“ฟางหยง” เพียงแค่ยกน้ำชาขึ้นมาจิบตามหลังจากที่เหม่ยหลินพูดตอกกลับสองแม่ลูกกลับไปโดยที่เธอไม่ต้องออกแรง คิดไม่ถึงว่าลูกสาวของเธอจะโตขึ้นมากขนาดนี้ หว่านเจินเหมือนกับถูกน้ำกรดสาดหน้าก็ไม่ปาน แม้แต่รุ่ยถิงก็ยังรู้สึกได้ว่าลู่เหม่ยหลินรับมือได้ยากกว่าเดิม
“ว่าแต่รุ่ยถิงเรียนบัญชีมาไม่ใช่เหรอ ดีดลูกคิดเป็นหรือยัง”
“คือว่า... ก็พอได้ค่ะ”
“แค่พอได้เหรอ แย่จังที่จริงจะอาศัยเครื่องคิดเลขสมัยใหม่มาช่วยคิดน่ะใคร ๆ ก็เรียนได้แต่ศิลปะการดีดลูกคิดลับสมองได้ดีกว่า นี่คงไม่บอกนะว่าสอบผ่านมาได้ด้วยการใช้เครื่องคิดเลขช่วยน่ะ”
“แต่ว่า… อาจารย์ก็ไม่ได้ห้ามให้เอาเข้าไปสอบนี่คะ”
“ไอหยา!! อะไรนะอาถิงนี่ยังดีดลูกคิดไม่เป็นงั้นเหรอ แต่ที่ร้านของเราใช้ดีดลูกคิดตลอด ถึงจะคิดเงินได้เร็วพ่อบอกแล้วไงว่าอย่าไปพึ่งเครื่องมือพวกนี้มากมันเชื่อถือไม่ได้ ไม่ได้เรื่องเลย รีบ ๆ เอาของไปเก็บเถอะไป”
“คุณพ่อคะ...”
“คุณพ่อคะบัญชีที่เอามาให้หนูตรวจเมื่อวันก่อนมีผิดอยู่สองหน้านะคะ พ่อจะเอาไปให้ลุงกวงตรวจก่อนก็ได้ค่ะ ดูเหมือนว่าจะมีเงินเกินอยู่สามหยวนที่หาที่มาไม่ได้ น่าจะคิดเงินลูกค้าเกินหรือไม่ก็ลุงกวงคงลืมลงรายการไว้ค่ะ”
“งั้นเหรอ ๆ ตรวจเสร็จหมดนั่นแล้วเหรออาหลินยอดไปเลย เห็นไหมอาถิง หัดเรียนรู้กับอาหลินบ้างถ้ายังดีดลูกคิดไม่เป็นจะไปทำงานอะไรได้ วันไหนไอ้เครื่องบ้านั่นมันพังชีวิตแกไม่พังไปกับมันด้วยเหรอ”
“เดี๋ยวหนูขึ้นไปเอาสมุดบัญชีมาให้นะคะพ่อ”
“รีบขึ้นไปเถอะจ้ะ เสร็จแล้วก็พักผ่อนเสียหน่อย “ดีดลูกคิดทั้งวัน” คงจะเมื่อยแย่แล้ว เดี๋ยวแม่จะให้คนเอาชากับของว่างไปให้"
“ขอบคุณค่ะคุณแม่”
เหม่ยหลินลุกขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มของแม่และพ่อที่ชื่นชมในตัวเธอ สองแม่ลูกที่ไม่อยู่ที่บ้านเพียงสี่เดือนคิดไม่ถึงเลยว่าลู่เหม่ยหลินจากคนที่ไม่ได้เรื่องจะตอกกลับพวกเธอจนจุกพูดไม่ออกขนาดนี้ อีกทั้งพ่อลู่เองก็แทบจะไม่เห็นหัวทั้งสองคนแม่ลูกอีกเลย
“อ่าว ยังมัวนั่งอะไรอยู่เอาของไปเก็บสิจะวางเกะกะตรงนี้อีกนานไหม นี่คุณเดี๋ยวบ่ายนี้ผมจะไปร้านที่ท่าเรือหน่อยจะไปบอกให้ตากวงหาเงินที่เกินมาว่ามาจากไหน ถ้าไม่ได้อาหลินคงไม่รู้เลยนะเนี่ย”
