ่านเหยียนเป็นอย่างยิ่ง นางเงยหน้าขึ้นมองหลงจ่านเหยียน แล้วยิ้มภาคภูมิใจออกมา “เมื่อก่อนยามมีแขกมาเยือนถึงบ้าน พอพูดถึงพวกเราสองพี่น้อง ต่างก็บอกว่าข้างามยิ่งกว่าพี่หญิง บัดนี้มาคิดดูแล้วเห็นจะไม่ใช่คำโกหก”หลงจ่านเหยียนยิ้มเล็กน้อย ยามมีแขกมาเยือนถึงประตูบ้าน หลงจ่านเหยียนไหนเลยจะได้ออกมาเผยโฉม?เดิมทีงานนี้เป็นงานเลี้ยงยามเย็นที่เป็นทางการยิ่ง เนื่องจากการมาถึงของหลงจ่านซิน บรรยากาศจึงแปลกประหลาดไปคนที่ยังสามารถรักษาสีหน้าให้เป็นปกติได้ มีเพียงแค่เซ่อเจิ้งอ๋องมู่หรงฉิงเทียนคนเดียวเท่านั้นเขาถือจอกสุรา ตรงมุมปากเผยความเย็นชา หลังจากดื่มสุราไปหลายจอก สีหน้าของเขาก็ยังไม่แปรเปลี่ยน มีเพียงกลิ่นสุราเท่านั้นที่โชยออกมา กระทั่งจ่านเหยียนที่นั่งอยู่ข้างเขาก็ยังได้กลิ่นสุราที่มอมให้คนเมามายในสถานการณ์เช่นนี้ หากมีใครสักคนเปิดหัวข้ออะไรสักอย่างขึ้นมา เพื่อให้งานเลี้ยงยามเย็นดำเนินต่อไปได้ ย่อมไม่เป็นปัญหาอะไรทว่ามีแต่คนที่อยากจะใช้โอกาสนี้ เผยหน้าแสดงให้เห็นถึงการมีตัวตนต่อหน้าใต้เท้ามากมายขนาดนี้หงฮวาอยู่แถวนั้น นางเดินผ่านเย่เต๋อโหรว แล้วเข้าไปพู

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 101

    หลงฉางเทียนโกรธจนหน้าเขียว ถลึงตาใส่เย่เต๋อโหรวอย่างหนักทีหนึ่ง ให้นางรีบคลี่คลายสถานการณ์นี้เสียเย่เต๋อโหรวกัดฟันกรอด กล้ำกลืนความอัปยศและเพลิงโทสะลงท้องก่อนจะเอ่ย “หงฮวา ห้ามก่อเรื่องนะ”ขุนนางในที่นั้นพากันมองเซ่อเจิ้งอ๋องที่หนึ่ง มองฉีชินอ๋องทีหนึ่ง แล้วมองหลงฉางเทียนอีกทีหนึ่ง ต่างรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย อย่างไรก็เป็นเรื่องในครอบครัวของผู้อื่น ที่เสียมารยาทอย่าฟัง ที่เสียงมารยาทก็อย่ามองรองแม่ทัพผู้ใต้บังคับบัญชาของหลงฉางเทียนหัวเราะเหอะ ๆ แล้วจึงเอ่ย “นั่นสิ ตอนที่ภรรยาของข้าน้อยตั้งครรภ์ก็มักเป็นเช่นนี้ประจำ ข้าน้อยล่ะปวดหัวนัก”“นั่นสิ เป็นเช่นนี้จริง ๆ”“ก็มิใช่หรือ? ท่านนั้นของบ้านข้าก็เป็นเช่นนี้”ใต้เท้าหลายคนต่างช่วยกันทำลายบรรยากาศตึงเครียดและสมทบคำกล่าวของรองแม่ทัพ อย่างน้อยจะได้ไม่ตึงเครียดต่อ ผ่อนคลายลงมาบ้างเพียงแต่หงฮวาไม่รู้จักความหวังดีของผู้อื่น ที่ถูกยกขึ้นเป็นอี๋เหนียงได้ก็เพราะตั้งครรภ์เรื่องจวบจนถึงเวลานี้ยังไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว คิดว่าแม้หลงฉางเทียนจะเกิดโทสะก็ไม่ควรลงกับนาง และต่อให้ลงกับนางก็คงไม่ทำอะไรนางเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ยามนี้นางกำลังตั

