“ครั้งนี้ พระอาจารย์เป่ากวงเชิญหลงอู่มาเพื่ออะไร?” มู่หรงฉิงเทียนถามฮุ่ยอวิ่นฮุ่ยอวิ่นตอบอย่างไม่ต้องคิด “แน่นอนว่ามาช่วยเจ้า”เขาชะงักไป แล้วมองมู่หรงฉิงเทียนอย่างตกตะลึง “เขาเป็นเรื่องพวกนี้...”“ทางพรตมีวิชาเหมาซัน เห็นว่าสามารถเป็นชายเป็นหญิง หากนางช่วยข้าได้ การที่นางจะเป็นเรื่องพวกนี้จะแปลกอันใด?”ฮุ่ยอวิ่นเงียบงัน หากบอกว่าหลงอู่ก็คือหลงจ่านเหยียน เช่นนั้น... นางต้องการทำอันใดกันแน่? นางจะช่วยฉิงเทียนจริงหรือ?กลัวแต่จะไม่อีกอย่าง อดีตฮ่องเต้สนทนากับนางตลอดทั้งคืน คุยอะไรกัน? อดีตฮ่องเต้หวาดกลัวฉิงเทียนมาโดยตลอด แต่สุดท้ายกลับแต่งตั้งเขาเป็นเซ่อเจิ้งอ๋อง เพียงเพื่อให้เขาคานสกุลถง?กลัวแต่จะไม่!“มิสู้... พิสูจน์สักหน่อย? ฟางจี้จื่อมิใช่คนสายพรตหรือ? บางทีเขาอาจรู้ว่าหลงจ่านเหยียนคือใครก็ได้” ฮุ่ยอวิ่นเอ่ย “ฟางจี้จื่อระแวดระวังนางมาตลอด ข้าสงสัยว่าที่ฟางจี้จื่อเอาวิญญาณมังกรไปก็เพื่อจะต่อกรกับนาง”ฮุ่ยอวิ่นผงะเล็กน้อย “ที่ท่านให้ฟางจี้จื่ออยู่ในจวน มิใช่แค่ให้เขาตรวจสอบเรื่องครอบครัวหญิงม่ายแซ่เซวหรือ?”“มิผิด ข้าให้คนจับตาดูฟางจี้จื่อมาตลอด เขาสนทนากับหลงอู่สองครั้
“ลุกขึ้นนั่ง!” มู่หรงฉิงเทียนสั่งให้คนประคองสองคนนี้ลุกขึ้นทั้งสองนั่งลง มองรอบห้องอย่างหวาดวิตก ตระหนักว่าที่นี่คือเรือนที่พักของมู่หรงฉิงเทียนจึงอดยินดีอย่างมิเคยได้รับอยู่บ้างมู่หรงฉิงเทียนถามหลงจ่านซิน “รู้หรือไม่ว่าผู้ใดลักพาตัวพวกเจ้าไป”หลงจ่านซินตอบแบบสติสตังยังไม่กลับคืนมา “เรียนท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ พวกมันขังหม่อมฉันอยู่ในห้องเล็ก ๆ ไม่มีใครสอบสวนพวกเรา และไม่เคยทำให้ลำบากใจ แค่ไม่ให้พวกเราออกไปเท่านั้นเพคะ”“อื่ม”“ท่านอ๋องหาพวกเราพบได้อย่างไรเพคะ?” สุดท้ายยังเป็นหงฮวาที่ใจกล้าเอ่ยถามมู่หรงฉิงเทียนตอบ “หมู่โฮ่วฮองไทเฮาไว้วานให้ข้าตามหาและช่วยเหลือพวกเจ้า ระยะนี้ข้าส่งคนออกไปค้นหามาตลอด จวบจนวันนี้ถึงได้ข่าวว่าพวกเจ้าถูกขังอยู่ในห้องเล็ก ๆ จึงสั่งให้คนไปช่วยพวกเจ้าทันที”“หลงจ่านเหยียนให้ท่านช่วยพวกเราหรือเพคะ?” หลงจ่านซินถามอย่างไม่ค่อยเชื่อ“ถูกต้อง!” มู่หรงฉิงเทียนพยักหน้า เขาตรวจสอบสีหน้าของหลงจ่านซิน ก่อนจะกล่าวเสริม “แต่ได้ยินว่าเป็นคำสั่งของไทฮองไทเฮา”“หม่อมฉันรู้อยู่แล้วเชียว นางไม่ใจดีอย่างนั้นหรอก!” หลงจ่านซินเอยคำสบถคำหนึ่ง ครั้นกล่าวถึงหลงจ่านเ