เหม่ยหลินเดินยิ้มขึ้นไปเพื่อหยิบสมุดบัญชีลงมา สามเดือนที่ผ่านมาเธอรู้ว่าพ่อลู่เป็นพ่อค้าหัวโบราณที่ไม่ค่อยยอมรับเทคโนโลยีสมัยใหม่เท่าไหร่ เหม่ยหลินที่เคยเรียนดีดลูกคิดจากเถ้าแก่ร้านขายยาจีนมาจึงใช้จังหวะนี้ช่วยงานคุณพ่อเพื่อเอาไว้เป็นอาวุธ แต่คิดไม่ถึงว่าจะสามารถใช้มันเป็นอาวุธฟาดกลับคนได้รวดเร็วแบบนี้
วันถัดมา
วันนี้เป็นวันที่พี่ใหญ่ของเธอกลับมาที่บ้าน เมื่อพี่ใหญ่ “ลู่เย่าหยาง” กลับมา ลู่รุ่ยถิงก็รีบวิ่งเข้ามาประจบเขาทันทีเพราะแต่ไหนแต่ไรเธอก็ใช้ความเป็นน้องคนเล็กคอยประจบให้เขาเอ็นดูอยู่เสมอ ผิดกับลู่เหม่ยหลินที่เอาแต่ใจตัวเองจึงทำให้พี่ชายแท้ ๆ อย่างเย่าหยางก็ไม่ค่อยชอบนิสัยของเธอ ดังนั้นเขาจึงสนิทกับรุ่ยถิงมากกว่าน้องในไส้ที่คลานตามกันมา
“กลับมาก็ดีแล้ว หลี่เซียงเป็นยังไงบ้างยังแพ้ท้องอยู่ไหม”
“ดีขึ้นมากแล้วครับ แม่หลี่ส่งคนมาช่วยดูแลที่ร้านตอนนี้ก็เลยมีคนช่วยดูหน้าร้านแทน กลางวันอาเซียงก็ได้พักผ่อน”
“อืม ดีแล้วล่ะ”
“พี่ใหญ่ครั้งนี้หนูสอบได้คะแนนดีจะให้อะไรคะ”
“ขี้อ้อนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน พี่ซื้อนี่มาฝาก”
เขายกกระดานลูกคิดออกมาให้เธอพร้อมกับอุปกรณ์การเรียนชุดใหญ่ซึ่งลู่รุ่ยถิงที่พึ่งมีเรื่องเฉียด ๆ กับเหม่ยหลินเมื่อเห็นก็เกิดอาการจุกขึ้นมาทันทีจนสีหน้าของสองแม่ลูกเจื่อนไป
“ทำไมล่ะ ไม่ชอบเหรออาถิงเรียนบัญชีการฝึกดีดลูกคิดสำคัญมากนะควรจะหัดเอาไว้ให้คล่องจะดีกว่า”
“หึ น้องแกถนัดใช้ไอ้เครื่องกด ๆ นั่นมากกว่า วิธีโบราณแบบนี้หล่อนไม่สนหรอกซื้อมาให้ผิดคนแล้วล่ะ”
“อะไรนะครับ แต่…”
“เอ่อ อาถิงรีบขอบคุณพี่ใหญ่สิเร็ว ๆ เข้า”
หว่านเจินรีบสะกิดให้รุ่ยถิงขอบคุณพี่ใหญ่ที่เริ่มทำสีหน้าไม่ค่อยดีเพราะเห็นว่าเธอรู้สึกไม่ดีซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าที่บ้านเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ไม่นานก็ได้คำตอบเพราะน้องสาวอีกคนที่ไม่ได้พบมากว่าครึ่งปีเดินลงมาพร้อมกับสมุดบัญชีสามเล่มของร้านที่ท่าเรือ