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 102

    ทุกคนในที่นั้นโล่งอก แน่นอนว่ารวมถึงจ่านเหยียนด้วยนางปรายตามองมู่หรงฉิงเทียนทีหนึ่ง เห็นเขายังมีสีหน้าเป็นธรรมชาติ ถือจอกสุราดื่มสบาย ๆ ราวกับเมื่อครู่ไม่เคยเกิดเรื่องอันใดทั้งสิ้นจู่ ๆ จ่านเหยียนจึงชูจอก “ท่านอ๋อง ข้าขอดื่มให้ท่านจอกหนึ่ง”มู่หรงฉิงเทียนเหลือบตามองนางแบบชืด ๆ “ขอบพระทัยไทเฮา” ว่าแล้วก็จรดจอกสุรา ก่อนจะมองจ่านเหยียนด้วยสายตาราบเรียบภายใต้สายตาของเขา จ่านเหยียนดื่มสุราในจอกจนหมดมู่หรงฉิงเทียนรู้ว่าสุราหมักร้อยปีเช่นนี้ลื่นคอ หากมีฤทธิ์แรงมาก เมื่อครู่เห็นนางดื่มไปสองสามจอกอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ยามนี้ยังจรดอีกจอกหนึ่ง ต้องเมาแน่ ๆสตรีแคว้นต้าโจวดื่มสุราน้อยมาก และต่อให้ดื่มก็ดื่มสุราผลไม้หรือสุราดอกกุ้ยฮวาเล็กน้อย อ่อนแต่หอม ปกติจะไม่ดื่มสุราฤทธิ์แรง นอกเสียงจากเป็นสตรีในยุทธภพเขานึกว่าหลงจ่านเหยียนมีชาติกำเนิดเป็นบุตรสาวในอนุภรรยา ครั้งอยู่ในจวนตระกูลหลงก็คือสาวใช้ดี ๆ คนหนึ่ง หลังจากเข้าวัง แม้สำเริงสำราญใจกับนักดนตรี แต่สุราที่ดื่มต้องเป็นสุราผลไม้แน่ เห็นว่าสุราหมักมีรสคล้ายคลึงกับสุราผลไม้ จึงคิดว่าไม่เป็นไรกลับไม่รู้ว่าดื่มลงไปสองสามจอก เขายังเห็นหล

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 103

    เซ่อเจิ้งอ๋องเพียงยืนนิ่ง ๆ ไม่พูด นางจึงได้แต่หมุนตัวเดินเข้าไปคนผู้นี้พิลึกคนจริง ราวกับน้ำแข็งเหมันต์ แต่ก็เฉกเช่นบ่อลึกอีก เย็นยะเยือกเดาทางไม่ถูกกัวอวี้กระซิบกับจ่านเหยียน “คุณหนูใหญ่ เกรงว่าคนของจวนตระกูลหลงจะประสงค์ร้าย จะขอท่านอ๋องเพิ่มองครักษ์ในคืนนี้หรือไม่เพคะ?”จ่านเหยียนส่ายหน้า “ที่ควรมา อย่างไรก็ต้องมา คนมากเท่าไรก็ไม่มีประโยชน์”กัวอวี้อืมเสียงหนึ่ง “บ่าวเชื่อว่าคุณหนูใหญ่ต้องมีพระปรีชาสามารถเพียงพอจะรับมือได้เพคะ”จ่านเหยียนได้ยินดังนั้นจึงหัวเราะ “เจ้าเชื่อข้าหรือ?”“เชื่อเพคะ!” กัวอวี้ตอบเสียงจริงจังจ่านเหยียนมองกัวอวี้ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “คนอย่างเจ้านี่เหมาะสมจะอยู่ข้างกายมาก”กัวอวี้หัวเราะ “ขอบพระทัยคุณหนูใหญ่ที่ชื่นชมเพคะ”เงาดำสายหนึ่งตกอยู่ข้างตัวเซ่อเจิ้งอ๋อง “ท่านอ๋อง คืนนี้จวนตระกูลหลงมีความเคลื่อนไหวพ่ะย่ะค่ะ”“รู้แล้ว!” แสงปราดผ่านสายตาของเซ่อเจิ้งอ๋องแวบหนึ่ง ก่อนจะตอบรับอย่างราบเรียบ“จะโยกย้ายคนมาหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” เงาดำถามเซ่อเจิ้งอ๋องยิ้มเจ้าเล่ห์ “ไม่จำเป็น หลงฉางเทียนรนหาที่ตายแล้ว” กล่าวจบ เขาก็สาวเท้าเดินออกไปข้างนอกเนื่องจ