เสียงรถม้าตึก ๆ ๆ ดังก้องอยู่บนท้องถนนอันว่างเปล่า แสงจันทร์อันมืดสลัว ยิ่งส่องให้ถนนไร้คนเงียบสงบและเย็นยะเยือกมากขึ้นทันใดนั้นก็มีชายร่างกำยำปิดหน้าหลายคนออกมาดักจากในตรอก เมื่อง้างอาวุธก็บุกเข้ามาหลงจ่านซินและหงฮวาตกใจจนกรีดร้อง อาซิ่นกับองครักษ์อีกสองคนเข้าไปฟาดฟันกับชายปิดหน้าแล้วท่ามกลางความอลหม่าน อาซิ่นถามชายปิดหน้าผู้นั้น “พวกเจ้าเป็นใคร?” ชายปิดหน้าคนหนึ่งตอบด้วยน้ำเสียงป่าเถื่อน “หากรู้กาลเทศะก็ไสหัวไปเสีย พวกเราต้องการแค่คนบนรถ!”“ฝันไปเถอะ!” อาซิ่นกล่าวอย่างเดือดดาล“พวกเรามาเพราะหลงฉางเทียน เขาทำร้ายพี่น้องเรานับไม่ถ้วน ข้าฆ่าเขาไม่ได้ ก็ต้องฆ่าลูกสาวกับอนุของเขาระบายแค้น” ชายปิดหน้าเอ่ย จากนั้นก็ถือดาบพุ่งตัวเข้ามาหลงจ่านซินและหงฮวาได้ยินว่ามาเพราะพวกนางก็ตกใจตัวสั่นพั่บ ๆ เลิกผ้าม่านจะวิ่งหนีแต่เพิ่งเลิกผ้าม่านออก ชายชุดดำคนหนึ่งก็จิกหัวแล้วลากตัวนางลงมา กวัดแกว่งดาบใหญ่ง้างขึ้นก่อนจะฟันน่องของนางทีหนึ่ง หลงจ่านซินเจ็บจนกรีดร้องเสียงหลงแทบจะหมดสติ หงฮวาตกใจจนหมอบลงกับพื้นรถ ไม่กล้าออกมา เอามือปิดปากมองเลือดสดสีแดงฉานไหลออกมาจากขาของหลงจ่านซินต่อหน้าต่อตา
กับอาซิ่น หลงฉางเทียนเลือดขึ้นหน้าจนพูดไม่ออก เพียงแต่อีกฝ่ายเป็นคนของจวนเซ่อเจิ้งอ๋อง เขาจนปัญญา จึงได้แต่รีบสั่งให้คนไปเชิญหมอเขาหันไปมองหงฮวาแวบหนึ่ง หงฮวาน้ำตาหล่นเผาะด้วยความน้อยใจ “ท่านแม่ทัพ ครั้งนี้ทำข้าตกใจหมดเลย”หลงฉางเทียนนึกถึงคำสั่งของมารดา บอกว่าทางที่ดีที่สุดคือหงฮวากลับมาไม่ได้ เขารู้ความหมายของมารดา นางกลัวว่าสกุลหลงจะมีลูกหลานเชื้อสายไม่ดี ต่อต้านในอนาคตอีกคน ดังนั้นทางที่ดีก็อย่าได้มีบุตรที่มิได้เกิดจากภรรยาเอกทว่าตอนนี้นางกลับมาต่อหน้าบ่าวมากมาย จึงไม่สะดวกจะว่าอันใด ได้แต่สั่งชืด ๆ “กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ”หงฮวากลัวว่าหลงจ่านซินจะฟ้อง ดังนั้นจึงเตรียมคำพูดไว้เสียดิบดี วางแผนเป็นคนร้ายฟ้องร้องก่อน ใครจะคิดว่าหลงฉางเทียนไม่สนใจนางเลยด้วยซ้ำ เดินฉับเข้าไปข้างในนางจึงได้แต่กลับห้องอย่างอึดอัดหลังจากนางกลับมาถึงห้อง สาวใช้ก็เดินมาประคองนางและเอ่ย “หรูฮูหยิน ท่านกลับมาได้สักที ท่านไม่รู้ ตอนที่ท่านไม่อยู่ ในจวนเกิดเรื่องใหญ่แล้ว”หงฮวานั่งอยู่บนเก้าอี้ ถาม “เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?”สาวใช้เล่าเรื่องที่หลงฉางเทียนสงสัยว่าเย่เต๋อโหรวคบชู้สู่ชายให้นางฟัง ทั้งยัง
