“ข้ามิได้ทำงานไม่ถูกเรื่อง เจ้าก็คือฆาตกรสังหารครอบครัวหญิงม่ายแซ่เซว” ฟางจี้จื่อจ้องนางพลางเอ่ยจ่านเหยียนส่ายหน้า “เจ้ามีหลักฐานอันใดพิสูจน์ว่าข้าคือฆาตกรสังหารครอบครัวหญิงม่ายแซ่เซว?”“ข้างตัวเจ้า หนึ่งปีศาจจิ้งจอก หนึ่งปีศาจงู นี่ก็คือเครื่องพิสูจน์ที่ดีที่สุด ที่จนถึงวันนี้ข้าก็ยังมองตัวตนของเจ้าไม่ออก นั่นมีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียว เจ้าดูดวิญญาณมนุษย์ฝึกบำเพ็ญเป็นเวลานาน ดังนั้นเจ้าจึงมีกลิ่นอายของมนุษย์ กลบทับตัวตนที่แท้จริงของเจ้า”“นักพรตคนหนึ่งกลับกล่าวถ้อยคำเช่นนี้ออกมา ไม่กลัวว่าจะทำให้คนหัวเราะเยาะแย่หรือ? เจ้าไม่เคยคิดหรือว่าข้าจะเป็นคนจริง ๆ?” จ่านเหยียนเอ่ยฟางจี้จื่อหัวเราะเย้ยหยัน “เจ้าอยากเป็นคนเป็นเซียนจริง แต่น่าเสียดาย เจ้าเข่นฆ่าคนไปมาก ต่อให้ฝืนบำเพ็ญเพียร อย่างมากก็ถึงได้แค่ด่านหยวนสื่อเทียนจุนไท่ซ่างเหล่าจวิน เจ้ามีสันดานชั่วช้า จะเป็นเซียนได้อย่างไร?”“ข้าเข่นฆ่าคนมากจริง แต่เจ้าผิดแล้ว ข้าไม่เคยคิดอยากเป็นเซียน เป็นเซียนแล้วมีอะไรดี? มีแต่ผู้บำเพ็ญพรตที่เห็นแก่ตัวเช่นเจ้าจึงเพ้อฝันอยากเป็นเซียน อย่าคิดว่าคนอื่นจะเป็นอย่างเจ้าสิ”หากนางไม่เข่นฆ่าคนม
นอกเมืองมีศาลาสิบลี้อยู่แห่งหนึ่งตรงเชิงเขาสูงใหญ่ กลางไหล่เขาสูงใหญ่ลูกนั้น ก็มีวัดเจ้าแม่กวนอิมอยู่แห่งหนึ่ง มีผู้คนมาสักการะมากมายวัดเจ้าแม่กวนอิมก็คือสถานที่พบกันของหวังหว่านจวินกับฉีซุนหวังหว่านจวินให้สาวใช้ชุนอี้นัดฉีซุนออกมานางจงใจมาเร็วหนึ่งชั่วยาม ระหว่างที่นั่งรอพบฉีซุน ที่สมองมิอาจลบเลือนไปได้ก็คือภาพที่พบกันเขาสวมชุดขาวปลอด ย่างเข้าม่านจักษุของนาง ลมรำเพยพกพากลิ่นหอมสดชื่นของดอกกุ้ยฮวาพัดเส้นผมของเขานางยืนอยู่ใต้ต้นกุ้ยฮวา แหงนหน้ามองดอกกุ้ยฮวาเล็ก ๆ สีเหลืองทองเขายืนอยู่ตรงหน้านางและอมยิ้มเอ่ยว่า “คุณหนู ต้นนี้คือต้นกุ้ยฮวาสีทอง ยามบุปผาโปรยปรายประหนึ่งสายพิรุณทองคำ”นางมองดวงหน้าอันหล่อเหลาและดวงตาอันอบอุ่นของเขา รู้สึกเพียงจุดหนึ่งในหัวใจราวกับถูกสายลมวสันตฤดูพัดผ่าน สะกิดสะเกาเขามีความรู้ล้ำลึก ร่ำเรียนมาห้าปี เป็นคนตลกขบขัน ชอบหัวเราะ เมื่ออยู่ต่อหน้านาง เขาไม่ปกปิดชาติตระกูลของตัวเองสักนิดเขาก็เหมือนกับหลุมขนาดใหญ่ที่ดูดนางเข้าไปสู่ห้วงลึกนางเคยคิด หากชีวิตที่เหลือสามารถอยู่กับเขาได้ เคียงข้างเขา ปรนนิบัติบัณฑิตหนุ่ม ดื่มสุราสนทนา กระทั่งคลอดบุตรชาย