“อาหลินเร็ว ๆ เข้าพี่ใหญ่กลับมาแล้วแม่ให้อาหงไปเรียกตั้งนานทำไมพึ่งจะลงมาล่ะ”
เหม่ยหลินที่ใบหน้าแจ่มใสกว่าเดิมเพราะเธอไม่แต่งหน้าและแต่งตัวเรียบง่ายเวลาอยู่บ้านทำให้พี่ชายอย่างเย่าหยางไม่คุ้นเคย เพราะน้องสาวคนรองของเขามักจะชอบของสวยงามอย่างเครื่องประดับและสินค้าราคาแพงแต่นี่เธอดูไม่ต่างกับนักศึกษาอย่างรุ่ยถิงเลยไม่ใช่เหรอ
“สวัสดีค่ะพี่ใหญ่มาถึงนานแล้วเหรอคะ อาหง รีบไปเอาชาพุทราจีนเก๋ากี้มาให้พี่ใหญ่ดื่มหน่อยสิ เอาขนมงาดำที่ทำไว้มาด้วยนะ”
“ค่ะคุณหนู”
เย่าหยางถึงกับถลึงตามองน้องสาวคนรองเหมือนกับไม่เคยเห็นมาก่อน เธอจัดแจงสั่งสาวใช้ด้วยเสียงที่ไม่ตะคอกและยังเป็นกันเองและกำลังยื่นสมุดบัญชีคืนให้กับพ่อของเธอต่อหน้ารุ่ยถิงกับหว่านเจิน
“พ่อคะ บัญชีที่ลงรายการผิดหนูใช้กระดาษสี ๆ กั้นเอาไว้ให้ บอกให้ลุงกวงตรวจสอบละเอียดหน่อยนะคะ เงินไม่หายแต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าลุงกวงจะลงจำนวนสลับกันค่ะ”
“เอาอีกแล้ว นี่ถ้าไม่ตรวจก็พลาดทุกทีสิน่า”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ บัญชีเยอะขนาดนั้นก็ต้องมีบ้างแหละค่ะที่พลาด”
“อาหลิน นี่น้องคิดบัญชีเป็นด้วยเหรอ”
“เป็นสิปัดโธ่!! อย่ามาดูถูกน้องแกเชียว บัญชีของพ่อตอนนี้ก็ได้อาหลินนี่แหละที่ช่วยตรวจให้ ตากวงนี่เอ่ยปากชมไม่หยุดเลยว่าอาหลินตรวจสอบละเอียดแม้แต่ส่วนเล็กส่วนน้อยก็ไม่พลาดอีกทั้งยังแจ้งให้ตากวงแก้ไขได้ถูกจุดและทำงานง่ายขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย”
“แล้วทำไมถึงลงมาช้านักละพี่ใหญ่มาตั้งนานแล้ว แม่ให้อาหงไปตามตั้งนานแล้ว”
“คือว่าลูกคิดที่คุณพ่อให้มันมีเสี้ยนหลุดออกมาก็เลยทำให้คิดช้าไปหน่อยน่ะค่ะ”
สิ่งที่ลู่เย่าหยางได้ยินแทบจะทำให้เขาหันไปมองน้องสาวตัวเองอีกครั้ง ทั้งน้ำเสียงท่าทางการพูดและสิ่งที่เธอทำครั้งนี้ทำให้เขาถึงกับแปลกใจว่านี่คือลู่เหม่ยหลิน น้องสาวของเขาจริง ๆ หรือ อีกอย่าง คนอย่างเหม่ยหลินกับลูกคิดเนี่ยนะ ฟังดูแล้วไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันได้เลยด้วยซ้ำ แต่ว่า....
