Share

 ตอนที่  6 อย่าให้ต้องสั่งสอน

“น้องรู้เรื่องยาจีนพวกนี้ด้วยเหรอ”

“คือว่าตอนเรียนมหาลัยมีอาจารย์มาสอนก็ครูพักลักจำมานิดหน่อยค่ะ”

“คิดไม่ถึงว่าจะรู้มากถึงขนาดซื้อตำรับยาได้แต่ว่ายานั่นก็ทำให้อาเซียงลดอาการแพ้ท้องลงไปได้จริง ๆ นะครับคุณแม่ อาเซียงยังบอกว่าดื่มยาทุกคืนก่อนนอนแล้วเหมือนหลับสนิทไปเลยตื่นเช้ามาก็สดชื่นไม่น่าเชื่อว่าจะมาจากอาหลิน”

“ลองชิมขนมสิ น้องทำเองเลยนะเอาไว้รอต้อนรับลูกกลับบ้าน”

รุ่ยถิงนั่งนิ่งราวกับเป็นอากาศ หว่านเจินเองก็ไม่ต่างกันเมื่อทุกคนหันความสนใจไปที่ขนมและชารสเลิศที่ลู่เหม่ยหลินเป็นคนสรรหามาให้

“จริงสิ พี่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้อาหลินจะชอบอะไร พี่ก็เลยซื้อสร้อยมุกมาให้”

“โอ้โหพี่รองได้สร้อยมุกเลยเหรอคะ”

รุ่งอิงเผลอตัวพูดออกไปด้วยความน้อยใจซึ่งสำหรับเธอแล้วสร้อยมุกนั่นมันสวยมากและน่าจะดีกว่าลูกคิดที่เธอได้รับ

“พี่รองคะ เมื่อกี้พี่บอกว่าลูกคิดของพี่เริ่มพังแล้ว ถ้าอย่างนั้นพี่เอาสร้อยมุกนั่นมาแลกกับลูกคิดอันนี้ของฉันดีไหมคะ”

เหม่ยหลินหันมาที่พี่ใหญ่ก่อนที่จะหันไปที่สายตาละโมบของรุ่ยถิงที่กำลังมองกล่องไข่มุกของเธอซึ่งเป็นของขวัญที่เย่าหยางตั้งใจซื้อมาให้ เหม่ยหลินปิดฝากล่องลงพร้อมกับความตกใจของรุ่ยถิง

“อาถิง พี่ใหญ่ซื้ออุปกรณ์การเรียนรู้ให้เหมาะสมกับสิ่งที่เธอจะได้รับแล้ว ทำไมถึงได้เสียมารยาทเอาของที่ผู้ใหญ่ให้มาขอแลกกับคนอื่นแบบนี้ ไม่มีมารยาทเลย”

รุ่ยถิงพึ่งคิดได้ว่าเธอพลาดอีกแล้ว พลาดแบบโง่ ๆ เพราะความละโมบตรงหน้าเมื่อเห็นสร้อยไข่มุกที่เย่าหยางให้กับเหม่ยหลิน เมื่อหันไปมองสายตาที่ผิดหวังของเย่าหยางเธอก็เริ่มรู้สึกผิดและร้องไห้ออกมา

“ฉันก็แค่... เห็นว่าสร้อยนั่นมันสวยและพี่รองเองก็มีสร้อยแบบนั้นตั้งเยอะ ก็เลย....”

“อาถิง…อย่าร้องนะลูก เหม่ยหลินไม่พูดแรงไปหน่อยเหรอน้องก็แค่อยากได้เพราะเริ่มโตเป็นสาวแล้วก็เลยชอบของสวยงามเท่านั้น แค่สร้อยเส้นเดียวก็ให้น้องไม่ได้ แล้งน้ำใจจริง ๆ”

“เป็นเพราะแม่เล็กสั่งสอนอาถิงแบบนี้ยังไงล่ะถึงได้อยากได้ในสิ่งที่ไม่ควรเป็นของตัวเอง อยากได้อะไรก็ต้องได้อย่างนั้นเหรอ ถึงจะเป็นลูกคนเล็กแต่จะเอาแต่ใจแบบนี้ไม่ได้นะนี่ก็เรียนมหาลัยแล้วควรจะโตได้แล้ว ไม่ใช่เห็นอะไรของใครก็อยากได้อยากมีไปหมด คนอื่นมาเห็นเข้าจะบอกว่าที่บ้านไม่สั่งสอน”

“นี่…”

“พอแล้ว อาหยางกลับมาเหนื่อย ๆ เอาของไปเก็บแล้วพักผ่อนสักหน่อยเถอะ อีกเจ็ดวันก็จะถึงงานหมั้นของอาหลินแล้วคงจะต้องขอแรงช่วยงานอีกเยอะเลย”