“คุณชายฉี?” เขาหัวเราะด้วยจิตใจที่ขมปร่า “แม้แต่การเรียกขานก็เปลี่ยนแล้ว เห็นได้ว่าหัวใจเจ้าเปลี่ยนแล้วจริง ๆ!”นางไม่เอื้อนเอ่ย ในสายตาของฉีซุนก็คือการยอมรับโดยปริยายนางสามารถมองเห็นประกายในดวงตาของเขามืดลงไปทีละน้อย นางจินตนาการได้ว่าหัวใจของเขากำลังดำดิ่งลงไปทีละนิด หัวใจของนางก็เช่นกัน ดิ่งลึกลงไปถึงสถานที่ไม่ทราบชื่อ มืดมิด ไม่มีความรักของนางอีก“ขอให้เจ้ามีความสุข!” หลังจากจ้องนางอยู่นาน เขาก็เปล่งคำนี้ออกมาเสียงเนิบ น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย“ขอบคุณ!” นี่คือคำพูดสุดท้ายที่นางพยายามรักษาเสียงแข็ง มากอีกหนึ่งคำ น้ำตาของนางจะร่วงแล้วเขาไปแล้ว ราวกับพกแสงตะวันทั้งหมดไปด้วย เหลือเพียงเงาหลังเศร้าสร้อยและความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุดให้นาง“ชุนอี้ ข้ารู้สึกว่า ข้าอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว!” น้ำตาของนางพรั่งพรูออกมาราวกับน้ำหลาก ในดวงตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง“คุณหนู ทุกอย่างจะดีเอง หากท่านไม่สามารถอยู่กับคุณชายฉีได้ กับคุณชายฉินก็ดีมากเช่นกันเจ้าค่ะ!” ชุนอี้ปลอบใจทั้งน้ำตาคลอเห็นคุณชายฉีและคุณหนูเสียใจ ชุนอี้รู้ว่าความรู้สึกนี้มิอาจหวนกลับนางนั่งอยู่ในศาลาอยู่นานสองนาน มิได้เอื้อนเอ่ย
“ท่านอ๋อง!” องครักษ์ลับคนหนึ่งเข้าห้องของมู่หรงฉิงเทียน“มีเรื่องอันใด?” มู่หรงฉิงเทียนวางเสื้อตัวนอกไว้ที่ตั่งนอน ก่อนจะถามเรียบ ๆ“เข้าตำหนักหรูหลานไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ แต่อาซานบอกว่าเขาไม่พบไทเฮาหลายวันแล้ว ไทเฮาอ้างว่าล้มป่วยพักฟื้น ไม่ออกประตูตำหนักแม้แต่ก้าวเดียวพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ลับเอ่ย“สืบหรือไม่ว่าก่อนหลงจ่านเหยียนเข้าวังเกิดเรื่องอันใดขึ้น?” มู่หรงฉิงเทียนถาม“เห็นว่าก่อนหลงจ่านเหยียนจะเข้าวังเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นระยะหนึ่ง แต่ภายหลังก็ยอมจำนน ได้ยินบ่าวไพร่ในจวนบอกว่าก่อนที่หลงจ่านเหยียนจะเข้าวังสองวัน จู่ ๆ ก็เปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือพ่ะย่ะค่ะ”มู่หรงฉิงเทียนผินหน้ามอง “เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร?” “นางถึงกลับกล้าเถียงฮูหยินผู้เฒ่าหลงกับหลงฉางเทียน เห็นว่าก่อนที่นางจะเข้าวัง หลงฉางเทียนเตรียมยาสลบให้นาง กลัวว่านางจะร้องไห้อาละวาดกลางทาง แต่หลังจากดื่มยาสลบลงไปแล้วกลับไม่มีปฏิกิริยาใด สุดท้ายหลงจ่านเหยียนยังขึ้นเกี้ยวอย่างมีชีวิตชีวาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”มู่หรงฉิงเทียนอื่ม “ออกไปเถอะ!”“พ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์ลับหายตัวไปแล้วมู่หรงฉิงเทียนเปิดประตูออกแล้วเอ่ยกับอาซิ่น “พาลูกสาวแล