“อาหลิน เธอบอกว่าดีดลูกคิดเพื่อตรวจบัญชีให้คุณพ่อเหรอ”
“ค่ะพี่ใหญ่ อาหงยกมานี่เถอะเดี๋ยวฉันทำเอง”
เธอไม่ได้พูดอะไรต่อแต่รินน้ำชาที่ลอยพุทราจีนกับเก๋ากี้ส่งให้พี่ชายดื่ม เมื่อเขาจิบคำแรกก็เริ่มรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที คิดไม่ถึงว่าเวลาผ่านไปน้องสาวของเขาจะเติบโตจนเปลี่ยนไปขนาดนี้
“อาหลิน ชานี่…”
“พี่ใหญ่ลองบีบมะนาวลงไปหน่อยไหมคะ พึ่งลงจากเรือมากอาจจะยังเวียนหัวอยู่จะได้สดชื่นขึ้น ถ้ากลัวเปรี้ยวก็ใส่น้ำผึ้งลงไปหน่อย”
“ชานี่อร่อยมากเลย นี่ถ้าอาเซียงได้ดื่มคงจะชอบน่าดู”
“พี่สะใภ้เป็นยังไงบ้างคะท้องอ่อน ๆ แบบนั้นต้องห้ามเดินเร็ว ๆ และยกของหนัก ห้ามโดนลมและแช่น้ำอุ่นนาน ต้องพักผ่อนมาก ๆ นะคะ”
เย่าหยางถึงกับหันมามองน้องสาวคนรองด้วยความสนใจ รุ่ยถิงและหว่านเจินไม่เคยรู้สึกเหมือนเป็นคนนอกเท่าครั้งนี้มาก่อนเพราะอย่างน้อยเย่าหยางจะให้ความสำคัญกับรุ่ยถิงที่เป็นน้องคนเล็กมาตลอด แต่นี่เขาแทบจะไม่มองมาที่ทั้งคู่เลยแต่หันไปถามเหม่ยหลินด้วยความอยากรู้
“ยาต้มบำรุงครรภ์ที่คุณแม่ส่งไปให้ครั้งก่อน…”
“ใช่จ้ะ อาหลินเป็นคนไปซื้อมาให้บอกว่าเป็นตำรับยาโบราณแก้อาการวิงเวียนหน้ามืด ลดอาการแพ้ท้องและทำให้หลับสนิท มันดีสำหรับคนท้องแม่ก็เลยให้อาหลินไปซื้อมาและส่งไปให้ลูกน่ะ”
“น้องรู้เรื่องยาจีนพวกนี้ด้วยเหรอ”“คือว่าตอนเรียนมหาลัยมีอาจารย์มาสอนก็ครูพักลักจำมานิดหน่อยค่ะ”“คิดไม่ถึงว่าจะรู้มากถึงขนาดซื้อตำรับยาได้แต่ว่ายานั่นก็ทำให้อาเซียงลดอาการแพ้ท้องลงไปได้จริง ๆ นะครับคุณแม่ อาเซียงยังบอกว่าดื่มยาทุกคืนก่อนนอนแล้วเหมือนหลับสนิทไปเลยตื่นเช้ามาก็สดชื่นไม่น่าเชื่อว่าจะมาจากอาหลิน”“ลองชิมขนมสิ น้องทำเองเลยนะเอาไว้รอต้อนรับลูกกลับบ้าน”รุ่ยถิงนั่งนิ่งราวกับเป็นอากาศ หว่านเจินเองก็ไม่ต่างกันเมื่อทุกคนหันความสนใจไปที่ขนมและชารสเลิศที่ลู่เหม่ยหลินเป็นคนสรรหามาให้“จริงสิ พี่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้อาหลินจะชอบอะไร พี่ก็เลยซื้อสร้อยมุกมาให้”“โอ้โหพี่รองได้สร้อยมุกเลยเหรอคะ”รุ่งอิงเผลอตัวพูดออกไปด้วยความน้อยใจซึ่งสำหรับเธอแล้วสร้อยมุกนั่นมันสวยมากและน่าจะดีกว่าลูกคิดที่เธอได้รับ“พี่รองคะ เมื่อกี้พี่บอกว่าลูกคิดของพี่เริ่มพังแล้ว ถ้าอย่างนั้นพี่เอาสร้อยมุกนั่นมาแลกกับลูกคิดอันนี้ของฉันดีไหมคะ”เหม่ยหลินหันมาที่พี่ใหญ่ก่อนที่จะหันไปที่สายตาละโมบของรุ่ยถิงที่กำลังมองกล่องไข่มุกของเธอซึ่งเป็นของขวัญที่เย่าหยางตั้งใจซื้อมาให้ เหม่ยหลินปิดฝากล่องลงพร้อมกับความตกใจของรุ่ยถ