Latest chapter

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 216

    “ลุกขึ้นนั่ง!” มู่หรงฉิงเทียนสั่งให้คนประคองสองคนนี้ลุกขึ้นทั้งสองนั่งลง มองรอบห้องอย่างหวาดวิตก ตระหนักว่าที่นี่คือเรือนที่พักของมู่หรงฉิงเทียนจึงอดยินดีอย่างมิเคยได้รับอยู่บ้างมู่หรงฉิงเทียนถามหลงจ่านซิน “รู้หรือไม่ว่าผู้ใดลักพาตัวพวกเจ้าไป”หลงจ่านซินตอบแบบสติสตังยังไม่กลับคืนมา “เรียนท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ พวกมันขังหม่อมฉันอยู่ในห้องเล็ก ๆ ไม่มีใครสอบสวนพวกเรา และไม่เคยทำให้ลำบากใจ แค่ไม่ให้พวกเราออกไปเท่านั้นเพคะ”“อื่ม”“ท่านอ๋องหาพวกเราพบได้อย่างไรเพคะ?” สุดท้ายยังเป็นหงฮวาที่ใจกล้าเอ่ยถามมู่หรงฉิงเทียนตอบ “หมู่โฮ่วฮองไทเฮาไว้วานให้ข้าตามหาและช่วยเหลือพวกเจ้า ระยะนี้ข้าส่งคนออกไปค้นหามาตลอด จวบจนวันนี้ถึงได้ข่าวว่าพวกเจ้าถูกขังอยู่ในห้องเล็ก ๆ จึงสั่งให้คนไปช่วยพวกเจ้าทันที”“หลงจ่านเหยียนให้ท่านช่วยพวกเราหรือเพคะ?” หลงจ่านซินถามอย่างไม่ค่อยเชื่อ“ถูกต้อง!” มู่หรงฉิงเทียนพยักหน้า เขาตรวจสอบสีหน้าของหลงจ่านซิน ก่อนจะกล่าวเสริม “แต่ได้ยินว่าเป็นคำสั่งของไทฮองไทเฮา”“หม่อมฉันรู้อยู่แล้วเชียว นางไม่ใจดีอย่างนั้นหรอก!” หลงจ่านซินเอยคำสบถคำหนึ่ง ครั้นกล่าวถึงหลงจ่านเ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 215

    “ครั้งนี้ พระอาจารย์เป่ากวงเชิญหลงอู่มาเพื่ออะไร?” มู่หรงฉิงเทียนถามฮุ่ยอวิ่นฮุ่ยอวิ่นตอบอย่างไม่ต้องคิด “แน่นอนว่ามาช่วยเจ้า”เขาชะงักไป แล้วมองมู่หรงฉิงเทียนอย่างตกตะลึง “เขาเป็นเรื่องพวกนี้...”“ทางพรตมีวิชาเหมาซัน เห็นว่าสามารถเป็นชายเป็นหญิง หากนางช่วยข้าได้ การที่นางจะเป็นเรื่องพวกนี้จะแปลกอันใด?”ฮุ่ยอวิ่นเงียบงัน หากบอกว่าหลงอู่ก็คือหลงจ่านเหยียน เช่นนั้น... นางต้องการทำอันใดกันแน่? นางจะช่วยฉิงเทียนจริงหรือ?กลัวแต่จะไม่อีกอย่าง อดีตฮ่องเต้สนทนากับนางตลอดทั้งคืน คุยอะไรกัน? อดีตฮ่องเต้หวาดกลัวฉิงเทียนมาโดยตลอด แต่สุดท้ายกลับแต่งตั้งเขาเป็นเซ่อเจิ้งอ๋อง เพียงเพื่อให้เขาคานสกุลถง?กลัวแต่จะไม่!“มิสู้... พิสูจน์สักหน่อย? ฟางจี้จื่อมิใช่คนสายพรตหรือ? บางทีเขาอาจรู้ว่าหลงจ่านเหยียนคือใครก็ได้” ฮุ่ยอวิ่นเอ่ย “ฟางจี้จื่อระแวดระวังนางมาตลอด ข้าสงสัยว่าที่ฟางจี้จื่อเอาวิญญาณมังกรไปก็เพื่อจะต่อกรกับนาง”ฮุ่ยอวิ่นผงะเล็กน้อย “ที่ท่านให้ฟางจี้จื่ออยู่ในจวน มิใช่แค่ให้เขาตรวจสอบเรื่องครอบครัวหญิงม่ายแซ่เซวหรือ?”“มิผิด ข้าให้คนจับตาดูฟางจี้จื่อมาตลอด เขาสนทนากับหลงอู่สองครั้