“ครั้งนี้ พระอาจารย์เป่ากวงเชิญหลงอู่มาเพื่ออะไร?” มู่หรงฉิงเทียนถามฮุ่ยอวิ่นฮุ่ยอวิ่นตอบอย่างไม่ต้องคิด “แน่นอนว่ามาช่วยเจ้า”เขาชะงักไป แล้วมองมู่หรงฉิงเทียนอย่างตกตะลึง “เขาเป็นเรื่องพวกนี้...”“ทางพรตมีวิชาเหมาซัน เห็นว่าสามารถเป็นชายเป็นหญิง หากนางช่วยข้าได้ การที่นางจะเป็นเรื่องพวกนี้จะแปลกอันใด?”ฮุ่ยอวิ่นเงียบงัน หากบอกว่าหลงอู่ก็คือหลงจ่านเหยียน เช่นนั้น... นางต้องการทำอันใดกันแน่? นางจะช่วยฉิงเทียนจริงหรือ?กลัวแต่จะไม่อีกอย่าง อดีตฮ่องเต้สนทนากับนางตลอดทั้งคืน คุยอะไรกัน? อดีตฮ่องเต้หวาดกลัวฉิงเทียนมาโดยตลอด แต่สุดท้ายกลับแต่งตั้งเขาเป็นเซ่อเจิ้งอ๋อง เพียงเพื่อให้เขาคานสกุลถง?กลัวแต่จะไม่!“มิสู้... พิสูจน์สักหน่อย? ฟางจี้จื่อมิใช่คนสายพรตหรือ? บางทีเขาอาจรู้ว่าหลงจ่านเหยียนคือใครก็ได้” ฮุ่ยอวิ่นเอ่ย “ฟางจี้จื่อระแวดระวังนางมาตลอด ข้าสงสัยว่าที่ฟางจี้จื่อเอาวิญญาณมังกรไปก็เพื่อจะต่อกรกับนาง”ฮุ่ยอวิ่นผงะเล็กน้อย “ที่ท่านให้ฟางจี้จื่ออยู่ในจวน มิใช่แค่ให้เขาตรวจสอบเรื่องครอบครัวหญิงม่ายแซ่เซวหรือ?”“มิผิด ข้าให้คนจับตาดูฟางจี้จื่อมาตลอด เขาสนทนากับหลงอู่สองครั้
“ลุกขึ้นนั่ง!” มู่หรงฉิงเทียนสั่งให้คนประคองสองคนนี้ลุกขึ้นทั้งสองนั่งลง มองรอบห้องอย่างหวาดวิตก ตระหนักว่าที่นี่คือเรือนที่พักของมู่หรงฉิงเทียนจึงอดยินดีอย่างมิเคยได้รับอยู่บ้างมู่หรงฉิงเทียนถามหลงจ่านซิน “รู้หรือไม่ว่าผู้ใดลักพาตัวพวกเจ้าไป”หลงจ่านซินตอบแบบสติสตังยังไม่กลับคืนมา “เรียนท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ พวกมันขังหม่อมฉันอยู่ในห้องเล็ก ๆ ไม่มีใครสอบสวนพวกเรา และไม่เคยทำให้ลำบากใจ แค่ไม่ให้พวกเราออกไปเท่านั้นเพคะ”“อื่ม”“ท่านอ๋องหาพวกเราพบได้อย่างไรเพคะ?” สุดท้ายยังเป็นหงฮวาที่ใจกล้าเอ่ยถามมู่หรงฉิงเทียนตอบ “หมู่โฮ่วฮองไทเฮาไว้วานให้ข้าตามหาและช่วยเหลือพวกเจ้า ระยะนี้ข้าส่งคนออกไปค้นหามาตลอด จวบจนวันนี้ถึงได้ข่าวว่าพวกเจ้าถูกขังอยู่ในห้องเล็ก ๆ จึงสั่งให้คนไปช่วยพวกเจ้าทันที”“หลงจ่านเหยียนให้ท่านช่วยพวกเราหรือเพคะ?” หลงจ่านซินถามอย่างไม่ค่อยเชื่อ“ถูกต้อง!” มู่หรงฉิงเทียนพยักหน้า เขาตรวจสอบสีหน้าของหลงจ่านซิน ก่อนจะกล่าวเสริม “แต่ได้ยินว่าเป็นคำสั่งของไทฮองไทเฮา”“หม่อมฉันรู้อยู่แล้วเชียว นางไม่ใจดีอย่างนั้นหรอก!” หลงจ่านซินเอยคำสบถคำหนึ่ง ครั้นกล่าวถึงหลงจ่านเ