ไม่ได้ ไม่ได้ จะให้เย่เต๋อโหรวสมใจไม่ได้นางสั่งให้สาวใช้เตรียมน้ำอาบให้นางทันที แล้วเตรียมเสื้อผ้าหรูหราสวยงามให้นาง นางต้องไปหาเย่เต๋อโหรวหงฮวาที่คิดแต่จะแย่งชิงความรักกลับมิเห็นรอยยิ้มถากถางตรงมุมปากของสาวใช้หลังจากหงฮวาอาบน้ำเสร็จก็พาสาวใช้ไปยังเรือนพักของเย่เต๋อโหรวด้วยความกรุ่นโกรธครั้นนางมาถึงเรือนที่พักของเย่เต๋อโหรวก็ตรงดิ่งจะเข้าไป ไฉ่หลีและชิงซือรีบขวางนางไว้ ชิงซือกับหงฮวามีสายใยลึกซึ้ง กลัวว่านางจะล่วงเกินเย่เต๋อโหรว จึงเอ่ย “เจ้ากลับมาแล้วหรือ? จะมาคารวะฮูหยินหรือ? รออยู่ที่นี่เดี๋ยว ข้าจะเข้าไปรายงานก่อน”หงฮวาผลักชิงซือแล้วเอ่ยด้วยโทสะ “ยังต้องรายงานอันใด? ฮูหยิน ๆ เกรงแต่อีกระยะหนึ่งนางจะไม่ใช่ฮูหยินแล้ว”กล่าวจบก็ผลักประตูเข้าไปด้วยความเดือดดาลชิงซือเห็นไฉ่หลีแลกเปลี่ยนสายตากับสาวใช้ของหงฮวาทีหนึ่ง จึงอดมองไฉ่หลีอย่างสงสัยไม่ได้ไฉ่หลีเปลี่ยนสีหน้าและเอ่ยชืด ๆ “นางเข้าไปเอง ข้าขวางไม่อยู่”“เจ้าคิดจะทำอันใด?” ชิงซือเอ่ยถาม“มิใช่ข้าคิดจะทำอันใด แต่เป็นนางคิดจะทำอันใด ชิงซือ มีบางเรื่อง เจ้าไม่ถามจะดีกว่า” ไฉ่หลียิ้มอย่างชั่วร้ายแล้วหมุนตัวเข้าไปหงฮวาเห
หัวใจของหงฮวาพลันหล่นตุบ นางเค้นรอยยิ้มออกมาแบบแข็งทื่อ “ท่านแม่ทัพ ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น ข้าแค่รู้สึกไม่คุ้มค่าแทนท่านเจ้าค่ะ”ลมฝ่ามือรุนแรงมาถึง ใบหน้าของหงฮวาบวมเป่งขึ้นมาทันใด นางร้อง “ว้าย” ใบหน้าหันไปอีกทางหนึ่งหลงฉางเทียนเอ่ยด้วยสีหน้าขมึงทึง “สุดท้ายก็เป็นของที่เชิดหน้าชูตาไม่ได้ ถ้าให้ข้าได้ยินอีก ข้าจะฆ่าเจ้า!”หงฮวาเอ่ยอย่างน้อยใจ “ท่านแม่ทัพ ข้ามิได้มีจุดประสงค์ร้ายนะเจ้าคะ แค่รู้สึกไม่คุ้มค่าแทนท่าน”หลงฉางเทียนเอ่ยเสียงเย็น “ต้องให้เจ้ารู้สึกไม่คุ้มค่าแทนข้าหรือ? เจ้านับเป็นตัวอันใด?”หงฮวาถลึงตาใส่เย่เต๋อโหรวอย่างแรงทีหนึ่ง “เป็นเพราะท่าน หากมิใช่ท่านทำให้ท่านแม่ทัพเสียหน้าเช่นนี้ ท่านแม่ทัพจะอารมณ์เสียเช่นนี้ได้อย่างไร?”เย่เต๋อโหรวสีหน้าใจเย็นแล้ว เอ่ยเรียบ “น้องหญิงเพิ่งกลับจวนย่อมไม่รู้ว่าข่าวลือนี้ หลงจ่านเหยียนจงใจพูดเพื่อทำลายชื่อเสียงของท่านแม่ทัพเท่านั้น ข้าคบชู้สู่ชายหรือไม่ คนในจวนต่างรู้ดี น้องหญิงอยู่ข้างตัวข้ามาตลอด ไยไม่รู้เล่า?”เย่เต๋อโหรวใบหน้าเฉยเมย นางสูญเสียความโปรดปรานหลายวันจริง ๆ แต่นางรู้ว่าวันเวลาเช่นนี้จะดำเนินต่อไปอีกไม่นาน เพราะ..