เจ้าสาวในชุดกี่เพ้าเต็มรูปแบบพิธีการสีแดงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับแขกในงานที่รีบหันไปดูก่อนที่เฉินหยวนลี่จะเดินมาเปิดประตูให้กับเจ้าบ่าวลงมาจากรถทันทีที่หมอเฉินในชุดสูทสีดำเนคไทแดงติดเข็มกลัดเจ้าบ่าวกางเกงสีดำเดินลงมาก็สะกดทุกสายตาให้หันไปมองโดยเฉพาะ “ลู่รุ่ยถิง” ที่ตกตะลึงกับความหล่อของว่าที่พี่เขยในทันที“แม่… นั่นคือ”“หมอเฉินยังไงล่ะ เฉินต้าเว่ยคุณชายรองตระกูลเฉิน”“เขาหล่อจังเลย ที่จริงแล้วหนูก็แต่งกับเขาได้ใช่ไหมคะถ้าพี่รองยอมเพราะตามธรรมเนียมแล้วผู้ชายมีเมียหลายคนได้ไม่ใช่เรื่องแปลก”“จะบ้าเหรอคิดอะไรแบบนั้น”“ก็…. หนูว่าเขาดูดีออกนี่คะอีกอย่างเขาเป็นถึงคุณหมอและตระกูลเฉินก็ยังเป็นตระกูลทหารที่เก่าแก่มีชื่อเสียง”“อยากเป็นเมียน้อยเหมือนแม่เหรอ แกเลิกคิดเรื่องบ้า ๆ นี้ไปได้เลยแม่ไม่มีทางยอมให้แกเป็นเบี้ยล่างนังลูกเมียใหญ่นั่นอีกหรอก”แต่ลู่รุ่ยถิงกลับไม่ได้คิดแบบนั้น เธอไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนที่น่ามองและมีเสน่ห์เท่ากับเฉินต้าเว่ยมาก่อนเลย เขาทั้งดูดี หล่อและดูเป็นผู้ใหญ่ เมื่อหยวนลี่ยื่นช่อดอกไม้ให้เฉินต้าเว่ยก็เดินเข้าไปข้างในตรงที่โต๊ะพิธีหมั้นที่มีเจ้าสาวของเขานั่งอยู่วัน
รุ่ยถิงหน้าชาเหมือนกับถูกลากมาตบจนไม่มีความรู้สึก เธอแทบจะควบคุมสติไม่อยู่เมื่อนายพลเฉินและภรรยาเดินไปขึ้นรถโดยมีเหม่ยหลินและพ่อกับแม่เดินไปส่ง พี่ใหญ่เย่าหยางหันมามองเธอด้วยสายตาที่เคยใช้กับเหม่ยหลินมาก่อน สายตาของความโมโหและสมเพช“พี่คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะทำตัวแบบนี้ในวันสำคัญ อาถิงเธอโตแล้วนะการที่จะพูดอะไรควรจะคิดให้มากกว่านี้ แม่เล็กครับถ้าครั้งหน้ายังมีเหตุการณ์แบบนี้อีกระวังนะครับว่าพวกคุณจะไม่ได้อะไรจากตระกูลลู่เลยแม้แต่อย่างเดียว”“พี่ใหญ่ลำเอียง พี่ใหญ่เข้าข้างแต่พี่รอง”เขาได้ยินคำแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แต่ครั้งนี้แค่เปลี่ยนจากเหม่ยหลินกลายเป็นรุ่ยถิงแทน“อาถิงลองกลับเอาไปคิดดูว่าสิ่งที่คุณพ่อลงโทษไป