เสียงรถม้าตึก ๆ ๆ ดังก้องอยู่บนท้องถนนอันว่างเปล่า แสงจันทร์อันมืดสลัว ยิ่งส่องให้ถนนไร้คนเงียบสงบและเย็นยะเยือกมากขึ้นทันใดนั้นก็มีชายร่างกำยำปิดหน้าหลายคนออกมาดักจากในตรอก เมื่อง้างอาวุธก็บุกเข้ามาหลงจ่านซินและหงฮวาตกใจจนกรีดร้อง อาซิ่นกับองครักษ์อีกสองคนเข้าไปฟาดฟันกับชายปิดหน้าแล้วท่ามกลางความอลหม่าน อาซิ่นถามชายปิดหน้าผู้นั้น “พวกเจ้าเป็นใคร?” ชายปิดหน้าคนหนึ่งตอบด้วยน้ำเสียงป่าเถื่อน “หากรู้กาลเทศะก็ไสหัวไปเสีย พวกเราต้องการแค่คนบนรถ!”“ฝันไปเถอะ!” อาซิ่นกล่าวอย่างเดือดดาล“พวกเรามาเพราะหลงฉางเทียน เขาทำร้ายพี่น้องเรานับไม่ถ้วน ข้าฆ่าเขาไม่ได้ ก็ต้องฆ่าลูกสาวกับอนุของเขาระบายแค้น” ชายปิดหน้าเอ่ย จากนั้นก็ถือดาบพุ่งตัวเข้ามาหลงจ่านซินและหงฮวาได้ยินว่ามาเพราะพวกนางก็ตกใจตัวสั่นพั่บ ๆ เลิกผ้าม่านจะวิ่งหนีแต่เพิ่งเลิกผ้าม่านออก ชายชุดดำคนหนึ่งก็จิกหัวแล้วลากตัวนางลงมา กวัดแกว่งดาบใหญ่ง้างขึ้นก่อนจะฟันน่องของนางทีหนึ่ง หลงจ่านซินเจ็บจนกรีดร้องเสียงหลงแทบจะหมดสติ หงฮวาตกใจจนหมอบลงกับพื้นรถ ไม่กล้าออกมา เอามือปิดปากมองเลือดสดสีแดงฉานไหลออกมาจากขาของหลงจ่านซินต่อหน้าต่อตา
กับอาซิ่น หลงฉางเทียนเลือดขึ้นหน้าจนพูดไม่ออก เพียงแต่อีกฝ่ายเป็นคนของจวนเซ่อเจิ้งอ๋อง เขาจนปัญญา จึงได้แต่รีบสั่งให้คนไปเชิญหมอเขาหันไปมองหงฮวาแวบหนึ่ง หงฮวาน้ำตาหล่นเผาะด้วยความน้อยใจ “ท่านแม่ทัพ ครั้งนี้ทำข้าตกใจหมดเลย”หลงฉางเทียนนึกถึงคำสั่งของมารดา บอกว่าทางที่ดีที่สุดคือหงฮวากลับมาไม่ได้ เขารู้ความหมายของมารดา นางกลัวว่าสกุลหลงจะมีลูกหลานเชื้อสายไม่ดี ต่อต้านในอนาคตอีกคน ดังนั้นทางที่ดีก็อย่าได้มีบุตรที่มิได้เกิดจากภรรยาเอกทว่าตอนนี้นางกลับมาต่อหน้าบ่าวมากมาย จึงไม่สะดวกจะว่าอันใด ได้แต่สั่งชืด ๆ “กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ”หงฮวากลัวว่าหลงจ่านซินจะฟ้อง ดังนั้นจึงเตรียมคำพูดไว้เสียดิบดี วางแผนเป็นคนร้ายฟ้องร้องก่อน ใครจะคิดว่าหลงฉางเทียนไม่สนใจนางเลยด้วยซ้ำ เดินฉับเข้าไปข้างในนางจึงได้แต่กลับห้องอย่างอึดอัดหลังจากนางกลับมาถึงห้อง สาวใช้ก็เดินมาประคองนางและเอ่ย “หรูฮูหยิน ท่านกลับมาได้สักที ท่านไม่รู้ ตอนที่ท่านไม่อยู่ ในจวนเกิดเรื่องใหญ่แล้ว”หงฮวานั่งอยู่บนเก้าอี้ ถาม “เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?”สาวใช้เล่าเรื่องที่หลงฉางเทียนสงสัยว่าเย่เต๋อโหรวคบชู้สู่ชายให้นางฟัง ทั้งยัง
กระบี่เย็นเฉียบสัมผัสคอของเขา น้ำฝนซัดสาดลงมากระทบกับตัวกระบี่เป็นละอองกระเด็นใส่ใบหน้าของเขาเขาเห็นศพเกลื่อนพื้นก็รู้สึกขนพองสยองเกล้า ท่าทางอ่อนลงมากทันที “ข้า...ต้องกลับไปดู จำไม่ค่อยได้แล้ว”“ใต้เท้าหลี่ อย่าถ่วงเวลาอีกเลย สถานการณ์คับขัน!” ใต้เท้าหลี่ร้อนใจจนเดินวนไปวนมาครั้นเชียนอวี่ยกกระบี่ขึ้นเล็กน้อย คอของถงจื่อหยาก็มีเลือดซึมออกมา ถงจื่อหยารู้สึกเจ็บแล้วจึงรีบพูด “ได้ ได้ ข้าพูด วางกระบี่ลงก่อน!”