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 214

    “ท่านอ๋อง!” องครักษ์ลับคนหนึ่งเข้าห้องของมู่หรงฉิงเทียน“มีเรื่องอันใด?” มู่หรงฉิงเทียนวางเสื้อตัวนอกไว้ที่ตั่งนอน ก่อนจะถามเรียบ ๆ“เข้าตำหนักหรูหลานไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ แต่อาซานบอกว่าเขาไม่พบไทเฮาหลายวันแล้ว ไทเฮาอ้างว่าล้มป่วยพักฟื้น ไม่ออกประตูตำหนักแม้แต่ก้าวเดียวพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ลับเอ่ย“สืบหรือไม่ว่าก่อนหลงจ่านเหยียนเข้าวังเกิดเรื่องอันใดขึ้น?” มู่หรงฉิงเทียนถาม“เห็นว่าก่อนหลงจ่านเหยียนจะเข้าวังเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นระยะหนึ่ง แต่ภายหลังก็ยอมจำนน ได้ยินบ่าวไพร่ในจวนบอกว่าก่อนที่หลงจ่านเหยียนจะเข้าวังสองวัน จู่ ๆ ก็เปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือพ่ะย่ะค่ะ”มู่หรงฉิงเทียนผินหน้ามอง “เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร?” “นางถึงกลับกล้าเถียงฮูหยินผู้เฒ่าหลงกับหลงฉางเทียน เห็นว่าก่อนที่นางจะเข้าวัง หลงฉางเทียนเตรียมยาสลบให้นาง กลัวว่านางจะร้องไห้อาละวาดกลางทาง แต่หลังจากดื่มยาสลบลงไปแล้วกลับไม่มีปฏิกิริยาใด สุดท้ายหลงจ่านเหยียนยังขึ้นเกี้ยวอย่างมีชีวิตชีวาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”มู่หรงฉิงเทียนอื่ม “ออกไปเถอะ!”“พ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์ลับหายตัวไปแล้วมู่หรงฉิงเทียนเปิดประตูออกแล้วเอ่ยกับอาซิ่น “พาลูกสาวแล

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 213

    “คุณชายฉี?” เขาหัวเราะด้วยจิตใจที่ขมปร่า “แม้แต่การเรียกขานก็เปลี่ยนแล้ว เห็นได้ว่าหัวใจเจ้าเปลี่ยนแล้วจริง ๆ!”นางไม่เอื้อนเอ่ย ในสายตาของฉีซุนก็คือการยอมรับโดยปริยายนางสามารถมองเห็นประกายในดวงตาของเขามืดลงไปทีละน้อย นางจินตนาการได้ว่าหัวใจของเขากำลังดำดิ่งลงไปทีละนิด หัวใจของนางก็เช่นกัน ดิ่งลึกลงไปถึงสถานที่ไม่ทราบชื่อ มืดมิด ไม่มีความรักของนางอีก“ขอให้เจ้ามีความสุข!” หลังจากจ้องนางอยู่นาน เขาก็เปล่งคำนี้ออกมาเสียงเนิบ น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย“ขอบคุณ!” นี่คือคำพูดสุดท้ายที่นางพยายามรักษาเสียงแข็ง มากอีกหนึ่งคำ น้ำตาของนางจะร่วงแล้วเขาไปแล้ว ราวกับพกแสงตะวันทั้งหมดไปด้วย เหลือเพียงเงาหลังเศร้าสร้อยและความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุดให้นาง“ชุนอี้ ข้ารู้สึกว่า ข้าอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว!” น้ำตาของนางพรั่งพรูออกมาราวกับน้ำหลาก ในดวงตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง“คุณหนู ทุกอย่างจะดีเอง หากท่านไม่สามารถอยู่กับคุณชายฉีได้ กับคุณชายฉินก็ดีมากเช่นกันเจ้าค่ะ!” ชุนอี้ปลอบใจทั้งน้ำตาคลอเห็นคุณชายฉีและคุณหนูเสียใจ ชุนอี้รู้ว่าความรู้สึกนี้มิอาจหวนกลับนางนั่งอยู่ในศาลาอยู่นานสองนาน มิได้เอื้อนเอ่ย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 212