“ข้าไม่ได้ตั้งใจนะ ท่านไม่เห็นสภาพการณ์ในตอนนั้น ข้าก็ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด โจรป่าพวกนั้นดุร้ายยิ่งนัก ประกาศว่าต้องการตัวพวกเรา ข้าตื่นตระหนกลนลาน ข้ามิได้ทำเพื่อตัวเองนะ ข้าแค่อยากปกป้องลูกในท้อง ท่านหมอเคยบอกว่าเด็กในท้องของข้าคือเด็กผู้ชาย...”“เสียสละลูกสาวของข้าเพื่อปกป้องลูกชายของเจ้า?” เย่เต๋อโหรวมองนางด้วยรอยยิ้มประหลาด“อย่างไรก็ต้องให้ลูกชายสืบทอดความยิ่งใหญ่ของจวนตระกูลหลงเรามิใช่หรือเจ้าคะ? ท่านแม่ทัพ ขอร้องละ เห็นแก่ความรักที่เรามีต่อกันในอดีต ละเว้นข้าเถอะ ละเว้นลูกของเราด้วย นั่นก็ลูกของท่านเหมือนกันนะเจ้าคะ!” หงฮวารู้ว่าขอร้องเย่เต๋อโหรวไม่ได้แล้ว จึงหันไปขอร้องหลงฉางเทียนแทนหลงฉางเทียนโกรธจนตัวสั่น ถีบนางอีกหนหนึ่ง “ตอนนี้ข้าไม่มีลูกชายหรือ? ต้องให้ลูกชายของเจ้าสืบทอดตระกูล? ข้ายังหนุ่มยังแน่น ต่อไปจะมีอีกสักแปดคนสิบคนก็ไม่ใช่ปัญหา เพียงแต่... อย่างไรก็ไม่ถึงตาเจ้า!”เขาตะคอกกับไฉ่หลี “ยังไม่รีบไปอีก? ยืนบื้อทำไม?!”ไฉ่หลีตกใจจนหน้าซีดเผือดเหมือนกัน จึงรีบรับคำแล้วหมุนตัวออกไป“ไม่นะ!” หงฮวาแผดเสียงร้องน่าเวทนา นางคลานไปกอดชิงซือพร้อมกับวิงวอน “ชิงซือ เจ้าข
เย่เต๋อโหรวสั่งชิงซือไปยกน้ำชา ก่อนจะถามหลงฉางเทียน “จ่านซินเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ? ข้าที่เป็นแม่ยังไม่ได้ไปเยี่ยมนางเลย”“นางถูกฟันที่ขาหนึ่งแผล ข้าดูแล้ว เป็นทักษะดาบของพวกจูซิวจริง ๆ สำหรับใบหน้าของนางถูกหงฮวาทำให้เป็นแผล หมอบอกว่าอาจทิ้งเป็นรอยแผลเป็น” หลงฉางเทียนเอ่ยอย่างรู้สึกเสียดายเล็กน้อยเป็นเพียงแค่ ‘ความเสียดาย’ มิได้มีความปวดใจมากนัก สำหรับบุตรสาว ไม่ว่าจะเกิดจากภรรยาเอกหรืออนุภรรยา เขาก็ไม่สนใจนักเพียงแต่เย่เต๋อโหรวฟังแล้ว หัวใจกลับทรมานราวกับถูกเข็มทิ่มแทง บุตรสาวคือเนื้อในอกของนาง ขาบาดเจ็บยังดี แต่ทันทีที่เสียโฉม จะให้นางทำอย่างไร? นางยังไม่ได้ออกเรือนเลยหลงฉางเทียนนั่งลง ชิงซือยกน้ำชามาแล้วก็ถอยออกไปอยู่อีกทางหนึ่ง“ท่านพ่อตาว่าอย่างไร?” หลงฉางเทียนถามคำถามอย่างเป็นธรรมชาติ ต้องอาศัยบ้านมารดาของภรรยา มากน้อยยังทำให้เขาเสียศักดิ์ศรีอยู่บ้างเย่เต๋อโหรวเอ่ยเสียงเบา “ท่านพ่อรับปากว่าจะไปติดต่อกับทางสกุลหวัง แต่... ท่านพ่อบอกแล้ว แม้ที่แล้วเขากับนายท่านหวังจะมีไมตรีต่อกันบ้าง แต่เวลานี้หวังติ่งทังคือผู้นำวงศ์ตระกูล ทั้งนายท่านหวังยังป่วยนอนติดเตียง เกรงว่าจะตัดสินใ