มือของเชียนอวี่ไม่ไหวติงแม้แต่น้อย “พูด!”ถงจื่อหยายกมือขึ้นแล้วรีบพูด “ได้ ได้ นอกจากตรงนี้ สันเขื่อนด้านล่างลงไปอีกสิบห้าลี้ทำจากทรายปนเศษหินหมด มีแต่ข้างนอกที่ใช้หินกรวดกับอิฐ ดินเหนียวก็ไม่พอ ดังนั้น...”ใต้เท้าหลี่โกรธจนลมออกหู “ใต้เท้าถง จากที่ข้ารู้มา การสร้างสันเขื่อนนี้ใช้เงินถึงสามแสนตำลึงเต็ม ๆ สามแสนตำลึง เอามาซื้อทรายกับเศษหินหรือ? พวกเราต่างรู้ว่าเขื่อนต้องใช้อิฐ หินกรวด และทรายร่วมกับดินเหนียวจึงจะสร้างได้แข็งแรง นี่คือเรื่องชีวิตคน ท่านรู้หรือไม่?!”“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร? ข้าแค่ดูแลเงิน ไม่เคยเข้าร่วมกับการก่อสร้างเสียหน่อย นี่คืองานของกรมโยธา” ถงจื่อหยายังปา
เขาแค่นเสียง “หญิงไร้ยางอาย หญิงเช่นนี้ให้ข้าเปล่า ๆ ข้ายังไม่เอาเลย!”“คิดมากไปแล้ว มิมีผู้ใดอยากให้ท่านเปล่า ๆ หรอก” เชียนอวี่เอ่ยชืด ๆถงจื่อหยาแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็สั่งให้คนเตรียมรถม้า เชียนอวี่เอ่ย “มิจำเป็น ข้าขี่ม้ามา ใต้เท้าถงขี่ม้าตัวเดียวกับข้าก็ได้”ถงจื่อหยาบันดาลโทสะ “ข้างนอกฝนตกหนักออกอย่างนั้น เจ้าจะให้ข้าขี่ม้าไปหรือ? แล้วยังต้องขี่กับหญิงเยี่ยงชายเช่นเจ้า? เจ้าเห็นข้าเป็นใคร? เจ้าเป็นแค่คนต้อยต่ำ แต่ข้าสูงส่งเทียมฟ้า”เชียนอวี่อดทนต่อความวู่วามที่อยากจะผลัวะเขาหนัก ๆ จูงม้ามา พลิกตัวขึ้นหลังม้า ตามด้วยโน้มตัวลงมือฉุดแขนของถงจื่อหยาขึ้นมาทั้งอย่างนั้นถงจื่อหยาตกใจรีบจับแขนเสื้อของเชียนอวี่เอาไว้พร้อมก่นด่ายกใหญ่ แต่เสียงลมดังเกินไป เชียนอวี่จึงถือเสียว่าไม่ได้ยินถ้อยคำของเขาเมื่อถึงริมกำแพงกั้นน้ำ เชียนอวี่ก็ลากเขาไปถึงตรงหน้าใต้เท้าหลี่ ใต้เท้าหลี่ยังมิทันเอ่ยปาก ถงจื่อหยาก็ตบหน้าไปฉาดหนึ่งแล้วใต้เท้าหลี่เอียงศีรษะไปด้านหนึ่ง ก่อนจะหันมาจ้องถงจื่อหยาถงจื่อหยาถุยและกล่าววาจาหยามเหยียด “ทำไม? ยังคิดจะตอบโต้หรือ? เจ้าตีสิ ตี ตีสิ...”เชียนอวี่หวดหมัดใส่เขา ต
เมื่อได้ยินคำพูดของเชียนอวี่ ใต้เท้าหลี่ก็ขมวดคิ้วและเอ่ยด้วยโทสะ “ส่งขี้ข้ามาจะทำอะไรได้?! คนของกรมโยธาล่ะ? คนของกรมโยธาอยู่ที่ไหน? มาแล้วหรือยัง?!”เนื่องจากเมื่อครู่ใต้เท้าหลี่เดินเร็วจึงหกล้มหลายหน ยังไม่ทันได้ทำแผล ใบหน้าจึงมีเลือด ยามนี้บันดาลโทสะ ใบหน้าจึงยิ่งดุดันมีมือปราบเดินมาเอ่ย “ใต้เท้า เสนาบดีกรมโยธาใต้เท้าเฉินป่วยฉับพลันเสียชีวิต เกรงว่าโรคจะแพร่ไปทั้งจวนจึงเผาศพแล้วขอรับ”ใต้เท้าหลี่ผงะ จากนั้นก็แค่นเสียงหัวเราะ “ป่วยฉับพลันเสียชีวิต? ตายแล้วหรือหนีไปแล้ว?”