สิ่งที่พี่พูดผิดหรือเปล่า อีกอย่างคุณนายเฉินก็เป็นคนพูดออกมาแล้วเรื่องนี้ยังขายหน้าไม่พออีกเหรอ แม่เล็กพาเธอกลับไปสงบสติอารมณ์เถอะครับ เรื่องการลงโทษคุณพ่อคงจะสั่งไปทีหลังช่วงนี้ก็งดมาที่ตึกใหญ่สักพักเถอะครับ”“อาหยาง คือว่าน้องยังเด็กอย่าถือสาแกเลย”“เธออายุยี่สิบสองแล้วนะครับ เรียนเกือบจะจบมหาลัยถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถ้าแม่เล็กยังเอาแต่เหตุผลนี้มาอ้างผมว่าคนที่จะเดือดร้อนใ
เฉินต้าเว่ยเดินมาพร้อมกับแฟ้มในมือและใบหน้าที่ค่อนข้างบูดบึ้งนิดหน่อยเมื่อเดินเข้ามาหาเธอและโจเซฟที่กำลังจะเดินไปที่โต๊ะของเจ้าหน้าที่“คุณหมอเฉิน เอ่อ…. พี่ต้าเว่ย”“ต้าเว่ย คุณคือคุณหมอเฉินต้าเว่ย ผมโจเซฟหมอคนใหม่ที่จะมารายงานตัว”ต้าเว่ยหันมามองที่ฝรั่งตัวโตข้าง ๆ เธอ ที่ยื่นมือมาจับมือกับเขาก่อนจะถามไถ่อีกฝ่ายด้วยความดีใจด้วยภาษาอังกฤษเช่นกัน“คุณโจเซฟ ยินดีมากครับผมคิดว่าคุณจะมาถึงอีกสองวันข้างหน้าเสียอีก ไม่คิดว่าจะมาถึงก่อนกำหนด”“โอ้ว ผมคิดพิเรนทร์นิดหน่อยน่ะสิก็เลยเดินเล่นมาเรื่อย ๆ จนหลงทาง โชคดีที่เจอไมลี่ย์ระหว่างทางเธอเลยอาสามาส่งเธอน่ารักมาก ๆ ว่าแต่พวกคุณรู้จักกันมาก่อนเหรอครับ”“คือว่าตอนนี้คุณก็ได้พบกับคุณหมอแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะหมอโจว”“โอ้ ขอบใจมากไมลี่ย์”โจเซฟไม่รั้งรอเขายื่นมือออกไปให้เธอจับ เหม่ยหลินจับมือเขาก่อนที่จะหันไปมองต้าเว่ยที่มองเธอด้วยความตกใจเพราะเขาไม่คิดว่าเธอจะพูดภาษาอังกฤษได้คล่องถึงขนาดนี้“คือว่าออกมานานแล้ว ตอนนี้ทิ้งอาหงไว้ถ้าอย่างนั้น…”“คุณรอผมอยู่นี่เดี๋ยวผมมา นั่งรอตรงนั้นอย่าไปไหนเดี๋ยวผมจะเดินไปส่ง”“แต่ว่าฉันมากับอาหง”“ผมบอ
วันถัดมา “พอแล้วอาหง อันนี้ไม่เอาเยอะเกินไป อันนี้ก็ใหญ่ไป สวมสร้อยคอเล็ก ๆ ก็พอนี่มันงานเลี้ยงในบ้านนะ”“แต่ว่าคุณนายบอกว่าให้คุณหนูสวมเครื่องเพชรชุดนี้นะคะจะได้ไม่น้อยหน้าคนอื่น”“แค่ชุดขนเฟลอร์นี่ก็หนักจะตายอยู่แล้วอย่าเอาอะไรมาสวมให้มากเลย เอาต่างหูคู่เก่ามา”“แต่ชุดนี้เคยใส่ไปแล้วนะคะ”“ใส่แล้วก็ใส่ได้อีกทำไมล่ะ มันเบาที่สุดแล้ว”ไม่นานเสียงแตรรถยนต์ก็ดังขึ้นมาจากหน้าบ้าน