หรูหัวลากนางเข้าตำหนักชั้นในไปอย่างไม่ให้ปฏิเสธจิ้นหรูมองเสื้อผ้าบนฉากบังลมด้วยความประหลาดใจ เหตุใดหรูหัวจึงมีเสื้อผ้าวางอยู่ในตำหนักบรรทมของไทเฮาได้แต่นางมิได้ถาม เพราะถามแล้วก็คงไม่บอก นางมองเสื้อผ้านางกำนัลชุดนี้ มิได้สงสัยเรื่องอื่นก็เข้าไปเปลี่ยนชุดด้านหลังฉากบังลมนางเพิ่งถอดเสื้อผ้า หรูหัวก็เข้ามา “อุ๊ย ข้าลืมบอกเจ้าไป ชุดนี้เคยใส่แล้ว เปลี่ยนอีกชุดเถอะ!”นางยื่นชุดสีเหลืองอ่อนในมือให้จิ้นหรู พร้อมกับกวาดสายตามองบริเวณแขนของจิ้นหรูอย่างรวดเร็ว เมื่อนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย ก่อนจะออกไปจิ้นหรูเพิ่งแต่งตัวเสร็จก็มีหญิงสูงวัยดุดันเข้ามาสองคน ลากแขนจิ้นหรูคนละข้างออกไปข้างนอกจิ้นหรูตกตะลึงพรึงเพริดถามขึ้นว่า “นี่พวกเจ้าจะทำอะไรน่ะ?”หญิงสูงวัยสองคนนั้นลากนางไปแล้วผลักจนนางสะดุดล้มลงพื้น ถงไทเฮามองนางจากมุมสูง ดวงหน้าอ่อนโยนเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมอำมหิต“เซิ่งหมู่ฮองไทเฮา บ่าวทำอะไรผิดไปเพคะ?” จิ้นหรูหัวใจหนักอึ้ง แต่ยังสงบสติอารมณ์แล้วถาม“ทำอะไรผิด?” เสียงของถงไทเฮาราวกับส่งมาจากขุมนรก พกพากลิ่นอายเย็นยะเยือกชุ่มชื้น “แต้มพรหมจรรย์ของเจ้าเล่า?”จิ้นหรูหัวใจ
“ข้าได้ยินมา ทุกคืนนางจะเรียกนักดนตรีไปบรรเลงเพลง ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่?”“ทูลไทเฮา เรื่องนี้เกินไปหน่อยเพคะ หมู่โฮ่วฮองไทเฮาทรงเรียกพวกเขามาในยามวิกาลน้อยนัก!”รอยยิ้มของถงไทเฮาบานสะพรั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ “ข้าก็รู้ว่าวังหลังมีปากหอยปากปูมาก จริงสิ ปกติเวลาอดีตฮ่องเต้ทรงสะสางราชกิจ ทรงโปรดทำอันใดหรือ?”หัวข้าสนทนาวกกลับมาเรื่องอดีตฮ่องเต้ จิ้นหรูลอบโล่งอก เวลาตอบคำถามจึงเป็นมิตรมากขึ้นบางส่วน “อดีตฮ่องเต้มีเวลาวางน้อยนัก แต่พระองค์โปรดอู้งานยามยุ่ง ทรงโปรดการเดินหมาก เสวยพระสุธารสชาเพคะ”“เดินหมาก? เดินกับผู้ใด?” ถงไทเฮาถาม“กับบ่าวเพคะ” จิ้นหรูยิ้มบาง “เพียงแต่ฝีมือการเดินหมากของบ่าวไม่ดี แพ้อยู่เรื่อยเลยเพคะ”“อดีตฮ่องเต้ทรงยินดีเดินหมากกับเจ้า แสดงว่าฝีมือการเดินหมากของเจ้าต้องดี” ถงไทเฮายิ้มเอ่ย “เจ้าอย่าได้ถ่อมตัวนักเลย วันหลังข้าจะเดินหมากกับเจ้าบ้าง เจ้าก็คลายเหงาให้ข้าหน่อย”“ขอเพียงไทเฮาโปรด บ่าวก็เดินหมากเป็นเพื่อนไทเฮาได้ทุกเมื่อเพคะ” จิ้นหรูกล่าวจากใจ“เจ้าช่างเป็นคนเข้าใจผู้อื่นแท้ ๆ มิน่าอดีตฮ่องเต้จึง ‘โปรดปราน’ เจ้าเช่นนี้” ถงไทเฮายิ้มเอ่ยคำพูดนี้ไม่มีอะไรพิเศษ ใ
ตำหนักชิงหนิงจิ้นหรูคุกเข่าลงคำนับ “ถวายพระพรเซิ่งหมู่ฮองไทเฮา”“ลุกขึ้นเถอะ จิ้นหรู” ถงไทเฮาแย้มยิ้มจิ้นหรูลุกขึ้นยืนก้มหน้าแล้วไปยืนอยู่ด้านข้าง“ไม่ต้องเกร็งไป วันนี้ที่ข้าเรียกเจ้ามา เพราะอยู่ ๆ ก็นึกถึงอดีตฮ่องเต้ อดีตฮ่องเต้เคยรับสั่งว่าทักษะการชงชาของเจ้าเป็นหนึ่งในใต้หล้า เจ้าจะชงให้ข้าสักครั้งได้หรือไม่?” ถงไทเฮากล่าวขอด้วยใบหน้าราบเรียบ“เพคะ!” จิ้นหรูขานรับ“หรูหัว ไปเตรียมเครื่องชงชา” ถงไทเฮาสั่งหรูหัวขานรับแล้วจึงออกไปถงไทเฮาปรายตามองจิ้นหรู วันนี้นางสวมชุดสีครามปักลายใบไม้ไผ่สีแดงเข้ม