“นี่... ข้าน้อยก็ไม่ทราบขอรับ” มือปราบเอ่ยใต้เท้าเหลียงรองเสนาบดีกรมคลังมาถึง เขากระหืดกระหอบเอ่ย “ใต้เท้าหลี่ เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่? เขื่อนที่เพิ่งสร้างเสร็จบอกจะแตกก็แตกได้อย่างไร?”“ข้าก็อยากถามเรื่องนี้กับท่านอยู่พอดี จากที่ข้ารู้มา กรมคลังกับกรมโยธาตรวจสอบรับด้วยกัน ตอนที่ตรวจสอบไม่ได้ดูอย่างละเอียดหรือ?” ใต้เท้าหลี่มองตาขวางและถามใต้เท้าเหลียงยิ้มขม “ใต้เท้าหลี่ก็ใช่จะไม่รู้ ข้าอยู่ในกรมคลังเฉกเช่นอากาศธาตุ ใต้เท้าถงเป็นคนตรวจสอบด้วยตัวเอง ข้าไม่เคยเห็นมีแต่ภาพแบบและการใช้วัสดุด้วยซ้ำ!”“แม่งเอ๊ย
“แต่... ท่านราชครูก็ยำเกรงเขาอยู่บางส่วน ใต้เท้าว่าควรให้เกียรติเขาหน่อย ไปดูสักหน่อย? เขื่อนแตกครั้งนี้ คาดว่าต้องมีคนตายไม่น้อย” อาฟาเกลี้ยกล่อม “ไปเปยอะไร? ไม่ไป! ข้าไม่ได้ทำให้คนตายสักหน่อย” ถงจื่อหยาไม่พอใจ “เจ้าพาสองคนไปดู เขาอย่างมากก็ไม่พอใจนิดหน่อย จะทำอะไรข้าได้?”อาฟาเห็นว่าเกลี้ยกล่อมไม่ได้ผล จึงได้แต่รับคำ “ขอรับ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้”อาฟาพาผู้ติดตามสองคนออกประตู เชียนอวี่นั่งยองหลบฝนอยู่ด้านหน้า รอจนหงุดหงิดแล้ว เมื่อเห็นประตูเปิดออกจึงผุดลุกขึ้น นางไม่รู้จักถงจื่อหยา นึกว่าอาฟาก็คือถงจื่อหยา จึงเดินไปทำความเคารพ “คำนับใต้เท้าถง”อาฟามองนางแวบหนึ่ง เอ่ย “ใต้เท้าถงไม่สบาย ให้ข้าไปแทน”เชียนอวี่ผงะ “ไม่ทราบท่านคือ?”“มิจำเป็นต้องถาม ไปเถอะ” อาฟาเอ่ยเรียบ“แต่ท่านอ๋องบอกแล้วว่าต้องเชิญใต้เท้าถงไป” เชียนอวี่พลันรู้สึกว่าตัวเองถูกหลอก จึงแสดงอารมณ์โกรธออกมาจากใบหน้า“ใต้เท้าถงก็บอกแล้วว่าให้ข้าไปก็พอ เจ้าเป็นคนมาเชิญกระมัง? มีคนไปก็พอ เจ้าจะเรื่องมากทำไม?”“นี่จะได้อย่างไร? ท่านอ๋องต้องมีเรื่องสำคัญอยากถามใต้เท้าถง...”อาฟาระเบิดอารมณ์ทันที “ข้าว่าเหตุใดเจ้าจึงไม่รู้จั
บ่าวรับใช้ได้ยินคำพูดของเชียนอวี่แล้วก็หัวเราะเหน็บ การเดินทอดน่องที่แต่เดิมก็ช้าอยู่แล้วหยุดลงกะทันหัน “มีคนตายแล้ว? ใต้หล้านี้มีวันใดบ้างที่ไม่มีคนตาย? ตายก็ถือได้แค่ว่าคนพวกนั้นดวงซวย เกี่ยวอะไรกับใต้เท้าเรา?”เชียนอวี่สะกดความวู่วามที่อยากตบหน้าเขา แล้วเอ่ย “รบกวนรีบไปเร็วเถอะ ท่านอ๋องกำลังรออยู่ที่เขื่อน”บ่าวรับใช้อยู่นั่นแค่นเสียงฮึ “ท่านอ๋อง อ๋องท่านไหน? เมืองหลวงนี้มิใช่อ๋องทุกคนก็เรียกใช้ใต้เท้าเราได้นะ”เชียนอวี่กัดฟันพูด “เซ่อเจิ้งอ๋อง!”บ่าวรับใช้ผู้นั้นผงะ “เซ่อเจิ้งอ๋อง? เซ่อเจิ้งอ๋องเชิญใต้เท้าเรากลางดึกไปทำอะไร?”“ข้าบอกแล้ว แม่น้ำรอบเมืองเขื่อนแตก” เชียนอวี่แทบอดทนถึงที่สุดแล้วหลังจากบ่าวรับใช้ผู้นั้นพิจารณาครู่หนึ่งก็เอ่ยชืด ๆ “รอเถอะ!”