รถของเฉินต้าเว่ยค่อย ๆ ขับเข้ามาในบ้านเพื่อมารับเธอตามเวลานัด ที่จริงต้องบอกว่าวันนี้เขามาถึงก่อนเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง“ตานี่ก็รีบเกินไปแล้วนี่มันยังไม่ถึงเวลาสักหน่อย เร็ว ๆ เข้าอาหงกระเป๋าฉันล่ะ กล่องนั่นด้วยอย่าลืมยกไป”“ได้ค่ะ ๆ”เหม่ยหลินส่องกระจกตรวจดูความเรียบร้อยก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป อาหงเดินไปเปิดประตูและเดินตามเธอลงไป หมอเฉินนั่งรออยู่ที่โซฟาชั้นล่างเมื่อเธอเดินลงมาเขาก็เหมือนตกอยู่ในภวังค์อีกครั้ง ดูเหมือนว่าคู่หมั้นของเขาจะสวยขึ้นในทุก ๆ ครั้งที่พบเธอ หรืออาจจะเป็นเพราะท่าทางที่นิ่งและดูสง่างามผิดกับเมื่อก่อนละมั้ง เธอเองก็มองมาที่เขาแล้วรู้สึกวูบวาบขึ้นมาที่หัวใจเหมือนกัน คุณหมอในชุดสูทสีดำเรี
เฉินต้าเว่ยหันมามองคุณย่าของเขา แม้ว่าจะเป็นหลานชายแต่เมื่อถูกเขามองเช่นนี้คุณย่าโจก็แอบหลบตาไปเหมือนกัน“จริงสิซีอิ๋งมาพอดีเลย ย่ากำลังจะดูของขวัญที่ตระกูลลู่นำมาให้หนูมานั่งใกล้ ๆ ย่าก่อนสิ ทักทายพี่เขาหน่อย”“หลิวซีอิ๋ง” หันมายิ้มให้กับเฉินต้าเว่ยและทักทายทันทีแม้ว่าเธอจะแอบเห็นว่าเขาจับมือกับลู่เหม่ยหลินอยู่ก็ตาม“สวัสดีค่ะพี่เว่ย ขอโทษทีนะคะที่ซีอิ๋งมาช้าพอดีว่าพึ่งจะกลับมาจากมหาลัยแต่คิดถึงคุณย่ามากไปหน่อยก็เลยเผลอเสียมารยาทไป สวัสดีค่ะคุณคือ….”“สวัสดีค่ะลู่เหม่ยหลินค่ะ”“สวัสดีค่ะคุณลู่ คุณย่าคะวันนี้ซีอิ๋งนำของขวัญมาให้คุณย่าด้วยเปิดได้เลยนะคะ”“โอ้ว แค่มาก็ดีแล้วยังจะลำบากหาของขวัญมาเอาใจคนแก่อีกเด็กคนนี้นี่ ไหน ๆ เอามา ๆ”“คุณย่าเปิดเลยนะคะ”“อะไรนะ จะดีเหรอให้เปิดเลยเหรอ”“เปิดเลยสิคะซีอิ๋งอยากให้คุณย่าดีใจค่ะ ซีอิ๋งตั้งใจเลือกมาด้วยตัวเองเลยนะคะ”“ได้สิ มา ๆ เปิดเลยก็แล้วกัน”ทุกคนต่างก็ลุ้นว่าสิ่งที่เธอนำมาเป็นของขวัญให้กับคุณย่าโจคืออะไรเมื่อเปิดออกมาก็พบว่ามันคือผ้าคลุมขนมิ้งค์ที่หายากและมีราคาค่อนข้างสูงแต่เรื่องความสวยงามแล้วไม่มีใครจะปฏิเสธได้จริง ๆ สิ่งนี้เรียกเสีย