มิได้ผัดแป้ง แม้อายุล่วงเลยสี่สิบ กลับยังสง่าเรียบง่ายจิ้นหรูไม่เคยคลอดลูก จึงดูอ่อนเยาว์กว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันมิได้เลอโฉม กลับมีท่วงทำนองอย่างหนึ่งหรูหัวยกเครื่องชงชามา นางมองการต้มน้ำ ล้างชา ล้างถ้วย รินน้ำชาอย่างสง่างามของจิ้นหรูยังไม่พูดถึงฝีไม้ลายมือที่สง่างาม แต่ขณะนางชงชาจะมีสมาธิมาก ยามที่คนคนหนึ่งจดจ่ออยู่กับเรื่องหนึ่ง จะมีเสน่ห์ชวนหลงใหลเป็นพิเศษในฐานะที่ถงไทเฮาคือสตรีก็รู้สึกถึงมนตร์เสน่ห์น่าหลงใหลนี้เหมือนกัน“อดีตฮ่องเต้โปรดเสวยพระสุธารสชาอะไรหรือ?” นา
ถงไทเฮาถอนตายตากลับช้า ๆ ก็จริง นับจากหรูหัวเข้าวังก็อยู่ข้างตัวนางมาตลอด รวมแล้วอดีตฮ่องเต้เคยมองนางเพียงไม่กี่ครั้ง แม้แต่ชื่อของนางก็ยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำที่สำคัญที่สุดคือ แม้หน้าตาของหรูหัวจะพอใช้ได้ แต่ก็ไม่เกี่ยวข้องกับคำว่า ‘สวย’ เด็ดขาด“ในฐานะที่เป็นบุตรสาวสกุลถง ตั้งแต่ข้าเกิดมาก็ใช้ชีวิตเหมือนพญาหงส์ แล้วยังจะสูงศักดิ์ยิ่งกว่าองค์หญิงเสียด้วยซ้ำ หลังจากเข้าวังก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮา เกียรติยศไร้ขีดจำกัด แต่... นี่ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ให้คนอื่นดู สิ่งที่ข้าต้องการ ก็แค่สายตาอาวรณ์หนึ่งของอดีตฮ่องเต้ เมื่อไม่ได้มา ข้าก็ไม่อยากให้ผู้ใดได้มันไปทั้งนั้น ไม่ว่านางจะอยู่หรือตาย ข้าก็ต้องรู้ว่านางคือใคร”ถงไทเฮาพูดเนิบช้ามาก แต่... มีความโหดเหี้ยมทุกถ้อยคำหรูหัวพิจารณาอย่างละเอียดครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นพึ่บ “เสี่ยวหรู? คนที่ปรนนิบัติอดีตฮ่องเต้ในตำหนักในสมัยก่อน มีคนหนึ่งที่ชื่อจิ้นหรูเพคะ”“จิ้นหรู? ไม่ใช่นาง” ถงไทเฮาส่ายหน้า “นางโตมากับอดีตฮ่องเต้ ถูกส่งไปปรนนิบัติข้างพระวรกายอดีตฮ่องเต้นานแล้ว หากนางคือคนที่อดีตฮ่องเต้โปรดปราน ไยไม่แต่งตั้งนางเป็นสนมเล่า?”หรูหัวคิ
ฮองเฮาส่ายหน้า “ไม่ ซูอี้จะกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร เขาไม่กลัวว่า...” ความกลัวเริ่มปกคลุมใบหน้าของนาง และไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย“ถ้าเจ้ายังอยากรักษาชีวิตพ่อของเจ้าเอาไว้ ก็ไปหาฮ่องเต้” ถงไทเฮากล่าวอย่างแค้นที่เหล็กไม่เป็นเหล็กกล้าเทียบกับสมัยก่อน ถงไทเฮาเติบโตและรู้ความมากแล้ว เมื่อก่อนนางไม่เข้าใจ เหตุใดเสด็จแม่จึงไม่เข้าใจนาง เหตุใดมักให้นางทำเรื่องที่ลำบากใจ บัดนี้นางรู้แล้ว มีเพียงให้ตัวเองลำบาก สกุลถงจึงจะมั่นคงในใจของคนสกุลถง ชื่อเสียงและความมั่นคงของวงศ์ตระกูลสำคัญที่สุดเสมอ นางรู้ว่าตอนนี้ถงเหยียนยังไม่ตระหนักในจุดนี้ แต่นางจะเข้าใจในไม่ช้าก็เร็ว ความน้อยเนื้อต่ำใจในเวลานี้นับเป็นอันใด? ภายภาคหน้ายามสกุลถงกับสกุลมู่หรงแบ่งใต้ฟ้า