เมื่อนั้นบ่าวรับใช้จึงเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปถงจื่อหยากำลังกอดอนุภรรยานอนหลับฝันหวาน ในเรือนของเขามีภรรยาและอนุภรรยานับสิบคน ย่อมไม่สามารถพักอยู่ในเรือนหลักได้ทั้งหมด จึงซื้อเรือนพักอีกสิบกว่าแห่งให้อนุภรรยาเหล่านั้นอยู่บ่าวรับใช้เดินไปถึงหน้าห้อง อาฟาบ่าวคนสนิทของถงจื่อหยากำลังเข้าเวรนั่งอยู่หน้าระเบียงทางเดินเมื่อเห็นบ่าว
ตอนนี้เอง ทหารกองหนุนก็เพิ่งถึงใต้เท้าหลี่ผู้ว่าการเมืองหลวงก็มาถึงแล้วเช่นกัน เขาเปียกปอนไปทั้งตัวเหมือนกับมู่หรงฉิงเทียน ผู้ใต้บังคับบัญชาส่งเสื้อและหมวกกันฝนให้เขา ไม่ขอให้กันฝน ขอเพียงสามารถลืมตาท่ามกลางลมพายุฝนกระหน่ำเช่นนี้ได้ก็พอ“ท่านอ๋อง จะทำอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ?” ชั่วขณะใต้เท้าหลี่คิดไม่ออก นับจากเขาดำรงตำแหน่ง นี่คืออุทกภัยร้ายแรงที่สุดในเมืองหลวง“สั่งให้ช่วยคน!” มู่หรงฉิงเทียนบัญชาการทั้งหน้าตาเคร่งเครียด มือหนึ่งลากทหารรักษาการณ์ของเมืองหลวงแล้วสั่งเสียงกร้าว “เร็ว ช่วยได้เท่าไรเท่านั้น เรือไม้ล่ะ? เตรียมแล้วหรือ?!”“เตรียมแล้วพ่ะย่ะค่ะ จะลงน้ำเดี๋ยวนี้!” นายทหารผู้นั้นน่าจะถูกคนเรียกตกใจตื่นจากเตียง แต่งตัวไม่เรียบร้อย ผมเผ้ารุงรัง“ให้ไว!” มู่หรงฉิงเทียนเอ่ยบรรดาทหารลงน้ำช่วยคน น้ำเชี่ยวมาก ช่วยคนมือเปล่าเป็นเรื่องลำบากยิ่ง ดังนั้นจึงลากเชือกป่านหลายเส้นมาที่ชายฝั่ง ด้านหนึ่งมัดกับตะขอเหล็กบนฝั่ง ส่วนอีกด้านหนึ่งก็ผูกติดกับตัวของทหารเรือไม้ลำน้อยลงน้ำตามลำดับ แล่นไปทางชาวบ้าน“เสนาบดีกรมโยธาและเสนาบดีกรมคลังอยู่ที่ไหน?!” มู่หรงฉิงเทียนดวงตาแดงก่ำวาวโรจน์ ตะคอกก
กลางดึก ฝนยังโปรยปรายอย่างต่อเนื่องดึกดื่นค่อนคืนฮุ่ยอวิ่นผลักประตูของมู่หรงฉิงเทียน “เทียน ลุกเร็ว เกิดเรื่องแล้ว เขื่อนแตกแล้ว!”มู่หรงฉิงเทียนผุดลุกขึ้นมาจากเตียง “เกิดอะไรขึ้น?”ฮุ่ยอวิ่นตัวชุ่มโชก วาวโรจน์ “ทางน้ำตัน น้ำไม่ลด เอ่อขึ้นมาจนเขื่อนรับไม่ไหวก็เลยแตก”“ลอกทางน้ำนานแล้วมิใช่หรือ? เหตุใดจึงตันได้?” มู่หรงฉิงเทียนคลุมเสื้อรวบผมแล้วเดินออกไปข้างนอกทันที“หัวหน้างานเป็นคนของราชครูถง กรมคลังจ่ายเงินไปแล้ว แต่กรมโยธาไม่ทำงานให้ดี” ฮุ่ยอวิ่นตอบด้วยความโกรธโทสะคลั่งปกคลุมดวงตาของมู่หรงฉิงเทียน เขาเอ่ยเสียงหนัก “ไปที่เขื่อนก่อน สั่งทหารไปช่วยภัยพิบัติ ลากตัวทุกคนในกรมคลังและกรมโยธาไปที่เขื่อนให้หมด!”ฝนหนักมาก เทสาดลงมาจากฟ้าเมืองหลวงมีพายุฝนเป็นประจำ เคยน้ำท่วมต่อหลายครั้ง ดังนั้นเรื่องแรกหลังจากมู่หรงฉิงเทียนขึ้นรั้งตำแหน่งก็คือสร้างเขื่อนและลอกทางระบายน้ำ น้ำจากแม่น้ำไหลลงสู่ทะเลโดยตรง ไม่ว่าฝนจะตกหนักเพียงไร หากมิได้เทกระหน่ำสามวันสามคืนจนทำให้มีน้ำหลากจากภูเขา จะไม่ทำให้เขื่อนแตกเด็ดขาดแต่... ยามนี้ฝนตกแค่สองชั่วยามเขื่อนก็พังแล้ว แค่คิดก็รู้ว่าใช้วัสดุใดในการสร