“ครับพ่อ จริงสิอาหลินขนมนี่อร่อยมาก ๆ เลยไม่หวานมากแล้วยังเข้ากับชามากด้วยพี่ชอบมาก ขอบใจนะ”

“ค่ะ พ่อคะบ่ายนี้พ่อจะไปที่ร้านใช่ไหมคะ”

“อ้อ ใช่ ๆ มีอะไร”

“คือว่า… เบิกลูกคิดอันใหม่มาให้หนูได้ไหมคะ”

ฮือ…”

รุ่ยถิงลุกขึ้นร้องไห้และวิ่งออกไปจากห้องรับแขกท่ามกลางความตกใจของคนทั้งบ้าน แม่ใหญ่อย่างฟางหยงได้แต่ส่ายหน้า หว่านเจินวิ่งตามลูกสาวออกไป พ่อของเธอครั้งนี้ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับสิ่งที่รุ่ยถิงทำหรือแม้แต่เย่าหยางก็ยังแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

หากเป็นก่อนหน้านี้อาการแบบนี้ต้องเป็นเหม่ยหลินที่แสดงออกมาไม่ใช่รุ่ยถิง แต่เมื่อหันมามองเหม่ยหลินที่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเพียงชั่วพริบตา ท่าทางและการพูดไม่ต่างกับผู้มีความรู้และผู้ดี เพราะเธอเพียงแค่ยกชาขึ้นมาจิบเงียบ ๆ เท่านั้น ซึ่งนี่มันแตกต่างจากที่เขาเคยพบ

“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย”

สามวันก่อนงานหมั้น 

บ้านตระกูลลู่ตกแต่งอย่างสวยงามเพราะกำลังจะมีงานใหญ่เกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ทุกคนต่างก็เร่งจัดของให้เข้าที่เข้าทางส่วนว่าที่เจ้าสาวนั้นยังคงง่วนอยู่กับการตรวจบัญชีให้พ่อกับพี่ชายของเธอ ก่อนจะลงมาแช่น้ำอุ่นและขัดผิวตามคำสั่งของแม่ซึ่งพยายามลากเธอออกมาจากโต๊ะบัญชี ตั้งแต่เย่าหยางกลับมาสองพี่น้องก็เอาแต่หัวชนกันและยุ่งกับการตรวจสอบบัญชีในร้านให้คุณพ่อ

“ไปเถอะเดี๋ยวแม่ก็ได้เอ็ดอีกหรอก ยังเหลืออีกนิดเดียวเดี๋ยวพี่ทำเอง”

“วุ่นวายจริง ๆ กับอีแค่งานไม่กี่ชั่วโมง”

“อาหลิน ไม่ใช่ว่าน้องชอบหมอเฉินมากไม่ใช่เหรอ”

“ชอบแล้วมันเกี่ยวกับการหมั้นด้วยเหรอคะ ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยก็เอาปลอกคอมาสวม ไม่คุ้มเลย”

“อะไรนะ”

“ก็การหมั้นกับการแต่งงานนี่น่ะสิคะ มันต่างกับการเอาปลอกคอมาสวมที่ไหนกัน ไม่มีอิสระเลย”

“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ ถ้างั้นพี่ก็เหมือนลูกหมาที่ถูกอาเซียงเอาปลอกคอมาสวมให้งั้นเหรอ”

“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดถึงพี่กับพี่สะใภ้แบบนั้น”

“พี่รู้ แต่พี่แค่รู้สึกแปลกใจว่าทำไมจู่ ๆ น้องถึงไม่อยากหมั้นขึ้นมาล่ะเกิดอะไรขึ้นเหรอ”

“ก็แค่ค้นพบว่านอกจากคุณชายเฉินหน้าตายนั่นแล้วยังมีอย่างอื่นที่สนุกให้ทำมากกว่าน่ะสิคะเลยไม่อยากหมั้น แต่ว่าฉันก็บอกไปแล้วนะคะว่าถ้าไปกันไม่ได้ก็จะขอถอนหมั้น”

“อะไรนะ”

“อาหลิน!! แม่เรียกกี่รอบแล้วต้องให้มาลากตัวด้วยตัวเองเลยเหรอ ไปเลยเร็ว ๆ เข้าเหลือเวลาไม่นานแล้ว”

เหม่ยหลินกลอกตาไปมาให้กับพี่ชายก่อนจะยอมให้แม่ของเธอลากไปขัดตัว เย่าหยางถึงกับยิ้มออกมาเมื่อเห็นความเปลี่ยนไปของน้องสาวคนนี้เพราะเดิมทีเขาเองก็ไม่ชอบที่น้องสาวแสดงท่าทางชอบผู้ชายตระกูลเฉินจนออกนอกหน้าแบบนั้นเหมือนกัน

หนึ่งวันก่อนงานหมั้น 

“ตายจริงขอบตาฉันคล้ำน่าดูเลย”