    นอกเมืองมีศาลาสิบลี้อยู่แห่งหนึ่งตรงเชิงเขาสูงใหญ่ กลางไหล่เขาสูงใหญ่ลูกนั้น ก็มีวัดเจ้าแม่กวนอิมอยู่แห่งหนึ่ง มีผู้คนมาสักการะมากมายวัดเจ้าแม่กวนอิมก็คือสถานที่พบกันของหวังหว่านจวินกับฉีซุนหวังหว่านจวินให้สาวใช้ชุนอี้นัดฉีซุนออกมานางจงใจมาเร็วหนึ่งชั่วยาม ระหว่างที่นั่งรอพบฉีซุน ที่สมองมิอาจลบเลือนไปได้ก็คือภาพที่พบกันเขาสวมชุดขาวปลอด ย่างเข้าม่านจักษุของนาง ลมรำเพยพกพากลิ่นหอมสดชื่นของดอกกุ้ยฮวาพัดเส้นผมของเขานางยืนอยู่ใต้ต้นกุ้ยฮวา แหงนหน้ามองดอกกุ้ยฮวาเล็ก ๆ สีเหลืองทองเขายืนอยู่ตรงหน้านางและอมยิ้มเอ่ยว่า “คุณหนู ต้นนี้คือต้นกุ้ยฮวาสีทอง ยามบุปผาโปรยปรายประหนึ่งสายพิรุณทองคำ”นางมองดวงหน้าอันหล่อเหลาและดวงตาอันอบอุ่นของเขา รู้สึกเพียงจุดหนึ่งในหัวใจราวกับถูกสายลมวสันตฤดูพัดผ่าน สะกิดสะเกาเขามีความรู้ล้ำลึก ร่ำเรียนมาห้าปี เป็นคนตลกขบขัน ชอบหัวเราะ เมื่ออยู่ต่อหน้านาง เขาไม่ปกปิดชาติตระกูลของตัวเองสักนิดเขาก็เหมือนกับหลุมขนาดใหญ่ที่ดูดนางเข้าไปสู่ห้วงลึกนางเคยคิด หากชีวิตที่เหลือสามารถอยู่กับเขาได้ เคียงข้างเขา ปรนนิบัติบัณฑิตหนุ่ม ดื่มสุราสนทนา กระทั่งคลอดบุตรชาย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 211