นางจะรู้ว่าความอยุติธรรมทั้งหลายที่ได้รับในวันนี้คุ้มค่าดวงหน้าไฉไลของฮองเฮาประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวขาว ที่เจืออยู่ในดวงตาคือน้ำตาแห่งความน้อยใจ “เหตุใดต้องให้ข้าไปช่วยด้วยเจ้าคะ? ท่านสั่งคำเดียวก็ได้แล้วนี่ กลับต้องให้ข้าวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้”ถงไทเฮานวดศีรษะ รู้สึกว่าความอึดอัดสายหนึ่งพุ่งขึ้นสมอง นางอยากระเบิดอารมณ์ แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้าและเอ
นางนวดศีรษะ “อาไฉ่ ไปตามฮองเฮามา”นางกำนัลรับคำแล้วจึงออกไปผ่านไปครึ่งชั่วยาม ฮองเฮาจึงร้องห่มร้องไห้มาถึง พอเห็นถงไทเฮาก็ถลาเข้ามาคุกเข่ากับพื้น “อาหญิง ครั้งนี้ท่านต้องช่วยหลานนะเจ้าคะ”ถงไทเฮานั่งจ้องนางอยู่บนเก้าอี้ “เจ้าทำอะไรมาอีก? ทำจนฮ่องเต้กริ้วอย่างนั้น ขืนเจ้ายังไม่หยุดมือ ข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว” ฮองเฮาเอ่ยอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “หลานไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นนะเจ้าคะ วันนี้ตั้งใจสั่งให้คนทำอาหารรสเลิศ คิดจะสนทนากับฝ่าบาทดี ๆ ใครจะรู้ เขากลับจะไปหาหยวนผิน แล้วยังบอกว่าจะคืนตำแหน่งหยวนผิน หลานพูดไปแค่ไม่กี่คำ เขาถึงกลับบอกว่าจะเลื่อนตำแหน่งนางให้เป็นกุ้ยเฟยอีก นี่มิเท่ากับฉีกหน้าหลานชัด ๆ หรือเจ้าคะ”ถงไทเฮาถอนหายใจทีหนึ่ง สั่งให้คนประคองนางลุกขึ้นมาแล้วตักเตือนดี ๆ “เขาต้องรู้เรื่องเรื่องที่เจ้าปรักปรำหยวนผินครั้งก่อนแน่ เขาไม่ได้เอาผิดเจ้าก็แล้วไป ตอนนี้เขาต้องการเลื่อนตำแหน่งหยวนผิน เจ้าก็ให้เขาเลื่อนไปสิ จะขัดขวางเขาทำไม? อย่างไรเขาก็คือโอรสสวรรค์ มิอาจให้ผู้ใดท้าทายศักดิ์ศรีได้”“นางถือดีอย่างไร? นางไม่มีลูก บ้านมารดาก็ไม่ได้มีความดีความชอบอะไรพิเศษ แล้วเหตุใดบอกว่าจะเลื
มู่หรงเจี้ยนก็ไม่มีโทสะ สีหน้างุนงงเล็กน้อย “เราคิดว่าฮองเฮาต้องตกลง”“ไม่ ไม่เด็ดขาดเพคะ ใครก็ได้หมด มีแต่นางที่ไม่ได้!” ฮองเฮาพูดอย่างตะบึงตะบอน นางคิดอย่างไร้เดียงสาว่าที่มู่หรงเจี้ยนต้องการให้นางรับปากเรื่องการแต่งตั้งหยวนผินเป็นหยวนกุ้ยเฟย เพราะเคารพความคิดเห็นของนางแต่... คำพูดต่อมากลับทำให้นางหน้าซีดเผือดฉับพลัน“ตามกฎมณเฑียรบาล การแต่งตั้งนางสนม จำเป็นต้องให้ฮองเฮาจัดการเรื่องพิธี หากฮองเฮาไม่เห็นด้วย เช่นนั้น เราก็ไม่มีทางอื่นแล้ว ได้แต่เปลี่ยนฮองเฮาเสีย”เขาพูดจบก็เดินจากไปอย่างสง่างามแบบกระทั่งไม่เหลียวแลนางสักสายตาความราบเรียบสง่างามเช่นนี้ ในสายตาของฮองเฮา คือความน่าชังถึงที่สุดนางสั่นเทาไปทั้งตัว หัวสมองว่างเปล่า คำพูดนี้ ต่อให้ตายนางก็ไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม้เขาจะไม่โปรดปรานนางที่สุด แต่ความเคารพและสถานะที่ควรมีก็มอบให้นางเต็มที่เวลานี้ เพียงเพราะการคัดค้านคำเดียว เขาก็พูดเรื่องปลดฮองเฮาออกมาอย่างง่ายดายเช่นนี้แล้วนางโกรธ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่หวาดกลัว ไม่ตื่นตระหนก เพราะนางรู้ว่าการปลดฮองเฮาเป็นเพียงการพูดไปอย่างนั้น มีไทฮองไทเฮาและถงไทเฮาอ