“ก็คุณหนูไม่ยอมพักผ่อน ดึก ๆ ดื่น ๆ ยังมานั่งคิดบัญชี เช้ามาก็เอาแต่ขลุกอยู่ในครัวนี่คะ”

“พูดมากจริง ๆ อาหงเดี๋ยวนี้ชักจะเหมือนคุณแม่เข้าไปทุกทีแล้ว เอาแต่บ่นเดี๋ยวก็แก่เร็วหรอก”

“แต่พรุ่งนี้งานหมั้นจะเริ่มแล้วนะคะ ชุดก็ส่งมาแล้ว”

“ช่างเถอะ ๆ อยากจะนอนพักสักหน่อยอย่าให้ใครมากวนนะ”

“ค่ะ”

อาหงเดินออกไปจากห้องแล้วเหม่ยหลินจึงเดินไปล็อกประตูก่อนจะเดินกลับมาที่ห้อง เหม่ยหลินที่อ่อนเพลียทิ้งตัวลงนอนไม่นานก็หลับไปเพราะเธอแช่น้ำอยู่นาน คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะมาอยู่ในร่างนี้ได้เกือบสามเดือนแล้วและพรุ่งนี้ก็เป็นวันสำคัญ หากเจ้าของร่างเดิมยังอยู่เธอคงจะดีใจมากแต่ไม่ใช่ลู่เหม่ยหลินคนนี้แน่ 

งานหมั้น

 

แขกของทั้งสองฝ่ายเริ่มทยอยเข้ามาในงานตั้งแต่เช้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นญาติของทั้งสองฝ่ายซึ่งเป็นเหล่าข้าราชการระดับสูงและกลุ่มพ่อค้ารายใหญ่ในเมือง ตอนนี้ลู่เหม่ยหลินเองก็กำลังแต่งตัวอยู่ในห้องเจ้าสาวส่วนพ่อกับแม่ของเธอช่วยกันรับแขกอยู่ข้างล่างเพื่อรอฝั่งเจ้าบ่าวมาที่งาน

“คุณคะ นี่มันกี่โมงแล้วทำไมต้าเว่ยยังมาไม่ถึงอีก”

แม่ของต้าเว่ยหันไปมองนายพลเฉินที่ยืนนิ่งและมองหรี่ตาไปที่ประตูของตระกูลลู่ เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าทำไมลูกชายถึงได้มาช้าทั้ง ๆ ที่บอกกำหนดการอย่างชัดเจนไปแล้ว ตอนนี้แขกในงานเริ่มหันไปมองหาเจ้าบ่าวและเจ้าสาวแล้ว

“คุณคะเอายังไงดีคะ” / แม่ลู่

“ไปพาอาหลินลงมาเถอะ” / พ่อลู่

คนที่แอบยืนหัวเราะอยู่ด้านหลังเป็นสองแม่ลูก หว่านเจินและรุ่ยถิงที่ดีใจเมื่อเห็นว่าคุณชายรองเฉินไม่สนใจงานหมั้นครั้งนี้

“เป็นไปตามอย่างที่แม่คิดจริง ๆ คุณชายรองคนนั้นคงไม่อยากหมั้นกับเหม่ยหลินเป็นแน่”

“แม่คะคุณชายรองเฉินคนนั้นหล่อมากเลยเหรอทำไมพี่รองถึงได้อยากแต่งงานกับเขาจนตัวสั่นขนาดนั้น นี่ถ้าเจ้าบ่าวไม่มาคงน่าเกลียดแย่เลยนะคะ”

เหม่ยหลินนั่งรออยู่นิ่ง ๆ ท่ามกลางเสียงซุบซิบของแขกในงาน พี่ชายของเธอเดินเข้ามาจับมือเธอเอาไว้เมื่อใกล้ถึงเวลาฤกษ์สวมแหวนแต่กลับไร้เงาเจ้าบ่าว

“อาหลิน”

“คะพี่ใหญ่ เขาไม่มาแล้วเหรอคะ”

“คือว่า…”

เหม่ยหลินคิดในใจว่าหากเขาไม่มาในวันนี้เธอก็จะได้เป็นอิสระทันทีโดยไม่ต้องมีคำว่าคู่หมั้นมาผูกมัด ผู้คนเริ่มคุยกันเสียงดังขึ้น พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข

“ได้เสียหน้ากันยกใหญ่แน่ละสิงานนี้” / หว่านเจิน

“คุณแม่คะหนูรู้สึกสะใจยังไงก็ไม่รู้คะ น่าสมเพชนะคะอยากแต่งกับเขาจนต้องยกเงื่อนไขช่วยกองทัพมาผูกมัดสุดท้ายเขาก็….”

รถเจ้าบ่าวมาแล้ว!!”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status