    “ข้ามิได้ทำงานไม่ถูกเรื่อง เจ้าก็คือฆาตกรสังหารครอบครัวหญิงม่ายแซ่เซว” ฟางจี้จื่อจ้องนางพลางเอ่ยจ่านเหยียนส่ายหน้า “เจ้ามีหลักฐานอันใดพิสูจน์ว่าข้าคือฆาตกรสังหารครอบครัวหญิงม่ายแซ่เซว?”“ข้างตัวเจ้า หนึ่งปีศาจจิ้งจอก หนึ่งปีศาจงู นี่ก็คือเครื่องพิสูจน์ที่ดีที่สุด ที่จนถึงวันนี้ข้าก็ยังมองตัวตนของเจ้าไม่ออก นั่นมีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียว เจ้าดูดวิญญาณมนุษย์ฝึกบำเพ็ญเป็นเวลานาน ดังนั้นเจ้าจึงมีกลิ่นอายของมนุษย์ กลบทับตัวตนที่แท้จริงของเจ้า”“นักพรตคนหนึ่งกลับกล่าวถ้อยคำเช่นนี้ออกมา ไม่กลัวว่าจะทำให้คนหัวเราะเยาะแย่หรือ? เจ้าไม่เคยคิดหรือว่าข้าจะเป็นคนจริง ๆ?” จ่านเหยียนเอ่ยฟางจี้จื่อหัวเราะเย้ยหยัน “เจ้าอยากเป็นคนเป็นเซียนจริง แต่น่าเสียดาย เจ้าเข่นฆ่าคนไปมาก ต่อให้ฝืนบำเพ็ญเพียร อย่างมากก็ถึงได้แค่ด่านหยวนสื่อเทียนจุนไท่ซ่างเหล่าจวิน เจ้ามีสันดานชั่วช้า จะเป็นเซียนได้อย่างไร?”“ข้าเข่นฆ่าคนมากจริง แต่เจ้าผิดแล้ว ข้าไม่เคยคิดอยากเป็นเซียน เป็นเซียนแล้วมีอะไรดี? มีแต่ผู้บำเพ็ญพรตที่เห็นแก่ตัวเช่นเจ้าจึงเพ้อฝันอยากเป็นเซียน อย่าคิดว่าคนอื่นจะเป็นอย่างเจ้าสิ”หากนางไม่เข่นฆ่าคนม

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 210

    มู่หรงฉิงเทียนถามเทพโอสถ “ท่านหมอเทวดาจะตรวจสอบสาเหตุการตาบอดของนางได้หรือไม่”“ได้!” เทพโอสถหันไปเอ่ยกับเหลียนถัง “เจ้าเอาเข็มมาทดสอบตับของกุ้ยไท่เฟยหน่อย ตับกับดวงตาสัมพันธ์ถึงกัน ร่างกายมนุษย์มีจุดชีพจรหลายจุดที่สัมพันธ์กับอวัยวะภายใน มีพื้นที่ตอบสนอง หากมีพิษอยู่ในบริเวณตับ โดยมากจะส่งผลกระทบต่อดวงตา”จ่านเหยียนเห็นด้วยกับหลักการที่เขาบอก แต่... การสูญเสียการมองเห็นอย่างที่ไม่ถูกทำร้ายใด ๆ จะไม่เป็นอย่างที่เขาพูดแน่นอนทว่า... จะบอกว่าเขาอธิบายผิดก็ไม่ได้ เพราะทั้งสองอย่างนี้ล้วนเป็นไปได้ทุกคนออกไปรออยู่นอกห้องขณะเหลียนถังกำลังตรวจสอบให้กุ้ยไท่เฟย เหลือเพียงจู๋กูกูเพียงคนเดียวผ่านไปครู่หนึ่ง จู๋กูกูก็เปิดประตู เทพโอสถหยิบเข็มเงินดูใต้แสงอาทิตย์พักหนึ่ง เข็มเรียวยาวเรืองแสงสีเขียวจาง ๆ ใต้แสงตะวันทุกคนผงะ มู่หรงฉิงเทียนถามขึ้น “มีพิษ?”“เป็นเพียงพิษเล็กน้อย แต่นี่ก็มีความเป็นไปได้สองอย่าง อย่างแรกคือกุ้ยไท่เฟยดื่มยาเป็นเวลานาน ยามักมีพิษสามส่วน ตับทำหน้าที่ขับสารพิษ เมื่อขับพิษออกไม่หมด ก็จะตกค้างอยู่ที่นี่ อย่างที่สองคือสมัยก่อนกุ้ยไท่เฟยขจัดพิษออกไม่หมด จึงทำความเสียหายแ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 209