“แต่ซูอี้นั่นเป็นคนโหดร้ายป่าเถื่อนเพียงไร? หม่อมฉันได้ยินว่าคนที่เข้าคุกทักษิณ โดยมากแล้วล้วนถูกทรมานจนยอมรับผิด” ฮองเฮาซอยเท้าตามไปพูด“อ้อ? ดูท่าฮองเฮาจะสนใจเรื่องของราชสำนักมากนะ!” มู่หรงเจี้ยนเอ่ยชืด ๆฮองเฮาชะงักงัน ดวงหน้าสะสวยเผยความหวาดกลัวเล็กน้อย “หม่อมฉันก็แค่ได้ยินคนพูดมาเพคะ มิได้รู้ชัดเจน”“ในเมื่อไม่รู้ชัดเจนก็อย่าพูดจาเลื่อนเปื้อน เซ่อเจิ้งอ๋องเป็นผู้ก่อตั้งคุกทักษิณด้วยตนเอง พิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมเสมอมา ไม่ปรักปรำผู้ใดเด็ดขาด” พอมู่หรงเจี้ยนนั่งลงบนตั่งก็มีนางกำนัลยื่นผ้าขนหนูร้อนมาให้เขาหยิบมาเช็ดมือแล้วโยนกลับลงใส่กะละมัง เหล่มองฮองเฮาทีหนึ่ง “ฮองเฮามิจำเป็นต้องกังวล เราเชื่อท่านพ่อตา เขาจะไม่สมคบคิดยักยอกเงินกับกรมโยธาเด็ดขาด การพิจารณาคดีนี้ก็เพื่อคืนความบริสุทธิ์ให้เขาเท่านั้น”ฮองเฮาลังเลครู่หนึ่ง เอ่ย “เกรงแต่คนในคุกทักษิณเหล่านั้นจะลงทัณฑ์ให้รับสารภาพ จะได้ไขคดีสร้างผลงานโดยเร็ว เช่นนั้นท่านพ่อมิต้องถูกปรักปรำหรือเพคะ?” มู่หรงเจี้ยนเริ่มเคือง “เลอะเทอะ! เราบอกแล้ว คนของคุกทักษิณทำงานอย่างเป็นธรรม แล้วจะลงทัณฑ์ให้รับสารภาพได้อย่างไร? หากพิจารณาคดีนี้ไม
พระอาจารย์เป่ากวงส่ายหน้า “คนผู้นี้จิตใจไม่ตรง!”“ดูอย่างไร?” ฮุ่ยอวิ่นถามพระอาจารย์เป่ากวงยิ้มจาง ๆ “คนคนหนึ่ง หากจิตใจซื่อตรง ดวงตาย่อมใส แต่เขามีความคิดมากนัก”“เช่นนั้นเขาจะรักษาโรคให้กุ้ยไท่เฟยอย่างจริงใจหรือ?” ฮุ่ยอวิ่นอดกังวลไม่ได้“เขาต้องการมีชื่อในหล้า ย่อมทุ่มเทใจรักษาโรคให้กุ้ยไท่เฟย จุดนี้วางใจได้ อีกอย่าง เขามาด้วยมีจุดประสงค์ ได้ยินว่าเขาต้องการให้ศิษย์หญิงของเขาแต่งงานกับคุณชาย”เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ดวงตาของฮุ่ยอวิ่นก็เย็นชาเล็กน้อย “ถูกต้อง เขาบอกว่าต้องการหาสามีท่านหนึ่งให้ศิษย์หญิงของเขา และข้า ก็เคราะห์ร้ายถูกเขาหมายตา”พระอาจารย์เป่ากวงหัวเราะเล็กน้อย “ขอเตือนคุณชาย การแต่งงานคือเรื่องทั้งชีวิต หากไม่ชอบ ก็อย่าได้ฝืน โลกใบนี้ เรื่องที่ฝืนมักมีจุดจบน่าอนาถเสมอ”“สำหรับข้า การแต่งภรรยามิสำคัญ แต่งกับใครก็คือแต่ง” ฮุ่ยอวิ่นกล่าวเช่นนี้ นึกถึงที่หลงอู่ทำนายให้เขา บอกว่าเขาจะได้เจอกับหญิงที่ชอบมากคนหนึ่ง จึงนึกขำไม่ได้ ไม่ ชาตินี้ไม่ ความรักชายหญิงมิเคยเป็นประเด็นสำคัญในชีวิตของเขาการหลับครั้งนี้ของจ่านเหยียนกินเวลาสามวันสามคืนเต็ม ๆสามวันนี้ราชสำนักวุ่นวา