คนในงานเริ่มหันมามองหน้าหลิวซีอิ๋งที่นั่งทำหน้าตกใจและนิ่งงันไปเพราะเธอไม่เคยคิดว่าคนอย่างต้าเว่ยจะกล้าดุเธอต่อหน้าแขกในงานเลี้ยงแบบนี้ และไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเมื่อเธอหันไปมองที่คุณย่าซึ่งตอนนี้เอาแต่สนใจเพียงกล่องของขวัญของเหม่ยหลินก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเสียหน้ามากกว่าเดิม“พี่เว่ย… หมายความว่ายังไงคะที่ของขวัญของน้องที่มอบให้คุณย่าจะเป็นอันตราย”“คุณบอกว่าคุณเป็นห่วงคุณย่าแต่กลับมอบผ้าคลุมขนสัตว์มาให้ คุณไม่รู้เหรอว่าคุณย่าเป็นโรคภูมิแพ้ขนสัตว์ทุกประเภท แค่ได้กลิ่นหรือจับก็จะจามไม่หยุดจนอาจจะทำให้อาการกำเริบจนหัวใจวายได้”หลิวซีอิ๋งเบิกตากว้างเพราะตกใจเมื่อต้าเว่ยพูดจบ คนในงานเริ่มกระซิบกระซาบอีกครั้ง นายพลเฉินและแม่เฉินรีบเดินเข้ามาจับแขนลูกชายเอาไว้เพื่อให้เขาสงบอารมณ์ ส่วนย่าโจตอนนี้เอาแต่ดมยาดมที่เหม่ยหลินให้เพื่อบรรเทาอาการวิงเวียนเมื่อได้กลิ่นเสื้อคลุม แต่ที่ย่าโจไม่พูดออกมาเพราะไม่อยากให้ตระกูลหลิวและซีอิ๋งเสียหน้า“คือว่า… ซีอิ๋งคิดว่า…มันเหมาะกับคุณย่า”“ปากคุณบอกว่าเป็นห่วงคุณย่า คิดถึงจนทนไม่ไหวเดินพรวดพราดเข้ามาโดยไม่มีมารยาทและมอบสิ่งที่คุณย่าแพ้อย่างเสื้อขนสัตว์นี้มาให้
“พี่เว่ย…”ต้าเว่ยเดินเข้าไปข้างในแล้วโดยไม่ได้รอ เขารู้สึกหงุดหงิดกับซีอิ๋งมาสองสามครั้งแล้วในคืนนี้โดยเฉพาะตอนที่เธอพยายามหักหน้าคู่หมั้นเขาต่อหน้าคุณย่าและแขกในงานเลี้ยง“คุณย่าครับ”“อ้าวต้าเว่ยมาแล้วเหรอ แล้วซีอิ๋งล่ะ”“คุณย่ามีอะไรเหรอครับทำไมให้คนไปเรียกผมมา”“คือว่าย่าน่ะไม่อยากให้เราโกรธซีอิ๋งมาก เธอยังเด็กก็เลยไม่รู้ว่าชุดนั่นจะทำให้ย่าแพ้ อย่าไปถือสาน้องเลยนะ”“ที่คุณย่าเรียกผมมาเพราะเรื่องนี้เหรอครับ”“ก็ใช่ ย่ารู้ว่าหลานหมั้นหมายกับเหม่ยหลินไปแล้วแต่หลานก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าผู้ชายก็สามารถมีภรรยาหลายคน…”“คุณย่าครับ ตอนนี้ผมไม่อยากคุยเรื่องนี้”“ต้าเว่ย ย่าก็แค่อยากจะพูดแค่นี้ทำไมต้องโกรธด้วยล่ะ”“ถ้าวันนี้คนที่มอบชุดขนสัตว์ให้คุณย่าเป็นลู่เหม่ยหลิน คุณย่าจะรู้สึกยังไงครับ”“ย่า….”“คุณย่าคงโกรธจนอยากจะไล่เธอออกจากงานเลี้ยงเลยสินะครับ แต่เพราะวันนี้คนที่ให้เป็นหลิวซีอิ๋ง คุณย่าเลยไม่โกรธและพยายามกดอาการจามของตัวเองเอาไว้ สุดท้ายก็ได้ยาดมที่เหม่ยหลินเอามาให้ช่วยแก้สถานการณ์”“ต้าเว่ยคือว่าย่าไม่ได้...” “ถามว่าทำไมผมต้องโกรธนั่นเพาะผมเป็นหมอและรู้ดีว่าอาการของคุณย่าเป็นยังไง จ