    “รีบเชิญเร็ว!” จู๋กูกูรีบเอ่ยนางเข้าไปประคองอวิ๋นกุ้ยไท่เฟย เอ่ย “หมอเทวดามาแล้ว พวกเรากลับเข้าเรือนเถอะ ตรวจอาการในเรือนจะสะดวกกว่านะเจ้าคะ”อวิ๋นกุ้ยไท่เฟยกลับโบกมือแล้วนั่งลงเหมือนเดิม “อยู่ตรงนี้เถอะ ข้าชอบแสงแดดสว่าง ๆ”“เช่นนั้นหรือ ก็ได้เจ้าค่ะ!” จู๋กูกูได้แต่ตามใจนางมู่หรงฉิงเทียนในชุดผ้าฝ้ายลวดลายมังกรเหินสีนิลที่แหวกว่ายอยู่ท่ามกลางเมฆาซึ่งเป็นลายพื้นเดินเข้ามา ตรงเอวคาดผ้ารัดเอวสีทอง ผูกกระเป๋าผ้าสีทองใบหนึ่ง และบนกระเป๋าผ้าห้อยพู่หยกใสทะลุปรุโปร่งชิ้นหนึ่งเห็นแล้วทำให้คนรู้สึกถึงความสูงศักดิ์แห่งราชวงศ์และท่วงทำนองน่าเกรงขามอย่างไรก็คือราชวงศ์ แม้จะเป็นชุดลำลองก็ยังแสดงลักษณะแห่งราชวงศ์ออกมาทั้งหมดเหลียนถังเดินอยู่ข้างหลังเทพโอสถ ครั้นนางเห็นฮุ่ยอวิ่น ก็เพียงปราดสายตาอย่างรวดเร็วแวบหนึ่ง จากนั้นใบหน้านิ่งก็เก็บอารมณ์ไว้ในดวงตา“เสด็จแม่ ไม่เชื่อฟังอีกแล้วนะ!” มู่หรงฉิงเทียนเดินมาข้างหน้าแล้วตำหนิด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแผ่วเบา “บอกแล้วมิใช่หรือ? อย่าออกมาตอนเช้าตรู่ หากต้องความเย็นแล้วจะทำอย่างไร?”นี่คือครั้งแรกที่จ่านเหยียนเห็นมู่หรงฉิงเทียนอ่อนโยนเช่นนี้ เส้นโค้

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 208

    อวิ๋นกุ้ยไท่เฟยตอบ “ไม่ค่อยสะดวก มองไม่เห็น”ผู้เป็นหมอมักมีหัวใจแห่งบิดามารดา จ่านเหยียนอดถามไม่ได้ “เป็นเพราะสาเหตุใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”อวิ๋นกุ้ยไท่เฟยหน้านิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะคลี่ยิ้มตรงมุมปาก “ข้าจำไม่ได้แล้ว”มีหรือจะจำความเจ็บปวดจากการสูญเสียการมองเห็นไม่ได้? โดยรวมคงเพราะไม่อยากเอ่ยถึง หรือไม่ก็ปลงตกแล้วฮุ่ยอวิ่นนึกว่าจ่านเหยียนจะถามต่อ จึงยื่นมือมากระตุกแขนเสื้อของนางแล้วโบกมือเป็นการบอกว่าอย่าถามจ่านเหยียนเปลี่ยนประเด็น “น้ำชาเหล่านี้เจือกลิ่นส้ม ใช่ชาส้มหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? แต่มันไม่ใช่แค่ชาส้ม หากยังใส่เมล็ดชุมเห็ดเทศด้วยกระมัง?”อวิ๋นกุ้ยไท่เฟยเอ่ยอย่างยินดี “มิผิด ข้าแค่สั่งให้คนใส่ลงไปเล็กน้อยเท่านั้น เจ้ากลับรู้ได้”“เมล็ดชุมเห็ดเทศช่วยเรื่องล้างตับและการมองเห็น รสชาติหอมสดชื่น แต่ใส่ลงไปได้เล็กน้อยเท่านั้น มิเช่นนั้นรสชาติเข้มเกินไปจะเสียรสชาติชาและส้ม น้ำชาจะขุ่นมัว และยังจะทำให้ลำไส้ลื่น” จ่านเหยียนเอ่ยอวิ๋นกุ้ยไท่เฟยผงะ จู่ ๆ ก็เอื้อมมือควานหามาทางจ่านเหยียน จ่านเหยียนเอื้อมมือไปจับมือของนาง รู้สึกประหลาดใจกับการกระทำของนางเล็กน้อยอวิ๋นกุ้ยไท่เฟยเอ่ยด้วยความยิ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status