จ่านเหยียนบอกกับพวกเขา “ตอนทำพิธีอาจทำให้อากาศแปรปรวน วันคืนสลับสับเปลี่ยน แต่ด้วยสีของท้องฟ้าในเวลานี้ ต่อให้วันคืนสลับสับเปลี่ยนก็ไม่เป็นไร พวกเจ้าต้องดูเอาไว้ ห้ามให้ผู้ใดบุกเข้าลานเวทของข้า จำไว้ คน ปีศาจ ตลอดจนสิ่งมีชีวิตทั้งหลายก็บุกเข้าไปไม่ได้!”“ปีศาจบุกเข้าไปจะเป็นอย่างไรหรือ? เหตุใดคนจึงบุกเข้าไปไม่ได้? คนบุกเข้าไปได้หรือ?” อาเสอถาม“ปีศาจจะดวงวิญญาณสลาย การใช้มหาเวทสวัสติกะในแดนมนุษย์ เป็นการใช้รูปแบบปราการสวรรค์บนโลกมนุษย์ แต่ผู้คุมกฎสามโลกคือคน ธิดามังกรก็คือคน ดังนั้นทันทีที่มีคนบุกเข้ามา ค่ายอาคมจะแตกเพราะพลังวิญญาณของคนผู้นั้นกับข้า และข้าก็จะถูกพลังมังกรแว้งกัด” จ่านเหยียนเอ่ย“ได้ เข้าใจแล้ว!” พระอาจารย์เป่ากวงเอ่ยจ่านเหยียนมองฟางจี้จื่อ คนผู้นี้คือคนที่วางใจไม่ได้ที่สุด ความมุ่งมั่นของเขายังไม่แน่วแน่พอฟางจี้จื่อไม่รอให้นางเอ่ยปากก็กล่าว “ท่านเซียนโปรดวางใจ ข้ารู้ความร้ายแรงของเรื่องนี้ ต้องปกป้องค่ายกลด้วยชีวิตแน่”จ่านเหยียนอื่มเสียงหนึ่ง จากนั้นก็เด็ดใบไม้ลอยขึ้นฟ้าใบไหม้แหวกเมฆดำเป็นช่องหนึ่ง ประกายแสงสีเหลืองสายหนึ่งเปล่งออกมาจากหว่างคิ้วของจ่านเหยียน
จ่านเหยียนถามฟางจี้จื่อ “ตอนนี้เจ้าจะไปตายอย่างกล้าหาญชาญชัย หรือจะเผชิญหน้ากับเรื่องต่อจากนี้ที่โหดร้ายยิ่งกว่า?”ฟางจี้จื่อนิ่งงันครู่ใหญ่จึงเงยหน้ามองจ่านเหยียน “ทุกอย่าง สุดแล้วแต่ท่านเซียนจะบัญชา”เขาต้องการตามหาดวงวิญญาณทั้งสามสิบแปดดวงกลับคืนมา พวกเขาตายเพราะเขา เขามิอาจปัดความรับผิดชอบได้จ่านเหยียนพยักหน้า เอ่ย “พวกเจ้าสี่คนช่วยคุ้มกันให้ข้า ข้าต้องใช้มหาเวทสวัสติกะสะกดพวกเขาอีกครั้ง ระหว่างนี้ห้ามถูกรบกวนแม้แต่น้อย มิเช่นนั้นมหาเวทสิ้นฤทธิ์ และข้าก็จะบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน”หนีเข้าเมืองหลวงแล้ว นางจึงได้แต่ปล่อยวางลงก่อน จัดการความโกลาหลตรงหน้าแล้วค่อยว่ากัน“รับทราบ!”ลมพายุหมุนหอบสิ่งของนอกโรงน้ำชาขึ้นบนฟ้า จากนั้นก็ทุ่มลงมากระจัดกระจายส่งเสียงดังเปรียะ ๆ ไปทั่ว ต้นหรงร้อยปีต้นหนึ่งถูกถอนรากถอนโคนพัดไปไกลหลายจั้ง ก่อนจะตกทับรถม้าของคณะพ่อค้าที่ผ่านมาคันหนึ่งคณะพ่อค้าเหล่านั้นตายอนาถอยู่ในโรงน้ำชาแล้วจ่านเหยียนร่ายเวทส่งคนไปบนเขาน้ำแข็ง ใช้น้ำแข็งกลบผนึกเอาไว้ รอนางหาดวงวิญญาณกลับมาได้แล้วค่อยร่ายเวทให้พวกเขากลับมามีชีวิตลมพายุพาฝนกระหน่ำมาถึง ปรากฏการณ์ท้องฟ้ามีช่อ